(((เปิดตำนานเรื่องราวหลวงปู่พิบูลย์วัดพระแท่น(บ้านแดง)จ.อุดรธานี)))

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย namayti, 29 ตุลาคม 2013.

  1. spiderza007

    spiderza007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2012
    โพสต์:
    490
    ค่าพลัง:
    +729
    กราบ หลวงปู่พิบูลย์ หลวงปู่โชติ ครับ

    มีประวัติต่อไหมครับท่าน
     
  2. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    มีครับท่าน...โปรดติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ...ขอบพระคุณครับที่สนใจและให้กำลังแวะเข้ามาเยี่ยมกัน...ภาควัตถุมงคลของท่านก็จะนำมาลงให้ชมเช่นกันครับ....ขอบพระคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2013
  3. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ (ตอนที่ 9)
    หลวงปู่โชติออกธุดงค์
    จนกระทั่งสมัยหนึ่งมีความปรารถนาจะแสวงหาโมกธรรมและเดินธุดงค์ จึงได้ไปกราบลาขออนุญาตหลวงปู่พิบูลย์โดยบอกว่าจะไปรุกขมูลทางทิศบูรพาของประเทศไทย หลวงปู่โชติพร้อมด้วยเพื่อนนักธรรมอีกรูปหนึ่งได้ข้ามไปยังประเทศลาว และได้ไปปฏิบัติธรรมที่ผากาดผากูด เมืองมหาชัย ประเทศลาว จุดมุ่งหมายเพื่อจะไปปฏิบัติธรรมกับ"ญาคูสายบัว"(อาจารย์สายบัว) ผู้สำเร็จธรรมอยู่ถ้ำเขากวาง ช่วงระยะเวลาที่หลวงปู่โชติออกจากบ้านแดงเป็นวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ไปถึงเขากวางเมื่อวันเพ็ญ เดือน 3 รวมระยะเวลาเดินทาง 12 วัน ในช่วงปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นหลวงปู่ได้อาพาธ เป็นไข้ชาวบ้านโพนแก้ว ได้นำยามาถวาย อาพาธอยู่ถึง 6 เดือน จึงหายเป็นปกติ ต่อมาหลวงปู่ก็เดินรุกขมูลต่อไปยังบ้านซอก จะมุ่งหน้าไปด่านโมคคัลลา แต่มีเหตุขัดข้องจึงได้ย้อนกลับไปที่ผากาดผากูด ตอนที่หลวงปู่ไปที่นั่นมีพระเดินทางไปด้วยรวมกันเพียง 2 รูปแต่ชาวบ้านเห็นมี 3 รูป ชาวบ้านถามหลวงปู่ๆก็บอกว่า "มีแค่ 2 รูปเท่านั้น" ชาวบ้านบอกว่ารูปที่ 3 เดินนำหน้าเป็นพระผู้เฒ่ามีไม้เท้าในมือ พร้อมกับบอกลักษณะรูปร่าง หลวงปู่โชติจึงสำนึกได้ว่าหลวงปู่พิบูลย์ได้มาคุ้มครองดูแล และนิมิตสอนธรรมให้ไม่ว่าหลวงปู่โชติจะไปอยู่ถ้ำไหน พอหลับตาก็จะนิมิตเห็นหลวงปู่พิบูลย์ให้คำแนะนำสั่งสอนอยู่ตลอด
    หลังจากนั้นหลายปีต่อมาได้ทราบข่าวว่าญาคูสายบัวไปที่บ้านแดง เพื่อจะมากราบหลวงปู่พิบูลย์ พอหลวงปู่โชติได้ทราบข่าว ก็ได้ย้อนกลับมาฝั่งไทยมุ่งหน้าสู่บ้านแดง พอมาถึงก็ได้พบกับญาคูสายบัว การเป็นอยู่ของวัดในสมัยนั้นยุ่งยากมาก เพราะทางราชการไม่เข้าใจในแนวทางการปฏิบัติ และการพัฒนาของหลวงปู่พิบูลย์ จนเป็นเหตุให้หลวงปู่พิบูลย์ได้ถูกจับถึงสองครั้งสองคราว หลวงปู่โชติผู้เป็นศิษย์ก็กลัวเหตุการณ์นั้น บางครั้งจึงไปจำพรรษาอยู่ในป่าบ้าง อยู่ที่วัดอื่นบ้าง บางครั้งก็ไปจำพรรษาอยู่ทามห้วยหลวง (ทาม คือ ป่าที่เป็นที่ลุ่มของลำน้ำห้วยหลวง) ต่อมาได้อุปัฏฐากหลวงปู่พิบูลย์ที่วัดโพธิสมภรณ์ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านแดงและอุดรธานีตลอด หลวงปู่โชติได้รับคำสั่งจากหลวงปู่พิบูลย์ให้มาพัฒนาวัดที่บ้านแดง
    หลวงปู่โชตินำหลวงปู่พิบูลย์กลับบ้านแดง
    ต่อมา ได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่พิบูลย์ได้อาพาธหนัก จึงได้ย้อนกลับไปที่วัดโพธิสมภรณ์เพื่อุปัฎฐากดูแลในฐานะลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด จนกระทั่งหลวงปู่พิบูลย์ได้มรณภาพ หลวงปู่โชติพร้อมด้วยข้าราชการ ราษฎรบ้านแดง และบ้านอื่นๆ ที่มีความเคารพหลวงปู่พิบูลย์ได้จัดงานศพ สุดท้ายก็ได้เก็บศพหลวงปู่พิบูลย์ไว้ที่วัดโพธิสมภรณ์ หลวงปู่โชติก็ย้อนกลับมาอยู่ที่วัดบ้านแดง ได้นำชาวบ้านพัฒนาวัด และบ้านตามคำสั่งของหลวงปู่พิบูลย์ที่ได้สั่งไว้ก่อนมรณภาพว่า"ให้โชติพาชาวบ้านเฮ็ดเด้อ" หลวงปู่บอกอีว่า"ผ้าเหลืองแต่งครองบ้านครองเมือง" ส่วนใตที่พัฒนายังไม่แล้วเสร็จดี หลวงปู่โชติก็ได้พาชาวบ้านพัฒนาขึ้นมา และบูรณะสิ่งที่ได้ทำมาแล้วที่ชำรุดทรุดโทรม ต่อมาหลวงปู่โชติได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านแดง เพื่อจะไปนำศพหลวงปู่พิบูลย์กลับมายังบ้านแดง จึงได้ไปติดต่อและประสานงานกับทางวัดโพธิสมภรณ์ ก็มีปัญหาจึงได้อาศัยเจ้านายข้าราชการผู้ที่ให้ความเคารพหลวงปู่พิบูลย์ช่วยกันวิ่งเต้นให้ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ตกลงได้นำศพของหลวงปู่พิบูลย์มาไว้ที่บ้านแดง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04746.JPG
      DSC04746.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.4 KB
      เปิดดู:
      1,300
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2013
  4. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ (ตอนที่ 10)
    ต่อมาหลังจากนั้น 2-3 ปีหลวงปู่โชติก็ได้เดินทางไปที่ประเทศลาวอีกครั้งหนึ่ง ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเมืองวา นครเวียงจันทร์ อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 9 ปี เมื่อ พ.ศ.2500 ทางบ้านแดงเกิดความไม่สงบ ราษฎรจึงพร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้านผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านแดงได้ไปนิมนต์หลวงปู่โชติกลับคืนมาที่บ้านแดง เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นที่บ้านแดง เมื่อหลวงปู่โชติ กลับมาทำพิธ๊ขจัดภูตผีปีศาจเหล่านั้นให้สงบลงได้ด้วยดี ชาวบ้านจึงอยู่เย็นเป็นสุข พอชาวบ้านอื่นทั้งใกล้และไกลได้ยินข่าวว่าหลวงปู่โชติกลับมาอยู่ที่บ้านแดง ก็พากันหลั่งไหลเข้ามากราบขอพร ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผีเข้าเจ้าทรงต่างๆก็ได้มารักษาอยู่กับหลวงปู่โชติเหมือนกับสมัยที่หลวงปู่พิบูลย์มีชีวิตอยู่
    ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2508 หลวงปู่โชติได้เป็นประธานในการบูรณะวิหารหลังเก่าครอบแท่นพระแท่น และเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่พิบูลย์ โดยให้สร้างศาลาแบบจตุรมุขเสร็จแล้วได้สร้างศาลาการเปรียญหลังปัจจุบัน และทำพิธีฉลองเมื่อปี พ.ศ.2514 ในปีเดียวกันหลวงปู่โชติได้พูดกับคณะสงฆ์และญาติโยมว่า รอยพระพุทธบาทอยู่ที่ตำบลเตาไห อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่สำคัญควรจะได้ได้รับการบูรณะและสร้างเป็นวัด หลวงปู่จึงได้ออกเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่รอยพระพุทธบาท และทำการสร้างหอแบบจตุรมุขครอบรอยพระพุทธบาท พอเสร็จแล้วได้สร้างพระอุโบสถต่อ เมื่อสร้างอุโบสถเสร็จแล้วก็เห็นว่าสถานที่บำเพ็ญประโยชน์ของญาติโยมและพระสงฆ์ยังไม่สมบูรณ์ หลวงปู่จึงได้ริเริ่มสร้างศาลาการเปรียญ ตลอดจนฝายกันน้ำ ตัดถนนรอบวัดและล้อมรั้ว มีกุฏิวิหารหลายหลังจนเป็นถาวรวัตถุไว้ที่นั่นเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าช่วงเวลาที่หลวงปู่ได้ไปจำพรรษา และได้สร้างวัดอยู่ที่วัดนฤนาทรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ประชาชนต่างก็หลั่งไหลไปร่วมทำบุญเป็นจำนวนมากแต่ละวันไม่ขาดสาย และหลวงปู่ได้สร้างถนนจากแยกอุดรธานี-สุมเส้า-บ้านดุง เข้าไปวัดนฤนาทรอยพระพุทธบาท เมื่อหลวงปู่อยู่ที่นั่นได้หลายปีจนถึง พ.ศ.2531 เกิดอาเพศมีสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม โจรผู้ร้ายชุกชุมออกอาละวาด ทำให้ชาวบ้านและทางวัดเดือดร้อน เมื่อชาวบ้านแดงเห็นว่าสิ่งไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับหลวงปู่ ถ้าจะปล่อยให้หลวงปู่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปคงจะไม่ปลอดภัย ชาวบ้านแดงจึงได้พร้อมใจกันไปปรึกษาหารือกับชาวบ้านเตาไห และเจ้าคณะอำเภอเพ็ญเพื่อจะขอนิมนต์หลวงปู่กลับบ้านแดง
    แต่ชาวบ้านเตาไหก็ไม่อยากจะให้หลวงปู่กลับมา เพราะจะขาดผู้นำทางวัดและชาวบ้านก็ยังเคารพนับถือหลวงปู่อยู่ สุดท้ายก็ตกลงกันได้ ชาวบ้านแดงก็ได้นิมนต์หลวงปู่มาอยู่ที่บ้านแดงในปี พ.ศ.2531 ทางวัดและชาวบ้านแดงได้พิจารณาเห็นว่า ถ้าจะให้หลวงปู่อยู่ร่วมกับพระภิกษุ สามเณร ภายในวัดด้านในนี้จะเป็นการไม่สะดวก และไม่เหมาะสมสำหรับหลวงปู่เพราะหลวงปู่ชอบความสงบ สันโดษ จึงพร้อมใจกันสร้างกุฏิอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดพระแท่น เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงนิมนต์หลวงปู่ไปอยู่ที่นั่น ชาวบ้านใกล้บ้านไกลต่างก็ทราบข่าวจึงได้หลั่งไหลมานมัสการเหมือนสมัยที่อยู่วัดนฤนาทรอยพระพุทธบาท ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทางจิตก็มารักษารดน้ำมนต์ผูกแขน ทุกคนเมื่อมาแล้วก็สบายใจ ผู้ใดมีปัญหาไม่สบายก็มาหาหลวงปู่ ผู้จะไปค้าขายต่างจังหวัด ไปทำงานต่างประเทศก็มารดน้ำมนต์ผูกแขน มิได้ขาด หลวงปู่จะทำอย่างนี้อยู่เป็นนิจถือว่าเป็นกิจวัตรของท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2013
  5. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ (ตอนที่ 11)
    กล่าวถึงอุปนิสัยของหลวงปู่โชติ ท่านจะเป็นผู้มีอุปนิสัยจิตใจเยือกเย็น ชอบสงบ รักสันโดษ พูดน้อย ถ้าใครจะพูดจะถามกับหลวงปู่ก็จะตอบเฉพาะคำถามที่ถามไปนั้นไม่บรรยายเนื้อความ หมายถึง ถามคำไหนก็จะตอบเฉพาะคำถามนั้น หลวงปู่มีนิสัยเกรงใจผู้อื่นเป็นปกติ ไม่ทำให้ผิดอกผิดใจใคร เมื่อมีผู้ใดมานิมนต์ไปกิจธุระโดยมากหลวงปู่จะรับหมดแม้เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นบางครั้งท่านพอไปได้ท่านก็จะไป หลวงปู่เป็นผู้มีความเคารพนอบน้อมต่อพระผูใหญ่เสมอ หากมีพระเถระผู้ใหญ่มาเยี่ยมท่าน ท่านไม่อยากจะให้พระเถระผู้ใหญ่เหล่านั้นกราบท่าน
    ขอย้อนกล่าวสมัยที่หลวงปู่โชติออกปฏิบัติธรรมแสวงหาที่สงบ โดยส่วนใหญ่แล้วท่านเที่ยวจาริกไป โดยมากที่ประเทศลาว ท่านจะไปพร้อมกับเพื่อนธรรมิกะอีกรูปหนึ่งชื่อว่า"พระสุดแหล่"พากันเดินรุกขมูลกัมมัฎฐานไปตามถ้ำต่างๆจนกระทั่งไปถึงถ้ำมองเดี่ยง ถ้ำแห่งนี้มีประตูเข้าที่เดียว แต่ก่อนจะถึงปากถ้ำเป็นช่องเขาขาด กลายเป็นเหวลึกประมาณ 30 เมตร โดยฝั่งทางเข้าจะมีหินยื่นยาวออกไปแล้วมีหินอีกก้อนหนึ่งวางพาดอยู่ เมื่อมองดูแล้วเหมือนมอง(ครกกระเดื่อง)ตำข้าว หากใครจะเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ก็ต้องเหยียบหินก้อนที่วางพาดนี้ จึงจะข้ามเข้าไปในถ้ำได้คนจึงเรียก "ถ้ำมองเดี่ยง" ถ้าใครจะเข้าไปก็ต้องเสี่ยงตายเข้าไป เพราะหากเหยียบพลาดแล้วก็ต้องพลักตกลงไปในช่องเหวแห่งนี้ ซึ่งพระกัมมัฎฐานที่ปรารถนาจะเสี่ยงบารมีของตนก็ต้องเอาชีวิตของตนเข้าแลก เมื่อจะเข้าไปต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วยเครื่องอัฐิบริขารไปยืนประนมมืออธิษฐานอยู่ปากถ้ำว่าตนเองจะมีบารมีเข้าถ้ำแห่งนี้ได้หรือไม่ แล้วจึงย่างก้าวเหยียบก้อนหินก้อนที่วางพาดอยู่เพื่อจะเข้าไปในถ้ำ พระบางรูปซึ่งบารมีไม่ถึงต่างก็พลัดตกลงไปตายในเหวข้างล่าง ส่วนผู้มีบุญบารมีก้เข้าไปได้ เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้วก้หาที่นั่งอันสมควรแล้วจึงเริ่มเข้าสมาธิ หลวงปู่โชติท่านได้เล่าให้ลูกหลานฟังต่อไปว่า การที่จะเข้าไปบำเพ็ญเพียรอยู่นั้นต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ เมื่อสองสามวันผ่านไป ก็จะมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อทำให้ละความเพียร เช่น มีงูใหญ่เลื้อยมาพันรอบตัวแล้วรัดตัวเราให้แน่นเสมือนหนึ่งว่างร่างกายของเราแทบจะแหลกละเอียดไปหมด เราต้องมีสติสัมปชัญญะอย่างไม่ลดละ ในที่สุดงูใหญ่ก็จะคลายออกแล้วก็หายไปบางที่เป็นเสือบ้างเป็นยุงยักษ์บ้าง มาก่อกวนอยู่อย่างนั้นประมาณ 4 วัน ต่อจากนั้นก็หายไป หลวงปู่บอกว่าเราต้องบำเพ็ญเพียรไปเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ และในถ้ำแห่งนี้มีศพพระมรณภาพอยู่มากเหมือนกัน เมื่อ 15 วันผ่านไปจิตใจของเราเริ่มสงบลงเป็นสมาธิอันแน่วแน่และมั่นคงมากขึ้น พอกินน้ำหมดก็อาศัยน้ำที่ไหลย้อยอยู่ตามซอกถ้ำ
     
  6. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    กระทู้ของหลวงปู่ก็มีอยู่อีก1หัวข้อแต่ตกไปไกลมาก ผมอยู่อุดรฯพึ่งรู้จักชื่อหลวงปู่เมื่อสี่ปีที่แล้วคนถ้องถิ่นเล่นกันพอสมควร วัตถุมงคลท่านถือว่าหายากสำหรับผม เพราะไม่เคยเสาะหาได้แต่อธิฐานเอาและก็ได้จริงแบบไม่เสียตังค์ แต่เหรียญที่ผมได้สภาพดูไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ผมให้60%ละกัน บ็ลอคยายเขียว มีโค๊ตเลขไทยกำหนดประสบการณ์แคล้วคลาดบอกได้เลยว่าดีเยี่ยมขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน กทม.-อุดร ก่อนออกจากบ้านยกใส่หัวขอให้เดินทางปลอดภัยแคล้วคลาดโดยดี ความเร็วที่ใช้150-180 km. เกือบมาก็เยอะ รถพ่วงเปลี่ยนเลนกระทันหัน รถสบัด ผ่าไฟแดงที่ขอนแก่นเพราะเบรกไม่อยู่ ลดกระโดดสะพานที่บางบัวทอง วิงจนข้อโซ่ขาด และอีกเยอะครับ..ผ่านหมด ความเชื่อส่วนตัวครับเพราะศรัทธา
    พูดถึงเรื่องงาน ตอนจบใหม่ไปสมัครงานไว้หลายแห่งไม่มีใครติดต่อมาเลย วันนั้นช่วงเช้าผมกำเหรียญหลวงปู่แล้วอธิฐานว่า ขอให้ลูกได้งานด้วยเทอญสาธุ อีกไม่นานครับไม่ถึง2-3ชั่วโมงก็มีบริษัทโทรมาให้ไปเริ่มงานหลายบริษัท...เอาหละเลือกไม่ถูกเลยผมตกลงเริ่มงานกับทุกบริษัท เเล้วมานั่งคัดเลือกอีกทีแล้วโทรแจ้งบริษัทที่คัดออกว่าไม่สามารถเริ่มงานได้....
     
  7. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    อ๋อ..ครับผม บังเอิญผมไม่เจอกระทู้ดังกล่าว ถือว่าเริ่มใหม่ล่ะกัน...ยินดีที่รู้จักคนบ้านเดียวกัน บ้านเกิดผมอยู่อำเภอเพ็ญ อุดรธานี ครับ วัตถุมงคลหลวงปู่พิบูลย์ ใช้ดีทุกรุ่นจริงๆครับ...บล็อกยายเขียวก็ไม่ธรรมดา..ประสบการณ์สูงมาก เหรียญที่ท่านว่ามาไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไร เพราะเนื้อตะกั่ว เนื้อฝาบาตร และเนื้อเงิน โค๊ตก็เป็นเลขไทยเหมือนกัน แต่อยู่คนละตำแหน่ง เท่านั้นเอง ส่วนเนื้อทองแดงไม่มีโค๊ตครับ...ยินดีด้วยนะครับ...ว่างๆถ่ายรูปโชว์หน่อยนะครับ
     
  8. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ยินดีครับ ผมอยู่บ้านดุง เคยไปเข้าค่าย รด.ที่เพ็ญเมื่อนานมาแล้ว
    วัตถุมงคลของหลวงปู่บอกเลยว่าผมไม่มีความรู้เลยและมีเหรียญเดียวด้วยตามที่บอกว่าไว้ไม่เคยเสาะหาเลยและเหรียญที่ได้มาเป็นเนื้อฝาบาตร
    ผมไม่กล้าถ่ายรูปโชว์อาย!!!เหรียญไม่สวย เขาพูดกันจัง หลวงพ่อพิบุลย์ หลวงพ่อโชติ หลวงพ่อทองวัดโนนยาง สายเหนียวทั้งนั้น ที่พูดมาสององค์สุดท้ายนี่ผมไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • d1owk[1].jpg
      d1owk[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      415.6 KB
      เปิดดู:
      5,735
  9. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ครับผม...กระทู้นี้มีคำตอบ...แน่นอน...โปรดติดตามเรื่อยๆนะครับ...พร้อมกับการตอบคำถามเท่าที่ปัญญามีขอรับท่าน...ยินดีที่รู้จักเด้อท่าน...ขอบารมีหลวงปู่โปรดคุ้มครอง....สาธุ
     
  10. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ (ตอนที่ 12)
    ถ้าหากร่างกายต้องการอาหารก็ออกจากสมาธิชั่วคราว แล้วจึงนำเอาบาตรมายืนบิณฑบาต โดยเปิดฝาบาตรออก แล้วภาวนาคาถาบิณฑบาตกับพวกบังบด(รุกขเทวดา) ไม่นานพวกบังบดก็จะมาใส่บาตรโดยมีเสียงสิ่งของเล็กๆตลกลงในบาตรพอสมควร เมื่อภาวนาคาถาเสร็จแล้วมาดูก็ล้วนแต่มีแต่ถั่ว งา และของทิพย์ต่างๆ อยู่ในบาตรพอสมควร พอฉันอาหารเสร็จเหล่านี้แล้วก็จะสามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่รู้สึกหิวเลย ลักษณะของบังบดนี้ หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่าจะมองดูตรงๆ ไม่ได้ต้องเป็นแบบไม่มีเจตนาดู และจะเห็นก็เพียงแต่เป็นนิ้วมือบ้าง นิ้วเท้าบ้าง โดยมีลักษณะขาวเหมือนตัวด้วง (ตัวหนอน) หลวงปู่บอกว่าที่ถ้ำแห่งนี้มีพระกัมมัฎฐานอยู่หลายร้อยรูป บางรูปก็นั่งจนปลวกไปทำรังหุ้มตัว หลวงปู่จึงเข้าใจว่าตายแล้วแต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นปากยังภาวนาอยู่ยังไม่ตาย หลวงปู่ยังบอกต่อไปอีกว่า พระเหล่านั้นจะออกมา ร้อยกรองพระธรรมวินัยร่วมกันเป็นหมื่นรูปเพื่อสืบพระพุทธศาสนาต่อไป
    พอหลวงปู่อยู่ที่ถ้ำมองเดี่ยงได้ 2 ปีก็ได้ออกมาปฏิบัติธรรมอยู่ตามเขาต่างๆพร้อมกับพระสุดแหล่ โดยอยู่บนภูเขาคนละลูกกัน และได้นัดหมายกันไว้ว่าเวลาประมาณสิงทุ่มให้ตีฆ้องน้อย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตีฆ้อง อีกฝ่ายหนึ่งก็จะตีฆ้องรับเพื่อเป็นสัญญาณว่าตนเองนั้นอยู่สบายดี ต่อมาวันหนึ่งเมื่อหลวงปู่ตีฆ้องแต่ไม่มีสัญญาณฆ้องดังกลับมาอย่างที่ตกลงกันไว้ หลวงปู่จึงข้ามเขาเพื่อไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพระสุดแหล่ เมื่อไปถึงเห็นว่าพระสุดแหล่ได้อาพาธอย่างหนัก หลวงปู่จึงประคองพระสุดแหล่ลงมารักษาตัวที่หมู่บ้าน จนในที่สุดพระสุดแหล่ก็ได้มรณะภาพลง เมื่อจัดการเผาศพพระสุดแหล่เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติธรรมบนภูเขาลูกเดิมต่ออีก ปรากฏว่าตอนที่หลวงปู่ตีฆ้อง ก็จะได้ยินเสียงฆ้องจากภูเขาลูกที่พระสุดแหล่อยู่ดังกลับมาตลอด เป็นอยู่อย่างนั้นหลายเดือนจึงหายไป แล้วหลวงปู่โชติจึงได้กลับมาที่บ้านแดง
    หลวงปู่โชติตามปกติแล้วเป็นพระที่มีความขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างไม่ลดละ แม้จะมีคนไปหาหลวงปู่ๆก็จะพูดไปด้วยบริกรรมไปด้วยโดยนับลูกปะคำไปด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนๆตอนกลางคืน เมื่อเวลาที่คนนอนหลับหมดแล้วหลวงปู่จะลุกขึ้นมานั่งสมาธิตลอดทั้งคืน และพอถึงเวลาที่ทุกคนลุกขึ้นมา หลวงปู่จึงจะพัก หลวงจะไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์เลย นิสัยของหลวงปู่ชอบอยู่คนเดียว เมื่อหลวงปู่อยู่คนเดียว สิ่งที่หลวงปู่จะทำเป็นประจำอย่างหนึ่ง คือ อ่านหนังสือประเภทพงศาวดารพื้นเมืองของไทยและของประเทศลาว ซึ่งหลวงปู่จะจำได้หมดและจะเล่าให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอ หนังสืออีกประเภทหนึ่งที่หลวงปู่ชอบอ่าน คือ ศาลากาลวิชาสูตร,มงคลสูตร,ศิริมานนทสูตร,บารมี 30 ทัศ,อุณหัสวิชัย,ธรรมกาไตร,บัวระพันธะ,พระเจ้าเลียบโลก,พระเจ้า 10 ชาติ 500 ชาติ เหล่านี้หลวงปู่ชอบเทศนาอธิบายให้ผู้คนที่ไปหาหลวงปู่ฟังอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่หลวงปู่อยู่ที่วัดพระแท่นในขณะนั้นมีพระ-เณรประมาณ 30-40 รูปอาศัยอยู่ที่ศาลาใกล้กับกุฏิของหลวงปู่ ตอนกลางคืนพระเณรเหล่านั้นต่างพากันท่องหนังสือเสียงดังท่านก้ไม่ว่าอะไร ข้าพเจ้า (พระครูมัญจาภิรักษ์) ได้ไปถามหลวงปู่ว่า"ตอนที่พระเณรน้อยท่องหนังสือเสียงดัง หลวงปู่หนวกหูไหม" หลวงปู่ตอบว่า "จะไปหนวกหูกับเขาทำไม เขาใช่ว่าจะท่องตลอดทั้งคืนดอก 4 ทุ่มเขาก็พากันหยุดท่องแล้วก็พากันนอนหมดแล้ว เวลาเขานอนแล้วเราจะทำอะไรก็ได้"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04754.JPG
      DSC04754.JPG
      ขนาดไฟล์:
      296.6 KB
      เปิดดู:
      4,657
    • DSC04746.JPG
      DSC04746.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.4 KB
      เปิดดู:
      301
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2013
  11. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ (ตอนที่ 13)
    หลวงปู่เป็นคนที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษามาก โดยจะเห็นได้จากตอนที่หลวงปู่อยู่ที่วัดนฤนาทพระพุทธบาท หากมีพระเณรไปจำพรรษาอยู่ด้วยหลวงปู่จะถามว่าใครได้นักธรรมเอกแล้วก็แล้วไป ถ้าหากยังไม่ได้หลวงปู่จะบอกให้ไปลงชื่อเรียนกับพระครูที่บ้านแดง ถ้าไม่เรียนจะบวชมาอยู่ทำไม หลวงปู่ต้องการให้เรียนธรรมกันทุกคนทั้งพระ เณร และแม่ชี เพราะหลวงปู่บอกว่าคนที่ไม่เรียนหนังสือคือคนตาบอด ถ้ามีผู้ใดไปขอเรียนกัมมัฎฐานกับหลวงปู่ ท่านจะแนะนำว่าอารมณ์ของกัมมัฎฐานทั้ง 40 ห้อง ให้พิจารณาว่าอย่างไหนถูกกับจริตของตนก็ให้ถือเอาอารมณ์นั้นบริกรรม เหมือนเรากินยารักษาโรคก็ต้องกินยาให้ตรงกับโรคที่ตนเป็นอยู่ สำหรับอารมณ์กับกัมมัฎฐานที่หลวงปู่ท่านเจริยภาวอยู่เป็นประจำก็คือพุทธคุณบทว่า"สัมมา อรหัง" ถ้าลูกหลานจะทำ ก็ขอให้มีความจริงอยู่ในใจของตนอย่าทำเล่นๆ อย่าทำเพื่อโกหกตัวเอง อย่าทำลวงโลก จงทำด้วยศรัทธาจริง ถ้าทำไม่จริงแล้วก็จะไม่เห็นจริงโดยเด็ดขาด หลวงปู่ได้แนะนำ เกี่ยวกับการปฏิบัติกัมมัฎฐานเพียงเท่านี้
    อุปนิสัมยของหลวงปู่อีกอย่างหนึ่ง คือ ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ได้คนเดียว เวลาฉันอาหารร่วมกับพระรูปอื่นหลวงปู่จะมองดูพระรูปอื่นเสมอว่าขาดเหลืออาหารหรือไม่และจะหยิบอาหารในพา (ถาด) ของท่านให้พระรูปนั้นรูปนี้เป็นประจำ เนื่องจากกลัวว่าพระรูปอื่นจะฉันไม่อิ่ม อีกอย่างหนึ่งเมื่อมีญาติโยมนิมนต์ท่านไปทำพิธีภายในหมู่บ้าน ญาติโยมจะถวายปัจจัยหรือสิ่งของ เมื่อกลับมาถึงวัด หลวงปู่จะแบ่งปัจจัยที่ได้ออกในสัดสวนที่เท่ากัน แล้วจึงแบ่งกับพระหรือเณรที่ไปด้วย แม้จะไปกับเณรเพียง 2 รูปก็ตาม หลวงปู่จะแบ่งปัจจัยที่ได้ออกเป็นสองส่วนเพื่อเณรส่วนหนึ่งและหลวงปู่อีกส่วนหนึ่งอย่างละเท่าๆกัน ไม่ว่าปัจจัยที่ได้มาจะมากหรือน้อยก็ตาม
    เมื่อญาติโยมมานิมนต์ด้วยความจำเป็น บ้านเมืองเดือดร้อน หลวงปู่จะไม่ขัดนิมนต์และพยายามจะไปให้ได้ บางครั้งเมื่อหลวงปู่อาพาธพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อมีญาติโยมไปหา และอยากจะให้หลวงปู่ผูกแขนให้ หลวงปู่ก็จะพยายามลุกขึ้นทำให้ ไม่ขัดใจใคร หลวงปู่จะไม่บ่นไม่ว่าให้ใคร จะดีจะชั่วหลวงปู่จะไม่เพ่งดีเพ่งร้ายกับใครๆความอดทนอดกลั้นของท่านถือว่ายอดเยี่ยมมาก เวลาที่มีญาติโยมมานิมนต์ท่านแล้วถวายปัจจัยแก่ท่าน ไม่ว่ามากน้อยเพียงใด จะทำดีหรือไม่ดีกับท่านอย่างไร จะต้อนรับหรือไม่ต้อนรับอย่างไร ก็ไม่เคยเห็นท่านถือโทษโกรธเคืองใครๆเลย วางตนเป็นกลางไม่ยึดว่าคนนั้นดีคนนี้ร้ายตลอด
    หลวงปู่เป็นคนชอบทำบุญกุศลตลอดมา มีหลายครั้งที่ทางวัดทางชาวบ้านมีความเดือดร้อนหลวงปู่จะช่วยเหลือทุกอย่าง เมื่อขาดเขินไปหาหลวงปู่บอกความจำเป็นแต่ละครั้ง หลวงปู่จัดหาให้จนพอเป็นพอไปได้ ไม่เคยปฏิเสธลูกหลานว่าไม่มี เช่น การสร้างศูนย์พัฒนาตำบลบ้านแดง ผู้ใหญ่บ้านกำนันไปขอกับหลวงปู่ว่าอยากได้ทุนสร้างศูนย์ หลวงปู่ก็ได้ช่วยเหลือ เป็นเงิน หนึ่งแสนบาท และเมื่อ ปี พ.ศ.2531 ข้าพเจ้าได้สร้างถนนสายบ้านแดง-ดงปอ ท่านก็ช่วยมาหนึ่งแสนบาท เหล่านี้เป็นต้น นอกจากนี้หลวงปู่ชอบทำบุญประเภทเป็นเจ้าภาพสรงพระเณรภิเสก (หดให้เป็นหัวชา) มีเท่าไหร่ กี่องค์ ท่านใสนิมนต์ทั้งหมด แต่ละปีของบุญประจำปี (บุญเดือน 4) ในปีหนึ่งๆ มีหลายองค์ เพื่อเป็นการยกย่องส่งเสริมให้ภิกษุผู้บวชเข้ามามีกำลังใจอยู่ในพระพุทธศาสนา
     
  12. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    866
    ค่าพลัง:
    +1,380
    ผมอ่านจนจบที่คุณนะเมติ โพสไว้ หยิบพระสมเด็จรุ่นหลังที่ผมได้รับเเจกจากการร่วมทำบุญ อธิษฐานขอพรทันที ผมไม่รู้ว่าในอดีตผมทำบุญกับหลวงพ่อพิบูลย์มากน้อยเเค่ไหน เเต่เมื่อได้พระสมเด็จท่านมา เเม้ไม่ทันท่าน ผมเชื่อว่า ผมถือว่าเคยทำบุญร่วมกับท่านมาเเล้วเเม้ไม่มากมาย เลยลองขอพรจากท่าน ให้สมหวังในเรื่องที่ผมหวังมานานเสียที บางครั้งศรัทธามันต้องมาก่อนจริงๆ
    อย่างหลวงปู่หงษ์ผมไม่เคยอ่านประวัติท่าน ไม่ศึกษาเลย เคยเห็นในหนังสือพระเครื่องบ้าง อ่านผ่านๆ เเต่ท่านยังมาเข้าฝันผม เหมือนเคยร่วมทำบุญกับท่านมา เราขอท่าน ท่านก็เมตตา ต่อให้ไม่รู้จักตอนนี้ สักวันก็ต้องรู้จักท่าน อาจเป็นเพราะบุพกรรมที่มีต่อกัน
     
  13. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ขออนุโมทนาครับท่าน ศิษย์ขุนแผนฯ พระสมเด็จ-หลังปั้มหมึก ลป.พิบูลย์ เข้าพิธีไม่น้อยกว่า 2 พิธี มีสุดยอดพระเกจิสาย"บ้านแดง"เมตตาอธิษฐานจิตให้แบบสุดๆ...เก็บไว้ให้ดีเลยครับ...หากท่านมั่นภาวนาก็จะรู้เอง..."ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหีติ" ตนรู้ได้เฉพาะตน...หลวงปู่หงษ์ ท่านบอกกับลูกศิษย์เสมอว่า"ให้มั่นระลึกและภาวนาถึงท่านไม่ว่าอยู่ที่ไหนไกลแค่ไหน หลวงปู่อยู่ที่นั่นเหมือนกัน ไม่ต้องเดินทางมาที่วัดก็ได้ดอก..."
    ยินดีด้วยครับผม...ขอบารมีหลวงปู่โปรดคุ้มครองท่านและครอบครัวจงแคล้วคลาด ปลอดภัย มีชัยชนะเหนือหมู่มาร ปราศจาก ทุกข์โศกโรคภัย ด้วยประการทั้งปวง โชคดี เฮงๆ ร่ำรวยๆ...นะครับ...สาธุ
     
  14. ชาญนาแก

    ชาญนาแก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +50
    ยินดีมากที่มีผู้นำหลวงปู่ใหญ่วัดบ้านแดงมาเผยแพร่บารมีของท่าน มาลงในเวปสายกลาง ๆนี้ ส่วนมากผมจะติดตามใน เวป udon108.com ห้องพระครับ ผมอยู่หนองบัวลำภู มีวัตถุของหลวงปู่แค่เหรียญเดียว เป็นพิมพ์กนกเจ็ดหน้าหนุ่มบล็อกกลาก ยุคแรก ๆ ของหลวงปู่ยังไม่ทันมีครับ บารมีไม่ถึง (ยืมรูปเจ้าของเดิมมาลงครับ)
    [​IMG]
     
  15. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    เหรียญสวยมากครับท่าน...บล็อกหน้าหนุ่ม...ถ้าเห็นด้านหลัง...จะฟันธงให้ว่า"ทันหลวงปู่หรือไม่" เพราะรุ่นนี้มีทำเพิ่มใหม่ให้ทำบุญที่วัดพระแท่นด้วยครับ ตัวตัดคนละตัว รูห่วงคนละแบบ...และจุดจ่ายเงิน????....ยินดีด้วยครับท่าน"ชาญนาแก"
     
  16. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงปู่พิบูลย์ (ตอนที่ 14)
    นอกจากนี้ หลวงปู่ท่านยังนิยมเป็นเจ้าภาพสร้างกฐินสงเคราะห์วัดที่ไม่มีผู้จองกฐินทุกปีไม่ขาด เงินทองได้มาเท่าไหร่ท่านก็ให้นำไปสร้างวัดและทานหมด หลวงปู่บอกว่า "เมื่อสร้างอยู่ในโลกมนุษย์นี้ทันจะเป็นทิพย์สมบัติของเราอยู่บนสวรรค์ ถ้าเราทำไม่สำเร็จก็จะได้อยู่ที่ไม่เสร็จเหมือนกันในภพนั้นๆ" อีกอย่างหนึ่งหลวงปู่ชอบนำไม้จำปาจำปีมาแกะทำเป็นพระพุทธรูป ถ้ามีเวลาว่างหลวงปู่จะแกะไม้ทำเป็นพระพุทธรูป ต่อมาหลวงปู่ให้พ่อช่างหนูจันทร์ทำบล็อกปูนหล่อพระพุทธรูป หลวงปู่ได้ทำครั้งละหลายร้อยองค์ เมื่อปลุกเสกก็จะนำไปถวายวัดต่างๆ
    พระพุทธศาสนิกชนต่างก็เลื่อมใสในปฏิปทาของหลวงปู่มาก เพราะท่านปฏิบัติให้เป็นสุปฏิปันโน อุชุปฏิปันโน จึงมีคนเลื่อมใสมากไม่ว่าท่านจะไปอยู่ ณ ที่ใดๆ ก็มีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไปหาท่านมิขาดทุกค่ำเช้าตลอดทุกวัน พึงจะเห็นได้จากวันที่หลวงปู่ได้มรณภาพ ประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนต่างหลั่งไหลมารดน้ำศพของหลวงปู่ทั้ง 3 วัน 3 คืน จึงได้บรรจุเข้าหีบศพ ดอกกุหลาบที่นำไปรองน้ำรดศพของท่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ เนื่องจากผู้เลื่อมใสเก็บเอาดอกบ้างใบบ้างก้านบ้าง เพื่อนำไปบูชา บางคนก็เก็บเอาดอกกุหลาบนั้นกินบ้างก็มี อย่าว่าแต่ดอกไม้ที่รองรับน้ำอาบศพเลย แม้แต่น้ำรดศพของท่านชาวบ้านก็แย่งกันเอาไปบูชาจนหมดเหมือนกัน ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนว่า มีคนกินน้ำรดศพมาถึงงานรดน้ำศพของท่าน รดน้ำศพอยู่ 3 วัน 3 คืน ไม่มีน้ำตกลงพื้นเลย ข้าพเจ้าว่าไม่มีที่ใดในโลกที่มีคนทำอย่างนี้ ผู้มาเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมแต่ละคืน ซึ่งในแต่ละคืนนั้นมีเจ้าภาพหลายคนซึ่ีงกว่าจะเสร็จก็เกือบสองเดือนจนได้ขอหยุดเพราะผู้ดูแลทนไม่ไหว เพราะเหน็ดเหนือ่ยมากจึงได้ประกาศหยุด วันที่ทำบุญร้อยวันของหลวงปู่นั้นมีประชาชนมามืดฟ้ามัวดิน พระ เณร จากทิศทั้ง 4 มามากถึง 600 รูป มาสวดมาติกาบังสุกุลในวันนั้น
    ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ผู้คนไปหาหลวงปู่อยากได้ คือ เส้นผม คำหมาก หินเสก ฝ้ายผูกแขนและตะกรุด คนจะไหนๆ ก็ต้องมาให้หลวงปู่ รดน้ำมนต์ผูกแขน เป่าหัวให้ทุกๆคน บางวันข้าพเจ้าเห็นตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงสองทุ่มก็มีคนที่มาหาหลวงปู่มีทุกจำพวก ทั้งคนดี คนไม่ดี คนร้าย คนรวย คนจน และต่างก็ไปขอความเมมตาจากหลวงปู่ทั้งนั้น
    ขณะที่หลวงปู่อยู่วัดนฤนาทพระพุทธบาท ท่านหลวงพ่อเจ้าคุณมนีสารประสาท รองเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นพระที่หลวงปู่ให้ความเคารพนับถือรูปหนึ่ง ท่านได้มองเห็นคุณค่าของผลงานต่างๆ ที่หลวงปู่ทำไว้จำนวนมาก จึงได้เสนอขอพระราชทานสมณศักดิ์ถวายแด่หลวงปู่โชติ เป็นพระครูสัญญาบัติ เจ้าอาวาสชั้นโท มีนามว่า"พระครูวิบูลคุณาทร"
     
  17. ชาญนาแก

    ชาญนาแก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +50
    [​IMG]
    ช่วยเช็คให้หน่อยครับ ขอบคุณมาก
     
  18. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ยันต์ตัว"นะ"คมชัดลึก ฝ่ามือลึก และติ่งเหนือนิ้วก้อยขวามือ ฯลฯ ฟันธงครับว่า"ทันหลวงปู่แน่นอน" เหรียญนี้จัดได้ว่าสวยสมบูรณ์ ยินดีด้วยครับ มีเยอะก็แบ่งมานะครับ...ชอบบบบบบ...จุงเบยยยย...
     
  19. ชาญนาแก

    ชาญนาแก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ "ที่ว่าทันหลวงปู่แน่นอน" เป็นหลวงปู่ใหญ่ หรือหลวงปู่โชติครับผม
     
  20. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    "หลวงปู่โชติ"ครับ...เหรียญ 5 เหลี่ยมสร้างโดยหลวงปู่โชติทั้งสิ้นครับ ไม่ทันหลวงปู่พิบูลย์สักรุ่น...มีแต่รุ่นหยดน้ำเท่านั้นที่หลายคนบอกว่าทันหลวงปู่พิบูลย์ ซึ่งราคาทะลุหลักแสนไปนานแล้ว ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...