เปิดโปงร่างทรง-แนะทุกเรื่องเกี่ยวกับการทรงเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กระเจียว, 18 พฤศจิกายน 2004.

  1. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    "คนทรงเจ้า" ไม่เคยเจอหรือเจอแต่ไม่เข้าใกล้มั้งกลัว แต่อันสองเคย "เจ้าเข้าทรง"
    แต่เป็น เทพสายแขก ไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะ ชอบช่วยเหลือคนจนคนลำบากแต่คนๆนั้นต้องมีความดีติดตัวด้วยนะถ้าไม่มีท่านก็จะบอกให้ หมั่นสร้างทานบารมี การปฏิบัติตัวก็จะเหมือนอินเดีย เวลาสวดก็ สวดมนต์ตรา ต่างๆ เวลาลูกศิษย์สวดมนต์ ก็จะเป็น ทำนองอินเดีย เรียกว่า สวดมนต์ตรา เวลาเข้าทรงร่างจะรับรู้ 30% คือมีสติแต่ไม่สามารถจดจำได้หมดว่าท่านพูดอะไรกับใครยังไงไปบ้างแต่พอเดาๆได้บ้าง ตอนเช้าๆทุกวันก็จะมีสรงน้ำศิวะลึงค์ อารตีไฟ แล้วก็มีพิธีเหมือนวัดแขกเลย ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญต่างๆ ของฮินดู
     
  2. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    สายเดียวกัน

    ขออนุญาตครับ

    ญาติธรรม สายเจ้าแม่กวนอิมฝากถาม ลุงมหา ก็ พีเอ็มไปแล้ว รบกวนตอบให้ด้วยนะครับ

    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่แนะนำในทางที่ดีที่เป็นประโยชน์

    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2015
  3. bizkitmanza

    bizkitmanza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +196
    "ปวงเทพทั้งหลาย มี พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ และเหล่าเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันกราบทูลขอให้ปวงเทพได้ดูแล และบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปอีกครึ่งหนึ่งของพระอานนท์ คือเป็นเวลาอีก 1,250ปี"

    ตกลง 1,250 ปี หรือ 2,500 ปีกันแน่?
     
  4. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    พุทธกาล 5000 ปี

    ขออนุญาตครับ

    พุทธกาล 5000 ปี แบ่งเป็น

    1 พระสงฆ์ นำการดูแลพระพุทธศาสนา 2500 ปี
    2 เหล่าเทพ เหล่าเทวดา นำการดูแลพระพุทธศาสนา ต่อไปอีก 1000 ปี
    3 ผู้มีฤทธิ์ ก็ฤๅษีนั่นล่ะครับ นำการดูแลพระพุทธศาสนา ต่อไปอีก 1500 ปี ก็จะครบ 5000 ปี

    ความเข้มแข็งของคณะสงฆ์ ก็ชัดเจน มีวัดวาอารามมากมาย

    พอมาถึงยุคเหล่าเทพ เหล่าเทวดา ผ่านเข้าปีที่ 58 แล้ว
    ยังไม่มีอะไรชัดเจน
    เพราะสำนักเทพต่างๆทั่วประเทศหาผู้นำไม่ได้ อยู่ใครอยู่มัน รวมกันไม่ติด

    ถือตัวถือตน ต่างคนต่างใหญ่ ก็ดูเอาเองว่า

    เป็นที่องค์เทพ หรือเป็นที่ร่าง
    เพราะเทพท่านต้องทำอะไรๆก็ต้องผ่านร่าง

    เมื่อร่างมีปัญหา งานก็เลยสดุดล่าช้า ติดขัด

    ก็รอดูว่า เหล่าเทพ จะแก้ปัญหาอย่างไร?

    รับงานเทพมา งานก็หนักหนาสาหัส
    หาคนช่วยก็ไม่ได้
    หากำลังสนับสนุนก็ไม่ได้
    ต้องช่วยตัวเอง ทุกๆอย่าง

    แล้วเทพจะแก้ปัญหา อย่างไร?
    แล้วร่างจะช่วยเขา อย่างไร?

    หรือจะรอให้ทุกอย่างคลี่คลายไปเอง?

    ทั้งเทพ ทั้งร่าง ทั้งมดงาน เกิดอะไรขึ้น?

    เมื่อไรจะเป็นรูปเป็นร่างกันเสียที

    เข้าปีที่ 58 แล้ว

    ยังไม่มีอะไรชัดเจนกันเลย

    ขอโมทนาบุญๆๆ

    ลุงมหา
     
  5. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ปู่ฤๅษีเกษแก้ว

    ขออนุญาตครับ

    ถามไปหลายวัน ไม่ตอบซักที

    ผมเลยอัญเชิญ ศิษย์ขององค์ปู่ฤๅษีเกษแก้ว มาช่วยแล้ว

    ขอชื่นชม ขอโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
  6. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    อยากเผือกเรื่องลุงมหา๑จัง จะได้เป็นกรณีศึกษา

    เรื่องโปรดคนไม่ถนัด แต่ถ้างานปราบเอาด้วย
     
  7. พรตพเนจร

    พรตพเนจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +77
    เรื่องที่เป็นเรื่องไม่ลึกลับอีกต่อไป

    พอพูดถึงเรื่องทรงเจ้าเข้าทรงคนมีองค์ซึ่งตัวเราเองขอไม่เปิดเผยตัวตนและไม่ได้มาพูดธรรมหรืออวดอ้างว่าตนเองสำเร็จธรรมนี้นั้นนู้นนี้อะไรทั้งสิ้นเป็นแต่เพียงคนธรรมดาที่ใฝ่ในธรรมและศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างมีสติไม่ได้หลงไหลเฟ้อฝันหรือฝึกมโนอะไรทั้งสิ้นเพราะการฝึกมโนทำให้คนอื่นๆเป็นบ้าเสียสติมาหลายคนและรับรักษาอาการทางจิตมาหลายคนแล้ว แล้วเพราะหลงในนิมิตรที่ผุดขึ้นมาในขณะทำสมาธิจิตเห็นนู้นเห็นนี้เกิดจากความที่จิตมีอุปทานจิตแนวแน่ต้องการอยากให้เห็นในสิ่งที่คิดว่าต้องเห็นต้องเป็นแบบนี้แบบนั้นจึงสร้างภาพหลอกจิตตัวเองให้เห็นเป็นพระสงฆ์บ้าง เป็นเทพเทวดาบ้างขึ้นไปเที่ยวนิพพานบ้างซึ่งรู้ๆกันอยู่นิพพานไม่มีนิมิตรเพราะสภาวะนิพพานเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าไร้รูปไร้ตัวตนหาใช้แดนหรือบ้านเมืองล้วนแต่เป็นสิ่งที่จิตอยากเห็นจึงสร้างรูปสร้างนิมิตรขึ้นมาหลอกจิตตัวเองหลงไหลเพ้อฝันว่าตนเองเป็นเทพมาเกิดบ้าง มีฤทธิ์เดชบ้างเพราะติดนิมิตร สิ่งเหล่านี้รู้ได้เฉพราะตนเองรู้ได้ด้วยตัวเองหลอกตัวเองเท่านั้นทุกวันนี้ข้าพเจ้าเองไม่ได้ฝึกอะไรไม่มีญาณอะไรทั้งสิ้น ไม่มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่มี ณานไม่มีการบรรลุเพราะไม่รู้ว่าจะบันลุอะไรไม่รู้ว่าจะสำเร็จอะไรเพราะไม่มีอะไรให้สำเร็จไขอแค่ ตา หู จมูก ปาก สัมผัสไม่ได้ถูกหลอกลวงไปกับสิ่งที่เพ้อฝันลวงหลอกอายตนะทั้งหกสะอาดไม่แปดเปื้อนดุจสายน้ำที่ใสไม่ขุนมัวชำระล้างญานทัศนะให้สะอาดไม่มีมลทิลจิตสะอาดกายสะอาดความทุกข์ที่เห็นสิ่งลวงตาสิ่งที่เห็นสิ่งที่ได้ฟังล้วนไม่มี ทุกข์ไม่เกิดย่อมละจากความหวาดกลัวสิ่งลวงตาและภาพนิมิตร
    การที่คิดว่าตัวเองเป็นร่างทรงคนทรงเจ้าเกิดเนื้องมาจากคุณเป็นผู้มีบุญสะสมมาดีพอแต่มีวิบากกรรมเก่าติดมาเรียกได้ว่าคนที่เป็นร่างทรงหรือคนมีองค์นี้ชอบปฏิบัติธรรมชอบนั่งสมาธิจนเข้าไปถึงความสงบชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดภาพนิมิตรไกลๆจะสงบลึกจึงทำให้คุณเห็นเทพบ้าง พระสงฆ์บ้าง เทวดาบ้าง มหาเทพบ้าง เห็นและติดใจในสิ่งเหล่านี้จึงใช้จิตเข้าไปคิดพูดหรือสนทนาผ่านกระแสจิตโดยไม่ได้พูดออกมาแต่ใช้จิตพูดสือสารทำเช่นนี้นานๆเข้าแล้วจึงไปเอานิมิตรนั้นๆเข้ามาใส่ในตัวตนของตัวเองจึงเกิดเป็นจิตหลอกจิตทีนี้มันก็จะพูดกับตัวเองเสมอว่าเป็นเทพนั้นนี้นูนเป็นเสียงในจิตแล้วเราก็เอาจิตไปสนทนาแล้วก็ตอบกลับไปกลับมาเหมือนเป็นอีกคนหนึ่งที่แท้จริงคือจิตของท่านๆทั้งหลายที่เป็นเจ้าทรงได้เข้าสู่จิตสำนึกเบื้องบนที่เชื่้อมต่อความคิดของทุกคนความคิดของทุกคนบนโลกนั้นมีมากเพราะทุกคนต้องคิดอยู่แล้วจิตไปติดตรงนี้จึงหลอกตัวเองว่าเป็นเทพนั้นนี้โน้นองค์นั้นองค์นี้เป็นชะนี้ ส่วนภาษาเทพที่พูดๆกันหรือเปิดโอทฐยิ่งไปกันใหญ่เพราะเกิดจากความวิตกจริตของคำพูด คุณลองพูด พุทโธ แบบรวดเร็วอย่าให้หยุดพูดตลอดๆจนพูดรัวๆควบคุมคำพูดไม่ได้จึงทำให้เกิดพูดรัวๆเป็นภาษาต่างๆได้ นี้แหละที่มาของภาษาเทพใครๆก็พูดได้ไม่ต้องรอไปเปิดโอษฐถึงคนมีองค์หรือร่างทรงตรีมูรติ มหาเทพอะไรทั้งสิ้นพูดได้ทุกคนและไม่จำเป็นต้องไปเปิดพระโอทฐจากใครอะไรทั้งสิ้นสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งลวงตาล่อลวงทำให้จิตไม่สะอาดมืดมันบางคนไม่รู้จักตัวเองแล้วคิดว่าเป็นเทพนั้นนูนนี้มาเกิดซะเลยส่วนวิธีที่เค้าใช้ในการรู้ความรู้สึกนึกคิดของเราได้เพราะเค้าเป็นคนมีจิตวิทยาสังเกตคนได้ง่ายๆเพราะคนเหล่านี้เป็นคนมองคนออกอยู่แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ได้วิเศษอะไรสิ่งที่วิเศษไปกว่านั้นคือการเข้าถึงพุทธะจิตใจสะอาดตากหาก

    สำหรับเทพที่สับสนกันมานานวันนี้ก็รู้กัน บอกตรงนี้ก่อนเจ้าแม่กวนอิม ท่านสำเร็จยูไลไปแล้วไม่มาเข้าทรงหรือประทับทรงผู้ที่มีจิตใจใส่สะอาดเหตุใดเล่าต้องเข้ามาคลุกคลีกับโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นสาบคาวโลกีย์แค่ร่างกายมนุษย์ก็เหม็นเต็มทนแล้วเพราะต้องมีการกินการขับถ่ายมาถึงตรงนี้แล้วข้าพเจ้าจะบอกให้เห็นภาพ พระอวโลกิเตศวร คือบุรุษเพศและเป็นพระโพธิสัตว์ชั้นสูงท่านอยู่บนสุขาวดีไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม ส่วนเจ้าแม่กวนอิม คือพระธิดาเมียวซ่าน ท่านเป็นสตรีเพศ องค์ญานจิตเดิมของท่านคือพระอมิตาพระพุทธเจ้า และเจ้าแม่กวนอิมท่านเองก็สำเร็จยูไลไปแล้วท่านจะโปรดแต่ไม่ลงมาประทับบอกตรงนี้ก่อน ส่วนมหาเทพองค์อื่นๆสายแขกเห็นๆอยู่ว่าท่านเป็นคนอินเดียเหตุใดบ้านเมืองประเทศชาติของเราถึงมีองค์หรือร่างทรงมหาเทพต่างๆได้มากมายยิ่งนักแม้แต่อินเดียเองที่เป็นแหล่งกำเนิดนั้นยังแทบไม่มีใครถึงมีก็ไม่ได้เปิดตัวแบบนี้ยิ่งกว่านั้นร่างทรงคนไทยหรือที่พูดภาษาเทพนั้นๆได้ก็ลองให้คนอินเดียเข้าพูดด้วยลองดูว่าจะพูดรู้เรื่องใหมส่วนใหญเทพต่างๆท่านเป็นทิพย์ความเป็นทิพย์พูดได้ทุกภาษาอยู่แล้วเหตุใดจึงพูดภาษาได้ภาษาเดียวแต่ติดต่อกับคนอินเดียด้วยกันไม่ได้ สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นมากมากในสังคมไทยยังไม่นับพวกคาถาอาคมเวทมนต์ต่างๆซึ้งไม่นำพาให้เข้าสู่แดนสุขาวดีและนิพพานได้เพราะเป็นอวิชชาไม่ใช่ธรรม ข้าพเจ้าบอกแล้วนะว่านานๆที่จะแวะเข้ามาดูไม่ได้เล่นอยู่ตลอดเวลาจึงไม่สามารถมาตอบคำถามของทุกๆคนได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  8. Lyxiaoyao

    Lyxiaoyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +205


    เห็นด้วยครับ......จะติดตามตัวเราไปทุกภพ ทุกชาติ........

    แต่ส่วนตัวผมไม่ใส่ใจ...ผมเดินทางธรรม มากกว่า ประมาณว่า เข้าวัดฟังเทศน์ ทำบุญ ไม่เคยสนใจหมอดู ร่างทรง อะไรทั้งนั้น......
     
  9. Lyxiaoyao

    Lyxiaoyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +205

    ----------------------------------------

    นี่แหละครับ ศาสนาพุทธ เขาสอนกันแบบนี้จิงๆ เขาไม่ได้สอนให้เราไป งมงาย หรือเชื่อใน เรือง ผี ๆ สางๆ หรือ เทพเจ้า องค์อะไรต่างๆ ......ผมชอบนะแบบนี้ ผมไม่เคยสนใจเลยนะเรื่อง ผี ๆ เทพ ๆ อะครับ..เพราะหลวงพ่อด่าผมเลยแหละ ถ้าผมพูดเรืองเทพ ๆ พวกนี้ ......
     
  10. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    พระศาสดาทรงตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
    การที่บุคคลยึดถือเทพมีส่วนแห่งการสร้างสรรค์ ดลบันดาลสิ่งใดๆได้นั้น
    นั่นเป็นมิจฉาทิฏฐิในเรื่องของกรรม ว่า สุข หรือ ทุกข์นั้น เกิดขึ้นๆได้เพราะมีผู้กระทำให้

    เมื่อเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิอยู่อย่างนี้แล้ว ความพอใจหรือความพยายาม
    ว่ากิจนี้ผู้นั้นควรทำหรือไม่ว่ากิจนี้ผู้นั้นไม่ควรทำนั้น ย่อมจะมีไม่ได้
    เพราะคิดสักแต่ว่าจะมีผู้ใดมาคุ้มกันหรือดลบันดาลให้
    อริยมรรค ๘ ประการย่อมไม่เกิดขึ้นได้สำหรับผู้นั้น
    แท้จริงแล้ว ไม่มีใคร ไม่มีตัวตน สัตว์บุคคลใด
    ธรรมธาตุใดถึงการประชุม พร้อมด้วยเหตุปัจจัยอาศัยกันแล้วถึงความเกิดขึ้นเท่านั้น
    สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้อยู่
    ท่องเที่ยวในภพน้อยภพใหญ่ ด้วยอุปาทาน ด้วยทิฏฐิว่า ธรรมธาตุเหล่านั้นเป็นตัวตน
    แท้จริงแล้ว ไม่มีสิ่งใด นอกจากทุกข์เท่านั้นที่เกิด และทุกข์เท่านั้นที่ดับ
    นอกจากทุกข์แล้ว ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์แล้ว ไม่มีอะไรดับ
    ทุกข์ คือความทนได้ยากแห่งธรรมธาตุใดที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว
    ด้วยปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ย่อมถึงความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    สิ้นไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา
    สัตว์ผู้ไม่มีอุปาทาน ย่อมไม่ถึงซึ่งความเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
    เทวดาก็ยังเป็นสัตว์ที่อยู่ในสุคติภูมิ เป็นสัตว์ที่ยังต้องหลงอยู่ในผัสสะอยู่
    พระองค์ไม่เคยตรัสว่า บ้านที่พักจะต้องมีเทวดาอาศัยอยู่คุ้มกัน คนจะมีเทวดาเป็นผู้คุ้มกัน
    แต่พระองค์ทรงตรัสว่า มนุษย์ที่เจริญเมตตาภาวนา ย่อมเป็นที่รักของเทวดา
    เทวดาย่อมสักการะและชมเชย ผู้มีศีล ผู้มีสุตตะมาก ผู้มีจิตตั้งมั่น
    ดังนั้นการเกื้อกูลกันของหมู่สัตว์ที่ยังหลงในผัสสะอยู่ ย่อมมี
    เพราะยังเป็นสัตว์ที่มีอุปาทานกันทั้งนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    พระศาสดาทรงตรัสว่า
    ผู้มีศรัทธาย่อมเชื่อพระปัญญาการตรัสรู้ของพระองค์
    สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสออกมา คือ ธรรม และ วินัย
    แม้เพราะเหตุอย่างนี้ อย่างนี้ สิ่งที่นำมากล่าวสอน คือ ศาสนา
    เป็นส่วนใบไม้ในกำมือ ที่พระองค์ทรงตรัสว่า ได้เฉือนเอาส่วนที่เป็นขี้ริ้วออกเสียหมดแล้ว
    บุคคลผู้ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระองคื จึงควรศึกษาแต่ในสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสไว้
    1. เจ้าแม่กวนอิม ไม่มีในคำตรัส ตั้งแต่คืนตรัสรู้จนถึงคืนปรินิพพาน
    2. การกินเจ ไม่ได้ทรงตรัสไว้ อานิสงส์ของการกินเจทั้งสิ้น จึงไม่มีในคำของศาสดา
    3. พระองค์ไม่เคยทรงตรัสห้ามฉันเนื้อ และ ปลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. kareena

    kareena สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    ยึดหลักความเป็นจริง
     
  13. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +185
    หากกระทำด้วยเจตนาหลอกลวง แสวงหาทรัพสินเงินทอง เป็นการหากินบนความทุกข์ของผู้อื่น เป็นบาปกรรมมากมายที่ต้องชดใช้กันต่อไป ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...