เปิดให้บูชา "แหวนสัตตภุชงค์โพชฌงคปริตร" ในส่วนที่เหลือทั้งหมดหน้า 34

รอรับแหวนเดือนพฤษภาคมครับ

 

เห้นด้วยครับ

 

ผู้สร้างบอกว่าตั้งใจไว้แต่แรก ใครต้องการรับก่อน แจ้งได้ ส่วนผมรอได้อยู่แล้วครับ อนุโมทนากับคุณหมอด้วยครับ

 

มีคนสอบถามมาว่าที่วัดของหลวงพ่อวิชัยมีกำไลหยกให้บูชาหรือไม่ และเรื่องหินสีที่กำลังฮิตกัน
เห็นว่าคำถามนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากจึงขออนุญาตมาตอบ ณ ที่นี้

--------------------------------------------------------------------------------

ปกติที่วัดจะมีกำไลหยกให้บูชาอยู่ ติดต่อที่วัดถ้ำผาจมได้เลย
เพราะต้นเรื่องของแหวนกันมะเร็งก็มาจากกำไลหยกนี่ล่ะ
เพราะเริ่มแรกท่านเสกกำไลหยกให้ฝรั่งชาวเยอรมันที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้ไปใส่
เพราะหมอไม่ได้ทำการรักษาอะไรให้แล้ว
คนเราพอสิ้นหวัง จู่ๆ มีความหวังใหม่ขึ้นมารำไรแม้จะริบหรี่ก็ตาม
เขาก็เลยไม่มีที่พึ่งอื่นก็เชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจว่าหลวงพ่อช่วยเเขาได้แน่
เขาก็ใส่กำไลหยกและหมั่นนั่งสมาธิภาวนาตามที่ท่านสอน
เมื่อคนเรามีศรัทธาอย่างสุดจิตสุดใจแล้ว ปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้นได้
เพราะศรัทธาคือพลังจิตอย่างหนึ่ง
ทุกวันนี้เขายังมีชีวิตอยู่อ้วนท้วมสมบูรณ์ดี ทั้งๆ ที่ตอนหลวงพ่อพบเขาใหม่ๆ ผอมเหลืองซีด
ประจวบกับช่วงนั้นผมทำแหวนนพสิทธิ์ฯ ไปขอให้ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้
ดังนั้นท่านเลยปรารภถึงเรื่องการทำแหวนกันมะเร็งขึ้นมาว่าท่านยังไม่เคยทำให้ลูกศิษย์ใช้กันเลย
ท่านจึงวานให้ผมช่วยทำให้ท่านหน่อย เพราะเห็นผลงานแต่ละชิ้นที่ผมออกแบบแล้วถูกใจท่านมาก
อีกทั้งท่านจะหาทุนสร้างโบสถ์ที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ จึงเป็นที่มาของการสร้างแหวนครั้งนี้

ส่วนรื่องหินสี ในศาสตร์ของต่างประเทศเขาศึกษากันมานานแล้ว
ว่าหินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน จนมีศาสตร์การใช้หินบำบัด ปรับสมดุลย์พลังงาน
ในไทยเราก็มีวิชชาธรรมกาย ที่เชื่อว่าหินบางชนิดเป็นเรือนที่อยู่ของกายสิทธิ์
จึงมีการใช้จุยเจียมาทำเป็นลูกแก้วกรรมฐาน
หรือแม้แต่แก้วโป่งข่าม ที่อ.เถิน ลำปาง ก็มีความเชื่อกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีคุณวิเศษในตัว
จนมีตำราโบราณว่าด้วยแก้วที่ให้คุณและโทษแก่เจ้าของ หรือแม้แต่ตำรานพรัตน์ที่ว่าด้วยพลอย 9 ชนิด

ดังนั้นหินสีถ้าถามว่ามีพลังงานไหม สิ่งเหล่านี้เกิดมานานนับพัน หมื่นล้านปี
ผ่านไอฟ้า ไอดิน ไอน้ำค้าง ไอหมอก ไอธรรมชาติ รับแสงอรุณ ก็ย่อมมีการดูดซับพลังงานเหล่านี้ไว้
แต่พลังจะมากหรือน้อยย่อมขึ้นกับแหล่งที่มา เช่น เหล็กน้ำพี้ ทำไมต้องที่บ่อพระแสง กับบ่อพระขรรค์เท่านั้น
หรือแก้วโป่งข่าม ทำไมต้องเป็นที่เถินเท่านั้น
อย่างปฐวีธาตุเจ้าคุณนรฯ ทำไมต้องเจาะจงที่บางบ่อเท่านั้น ทั้งๆ ที่กรวดทรายที่อื่นก็มีถมเถ
ปฐวีธาตุลป.คำพันธ์ ทำไมต้องเป็นหินแม่น้ำโขงเท่านั้น และต้องเอามาจากจุดที่ท่านกำหนดไว้เท่านั้นด้วย
ศิลาน้ำคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ทำไมต้องเป็นกรวดจากน้ำตกพริ้ว จันทบุรี
สิ่งเหล่านี้ย่อมมีที่มา บางจุดอาจจะเป็นแหล่งรับพลังงานที่ดี
เหมือนคลื่นมือถือ บางจุดสัญญาณแรงบางจุดสัญญานอ่อน

ดังนั้นถามว่าหินสีมีผลไหม ตอบได้เลยว่ามีแต่ไม่มาก
เพราะเราไม่มีทางทราบได้เลยว่าเอามาจากแหล่งไหนที่มีพลังมากหรือน้อย
บางชนิดอาจจะเหมาะกับคนอื่นแต่ไม่เหมาะกับเรา
ดังนั้นถ้าจะให้ดีก็นำไปให้ครูบาอาจารย์อธิษฐานประจุพลังงานเสียใหม่
ซึ่งการจะเสกกรวดหรือก้อนหินให้มีพลังเทียบเท่าพระเครื่องเสกได้ยากยิ่งกว่าเสกพระเสียอีก
เพราะรูปพระเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นสื่อให้น้อมนำพลังงานได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นครูบาอาจารย์ที่จะเสกหินให้มีความศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระเครื่องได้ก็ต้องทรงภูมิธรรรมชั้นสูงกว่าธรรมดา
ปัจจุบันที่เห็นยังทรงขันธ์และเสกปฐวีธาตุได้ก็มี ลพ.ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
ซึ่งถ้าสนใจก็ขอบูชาได้ที่วัดสันติธรรม เชียงใหม่ เพราะท่านไปอธิษฐานปฐวีธาตุให้ที่วัดนั้น

 

เห็นหลายท่านกังวลกันมากเรื่องการนำแหวนไปเสกเพิ่มแล้วจะทำให้คุณสมบัติในการกันโรคนั้นเปลี่ยนไป
จริงๆ เรื่องนี้ผมได้ไตร่ตรองและใคร่ครวญดูแล้ว จึงใครจะขออธิบายถึงการประจุพลังในวัตถุมงคลสักหน่อย

การสร้างพระหรือวัตถุมงคลให้มีความขลังนั้น ต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. เจตนา
2. รูปลักษณ์
3. มวลสาร
4. ผู้เสก
นอกนั้นอาจจะมีส่วนประกอบปลีกย่อยอื่นๆ อีก เช่น ฤกษ์ยาม การบวงสรวง ตัวผู้ใช้

1. เจตนา การจะสร้างพระหรือวัตถุมงคล เจตนาของผู้สร้างเป็นตัวแปรที่สำคัญ
ที่จะกำหนดให้ว่าวัตถุมงคลนั้นสามารถจะรองรับพลังได้มากน้อยเพียงใด
ถ้าผู้สร้างมีเจตนาที่เป็นกุศลหวังเกื้อกูลแก่มวลสรรพสัตว์ เจตนาอันแผ่กว้างเช่นนั้นก็ย่อมทำให้สามารถประจุพลังงานได้มาก
แต่เจตนาหวังเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือกลุ่มบุคคลแค่ไม่กี่คน เจตนานั้นแคบก็จะทำให้การรองรับพลังงานนั้นได้น้อยไปด้วย
ถ้าเปรียบเทียบพลังงานเป็นน้ำ เจตนาก็เป็นเหมือนภาชนะที่ใช้รองรับน้ำ
เจตนายิ่งแผ่กว้างก็เหมือนกับอ่างเก็บน้ำ เจตนาแคบก็เหมือนกับอ่างใส่น้ำใบเล็กๆ ฉันนั้น
นอกจากนี้เจตนายังเป็นตัวกำหนดทิศทางของพลังงานว่าจะให้เป็นแบบใด
เพราะวัตถุมงคลใดที่ผู้สร้างได้ตั้งเจตนาไว้ กระแสจิตของผู้สร้างก็ได้ลงไปฝังอยู่ในวัตถุมงคลนั้นแล้ว
ต่อให้วัตถุมงคลนั้นเป็นรูปลักษณะอื่น แต่คนสร้างเจตนาให้เป็นพระ ต่อให้คนเสกๆ ยังไง
พลังงานที่ใส่ลงไปก็จะไปเชื่อมโยงกับกระแสจิตเจตนาของผู้สร้างที่บันทึกเอาไว้
พลังงานก็จะแปรเปลี่ยนไปตามเจตนานั้น
ดังนั้นพระที่เจตนาไม่ดี ต่อให้นิมนต์พระเกจิสุดยอดมาเสกเพียงใด พลังงานก็ไม่ถึงไหน
เหมือนวัตถุมงคล 2 อย่าง เสกเหมือนกันเต็มเหมือนกันแต่พลังไม่เท่ากันก็เพราะเจตนาเป็นตัวกำหนดนี่เอง

2. รูปลักษณ์ รูปลักษณ์ของวัตถุมงคล เป็นตัวกำหนดทิศทางของพลังงานว่าจะให้แปรไปเป็นรูปใดขึ้นอยู่กับวัตถุมงคลนั้นว่าเป็นอะไร
รูปลักษณ์ของวัตถุมงคลก็เปรียบเสมือนเราสร้างภาชนะใส่น้ำให้มีรูปแบบใด
ถ้าเราทำอ่างสี่เหลี่ยม น้ำก็เป็นสีเหลี่ยม เอาน้ำใส่อ่างกลม น้ำก็เป็นรูปกลม ฉันใดฉันนั้น
อีกทั้งรูปลักษณ์ของวัตถุมงคลยังเป็นตัวสื่อน้อมนำพลังงานว่าจะเป็นไปในด้านใด
เช่น ถ้าเป็นรูปพระเราก็จะนึกไปถึงบารมีของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ก็จะนึกไปถึงคุณสมบัติของสัตว์นั้นๆ
เช่น เห็นรูปช้างก็นึกไปถึงสัตว์ที่มีกำลังมาก เห็นลิงก็นึกไปถึงความว่องไว เห็นแรดนึกถึงความทรหดทนทาน เป็นต้น
ดังนั้นรูปลักษณ์จึงเป็นตัวกำหนดให้ผู้เสกและผู้ใช้กำหนดจิตว่าจะสื่อไปในด้านใด
ทีนี้ถ้าเป็นรุปพระเราก้มักจะน้อมนำพุทธบารมีได้โดยง่าย ถ้าเป็นรูปสัตว์เรามักจะไปติดอยู่ที่รูปลักษณ์นั้นก็ทำให้น้อมนำจิตไปถึงพระพุทธเจ้าได้ยากหน่อย
แต่สำหับครูบาอาจารยืผู้เสก ถ้าเป็นผู้ทรงคุณแล้วไซร้ แค่กำหนดจิตจะเสกจิตท่านก็จะไปกระทบกับเจตนาของผู้สร้างทันที
ท่านก็จะเสกให้ไปตามเจตนาของผู้สร้าง

3. มวลสาร เป็นตัวซึมซับพลังงาน เหมือนกับเราเอาวัสดุมาปั้นหม้อ ดินก็เกรดนึง เซรามิคก็เกรดนึง
มวลสารที่ดีก็ย่อมทำให้จิตสื่อถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น และซึมซับพลังงานได้ง่ายและเสถียรขึ้น
มวลสารชั้นสูงก็ยิงทำให้สื่อถึงพลังงานเบื้องสูงได้ดี
เหมือนจะเชิญเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมา แต่ปูเสื่อให้เป็นที่ประทับ ท่านก็คงไม่เสด็จมาหรอก

4. ตัวผู้เสก ตามปกติพระที่ทรงภูมิธรรมชั้นสูง พอท่านกำหนดจิตจะเสกปุ๊บท่านจะรู้ทันทีว่าวัตถุมงคลนี้เจ้าของเขาสร้างมาเจตนาเป็นอย่างไร
ท่านก็จะเสกให้เป็นไปตามเจตนาของผู้สร้าง ถ้าท่านใดไม่ถึงขั้นนั้นท่านก็จะเสกไปตามจริตตามภูมิธรรมของท่าน
แต่ก็จะยังมีกรอบของรูปลักษณ์วัตถุที่บังคับให้พลังงานแปรไปตามรูปลักษณ์ที่กำหนดอยู่

ดังนั้นในการเสกแหวนครั้งนี้ เจตนาการสร้างที่จะให้กันโรค จึงก่อให้เกิดรูปลักษณ์เป็นแหวนนาคเกี้ยว 7 ตนขึ้นมา
เพราะนาคเป็นราชาแห่งพิษทั้งปวง โรคภัยก็เปรียบเสมือนพิษร้ายที่บั่นทอนชีวิต
นาคเกี้ยวก็เป็นทั้งมหาเสน่ห์ เมตตา กันภัย และกันคุณไสยทั้งปวง
ดังนั้นในการออกแบบแหวนจึงได้มีการบรรจุเจตนาของผู้สร้างลงไปในรูปลักษณ์แล้ว
อีกทั้งตั้งใจให้หลวงพ่อวิชัยเจ้าของวิชาเป็นผู้เสกก่อน เท่ากับเป็นการวางกรอบพลังงานไว้ก่อนแล้ว
ท่านอื่นมาก็แค่มาเติมเต็มในส่วนอื่นๆ ที่ขาด แต่ยังไม่อาจจะหลุดพ้นไปจากกรอบเดิม
หลายคนเข้าใจว่าการเสกทับทำให้วิชาเดิมสูญสลายไป จริงๆ แล้วพลังงานไม่มีการสูญหายไปไหนแต่อาจจะเปลี่ยนรูปได้
ดังนั้นถ้าเจอผู้ที่ทรงวิชายิ่งกว่าก็ทำให้วิชาเดิมถูกบดบังไป แต่ไม่ใช่ว่าสูญหายไป แค่เป็นการซ้อนทับกันของพลังงานเท่านั้น
เหมือนเอาหนังสือวางทับซ้อนกัน เราจะเห็นเฉพาะหน้าปกเล่มแรกที่อยู่บนสุดเท่านั้น แต่เล่มล่างๆ ไม่ได้หายไป
ถ้าคนรู้จักเลือกใช้ก็สามารถจะดึงเอาพลังงานที่ทับซ้อนกันในแต่ละส่วนมาใช้ได้อย่างเป็นเอกเทศ เหมือนอยากจะหยิบหนังสือเล่มใดก็ได้
ดังนั้นเพื่อป้องกันเรื่องนี้ ถึงผมจะนำไปตระเวนเสกเพิ่ม แต่พอถึงที่สุดก็ต้องนำมาให้หลวงพ่อวิชัยท่านเสกปิดท้ายอีกหน
เพื่อจัดกระแสพลังงานต่างๆ ที่อาจจะกระจัดกระจายคนละหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบไปตามแนววิชาของท่านอีกที
แต่ผลที่ได้แตกต่างกันคือในแง่ของความละเอียดของพลังงานและความหลากหลายของพลังงานที่สามารถใช้ในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังจะบวงสรวงปิดท้ายเพื่อให้ทางเบื้องบนสงเคราะห์จัดรูปแบบพลังงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์สมดังเจตจำนงค์ของผู้สร้างอีกที

จริงๆ ผู้ที่อยากได้แหวนที่หลวงพ่อท่านเสกประจุวิชานี้องค์เดียว จริงๆ ก็สามารถที่จะไปขอบูชาแหวนชุบทองที่ทำถวายท่านไปก็ได้
อันนั้นท่านเสกเพียงองค์เดียวแน่นอน แต่แหวนชุดที่จองไว้ผมก็อยากทำให้มันพิเศษสมกับที่รอกันมานานมาก
สำหรับผู้ที่ขอรับก่อนผมจะขออนุญาตตอกโค๊ตเพิ่มเพื่อให้แยกได้จากชุดที่เสกเพิ่ม
ดังนั้นเนือธรรมดาจะมีโค๊ต 2 ตัว เนื้อเงินจะมีโค๊ต 3 ตัว

 

ขออนุญาตรับแหวนก่อนได้ไหมครับ ผมขอแค่ปลุกเสกหลวงพ่อวิชัย อยากได้แหวนที่หลวงพ่อเสกและบรรจุวิชานี้ นะครับ ตอดโค๊ตเสร็จ ผมขอรับเลยนะครับ ขอบคุณครับ

 

ขอประชาสัมพันธ์ ท่านที่สนใจจะบูชาแหวนชุบทองในส่วนที่ถวายหลวงพ่อวิชัยไว้ 1,000 วง
สามารถติดต่อบูชาได้ตามหมายเลขข้างล่างนี้

สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐาน (พุทธเกษตร ดินแดนสุขาวดี) ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
โทร. 089-444-1128 (ร้านตำรับบุญ), 098270-6319 (คุณอนันต์), 087-8282360 (หลวงพ่อวิชัย)




ซึ่งแหวนที่ให้บูชาได้มีขนาดดังนี้ 52, 54, 58, 61, 65, 70 และ 72
ซึ่งจริงๆ แหวนที่ทำถวายท่านมี 20 ขนาด แต่เนื่องจากท่านส่งหัวมาให้ประมาณ 185 หัว
ช่างเขาจึงสุ่มใส่ให้ได้แค่ 185 วง ซึ่งมีขนาดดังนี้ 52, 54, 58, 61, 65, 70 และ 72
ส่วนขนาดอื่นยังไม่ได้ใส่หัว เนื่องจากหลวงพ่อจะนำไปให้ช่างทางแม่สายที่เป็นลูกศิษย์ท่านใส่ให้

 

รอได้ครับให้พี่หมอทำเหมือนกับแหวนนพสิทธิ์ฯเลยเพราะแหวนนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในกระบวนการของพี่หมอแล้วเราก็ทำในส่วนของเราให้เต็มที่เลยครับนานกว่านี้ก็รอได้

 

จริงๆผมก็อยากรับแหวนเลยครับ เพราะมั่นใจในองค์หลวงพ่อวิชัยกับการเสกหยก แต่เท่าที่อ่านดูหลังจากพิธีเห็นมีเสกเพิ่มไปบ้างแล้ว ก็คงต้องรอให้จบกระบวนการ เพราะอย่างไรก็อยากให้หลวงพ่อวิชัยเสกปิด เพราะเจตนาการสร้างมาจากท่าน

ต้องรบกวนคุณหมอด้วยครับ ท่านที่สุขภาพดีก็รอได้สบายๆ คนที่กังวลกับสุขภาพของคนในบ้านอย่างผมก็อยากได้เร็วครับ ---- ด้วยความเคารพครับ

 

ขอโทษค่ะ รบกวนสอบถาม ที่เคยจองแหวนสองวงเมื่อกลางปีที่แล้วนั้น รับได้รึยังค่ะ
ชื่อ Huimin1975 ค่ะ

 

ถ้าอยากจะรับตอนนี้ ก็แจ้งความประสงค์กับคุณหมอได้เลย.........
แต่ถ้าอยากให้ครูบาอาจารย์เสกเพิ่มหลายๆองค์ หลายๆพิธีเพื่อให้มีพุทธคุณครบตามเจตนาและรูปลักษณ์ของการออกแบบแหวนตั้งแต่ต้น
ก็ต้องอดทนรอสักหน่อยรับได้ประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ โดยคุณหมอท่านจะขอความเมตตาหลวงพ่อวิชัยเสกปิดท้ายให้อีกครั้ง

 

อัฐิธาตุของลป.เภา พุทธสโร บูรพาจารย์แห่งวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา แปรเป็นพระธาตุหลากสีสันสวยงามมาก

อัฐิธาตุ ลป.ชั้ว ฉันทธรรมโม อดีตเจ้าอาวาส รูปที่ 5 ของวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา แปรเป็นพระธาตุแล้วเช่นกัน
(จริงๆ ทุกรูปที่เป็นศิษย์ของลป.เภา อัฐิแปรสภาพหมดทุกรูป ไม่เว้นแม้แต่แม่ชีหรือฆราวาส)

ภายในพระอุโบสถของว้ดถ้ำตะโกพุทธโสภามีรูปปั้นเท่าองค์จริงของท่านทั้ง 2 ประดิษฐานอยู่
ซึ่งในวันที่ทำพิธีพุทธาภิเษกแหวนสัตตภุชงค์ฯ ลพ.วิชัย ก็ได้เห็นท่านทั้ง 2 มาร่วมในพิธีด้วย
เมื่อคืนได้คุยกับ่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโกฯ ท่านบอกว่าแหวนที่วัดเหลืออยู่ประมาณ 10 วง
เพราะเวลาคนไปขอบูชาที่ลพ.วิชัย ท่านก็จะบอกให้ไปบูชาของที่วัดถ้ำตะโกฯ ด้วย
ทำให้ได้เงินมาสร้างรูปหล่อพระนางจามเทวีและมณฑปพอดี
ท่านก็เลยคิดจะใช้ชื่อแหวนนี้มาตั้งชื่อเป็นมณฑป ก็เลยบอกให้ท่านทำสัญลักษณ์นาคเกี้ยวกัน 7 ตัว ไว้ที่มณฑปด้วย
ก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ได้มีส่วนร่วมสละเวลาและสละปัจจัยในการบูชาแหวนครั้งนี้ด้วย



แหวนตอนนี้ได้ตอกโค๊ตหมดเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ได้นำไปเสกที่วัดสะแก
แต่หลวงน้าใยท่านอาพาธ จึงได้ให้หลวงพี่อ้วนท่านเสกให้แทน
หลวงพี่อ้วนนี่ท่านได้ถือปฏิบัติไม่นอนมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว
เกศาท่านก็เริ่มแปรเป็นพระธาตุแล้ว

เมื่อวานมีเพื่อนรุ่นน้องได้ไปกราบ พระอาจารย์สุริยันต์ วัดป่าฉัพพรรณรังสี ชัยภูมิ
ซึ่งท่านได้เมตตาพิจารณาแหวนสัตตภุชงค์โพชฌงคปริตรให้
ท่านบอกว่า...แหวนหัวหยก...ไม่ต้องเอาไปเสกแล้ว เต็มแล้ว
ส่วนแหวนของวัดถ้ำตะโก (หัวเมฆสิทธิ์) ใช้อาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคภัยดี เป็นมหาอำนาจ......
ซึ่งก็ไปคล้ายๆ กับที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านพิจารณาให้ก่อนหน้านี้ว่า
.....แหวนหัวเมฆสิทธิ์ กันโรคภัย ไล่ผีดี...แหวนหัวหยก พลังละเอียดลุ่มลึกกว่าและมีทางลาภเด่นขึ้นมาด้วย...

แต่เนื่องจากตั้งใจไว้แล้วว่าจะนำไปเสกเพิ่ม ก็คงยังต้องนำไปตามความตั้งใจเดิม
เพราะยังมีเหตุที่จะต้องไปกราบพระอริยเจ้าบางรูป ก็ถือโอกาสนำแหวนไปเสกด้วยเลย

 

ที่ว่าแหวนหัวหยกไม่ต้องเสกเพิ่มแล้ว เต็มแล้ว ในด้านไหนบ้างคุณหมอ นอกจากด้านรักษาโรค ป้องกันโรค

 

ได้รับแหวนแล้ว ขอบคุณมากนะครับ

 

ขณะนี้ ลพ.ลำใย สัญญโม วัดสะแก ได้อาพาธและเข้าพักรักษาตัวที่ รพ.วิชัยยุทธ
ตึกเก่าชั้น 10 ห้อง 1007 (ห้องรับแขก 1006)

"เต็ม" ในทางพระท่านหมายถึง เต็มทุกด้าน เสกไม่เข้าอีกแล้ว
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอธิวาสนาบารมีของแต่ละท่าน แต่ละคนทำบารมีมาไม่เท่ากัน
เหมือนคนทำทานบารมีมานิดเดียวแล้วเสกให้เป็นมหาลาภ โภคทรัพย์ก็ทำได้เต็มเท่าที่บารมีตนทำมา
ต่อให้เสกเป็น 10 ปี 100 ปี ก็ทำได้เท่าบารมีที่ตนสะสมมาเท่านั้น
แต่ถ้าไปเจอท่านที่ทำทานบารมีมามาก ท่านก็สามารถเสกเพิ่มให้ได้
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของ "เหตุ" และ "ผล" ไม่มีเรื่องของความบังเอิญ ทุกอย่างในวันนี้ล้วนมีเหตุปัจจัยมาจากอดีตทั้งสิ้น
ดังนั้น "เต็ม" ในแต่ละท่านจึงไม่เท่ากัน บางองค์จึงเสกเข้าได้บางองค์ก็เสกเพิ่มไม่ได้เพราะวาสนาบารมีที่ต่างกันนั่นเอง

อนึ่งผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิมักจะเสกพระได้หลากหลายกว่าสาวกภูมิ
เพราะต้องบำเพ็ญบารมี 10 กรรมฐาน 40 กองก็ต้องเรียนรู้ทั้งหมดเพื่อจะเป็นครูสอนเขาได้
ในขณะที่สาวกภูมิแค่เชี่ยวชาญกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก็สามารถพ้นทุกข์ได้แล้ว
แต่จะไปปรามาสสาวกภูมิก็ไม่ได้ เพราะบางท่านก็เคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน แต่มาละที่หลัง
เหมือนคนเรียนจะเอาปริญญาเอก แต่ทิ้งการเรียนเสียกลางคัน
แม้สุดท้ายแล้ววุฒิจะเท่ากับปริญญาโทเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าคนที่เรียนต่อเอกแม้จะไม่จบก็ยังทรงภูมิมากกว่าคนที่เรียนจบแค่ป.โท

การบรรจุพลังจิตลงในวัตถุมงคลก็เหมือนกับการปรุงอาหาร
ถ้าเน้นด้านใดด้านหนึ่งมากไปก็อาจจะเปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด จนบางคนทานไม่ได้
แต่อาจจะถูกจริตกับใครบางคนที่ชอบอย่างนั้น ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย
ส่วนการบรรจุด้านอื่นลงไป ก็เหมือนกับการตกแต่งรสชาดให้กลมกล่อมทานได้อร่อยลิ้น เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
อาจจะไม่ต้องเปรี้ยวจิ๊ด หวานเจี๊ยบ เผ็ดจ๊าก เค็มปี๋ แต่ผสมกลมกลืนกันได้เป็นอย่างดี

<!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:TargetScreenSize>800x600</o:TargetScreenSize> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif]-->[FONT=&quot]มวลสารสุดวิเศษ เปรียบเส[FONT=&quot]มือน [/FONT][/FONT][FONT=&quot]วัตถุดิบอันดีเลิศ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ผู้อธิษฐาน เปรียบเส[FONT=&quot]มือน [/FONT]พ่อครัว ผู้ปรุง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แม้นวัตถุดิบจะเลอเลิศ[/FONT][FONT=&quot]ถ้าพ่อครัวฝีมือได้เท่าไหน รสชาดก็จะโอชะเพียงนั้น[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]<!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:TargetScreenSize>800x600</o:TargetScreenSize> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif]--> [/FONT][FONT=&quot]จิตถึงไหนได้เท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]เป็นหลักธรรมชาติ[/FONT][FONT=&quot]

[FONT=&quot]ห[/FONT][/FONT][FONT=&quot]ากแม้นฝืนกฎธรรมชาติแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ทุกคนย่อมสร้างพระได้พลังงานเท่ากันหมด ไม่จำเป็นต้องให้เกจิอธิษฐาน
[/FONT][FONT=&quot]เราก็ขออธิษฐานได้ว่า ขอพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จงมาสถิตย์ [/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คนที่ไม่ฝึกจิตหากอธิษฐาน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ไม่มีสมาธิ) ก็จะไม่มีพลังงานใดๆ ลงไปสถิตย์เลย
ส่วนผู้ปฏิบัติก็ย่อมน้อมนำกระแสพลังบรรจุลงไปได้ตามบารมีธรรมของตน บรรลุธรรมมากอธิษฐาน[/FONT][FONT=&quot]ก็จักมีพลังงานสถิตย์มาก[/FONT]
[FONT=&quot]ผง มวลสาร ที่พระเกจิอธิษฐานไว้ ย่อมมีพลังงานแน่นอน [/FONT][FONT=&quot]เช่น ผงสมเด็จวัดระฆัง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แต่เมื่อองค์พระสลาย การตั้งเป็นองค์พระก็หมดลง[/FONT][FONT=&quot] เช่น คนตายความเป็นมนุษย์ก็หมดลง
แต่พลังงานไม่ได้สูญหายไปไหน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ถ้าหายก็ผิดหลักธรรมขาติอีก) เพราะพลังงานไม่มีวีนสูญหายแต่อาจเปลี่ยนสถานะได้
[/FONT][FONT=&quot]คราวนี้เมื่อมีการนำมวลสารมาตั้งเป็นองค์พระใหม่และอธิษฐาน[/FONT][FONT=&quot]จิต
ผู้อธิษฐานได้ถึงไหน[/FONT][FONT=&quot]ก็สามารถคลี่พลังงานที่สถิตย์ออกมาได้เพียงนั้น[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ดังนั้นผู้อธิษฐานจึงสำคัญมาก[/FONT] [FONT=&quot]อย่างนี้ก็แสดงว่าต้องดูว่าใครปลุกเสกเป็นหลักละสิ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]คำถามนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก[/FONT][FONT=&quot]แต่ก็ไม่ผิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เพราะขั้นแรก พลังงานที่ใช้ได้จะเท่ากับพระผู้ทำการอธิษฐาน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ถ้าผู้ใช้เป็นผู้ไม่ปฎิบัติก็ได้เท่านั้น [/FONT][FONT=&quot]แต่หากผู้ใช้เป็นนักปฎิบัติ[/FONT][FONT=&quot]แล้วเมื่อปฎิบัติได้มากกว่า
[FONT=&quot]ก็ย่อมดึง[/FONT][/FONT][FONT=&quot]พลังงานที่สถิตย์อยู่[FONT=&quot]องค์พระ[/FONT]ออกมาใช้ได้มากขึ้น[/FONT][FONT=&quot]ตามธรรมที่ตนบรรลุ

[/FONT][FONT=&quot]มวลสารจึงมีความสำคัญดังนี้[/FONT][FONT=&quot]

ดังนั้นนอกจากเจตนาบริสุทธิ์[/FONT][FONT=&quot]และองค์ประกอบอื่นๆ เลิศแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]มวลสาร และ ผู้อธิษฐาน จึงมีความสำคัญมาก[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้[/FONT]

เคยมีผู้ทรงภูมิความรู้ท่านหนึ่งเคยเขียนบรรยายเรื่องพุทธานุภาพในวัตถุมงคลเอาไว้
จึงขออนุญาตนำมาลงไว้ในที่นี้ด้วย

 

ทำนำไปเสกเพิ่มนี้เฉพาะแหวนที่จองไว้
ไม่รวมพวกที่ยังไม่ใส่หัวหยกที่หลวงพ่อวิชัยใช่มั้ยครับ

 

ขออนุญาตตอบแทนน๊ะคับ
แหวนที่นำไปเสกต่อนี้ จะเป็นแหวนในส่วนที่จองกับคุณหมอเท่านั้นคับ
ไม่เกี่ยวกับแหวนที่อยู่กับหลวงพ่อวิชัย คนละส่วนกันคับ

 

ไม่ได้เข้ากระทู้นาน

แหวนของผมรอได้ครับ ตะเวนเสกได้เต็มที่เลยครับพี่

ขอบคุณมากๆครับผม

 

ระหว่างรอเสกหัวหยก ชมหัวเมฆสิทธิ์ไปก่อน

 

พิธีใหญ่รอบสุดท้าย ที่หลวงพ่อวิชัยจะเสกปิด ประมานช่วงไหนครับพี่หมอ