เผยแนวคิดสร้างยานเคลื่อนที่ตาม "ฟองกาล-อวกาศ" ไปได้เร็วกว่าแสง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย zipper, 15 สิงหาคม 2008.

  1. wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    แล้วมีขนาดไหนบ้างละ s m l xl xxl หรอ

    "ความรู้ไม่ได้มีอยู่แค่ในตำราหรือในหนังสือฟิสิกก์วิทยาศาสตร์ของน้องหรอกนะครับ"
     
  2. wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    ก็ทำให้วิ่งสวนกันครับ
     
  3. นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    ขนาดมันอย่างเช่น มีพลังงานกี่จูลไงครับ

    ใช่มันไม่ได้อยุในตำราฟิสิกซะทีเดียว แต่มันอยู่ในธรรมชาติไงครับ
     
  4. abha12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +125
    ทฤษฎี นี้คุ้นๆแฮะ แต่การจะทำได้ต้องใช้พลังงานมากมาย
     
  5. TinglieUB สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    คิดว่าน่าจะเอาน้ำเป็นพลังงานครับ
     
  6. Omniverse สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +12
    มาโหวตให้คุณ zipper แล้วปูเสื่อรอและขอร่วมแจมนะครับ

    น่าแปลกนะครับที่คนที่คิดค้นทฤษฎีนี้คือ Dr. Miguel Alcubierre ชาวเม็กซิกันเป็นแฟนพันธุ์ภาพยนตร์เรื่อง Star Trek ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดทฤษฎีนี้ขึ้นมาโดยอิงจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอสไตน์ครับ

    หลักการคร่าวๆ ก็อย่างที่คุณ zipper ได้อธิบายไว้นั่นแหละครับ ถ้าจะให้เห็นภาพชัดขึ้นก็เป็นเหมือนการเล่นโต้คลื่นที่เราไม่ได้ส่งแรงผลักให้กระดานเคลื่อนไปข้างหน้า แต่เป็นมวลของคลื่นต่างหากที่ผลักให้กระดานไปข้างหน้าทั้งที่จริงๆ แล้วกระดานโต้คลื่นทำหน้าที่เพียงแค่ลอยอยู่บนยอดคลื่นเท่านั้น

    เมื่อนำไปเทียบกับกรณีนี้ ตัวยาน (ที่อยู่ภายใน spatial bubble) เองไม่ได้เคลื่อนที่ เเต่เป็น space-time ต่างหากที่เป็นตัวผลักให้ spatial bubble (ซึ่งมียานอยู่ภายใน) เคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งการยืด-ขยายของ space-time นั้นจะมีค่ามากกว่าความเร็วของแสงอันเนื่องมาจากการขยายตัวของ space-time แบบ inflation ในช่วงต้นของการกำเนิดเอกภพของเรานั่นเอง

    สำหรับการทำให้ space-time ข้างหน้า spatial bubble หดตัวนั้นต้องใช้พลังงานบวก (ซึ่งมีอยู่ทั่วไป) ปริมาณมหาศาล (ประมาณเทียบเท่ากับพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมาในช่วงระยะเวลา 1 ปี) ต่อการเดินทาง 1 ครั้ง ส่วนการยืดขยาย space-time ข้างหลัง spatial bubble นั้นต้องใช้พลังงานลบ (negative energy) ในปริมาณที่สมดุลกับ positive energy หน้า spatial bubble ซึ่งอาจได้มาจาก casimir effect หรือตามความเข้าใจของผมแล้วอาจจะได้มาจากสารประหลาด (exotic matter) หรือพวก dark energy ที่ทำให้เอกภพขยายตัวก็ได้ครับ

    ขนาดของ spatial bubble ที่ต้องสร้างครอบคลุมตัวยานนั้น Alcubierre ได้กล่าวว่าจะต้องมีขนาดใหญ่มากๆ ราวๆ ดาวพฤหัสบดีเลยทีเดียว ซึ่งต้องใช้พลังงานในปริมาณมหาศาลเช่นกัน

    ที่น่าแปลกใจก็คือตัวทฤษฎีของ Alcubierre นี้พอผมไปอ่านดูแล้วเทียบกับคำกล่าวอ้างของ Bob Lazar ผู้โด่งดังจาก Area 51 ที่ออกมาอธิบายเกี่ยวกับจานบินและแหล่งพลังงานที่ได้จาก element 115 ที่จะปลดปล่อย antimatter ออกมาหลังจากถูกยิงด้วยโปรตอน แล้วนำไปใช้เป็นพลังงานสร้างแรงต้านความโน้มถ่วง ดูมันคล้ายๆ กันในบางช่วงอย่างน่าแปลกใจครับ (ทั้งๆ ที่คำอ้างของ Lazar นี้ผมเคยอ่านตั้งแต่อายุ 12-13 ขวบในหนังสือ UFOs ของ บรรยงค์ บุญฤทธิ์ พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสไปอ่านในเว็บนี้ BOB LAZAR’S GRAVITY GENERATOR ถึงได้รู้ว่าน่าจะแปลมาจากบทความในเว็บนี่เอง
    ส่วนเรื่องธาตุที่ 115 นั้น ถ้าเชื่อตามคำอ้างของเอื้อยกะปอม Lacerta ว่าธาตุที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานของจานบินน่าจะมีมวลอะตอมน้อยกว่านี้ ส่วนการที่คนใน area 51 ต้องใช้ก็เพราะโดนพวก greys ต้มเสียเปื่อยยุ่ย แต่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ธาตุอะไรแทนถึงจะได้ antimatter มาเป็นแหล่งพลังงานเพราะอี่ปี้จักก่าไม่ได้บอกไว้ครับ)

    เรื่องนี้ผมว่ามันน่าสนใจเพราะต้นกำเนิดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ก่อนจะผสมด้วยคำกล่าวอ้างจากพยานผู้ทำงานใน Area 51 (ถ้าเราเชื่อว่าเรื่องจานบินเป็นเรื่องจริง) และสุดท้ายก็ได้คำตอบจากนักฟิสิกส์ที่ทั้งทำการศึกษาทฤษฎีของไอสไตน์และเป็นแฟนภาพยนตร์ Star Trek ด้วย เป็นการผสมกลมกลืนที่น่ามหัศจรรย์เสียนี่กระไร :cool:

    ปล.ไม่มีลิงค์ครับเพราะประมวลจากความจำที่ผมศึกษาเองโดยตรงทั้งจาก youtube, sci fi science, เเละบทความต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปครับ
    (keyword: warp drive, alcubierre drive, ftl drive)
     
  7. AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    แล้วคิดว่าพลังงานนั้นจะไม่มีกานหยุดเหมือนลูกคลื่นหรือครับ หากมันหยุดหรืออ่อนกำลังลงอย่างกระทันหัน เราไม่แย่หรือ
     
  8. wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    พลังงานมืดเป็นพลังขับเคลื่อนของระบบแกแล็กซี่ครับ
     
  9. AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    อ๋อ เข้าใจละครับ
     
  10. ooghost เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +119
    น่าคิดครับถ้าเดินทางจริง ต้องมีห้องพิเศษให้ร่างมนุษย์อยู่ด้วย
     
  11. Omniverse สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +12
    ถ้าสร้างคลื่นพลังงานได้มหาศาลขนาดนั้นคงต้องมีวิธีการควบคุมให้ space bubble "warp field" คงที่ (stable) ได้ไม่ยาก แต่ถึงแม้ว่าฟองอันนี้สลายไปในทันที ก็คงจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะตัวยานอยู่ภายในฟองโดยที่ space-time ทั้งภายในยาน (ที่มีลูกเรือ) และรอบๆ ตัวยานที่อยู่ภายในฟองอีกทีเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลง space-time เพียงแค่บริเวณรอบๆ ฟองเท่านั้นครับ

    แต่ที่เข้าใจว่าแย่ คงหมายถึงถ้ากำลังเดินทางด้วย warp speed แล้วฟองถูกทำลายอย่างกะทันหัน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจจะเป็นไปได้ว่ากระโจนออกมาใกล้ asteroid, star หรือหลุมดำมากเกินไปซึ่งอาจจะเกิดปัญหายุ่งยากต่อตัวยานและลูกเรือได้ครับ
     
  12. Omniverse สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +12
    เพิ่มเติมครับ สิ่งที่คอยควบคุมรูปร่างและการหมุนวนของดาราจักรต่างๆ มาจาก dark matter ครับ ส่วน dark energy นั้นเป็นพลังงานที่เร่งการขยายตัวของเอกภพมาตั้งแต่จุดเริ่มของ big bang แล้วครับ

    dark matter นี่มุมมองของพวก astrophysicists บางกลุ่มเสนอว่า มีสสารมืดพุ่งผ่านตัวเราเป็นจำนวนมหาศาลโดยที่่ไม่สามารถวัดหรือรับรู้ได้ ซึ่งเป็นมุมมองที่พยายามอธิบายในรูปแบบ คลื่น-อนุภาค แต่บางกลุ่มเขากลับมองว่า มันเป็นผลมาจากมวลขนาดยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในมิติที่สูงๆ ขึ้นไป ซึ่งตอนนี้มีการสร้างแผนที่สามมิติจำลองการกระจายของสสารมืดเรียบร้อยแล้ว (อันหลังนี้ผมอนุมานว่าเขามีมุมมองแบบนักคณิตศาสตร์มากกว่านักฟิสิกส์อนุภาคครับ)

    ขออนุญาตแปะลิงค์
    แผนที่สสารมืด
    Astronomers Create 3D Map of Dark Matter | Space.com


    เงาสสารมืดบริเวณทางช้างเผือก
    http://www.solstation.com/x-objects/darkhalo.htm
     
  13. ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    เมืองไทย มีผู้ที่มีความรู้มากมาย แต่ทำไม......:cool: เฮ้อ......
     
  14. Omniverse สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +12
    ตามความเข้าใจของผมพลังงานมืดน่าจะเป็นพลังงานผลัก (ยืด) space-time ให้กว้างออกไปมากกว่านะครับ
    ส่วนพลังงานที่ทำให้ space-time หดสั้นลงน่าจะมาจากพลังงานทั่วๆ ไปที่เรารู้จักครับ

    แต่พอลองกลับคิดดู แม้แต่พลังงานที่เรารู้จักมันก็ยังมีข้อให้ถกเถียงอยู่มากครับ คือ การที่ space-time รอบดาวฤกษ์หรือดาราจักรโค้งงอ
    เป็นผลมาจากมวลของมันเองที่ดึงให้ space-time รอบๆ ให้โค้งเข้าหาตัวมัน
    แต่อีกกลุ่มก็เสนอว่า มันเป็นผลจากการผลัก space-time โดยรอบให้โค้งงอต่างหาก เป็นมุมมองที่น่าสนใจนะครับ

    ดังนั้น ผมจึงประหลาดใจกับคำอ้างของปี้จักกิ้ม Lacerta ที่ว่าแรงดูดกับแรงผลักนั้นแท้ที่จริงมันก็อันเดียวกัน
    ผมจึงยิ่งสงสัยในคำสัมภาษณ์ Lacerta ว่าถ้าไม่มีมูลจริงแล้ว คนเขียนก็น่าจะมีความรู้ความเข้า่ใจในด้าน Astrophysics หรือ Theoretical physics ดีเยี่ยมคนหนึ่ง
    หรืออาจจะเป็นนักเขียน-นักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ตัวยงคนหนึ่งเชียวล่ะครับ:VO
     

แชร์หน้านี้