เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ถูกคนกลั่นแกล้ง
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ผู้ถาม : นึกถึงความกลั่นแกล้งเป็นเวลา 10 ปีมาแล้ว
    ต้องร้องไห้ทุกที ภาวนาก็ไม่หาย ทำบุญทีไรก็ไม่
    เป็นเรื่อง ขอบารมีหลวงพ่อช่วยเปลื้องความที่คนอื่น
    มากลั่นแกล้งด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : โธ่เอ้ย ! เฉยๆ ไว้ อุเบกขา ช่างมันๆๆ
    ไอ้การถูกกลั่นแกล้งนี่ ฉันโดนมาขนาดหนักนะ

    ผู้ถาม : อะไรครับ ! เป็นพระสงฆ์ยังโดนอีกหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ยิ่งกว่าพวกนี้เยอะ โดนมาหนักเลย
    เพิ่งจะมาเบาๆ แค่ 2 ปีนี่เอง เมื่อก่อนโดนมาตลอด
    ฉันถือว่าการแกล้งเป็นเรื่องของคนแกล้ง ถือคาถา
    บทเดียวว่า ” ช่างมันๆๆ ”
    แล้วผลที่สุด คนแกล้งก็พังทุกราย พังย่ำแย่เลยนะ

    ผู้ถาม : โอ…หลวงพ่อนี่แตะไม่ได้เลยนะ

    หลวงพ่อ : แตะไม่ได้หรอก….ล้ม !
    ไม่แตะยังล้มเลย (หัวเราะ)

    ผู้ถาม : ใช้ สัมปจิตฉามิ หรือครับ ?

    หลวงพ่อ : เมื่อก่อนใช้เฉยๆ ไม่ยอมรับ ถ้าเราไม่ยอมรับ
    มันกลับไปหาเจ้าของเขา ถ้าย้อนกลับไปมันแรงกว่า
    มันมากระทบเรา ไม่ต้องไปแช่งเขานะ ไปแช่งเขา
    ไม่มีผลกำลังเราตก ถ้าเป็นฆราวาสเวลาสวดมนต์เสร็จ
    อุทิศส่วนกุศลกรวดน้ำให้

    ผู้ถาม : ให้คนที่เราไม่ชอบใจนี่หรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่ๆ ทำจิตใจให้เป็นสุข เมื่อมันตายแล้วจะได้รับ

    ผู้ถาม : อ๋อ…โมทนาให้เขาเลย

    หลวงพ่อ : คิดว่าเขาตายแล้วไงล่ะ เรากรวดน้ำให้เขา
    เป็นสุข ไม่ช้าก็พัง รับรองว่าไม่เกิน 1 ปี ของฉันนี่
    พังมาแล้ว ไม่รู้กี่ร้อยรายแล้ว แต่เราต้องทำเฉยๆ นะ
    ทำจิตเป็นสุข ไม่โกรธ ห้ามใจเสีย บูชาพระด้วยจิต
    เป็นสุข หลังจากนั้นจึงอุทิศส่วนกุศลกรวดน้ำให้เลย
    อย่างนี้ขอยืนยันว่า ถ้าเอาจริงๆ นะ ไม่เกิน 3 เดือน
    จอดแน่ๆเลย

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2549)

    15697567_1020235021421574_1745143131197946189_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f339.png 1f33b.png วิธีต่ออายุใหญ่ด้วยตัวเองแบบง่ายๆโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน 1f33b.png 1f339.png

    1f337.png 1f33b.png .ตามวิธีโบราณาจารย์ท่าน สอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิด หรือวันสำคัญของเรา

    1f339.png 1f33b.png ” ใส่บาตร “ 1f33b.png 1f339.png

    1f337.png วันไหนก็ได้ทำกับข้าวพิเศษ ตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุนจะพึงมี จัดใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์สร้างพระพุทธรูปสัก ๑ องค์

    1f339.png 1f33b.png ” สร้างพระพุทธรูป “ 1f33b.png 1f339.png

    . 1f337.png พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดิน เหนียวก็ได้เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนพลาสเตอร์ก็ได้ หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว อานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายเป็นสมบัติของสงฆ์

    1f339.png 1f33b.png ” ปล่อยสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่า “ 1f33b.png 1f339.png

    . 1f337.png หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตายอย่างที่เขานำมาเพื่อแกง หรือที่เขาทอดแห สุ่มปลาได้ มีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสัก ๒ ตัวตามกำลัง(ตามกำลังทรัพย์) แล้วปล่อยไป

    . 1f337.png และก็อุทิศส่วนกุศลส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต

    ท่านบอกว่าถ้าทำเป็นนิจคำว่า ” อุปฆาตกรรม ” คือกรรมที่เข้าลิดรอน ก่อนอายุขัยก็ดี และ ” อกาลมรณะ “คือกรรมที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มี สำหรับ ผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึง แค่ป่วยไม่มาก ก็เป็นธรรมดา

    1f339.png 1f33b.png .ด้านอนุสติ. 1f33b.png 1f339.png

    1f337.png 1f33b.png .เรื่องการต่ออายุ มีในพระพุทธศาสนา แต่ว่าวิธีการต่ออายุของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าเดี๋ยวนี้ก็จ่ายหนักอยู่เหมือนกัน เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วัน เรื่อง การต่ออายุขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเดี๋ยวนี้ที่ทำกันก็จ่ายหนัก อยู่เหมือนกันนะ เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วันนี่ เสียทั้งข้าว ทั้งน้ำนี่ บางทีต้องจ่ายสตางค์ด้วย แย่เหมือนกันนะ พระเองก็จะทนไม่ไหว

    . 1f337.png ก็เลยใช้สายสิญจน์ก็แล้วกัน แต่ว่าสายสิญจน์ ที่ทำกันนั้น ก็อย่าลืม พระรัตนตรัยแต่ทางที่ดีญาติโยม พุทธบริษัท ถ้าจะทำ อย่างนั้นนะ ถ้าคนป่วยจริงๆอย่าปล่อย ให้ไม่มีความรู้สึก(ทำตอนที่ยังมีสติอยู่) ตอนที่สติยังดีๆอยู่ ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้ง หนึ่ง แต่ไม่ใช่สวดอภิธรรม หากสวดพระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะ สิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ๆ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้

    . 1f337.png แต่ถ้าผู้นั้นจะตายอย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนคนคนที่ตกน้ำว่ายน้ำไม่เป็น เราส่งอะไรให้เกาะ เขาก็ จะเกาะ ส่งไม้ให้เกาะ เธอก็จะเกาะ ส่งสุนัขให้เกาะเธอก็จะเกาะเพราะต้องการทรงชีวิตอยู่ก็เช่นกันถ้าคนป่วยเห็นพระ และสวดพระปริตร

    . 1f337.png จิตคนป่วยในตอนนั้นได้รับ สมาทานศีลก่อน เวลานั้นก็จะได้รับการ สมาทานศีลอยู่ด้วย สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้เป็นคนมีศีล

    . 1f337.png เวลาที่มีการสวดพระปริตรจิตก็จะฟังพระสวดด้วยความ เคารพ จิตจะยึดอยู่กับพระ หลังจากพระกลับแล้ว จิตจะจับอารมณ์ นั้นตลอด เพราะในขณะที่ป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีลต่อไปอีก เพราะกำลังป่วยอยู่ ไม่สามารถที่จะไปฆ่าใคร หรือทำร้ายใคร หรือลักขโมยใคร ถือว่าคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์

    . 1f337.png ถ้ามีการถวายทานด้วยไม่ว่าทานนั้น จะเป็น ธูป เทียน ดอกไม้ หรือปัจจัย โภชนาหารก็ตาม ถือว่าเป็นการถวายทานแก่ พระสงฆ์ กำลังของทาน จะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง ด้าน อนุสติ

    . 1f337.png ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอก็จับพระพุทธรูป เป็น ” พุทธานุสติ ” การจำเสียงสวด เป็น ” ธัมมานุสติ ” การนึกถึงพระสงฆ์เป็น

    ” สังฆานุสสติ ”

    1f337.png .ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตายบาปกรรมใดๆที่ทำมาแล้ว ในกาลก่อน จะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลา นั้น เหลือแต่บุญอย่างเดียว ที่จะประคับประคองคนน้นไป สวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปนิพพาน. 1f33b.png 1f339.png
    .
    .
    1f337.png .หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี 1f337.png
    1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png
    กราบขอบพระคุณที่มาจาก…นิตยสารธัมมวิโมกข์(ธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์)นิตยสารธรรมปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๓๙๖ หน้า ๑๒ – ๑๓.รวบรวมจัดพิมพ์โดยคณะสงฆ์และคณะเจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี.(สงวนลิขสิทธิ์ห้ามคัดลอกเพื่อการค้าอย่างเด็ดขาด) 1f33b.png
    1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png

    15697179_1021327797978963_7329797015271989071_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f337.png 1f33b.png สำหรับพระโสดาบันนี่ก็อยู่ในขั้นชาวบ้านชั้นดีเท่านั้น คือมีศีลบริสุทธิ์ 1f33b.png 1f337.png

    1f337.png 1f33b.png .มีความเคารพในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการ ผมไม่เห็นมีอะไรมาก นอกจากว่าเราจะต้องรักษาศีลให้เป็นอัตโนมัติ คำว่าระวังในศีลจึงไม่มีในจิตเราเลย นี่หมายความว่าอย่างนี้ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า ปล่อยให้ศีลมันหายไปหมด คือเรื่องศีล จิตมันมีอารมณ์ปกติในการรักษาศีล โดยไม่ต้องระวังอย่างที่พวกเราหายใจกันอยู่ทุกวัน อารมณ์หายใจมันเคลื่อนไหวไปตามอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องสั่ง มัน จะหายใจเข้า หายใจออกเป็นปกติของมัน จะสั้นหรือยาวก็เป็นไปตามความต้องการของร่างกาย โดยที่จิตใจเราไม่ต้องไปสั่ง ข้อนี้มีอุปมาฉันใด การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ของพระโสดาบันก็เป็นเช่นนั้น ให้ศีลมันอยู่ในขอบเขตเป็นอัตโนมัติ มีการระมัดระวังเป็นปกติ นี่จึงจะเป็นการสมควร 1f33b.png 1f337.png .”

    1f337.png 1f33b.png .พระโสดาบันมีปัญญาเพียงเล็กน้อย รู้แค่ตายเท่านั้น ยังไม่สามารถจะจำแนกแยกร่างกาย ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราได้ พระโสดาบันยังมีความรู้สึกว่า ร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหลายยังเป็นเรา เป็นของเรา แต่ทว่ามีความรู้สึกว่า สิ่งทั้งหลายที่เป็นของเรานี้ทั้งหมดเมื่อตายแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาครอบครอง หรือถ้าว่าเรายังไม่ตาย สักวันหนึ่งข้างหน้า มันก็ต้องสลายตัวไป. 1f33b.png 1f337.png

    1f337.png 1f33b.png สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามีมีเพียงแค่อนุสสติ ง่ายๆ..

    1f337.png .๑. นึกถึงความตาย แต่ไม่จำเป็นต้องนึกทุกลมหายใจเข้าออก

    1f337.png .๒. ยอมรับนับถือ นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความเคารพ แต่ไม่จำเป็นต้องทั้งวัน นึกขึ้นมาเมื่อไรมีความเคารพจริงใจเมื่อนั้น

    1f337.png .๓. นึกถึงศีลหรือกรรมบถ ๑๐ เอาศีล ๕ ก็ได้ง่าย ๆ เป็นพระโสดาบัน ขั้นสัตตขัตตุง ควบคุมกำลัง คุมศีล ๕ ได้บริสุทธิ์ เท่านี้เองเป็นพระโสดาบันหรือสกิทาคามี 1f33b.png 1f337.png
    .⛅
    .⛅
    . 1f337.png หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี 1f337.png
    1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png 1f33f.png
    กราบขอบพระคุณที่มาจาก..หนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๓๑,๑๒๗.,๑๒๖,., โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.,วัดจันทาราม(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี.รวบรวมจัดพิมพ์โดยคณะของ .ศ.ดร. ปริญญา นุตาลัย. 1f33b.png
    1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png 1f52f.png

    15780646_1026409120804164_348018443712412188_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีนี้ไว้เหมือนเกลือรักษาความเค็มนะลูก คนที่ร่วมเดินทางไปกับเรามีหลายพวก และพวกที่คอยดักดูเราอยู่ข้างหน้าก็มีหลายพวก พ่อรู้ แม้แต่หน้าเขาพ่อก็เห็น แต่พ่อก็ทำเป็นไม่รู้ ว่าที่เขาไปกับเราเพื่ออะไร ส่วนใหญ่มักอยากจะไปดูการไปดูนี่ก็ดี แต่ทว่าเขาเห็นพิธีกรรมของเราเข้า เขาก็จะหาว่าเราบ้า ๆ บอ ๆ และยิ่งฟังรายงานของลูกเข้ายิ่งแล้วใหญ่ เขาคิดว่าเราเป็นบ้า แต่ความจริงบ้าได้อย่างนี้มันก็น่าบ้า ถ้าลูกบ้า พ่อก็เป็นหัวหน้าบ้า แต่เราบ้าตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่เราบ้าได้แบบนี้ เราก็ควรจะภูมิใจ

    15894580_1026635580781518_7792056326923537685_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “โลกธรรม”..

    .. “ธรรมประจำโลก” ซึ่งเราจะต้องละ
    คิดว่ามันไม่มีอะไรดี ก็มีอยู่ ๘ ประการ คือ
    ลาภ ได้ลาภแล้วก็เสื่อมลาภ ได้ยศแล้วก็
    เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ ทั้ง ๘
    ประการนี้ องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรง
    สอนว่า อย่าไปติดใจมัน

    ถ้าเราได้ลาภมาจงอย่าดีใจ จงทราบว่า
    “ลาภ” หรือสิ่งของเหล่านี้ จะมีประโยชน์
    เมื่อเราทรงชีวิตอยู่เท่านั้น ก็คิดไว้ในใจ
    มันเกิดได้มันก็สลายตัวได้ เมื่อลาภหมดไป
    ไม่เสียใจ ไม่ตกใจ ถือเป็นเรื่องธรรมดา
    ใจสบาย มีหน้าที่จะต้องหาก็หามาด้วย
    สัมมาอาชีวะ

    “ยศถาบรรดาศักดิ์” ที่เขาแต่งตั้งให้
    ก็คิดว่ามันมีสภาพเหมือนกัน “เป็นอนัตตา”
    เขาให้เราได้เขาก็เอาคืนจากเราได้ รับมา
    เพื่อการประคับประคองชีวิต แต่ไม่เมาใน
    ยศ เมื่อยศหายไปเราก็ไม่ตกใจเพราะว่า
    เป็นเรื่องธรรมดา

    เมื่อ “คำนินทา” เกิดขึ้นเราก็ไม่ตกใจ
    “นัตถิ โลเก อนินทิโต” คนเราเกิดมาจะไม่
    พ้นถูกคนนินทา พระพุทธเจ้ากล่าวว่า คนที่
    ไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก แม้แต่องค์
    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเองก็ทรง
    โดนหนัก หนักกว่าพวกเราเสียอีก

    เมื่อคำนินทาเกิดขึ้น ถ้าเราไม่เลว
    ตามนั้น เรายิ้มได้ คนที่นินทาเราหูตาไม่ดี
    แสดงว่าสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ถ้า
    คำนินทานั้นตรงกับความชั่วของเรา เรา
    ก็ยกคนผู้นั้นให้เป็นครูเลย คิดว่าเขานี่
    ดีจริงอุตส่าห์ตักเตือนเรา เราจะได้แก้ไข

    หาก “คำสรรเสริญ” เกิดขึ้น อย่าไป
    ดีใจกับคำสรรเสริญ ดูตัวเราว่าดีจริงตาม
    คำเขาพูดหรือเปล่า ถ้าเราดีจริงตามคำพูด
    ก็คิดต่อไปว่า ความดีของเรายังไม่แค่ไหน
    ถ้าดีจริงๆ เราก็ต้องเป็นพระอรหันต์

    ถ้าถึงความเป็นพระอรหันต์แล้วยังไม่
    นิพพานเพียงใด ก็ชื่อว่ายังไม่ถึงที่สุด เรา
    ยังไม่ดีใจ แล้วก็ยังพยายามหาอารมณ์
    ทดสอบจิตใจต่อไปเพื่อพระนิพพาน ถ้า
    คำสรรเสริญนั้นพิจารณาแล้วเรามีไม่ถึง
    เราคิดว่าคนพวกนี้เขาตั้งใจจะใช้เราเป็น
    ทาส เราไม่รับเอาไว้ ไม่โกรธ ทำใจสบายๆ

    ในความสุข หรือความทุกข์ใดที่เกิดขึ้น
    แม้ความสุขที่เกิดขึ้นมันก็ไม่สุขจริง มันเป็น
    “อามิสสุข” มันเป็นสิ่งของ เมื่อของเหล่านั้น
    หมดไป ใจมันก็ไม่สบาย ไม่ถือเป็นความ
    สุข คนรวยมาก เขามีลาภมากเขาก็ตาย
    ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ คนจนก็ตาย
    คนรวยก็ตาย

    คนมียศใหญ่ก็ตาย คนไม่มียศก็ตาย
    คนได้รับการนินทาก็ตาย ได้รับการ
    สรรเสริญก็ตาย คนมีความสุขในโลกียวิสัย
    ก็ตาย คนมีทุกข์ก็ตาย โลกธรรม ๘ เรา
    เข้าไปยึดมั่น ทั้งเราและมันก็ตาย ถ้าเรา
    นับถือโลก เราก็ต้องเกิดอีก มีความทุกข์

    ถ้าเราไม่ยึดถือโลกเราตายไปแล้ว
    เราไม่ต้องเกิดอีก เราก็มีความสุข คิดว่า
    เมื่อเราจะตายก็ขอตายในชาตินี้ชาติเดียว
    “ที่เราเกิดเป็นคนเพราะอาศัยความโง่เป็น
    ปัจจัย” เวลานี้เราพบองค์สมเด็จพระ
    จอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

    องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงชี้บอก
    ทางแก่เรา เป็นปัจจัยให้หลุดพ้นจากความ
    ทุกข์นั่นคือ “พระนิพพาน” การที่จะเข้าถึง
    พระนิพพานได้ “ก็เพราะจิตเราละโลกธรรม
    ทั้ง ๘ ประการ” ค่อยๆ ปลดไปทีละน้อยแล้ว
    มันจะหลุดเอง

    “และต้องอาศัยคิดถึงความตาย
    เป็นปัจจัย คิดว่าไหนๆ เราก็จะตายแล้ว
    เลิกทุกข์กันเสียที ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    สำหรับเรา”

    “โลกธรรม ๘” เป็นกับดักใจนำมาซึ่ง
    ความทุกข์ ค่อยๆ ปลดไปพิจารณาไปด้วย
    อำนาจของปัญญา จะเห็นว่าโลกธรรม ๘
    มิใช่วิสัยที่เราควรจะยึดถือ แล้วจะสามารถ
    ตัดตัวเหตุ ตัดด้วยความฉลาด ด้วยอำนาจ
    ของปัญญา

    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า “สมบัติของ
    โลกทั้งหมดนี่ มันมีอันจะต้องฉิบหายไป
    ในที่สุด” ศัพท์ว่า “ฉิบหาย” อย่านึกว่า
    เป็นคำหยาบ เป็นศัพท์ปกติของภาษาบาลี
    ในวิสุทธิมรรคท่านแปลว่า “มีอันจะต้อง
    ฉิบหายไป คือ พังสลายตัวไป” ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๗๓-๓๗๔

    15965978_1029718380473238_8757198578552058376_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “…เอาจิตคิดอย่างนี้ไว้ทุกวัน ลืมตาขึ้นมาปั๊บ บูชาพระเสร็จ คิดอย่างนี้และให้นึกต่อไปว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราอาจจะตายได้ทุกขณะ ที่นั่งคุยเวลานี้คุณอาจจะตายทันทีทันใดก็ได้ อย่าไปรอความป่วย ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นของไม่แน่นอน มันป่วยหรือไม่ป่วยมันก็ตาย เวลาคุณจะตาย
    …และอีกประการหนึ่งก็ใช้บังสุกุลเป็นว่า
    ” อจิรัง วตยัง กาโย ปฏวิง อธิเสสสติ ฉุฑโฑ อเปตวิญญาโณ นิรัตถังวะ กลิงครัง ร่างกายนี้อีกไม่ช้าไม่นานนักก็จะมีวิญญาณไปปราศแล้ว (คือจะหมดวิญญาณ) ”
    … มันก็จะตายร่างกายนี้เวลาที่เราอยู่ คนนั้นก็บูชา คนนั้นก็รักคนนี้ก็ชอบถ้าเราตายแล้วจริง ๆ แม้แต่เท้าเขาก็ไม่อยากเขี่ยร่างกายของเรา เขาเห็นสภาพร่างกายเป็นของน่าเกลียดเขามีความรังเกียจในร่างกาย มันก็สู้ไม้ท่อนที่ไร้ประโยชน์ไม่ได้ ไม้ท่อนดีกว่า จงคิดว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีใน
    ร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไรขอไปนิพพานจุดเดียว…”

    15965057_1032148180230258_4481527662402640829_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “พิธีสะเดาะเคราะห์”..

    .. “เคราะห์” คือบาปเก่าๆ ของเรา
    นั่นเอง ในชาติก่อนเราทำบาปไว้ ชาตินี้
    บาปมาสนองเรา

    คำว่า “สะเดาะ” ไม่ได้แปลว่าหัก
    หมายความว่า จะทำให้โทษเบาบางลง
    ถ้าโทษน้อยก็เบามาก โทษมากก็เหลือ
    ครึ่งหนึ่ง ไม่ถึงครึ่งบ้าง อย่างนี้เป็นต้น

    “การสะเดาะเคราะห์” คือ “การทำบุญ
    ให้มีกำลังสูง” ได้แก่ การถวายสังฆทาน
    นำเงินหนึ่งบาทสองบาท ห้าบาทสิบบาท
    ก็ตามมาถวายตามกำลังว่าเงินส่วนนี้ขอ
    ถวายสังฆทาน มีอานิสงส์คล้ายคลึงกับ
    การถวายสังฆทานที่เขาจัดไว้เป็นชุด

    บุญใหญ่ประการที่สอง คือ ตอนเราได้
    “สมาทานศีล” วันนี้ทั้งวันตั้งใจรักษาศีลให้
    ครบถ้วนจะมีอานิสงส์ใหญ่ สามารถยับยั้ง
    เคราะห์ได้เหมือนกัน

    ประการที่สาม มีความสำคัญที่สุด คือ
    “ได้ฟังพระสวดมาติกา” คำว่า “มาติกา”
    แปลว่า “แม่บทของอภิธรรม” การฟังมี
    อานิสงส์ใหญ่มาก

    อีกประการหนึ่ง ในงานนี้ก็มี “บวชเณร
    บวชชีพราหมณ์” ท่านที่เป็นเจ้าภาพก็ดี
    ท่านที่ช่วยในการบวชก็ดี ย่อมมีอานิสงส์
    มาก ทำบุญหนึ่งสลึงก็ได้บาทหนึ่งก็ได้
    เวลาทำบุญก็ตั้งใจขอบวชเณรทั้งหมด
    เท่าที่บวช แล้วขออานิสงส์ทั้งหมด อย่า
    ถือว่าฉันบวช ๑ องค์ ฉันบวช ๒ องค์
    อย่าทำอย่างนั้น

    ต่อไปจะให้บรรดาญาติโยม “ได้
    สมาทานพระกรรมฐาน” เมื่อสมาทาน
    พระกรรมฐานแล้ว ก็นั่งปฏิบัติสัก ๑๐ นาที
    การเจริญกรรมฐานนี่เป็น “การเจริญ
    ภาวนา” จะมีอานิสงส์ใหญ่เป็นพิเศษ

    รวมแล้ววันนี้ บรรดาญาติโยมพุทธ
    บริษัทจะทำบุญมากน้อยก็ตาม ย่อมมี
    อานิสงส์มาก คือ

    ๑.การถวายสังฆทาน
    ๒.สร้างวัด
    ๓.สมาทานศีล
    ๔.เจริญภาวนา
    ๕.ฟังอภิธรรม
    ๖.บวชเณรบวชชี

    “ฉะนั้น เวลาปฏิบัติ ขอทุกคนจงคิดว่า
    นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ชื่อว่าบาปเก่า
    ทั้งหมดเราไม่ตามนึกถึงมัน เรานึกถึง
    อย่างเดียวคือความดี ได้แก่
    คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม
    คุณพระอริยสงฆ์ คุณของการถวาย
    สังฆทาน การสร้างวัด การบวชเณร
    ทานการบริจาค”

    เวลาก่อนจะหลับ ก่อนจะนอน ก็ตั้งใจ
    นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    นึกถึงทานการบริจาค แล้วก็ภาวนาว่า
    “พุทโธ” สัก ๒-๓ นาที หลับก็ไม่เป็นไร
    ตื่นใหม่ๆ นึกถึงนิดหนึ่ง แล้วภาวนา
    “พุทโธ” สัก ๒-๓ ครั้งแล้วก็ลุกไปทำงาน

    ถ้าทำอย่างนี้ อาตมาขอยืนยันว่า
    เคราะห์กรรมของทุกท่านจะคลายตัว
    ลงไปมาก และขอยืนยันว่า เวลาตาย
    ทุกคนไม่ลงนรก ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๘๐-๓๘๑

    16105778_1033046593473750_3137095348507634661_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    แอดมินฝนค่ะ วันนี้ฝนมาอัพเดตยอดสร้างสมเด็จองค์ปฐมนะคะยอดล่าสุดของวันนี้ได้17,455 บาทเปิดรับจนถึงวันที่19มกราคมเวลา24.00น.ค่ะ
    บอกบุญนะคะ
    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพร่วมทำบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม พระนามพระศรีอริยเมตตา ปชานาถมหามุนี(แบบพิมพ์วัดสระพัง) หน้าตัก 5.6 เมตร ณ วัดอมฤต ม.8 ต.ลานดอกไม้ตก อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร กำหนดงานวันที่ 3-4-5 กุมภาพันธ์ 2560
    โอนที่บัญชีธ.ไทยพาณิชย์ 406-337594-3 น้ำฝน บุญสิงห์
    เปิดเพียง 7 วันเท่านั้นค่ะ ปิดรับวันที่ 19 มกราคม 2560 เช้าวันที่ 20 มกราคมฝนจะโอนเงินเข้าบัญชีพี่ม่วยเจ้าภาพในการหล่อพระครั้งนี้ค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะคะ

    15966156_1033949306716812_1497722176123400921_n.jpg
    15965833_1033949366716806_3446073374506854155_n.jpg
    15977347_1033949393383470_2357898960381951301_n.jpg
    16105866_1033949420050134_7460097769314971048_n.jpg
    15941181_1033949433383466_1438270662561680900_n.jpg
    15977758_1033949456716797_8414602827933892628_n.jpg
    15965825_1033949480050128_535762679604629349_n.jpg
    16114445_1033949506716792_7144383630364780864_n.jpg
    15965075_1033949556716787_6469461406266737738_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อานิสงส์ของการสร้างสมเด็จองค์ปฐมมากมายเหลือคณากล่าวคือเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกผู้ที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมคือผู้ที่มีบารมเต็มแล้วเท่านั่นเพราะพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์มาโมทนาบุญกับเราหมด
    วันนี้แอดมินฝนมีงานบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม3องค์และหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์1องค์มาบอกบุญกันค่ะ
    โอนที่บัญชีธ.กสิกรไทย004-3-88112-4น้ำฝน บุญสิงห์ งานบุญนี้เปิดรับยาวจนถึงวันที่24มีนาคม2560นะคะจะทำการหล่อวันที่26มีนาคม2560ในวันงานฝนจะนำภาพมาให้ผู้ร่วมบุญอนุโมทนากันนะคะ(ฝนอยู่ในงานนี้ตลอดทั้งวันค่ะ)

    15977670_1036006956511047_2793517478501588413_n.jpg
    15977335_1036006986511044_2843857337004181167_n.jpg
    16114845_1036007049844371_8132867779763352214_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “กรรมกับเวร”..

    .. “กรรม” นี่ขับให้เราลงนรก
    “เวร” มันไม่ได้ขับให้เราลงนรก อย่างเช่น
    กรรมฆ่าไก่ ความจริงพวกเรามีบุญนะ
    กรรมประเภทนี้เราจะไม่มีทางชดใช้เขา
    ได้เลย ตามปกติการฆ่าเขาก็มีการจองเวร

    พวกไก่ที่ถูกฆ่า ปีกต้องถูกขัด ขาก็
    ต้องถูกผูก แล้วก็ทิ้งลงกะละมังรอเชือด
    ตอนเชือดก็ต้องจับคอ มันก็โกรธ วันนั้น
    (พ.ศ.๒๕๒๗) อยู่ดีๆ ท่านมาบอก
    “พญายม” กับ “พระพุทธเจ้าท่าน”
    บอกนะ เลยย้อนถามว่า เพราะอะไร

    ท่านบอกว่า พวกนี้มีกำลังบุญพอ
    จะรับได้ เขารับไปแล้วก็สบายมาก เขาจึง
    ให้เป็นอโหสิกรรม นี่ต้องถือว่าเป็นบุญ
    พิเศษจริงๆ ไม่งั้นไม่มีทาง และท่านก็
    บอกว่า กรรมนี้เวลาจะตายมันทรมาน
    เรามาก เขาไม่ได้อาฆาต เขาจองเวร
    เฉยๆ

    อาฆาตก็ต้องไล่ฆ่า “จองเวร” เผลอ
    เมื่อไรเอาเมื่อนั้น คือคำว่า “เวร” มันไม่ได้
    ขับให้เราลงนรก ถ้า “กรรม” นี่ขับให้เรา
    ลงนรก มันไม่เหมือนกันนะ ถ้าจองเวรมัน
    ไม่มีการลงนรก ชาตินี้เราฆ่าเขา ชาติหน้า
    เขาฆ่าเรา ชาติโน้นเราฆ่าเขา ชาติโน้นเขา
    ฆ่าเรา ฆ่ากันไปฆ่ากันมา ๕๐๐ ชาติ

    แล้วบาปอื่นมันยังมีอยู่ ลงนรกไป
    เวรก็ยังคอยอยู่ที่นี่ เกิดมาต้องมาฆ่า
    กันใหม่ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๘๕

    15977075_1036058316505911_1464820582913101157_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “เคยได้อสุภกรรมฐาน”..

    .. เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ มีผู้ถามหลวงพ่อว่า

    “ลูกนั่งพิจารณาร่างกาย เห็นร่างกาย
    ตัวเองเน่าเปื่อย อืดคล้ายกับเป็นศพ
    มีหนอนยั้วเยี้ยกินภายในลูกตา
    ในปาก ในท้อง น้ำเหลืองไหลหยด
    กลิ่นเหม็นมากจนคลื่นไส้ แม้เลิกนั่ง
    กรรมฐานแล้วก็ยังคลื่นไส้อยู่อีก”

    หลวงพ่อตอบว่า “ตอบตรงๆ เลยนะ
    ถ้าตอบตรงเลยคนนี้เคยได้อสุภกรรมฐาน
    มาในชาติก่อน อารมณ์นั้นจึงเกิด อันนี้
    ดีมากให้ทรงอารมณ์ไว้นะ และอารมณ์นี้
    มันตีเข้าไปหาอรหันต์ได้ง่ายเหลือเกิน
    ตัวนี้ชัดเลยตัวแท้

    เริ่มเห็นเป็นของสกปรกโสโครก
    นี่เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี ต่อไปเมื่อ
    จิตวางเฉยไม่สนใจมันเลยเพราะมันเลว
    อย่างนี้ นั่นเป็นพระอรหันต์ อารมณ์พระ
    อรหันต์นะ แค่รักษาอารมณ์ของท่าน
    เรายังไม่ถึงนี่ไม่เป็นไร ตายไปนิพพาน
    แน่ นี่เขาดีมาก”

    มีผู้ถามต่อว่า “พิจารณาร่างกายว่า
    เป็นทุกข์ แต่ไม่ได้พิจารณาอสุภกรรมฐาน
    จะมีโอกาสไปนิพพานไหม”

    หลวงพ่อตอบว่า “ถ้าเห็นทุกข์จริง
    จะไม่พิจารณาอสุภกรรมฐานก็ไม่เป็นไร”
    อย่างกับตอนที่ฉันลาพุทธภูมิ ที่ท่านมา
    สอนเดือนหนึ่งสอนเฉพาะ “ทุกข์ตัวเดียว
    ให้เข้าใจทุกข์ตัวเดียว” ไม่ได้สอนอย่างอื่น
    เลย และในที่สุดท่านบอก

    “ถ้าบุคคลใดเห็นทุกข์แน่นอน บุคคล
    นั้นก็พ้นทุกข์เท่านี้เอง” เห็นว่าร่างกาย
    สกปรกเป็นคุณธรรมของพระอนาคามี
    เห็นว่าร่างกายเป็นทุกข์เป็นพระอรหันต์
    แน่ นิพพานแน่ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๘๖-๓๘๗

    16142192_1036695369775539_8875015369590792608_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    บุญนี้ปิดรับแล้วค่ะมีเจ้าภาพครบแล้วบอกบุญนะคะ
    ขอเชิญร่วมบุญบูชามีดมงคล ที่ระลึกงานฝังลูกนิมิตร วัดขอนชะโงก อ.หนองเเค สระบุรี เพื่อสมทบทุนวิหารทาน สาธารณะประโยชน์ในวัด

    รายละเอียดดังนี้
    -ใบมีดทำจากโลหะจารอักขระ ด้ามเป็นไม้ลายมุกพร้อมขาตั้งยาวประมาณ 5 นิ้ว พร้อมลูกนิมิตทำจากหินเเกรนิตเเท้กลึง
    -พิธีพุทธาภิเษกอธิษฐานจิตโดยหลวงพ่อเเขก วัดสุนทรประดิษฐ์ พิษณุโลก,หลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี หลวงพ่อน้อม วัดหนองตะเฆ่ สระบุรี,หลวงพ่อเพยวัดบึง หลวงพ่อจักร วัดชุ้ง หลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อพูน เเละพระเกจิอาจารย์หลายองค์
    -พุทธคุณของมีดมงคลเฉกเช่นเดียวกับมีดหมอ/มีดตัดหวายลูกนิมิตรทุกประการอาทิ คุ้มครองป้องกันภัย กันกระทำ ฯลฯ

    ร่วมบุญได้ตามกำลังหรือร่วมบุญ 1,000 บาท ทางวัดมอบให้ 1 ชุดมี3ชุดค่ะ(มีดมงคลด้ามมุกเเละลูกนิมิตรทำจากหินเเท้)มีค่าจัดส่ง200บาทค่ะ
    โอนที่บัญชีธไทยพาณิชย์406-8-11801-1น้ำฝน บุญสิงห์(ท่านใดโอนเงินแล้วแจ้งฝนเข้ามาด้วยนะคะเพราะบัญชีนี้ใช้บอกบุญในสวนพุทธธรรมฯอยู่หลายบุญค่ะ)

    15977637_1037480193030390_6436772510053338214_n.jpg
    16002816_1037480226363720_408661570745765973_n.jpg
    16174611_1037480276363715_9074275112494947383_n.jpg
    16105608_1037480329697043_3235897404006206639_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ศิษย์เอก 3 องค์ ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

    หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อ.สนา จ.พระนครศรีอยุธยา มีศิษย์เอกเด่นๆด้วยกัน 3 องค์ คือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง, มหาวีระ) หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ฤาษีโพธิวัตร, สวัสดิ์) หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก (ฤาษีพนมไพร, น้อม)

    ที่มาฉายาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    เรื่องมีอยู่ว่า ตอนท่านเขียนหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ท่านไม่รู้จะใช้นามปากกาไรดี เพราะถ้าใช้เป็นชื่อพระ คนจะหาว่าท่านอวดอุตริมนุษธรรม กับทั้ง ตอนที่ท่านอยู่กับหลวงปู่ปาน หลวงปู่มักจะเรียกหลวงพ่อกับเพื่อนอีกสองคนว่า ลิงดำ ลิงขาว และลิงเล็กเสมอๆ ท่านก็เลยเอาชื่อที่หลวงพ่อปานเรียกท่านมาเป็นนามปากกา แล้วท่านก็เติมฤาษีเข้าไปข้างหน้า เพื่อให้สื่อถึงการเป็นผู้บำเพ็ญจึงปรากฎเป้นนามปากกาว่า “ฤาษีลิงดำ” ต่อมาคนอ่านหนังสือประติหลวงพ่อปานกันเยอะมาก ก็เลยตามหากันว่า ท่านเป็นใคร เมื่อเจอหลวงพ่อท่าน (จริงๆท่านชื่อว่า พระมหาวีระ) แต่ไม่มีใครเรียกชื่อท่านเลย ต่างกคนก็เรียกแต่ ท่านฤาษีลิงดำ ๆๆ ตอนแรกท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้ชื่อนี้ท่านชื่อมหาวีระ แต่ส่วนมากคนก็ชอบเรียกท่านว่าท่านฤาษีลิงดำมากกว่า ท่านก็เลย บอก “เออ.. ฤาษีลิงดำก็ฤาษีลิง” ท่านก็เลยใช้ชื่อนี้เรื่อยมา

    หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (สวัสดิ์) หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก (น้อม)

    ปีนั้นเป็นปีที่ หลวงพ่อปาน บอกว่า ถ้าแกบวชครบ 20 พรรษา จะต้องออกจากวัด ท่านไล่ไว้ ตั้งแต่วันบวช แล้ว ไม่ใช่มาไล่ทีหลังหรอก ตอนบวชใหม่ ๆ ท่านสั่งสององค์นั่นบอกว่าไอ้ 2 ตัวนี่ 10 พรรษาต้องเข้าป่า ไปแล้วห้ามเข้าเมืองจนกว่าจะตาย ไอ้ตัวนี้ 20 พรรษาต้องออกจากวัดแต่เข้าป่าไม่ได้นะเป็นหนี้เขามาก ไอ้เราก็ นึก เอ๊ เป็นหนี้ ใครมาละหว่า เกิดมาชาตินี้ ก็ไม่ได้ยืมสตางค์ใคร มีแต่ขโมยสตางค์ยายเราไม่ได้ยืมนี่ เราขโมยต่างหาก แปลก

    ก็เป็นอันว่า 2 องค์นั้น 10 พรรษาเขาเข้าป่าตามสั่งเขาบอกศาลาเลย นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป การเข้ากลุ่มชนจะไม่มีสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่ของแปลก เพราะเขาเป็นพระอภิญญาใช่ไหม อภิญญาก็ครบ 6 เสีย ด้วย ไม่ใช่ 5 สำหรับพระอภิญญา ไปอยู่ป่านี่ ถ้าจะถามว่า มิต้องไปสร้างกุฏิอยู่เรอะ ก็ตอบได้ว่า จะสร้าง อะไรกับมัน ฝนตกมันก็บอกว่า ไปตกที่อื่นเถอะ ที่กูห้ามตกนะ มันก็ไม่ตก ตกได้รอบๆ ตัว แต่ที่เขาไม่ ตกหรอก อากาศหนาว บอกแก ไปหนาวที่อื่น ตัวข้าห้ามหนาว มันก็ไม่หนาว ใช่ไหม มันเรื่อง เล็กๆ น่ะ แล้วไอ้หมอ 2 คนมันก็ขยันซน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก

    เมื่อปีที่แล้ว ไปที่ ป่าสุโขทัย คุณอ๋อยไปด้วย ไปกับท่านหญิงวิภาวดีด้วย แหม มันหนาวจับใจ ความจริงหนาวต้องคิดทีเดียว ไอ้ผ้าที่ติดตัวไป มันก็น้อย แต่คิดว่า หนาวก็หนาว อยากตาย ให้มันตายไป ขี้เกียจหนาว พอดึกขึ้นมา มันก็หนาวขึ้นทุกที ลุกขึ้นมา นึกว่า เอ มันจะหนาวถึงไหนหว่า พักหนาวเสียเถอะมัน ก็เบาหนาว พอเบาหนาวเจ้า 2 ตัว เอ้ย 2 องค์ แต่ไม่เป็นไรพวกเดียวกัน พวกโยมละอย่าไปเรียกเข้านา คนละพวก เจ้า 2 ตัว เขาโผล่มา ก็ถามว่า เฮ้ย มึงมาทำไมวะ เขาตอบว่า กูมาเที่ยวส่ง ถามว่า เอ มากี่ ตัววะ เขาบอกว่า กู 2 ตัว แล้วอยู่ ข้างนอกอีก 5 ตัว เป็นอันว่า พระอภิญญาของเรานี้ เวลานี้ในป่ามีเยอะ เขาบอกว่า เวลานี้มา 7 องค์ด้วยกัน ไอ้ที่ไปพักน่ะ มันเป็นที่ระหว่าง วงเขาล้อมแคบๆ นะบริเวณนั้นก็จะ มีเนื้อที่สัก 1,000 ไร่นอก นั้นเป็นเขาล้อมหมด ถามว่าอีก 5 องค์อยู่ไหนเขาตอบว่า อยู่บนยอดเขาริมๆ ถามว่า หนาวไหม เขาบอก ฮึ เรื่อง หนาว เรื่อง ร้อน เรื่อง เล็ก เราอยากหนาว มันก็หนาวมาก เราอยาก หนาวน้อย มันก็หนาวน้อย อยากร้อน มากก็ร้อนมาก เขาก็เบ่งส่งเดชแต่เบ่งได้เสียด้วยซี

    เป็นอันว่า เขาก็มานั่งคุย คุยไปคุยมาถามว่า อยู่ในป่า เป็นสุขไหม เขาว่า ในป่าดีกว่าในเมือง ถามต่อไป ว่า แกเข้าเมืองบ้าง หรือเปล่า ตอบว่า ตอนนี้ไปบ่อยโว้ย ถามว่า ไปคนเดียวรึ หรือว่า 2 องค์ เขา บอกว่า ไม่ใช่หรอก ถามอีกว่า ในป่ามีเท่าไหร่ล่ะ ไอ้พวกลิง ๆ แบบนี้น่ะ ตอบว่า เยอะหลายตัว คณะเขาที่ตั้งกลุ่มกันอยู่ ประมาณสัก 30 ตัวกว่า พวกลิงนะ ไอ้ที่เขาไม่ลิงต่างหาก คือ พวกลิงหมายความว่า พวกซน เล่นอภิญญามีเยอะนะ แต่พวกนี้เข้ามาในเเมืองไม่ได้นะ ถ้าเขามาละ พวกเราตกนรกกันเป็นแถว ถ้าเข้ามา ประจันหน้ากับคนนะ ดีไม่ดีเข้ามาแบบนี้เดี๋ยวทำพระพุทธ ลอยเล่นหรือนั่งเอาหัวลง เอาก้นขึ้น เสียแล้ว เราเห็นก็จะว่า เอ พระองค์นี้ เล่นกลนี่หว่า บ้าๆ บอๆ เสร็จเลยเรา 500 ชาติ ว่าท่านบ้าๆ บอๆ เราก็ไปจวกบ้าเสีย 500 ชาติ นี่เขาต้องหลบ เพราะเหตุนี้นะ ท่านที่ทรงอภิญญาจริง ๆ แล้วก็ชอบซนนี่ แต่อภิญญาที่ไม่ซนเขามีนะ อภิญญาที่ไม่ซน และสู้หน้าคนเขามีอยู่ ถ้าอภิญญานี่ ต้องเข้าป่าหมด

    ข้อสันนิฐานเหตุของความสับสน

    1. หลวงพ่อปาน เรียกลิงขาว ลิงเล็ก มากกว่า 1 องค์
    2. สมัยก่อนการติดต่อสื่อสารไม่ดี ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน
    3. มีการทักกันผิดๆโดยพระรูปหนึ่งที่ จ.สุพรรณบุรี โดยบอกว่าหล่วงปู่ช่อ อภินันโท เป็นลิงขาว

    รายชื่อลูกศิษย์หลวงพ่อปาน โสนนฺโท วัดบางนมโค

    1. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ ถาวโร, เรือตรีสังเวียน กรมแพทย์ทหารเรือ) วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ เมือง จ อุทัยธานี
    2. หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ฤาษีโพธิวัตร, เรือตรีสวัสดิ์ กรมอู่ทหารเรือ) ป่าเชียงตุง พม่า
    3. หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก (ฤาษีพนมไพร, เรือตรีน้อม กรมดุริยางค์กองทัพเรือ) ป่าเชียงตุง พม่า
    4. หลวงพ่อฤาษีลิงเผือก (หลวงประธานถ่องวิจัย)
    ——————————————————————————————-
    5. หลวงพ่อช่อ อภินันโท วัดฤกษ์บุญมี ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
    6. หลวงพ่อนวล วัดโพธิ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
    ——————————————————————————————-
    หลวงพ่อหวล วัดพิกุล แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
    หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ วัดโพธิ์ ต.กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อเชิญ ปุญญสิริ วัดโคกทอง ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อรวย ฐิตยโส วัดสร้อยทอง แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
    หลวงพ่อทองดี สุวรรณโชติ วัดบางด้วนนอก ต.บางด้วน อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
    หลวงพ่อสนิธ เขมจารีมหาเถร วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    หลวงพ่อสมนึก ญาณโสภโณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
    หลวงพ่อเวก อักกวังโส วัดดาวดึงษาราม แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
    หลวงพ่อสวัสดิ์ จันทร์แสงสี วัดป่าเรไร ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
    หลวงพ่อบุญศรี อินทวัณโน วัดใหม่ศรีสุทธาวาส ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

    ที่มา..http://www.naddalim.com/forum/viewtopic.php?f=17&t=1937

    16112923_1037586249686451_8664244349623193777_o.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วันนี้แอดมินฝนได้โอนเงินที่ญาติธรรมทุกท่านโอนมาร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมพระนามว่าพระศรีอริยเมตตา ปชานาถมหามุนีไปให้พี่ม่วยเจ้าภาพใหญ่แล้วนะคะยอดที่โอนไปทั้งหมด 42,865 บาทค่ะเปิดยุญทั้งหมด7วันตั้งแต่วันที่12-19มกราคม(แอดมินฝนได้โอนร่วมบุญนี้300บาทและออกค่าโอนเอง)งานนี้อิ่มบุญกันทั่วหน้าค่ะญาติธรรมท่านใดที่อยู่ใกล้วัดนี้อย่าลืมไปร่วมงานกันนะคะวันที่3-4-5กุมภาพันธ์นี้ค่ะ
    ท้ายนี้ขอให้ญาติธรรมทุกท่านมีความคล่องตั้วทั้งทางโลกและทางธรรมทุกประการตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ นิพพานะ ปัจจโยโหตุ

    16106035_1037745286337214_5188554627453243214_n.jpg
    16114927_1037745303003879_1557607257951398431_n.jpg
    16142715_1037745316337211_3429922277259866841_n.jpg
    16002984_1037745333003876_3558988161891527993_n.jpg
    16142439_1037745346337208_6427225368338097828_n.jpg
    16142471_1037745399670536_4583220212916562631_n.jpg
    16105745_1037745436337199_6433749618681857740_n.jpg
    16195540_1037745463003863_8865662911181338887_n.jpg
    16194888_1037745499670526_7476139986969907655_n.jpg
    16195089_1037745546337188_1824974163917369667_n.jpg
    16003158_1037745573003852_7073749945155712254_n.jpg
    16143037_1037745599670516_2106571160204865351_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “กินอาหารพระ”..

    .. ท่านทายกทายิกา กินอาหารที่พระ
    ฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้วไม่มีโทษ แต่
    ต้องระวังเรื่องบังคับศรัทธา เพราะพระใหม่
    มักเกรงใจทายก ทายกบางคนหยิบของที่
    พระฉันแล้วมาเฉยๆ บางคนก็ขอเอาดื้อๆ

    ให้หรือไม่ให้ออกปากขอแล้วยกไปเลย
    พระยังไม่ทันอนุญาต ทายกประเภทนี้ช่วย
    ยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก ของ
    ที่เขาตั้งใจจะเอาไปทำบุญ บุญเกิดแก่เขา
    แล้วตั้งแต่คิดเพราะเป็น “จาคานุสสติ
    กรรมฐาน”

    เพราะการตั้งใจเอาไปทำบุญ และ
    เจ้าของก็ตัดสิทธิ์ของตนออกแล้ว อานิสงส์
    เริ่มมีแก่เจ้าของแล้วในกำลังของ
    “ทานบารมี” เมื่อมีผู้มาขโมยหยิบฉวย
    ของที่เขาทำไว้เพื่อสงฆ์ จึงเป็นบาปหนัก
    ตัวอย่างเช่น “กากะเปรต”

    “พระโมคคัลลาน์” เห็นกากะเปรต
    ที่เชิงเขาคิชกูฏ แล้วไปถามพระพุทธเจ้า
    ท่านเล่าว่า เปรตตัวนี้ เดิมเป็นกา วันหนึ่ง
    สาธุชนกำลังนำอาหารจะไปถวายพระที่วัด
    ขณะเดินมาระหว่างทาง กาเห็นอาหารที่
    เขาถือมาในภาชนะไม่มีอะไรปกปิด

    จึงโฉบเอาไปเต็มปาก เมื่อตายจาก
    ความเป็นกา ก็มาเกิดเป็นเปรต มีชื่อว่า
    “กากะเปรต” หัวเป็นกาตัวเป็นคน ลอย
    ไปในอากาศมีไฟเผาตลอดเวลา มีอาวุธ
    สับฟันตลอดทั้งตัว ต้องเป็นอย่างนี้มาช้า
    นาน คงจะก่อนหรือสมัยพระพุทธกัสสป
    ก็ได้

    ท่านที่เคยไปทำบุญ มีของที่นำไปจาก
    บ้าน แต่พอกลับบ้านเอาอาหารที่พระไม่ได้
    อนุญาตโดยตรง ใส่ถ้วยโถโอชามมาบ้าน
    ก็มีโทษมากกว่านี้ เพราะเป็นสิทธิ์ของ
    พระสงฆ์โดยตรง บาปเต็มอัตรา ขโมย
    ของสงฆ์ มีที่ไปคือ “อเวจี” แห่งเดียว

    ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์ คือ ของในวัด
    ทุกประเภทที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว
    แม้แต่ดอกไม้ผลไม้ในวัดก็เป็นของสงฆ์
    เศษไม้ เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้วก็เป็นของ
    สงฆ์ เว้นไว้แต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือ
    ท่านผู้ใดปลูกในวัด

    ถ้าเจ้าของยังอยู่และท่านอนุญาต
    อย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ถ้าผู้ปลูกออกไป
    จากวัดหรือตาย ของนั้นเป็นของสงฆ์
    โดยตรง “ไปเอามาก็มีโทษตามกำลัง
    บาปขโมยของสงฆ์”

    “อาหารถวายพระพุทธรูป” การนำ
    อาหารถวายพระพุทธรูปนั้น เป็นความดี
    เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชา
    ด้วย หลายวัดหรือส่วนใหญ่ทายกมักจะ
    เอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปถวาย
    พระพุทธรูป เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว
    ต่างก็ยกเอามากิน

    ตอนนี้ไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวง
    ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก
    ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่
    เหลือเป็นเดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์
    สถาปนาตนเองเป็นลูกศิษย์พระพุทธรูป
    แต่ประการใดเลย

    “สอนให้รู้จักหลีกนรก” ที่เป็นขโมย
    โดยที่ตนเองคิดว่าไม่ใช่ขโมย พูดให้ฟัง
    แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ คนตั้งใจ
    ทำบุญแต่ยังไปไม่ถึง ตายเสียก่อนยังไป
    สวรรค์ได้ คนทำบาปที่ของยังไปไม่ถึง

    หรือถึงแล้วถือว่าตนใหญ่กว่าพระ
    หรือขโมยกิน หรือนำไปใช้เสียก่อน
    ทำไมจะลงนรกไม่ได้ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๙๔-๓๙๕

    16115005_1038361689608907_1380733816829996174_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “ผสมโรงด่าพระ”..

    .. เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัย “พระพุทธกัสสป”
    เมื่อปลายสมัยของท่านมีนักบวชที่อวดเลว
    ชื่อ “กปิลภิกขุ” มีพี่ชายหนึ่งคน น้องสาว
    อีกหนึ่งคน มีแม่หนึ่งคน ต่อมาพี่น้องทั้ง
    สองที่เป็นชายก็เข้าบวชในพระศาสนา

    อยู่มาเวลาพอสมควร ต่างก็ไปหา
    อุปัชฌาย์ถามว่า ธุระในพระพุทธศาสนา
    มีเท่าไร ท่านอุปัชฌาย์ก็บอกว่าธุระใน
    พระศาสนามี ๒ อย่าง คือ

    “คันถธุระ” การศึกษาตามตำราและ
    ทำการงานในวัด

    “วิปัสสนาธุระ” ได้แก่ การเจริญ
    พระกรรมฐาน

    “พระพี่ชาย” บอกว่า ผมแก่แล้วขอ
    เจริญวิปัสสนาธุระเพียงอย่างเดียว
    น้องชายคือ “ท่านกปิละ” ก็บอกว่าผม
    ยังหนุ่มขอเอาคันถธุระก่อน พี่ชายเมื่อ
    ศึกษาวิปัสสนาธุระแล้วก็เข้าป่า ไม่ช้า
    ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    ส่วนท่านกปิละเรียนจบพระไตรปิฎก
    ต่อมาเป็นครูสอนพระไตรปิฎกมีผู้เข้า
    ศึกษารุ่นละนับร้อย เมื่อมีสานุศิษย์มาก
    ลาภสักการะก็เกิดมาก ความทะนงตนก็
    เกิดขึ้น นานเข้าชักมีความคิดว่าตนเด่น

    ชัก “แปรธาตุ” คือ “อารมณ์วิปริต
    คิดนอกลู่นอกทาง” สอนแยกออกจาก
    ตำราตามอารมณ์ของตน คัดค้านคำสอน
    ของพระพุทธเจ้า เช่น ตายแล้วสูญ นรก
    สวรรค์ไม่มี เป็นต้น บรรดาพระอรหันต์
    ท่านทราบเข้าก็พากันเตือน

    ขอให้สอนตรงตามแบบแผนของ
    พระพุทธเจ้า ท่านกปิละเลยด่าตะเพิด
    พระอรหันต์ ต่อมาแม่กับน้องสาวทราบ
    เข้า ก็ช่วยกันด่าพระอรหันต์ร่วมกับท่าน
    กปิละ เมื่อพี่ชายที่เป็นพระอรหันต์มา
    เตือนก็โดนด่าตะเพิดไปอีก

    เมื่อทั้งหมดต่างคนต่างตาย พี่ชาย
    ที่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพาน ท่านกปิละ
    กับแม่และน้องสาวไปอเวจีมหานรก
    ต่อมาสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า
    “พระสมณโคดม” เวลานั้นทรงประทับ
    อยู่ที่เมืองราชคฤห์

    ลูกชาวประมงเอาแหของพ่อออก
    ทอดปลาเล่น ได้ปลาเกล็ดสีทองสวยมาก
    ตัวหนึ่งตัวใหญ่ พ่อแม่ก็เอาไปถวายพระ
    ราชา “พระเจ้าพิมพิสาร” พระองค์รับแล้ว
    ก็ให้รางวัลมาก พระองค์ก็สงสัยว่าทำไม
    ปลาตัวนี้จึงสวยมาก

    จึงให้นำเรือที่ใส่ปลาไปที่พระวิหาร
    ที่ประทับของพระพุทธเจ้า แล้วทูลถาม
    ประวัติความเป็นมาของปลา พระพุทธเจ้า
    ทรงเล่าประวัติตามที่กล่าวมาแล้ว และ
    ตรัสว่า ปากเธอเมื่ออ้าขึ้นจะเหม็นเหมือน
    กลิ่นอุจจาระอย่างแรง เป็นเพราะกรรม
    อย่างนี้

    “เกล็ดเป็นสีทอง” เพราะบวชใน
    ระยะต้นเคารพพระพุทธเจ้า และสรรเสริญ
    พระพุทธเจ้า ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    เกล็ดจึงสวยเป็นสีทอง

    “ปากเหม็นและลงอเวจี” เพราะด่า
    พระอรหันต์ และคัดค้านคำสั่งสอนของ
    พระพุทธเจ้า จึงพาน้องสาวพร้อมด้วยแม่
    และบริวารที่เห็นดีเห็นชอบด้วยลงอเวจี
    กันเป็นแถว

    พระพุทธเจ้าถามปลาว่า “เธอชื่ออะไร”
    เธอก็ตอบว่า “ผมชื่อกปิละขอรับ” ท่าน
    ถามว่า “เธอมาจากไหน” ปลาตอบว่า
    “ผมมาจากอเวจีขอรับ” ท่านถามว่า
    “แม่และน้องสาวของเธอไปอยู่ที่ไหน”
    ปลาตอบว่า “ไปอยู่อเวจีขอรับ”

    ท่านถามว่า “พี่ชายของเธอไปอยู่ที่ไหน”
    ปลาตอบว่า “ไปอยู่ที่นิพพานขอรับ” ท่าน
    ถามว่า “แล้วเธอจะไปไหน” ปลาตอบว่า
    “ผมจะกลับไปอเวจีขอรับ” เมื่อตอบจบ
    เธอก็เอาหัวฟาดเรือถึงแก่ความตาย
    แล้วกลับไปอเวจีใหม่ ..

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
    ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๙๕-๓๙๗

    16106028_1039154906196252_8105284690597415866_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อสอนไว้

    เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน จะทำบุญมากก็ตาม
    น้อยก็ตาม ทำบุญกับพระก็ตาม ให้ทานกับคนก็ตาม
    ให้ทานกับสัตว์ก็ตาม
    ให้คิดไว้เสมอว่า เราให้ทานหรือทำบุญครั้งนี้ เรา
    ไม่หวังผลตอบแทนจากท่านผู้รับ เราต้องการผลอย่างเดียว
    คือพระนิพพาน
    ถ้าถึงเวลาบูชาพระก็เหมือนกัน เราต้องการพระนิพพาน
    ถึงเวลาฟังเทศน์ฟังธรรมอะไรทุกอย่าง ทำความดีทุกอย่าง
    เราต้องการนิพพานทั้งหมด
    แม้แต่ให้ทานกับขอทานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
    เราให้เพื่อนิพพาน เราไม่ต้องการเพื่อผลตอบแทน
    ของเขา

    (ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๐ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ หน้า ๙๔)

    16265992_1039155972862812_2484426127154021701_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วันนี้แอดมินฝนและปุ้ยได้นำเงินงานบุญถวายพระเดชพระคุณหลวงปู่องค์น้อยดังนี้ค่ะ
    1.ถวายงานบุญลูกแก้วติดองค์ปู่ยาพญานาคบันไดทางขึ้นพระเจดีย์สมเด็จองค์ปฐม2,100บาท
    2.ถวายงานบุญหยกแท้ติดองค์พญานาคบันไดทางขึ้นพระเจดีย์สมเด็จองค์ปฐม3,900บาท
    3.ถวายบุญเจ้าภาพซื้อถังน้ำแข็ง5,000บาท(ไว้ใช้ที่สวนฯเวลามีงานบุญต่างๆ)
    4.ถวายงานบุญยกช่อฟ้าวิหารหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์สายพี่แตน4,000บาท
    5.ถวายงานบุญมีดตัดหวายวัดขอนชะโงกจ.สระบุรี1,200บาท
    ขอเชิญทุกท่านอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ

    16142878_1040142186097524_5740356570834258650_n.jpg
    16265850_1040142209430855_6419871355643738606_n.jpg
    16142620_1040142226097520_2509556303714851365_n.jpg
    16265840_1040142192764190_5222629619487385912_n.jpg
    16298567_1040142239430852_8134904597410366077_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    กัปนี้มีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์
    ตอนนี้มาย้อนถอยหลังอีกนิดหนึ่ง
    สำหรับคนที่มีกำลังใจอ่อนกว่า
    อย่างสมมุติว่าเราก็ไม่สามารถจะทรง
    อารมณ์พระโสดาบันได้แน่นอน อย่างมีศีล
    อยู่หนึ่งตัว มันกัดใจชาวบ้านมาก ศีลตัว
    นั้นคือมุสาวาท เจอะกันเกือบทุกคนนะ
    โยมโกหกเป็นไหมคำว่าโกหกเป็นนี่ คนฟังเขาไม่รู้ว่าโกหก
    ถ้าโกหกไม่เป็นคนฟังเขารู้ว่าโกหก
    ก็เป็นอันว่าตอนนี้เราไม่มั่นใจว่าศีลเรา
    จะมั่นคงไหม เราจะเป็นพระโสดาบันได้
    หรือไม่ได้ แต่เราต้องการพระนิพพาน ตาย
    จากชาตินี้แล้ว เราไม่ยอมลงแน่ เราจะไปนิพพาน
    แล้วก็หันมาจับตอนต้น คือจับพระ
    พุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ตามเดิม
    ก่อนหลับนึกถึงพระพุทธเจ้านึกถึง
    พระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ แล้วตั้งใจ
    คิดว่า ถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพานจุดเดียว
    ตื่นใหม่ๆ ไม่ต้องลุกขึ้นมาล้างหน้า
    อารมณ์กำลังสบาย นึกถึงพระพุทธเจ้า นึก
    ถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์
    แล้วตัดสินใจว่าถ้าตายเมื่อไหร่ขอไป
    นิพพานจุดเดียว เพียงเท่านี้ท่านตายท่าน
    ก็ลงนรกไม่ได้
    ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้า
    ก็ดี เป็นพรหมก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัป
    นี้จะมีพระพุทธเจ้าทั้งหมด ๑๐ พระองค์
    ไม่ใช่ ๕ พระองค์ เพราะมี ๒ ช่วง
    คือช่วงแรก มีพระกกุสันโธ เป็นต้น
    มีพระศรีอาริยเมตไตรย เป็นองค์สุดท้ายของชุดแรก
    ชุดที่สอง ก็มี พระราม เป็นองค์ต้น
    มีช้างปาลิไลยกะ เป็นองค์สุดท้าย
    ฉะนั้นถ้าเราเป็นเทวดานางฟ้าหรือ
    พรหม เรายังจะต้องพบพระพุทธเจ้าอีก ๖องค์
    ถ้าการพบพระพุทธเจ้า ๖ องค์แล้ว
    เป็นพระโสดาบันไม่ได้ ให้มันลงนรกไปตามสบาย
    ตั้งใจไว้นิพพานจุดเดียว
    ในเมื่อเราเคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม
    เคารพพระอริยสงฆ์ทุกวัน จิตใจมันก็มีความมั่นคง
    แต่จิตเราตั้งไว้จุดเดียวคือนิพพาน
    จุดนี้สำคัญมาก จำง่ายๆ
    ในเมื่อพบพระศรีอาริย์แล้ว ฟังเทศน์
    จบเดียวอย่างน้อยเป็นพระโสดาบัน เป็นอย่างน้อย
    แต่ส่วนใหญ่จริงๆ จะเป็นพระอรหันต์
    ทันที อย่างนี้เบาดีนะ ถ้าปฏิบัติได้จะมีผลจริงตามนี้
    ต่อนี้ไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน
    ตั้งใจสมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐานสวัสดี.
    ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๓ หน้า ๖๔

    16266315_1041003079344768_4625738496078930807_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ฝนกำลังนอนอ่านหนังสือครบรอบ100ปีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานอยู่ ถึงตอนนี้พอดี เห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาฝากกันค่ะ
    อานิสงส์ของการบอกบุญ
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
    “สันตติภิกขุ ถ้าเจ้าจะไปนิพพานวันนี้ ก็เป็นกาลสมควร เพราะว่าวันนี้เป็นวันหมดอายุไขของเธอ แต่ก่อนจะไปนิพพานวันนี้ เธอจึงกล่าวถึงอานิสงส์ที่เธอสร้างความดีไว้ว่า
    ๑.เธอได้รับราชการเป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่ รองจากพระมหากษัตริย์ คือมหาอำมาตย์
    ๒.เมื่อฟังเทศน์จากตถาคตสั้นๆเพียงประโยคเดียว ก็ได้บรรลุอรหันต์ผลพร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ”
    อยากจะทราบว่าอานิสงส์ในกาลก่อนนั้น เธอทำความดีอะไรไว้ จึงมีผลขนาดนี้ ก่อนที่เธอจะแสดงถึงผลในกาลก่อน เธอจึงไปยืนอยู่บนอากาศกล่าวเนื้อความนั้น ท่านสันตติภิกขุก็กราบพระพุทธเจ้า แล้วก็ยืนบนอากาศ ๑ ช่วงยอดตาล ลงมากราบใหม่จนถึง ๗ ช่วงยอดตาล ก็ยืนบนนั้นกล่าวประวัติความเป็นมาของท่าน
    ท่านกล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า
    “ภันเต ภควา ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ พระพุทธเจ้าข้า ถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป เวลานั้นมีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมีนามว่า วิปัสสี อยู่ในเมืองพันธุมหานครแล้วก็มีพระเจ้าพันธุมหาราชเป็นพระราชา เป็นพระราชบิดา ระหว่างนั้นข้าพระพุทธเจ้าเกิดในสมัยนั้น คนสมัยนั้นมีอายุ ๘ หมื่นปี ก็มาคิดในใจว่า เคยฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระจอมไตรก็เคยฟัง บาตรก็เคยใส่ ของอย่างอื่นก็เคยถวายคิดว่าเราจะทำบุญอะไรหนอที่มันง่ายที่สุด ที่บรรดาคนจะทำบุญก็เบา ไม่หนัก ไม่ต้องใช้ทรัพย์มาก ไม่ต้องลำบาก ก็คิดในใจว่าการบอกบุญกันนี่เป็นความดี ไม่หนักใจเรา ไม่หนักใจเขา คนรับฟังแล้วก็ทำตามกำลัง จะมีทรัพย์ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เพราะการทำบุญมีหลายอย่าง”
    นี่ตอนเช้าตรู่ท่านก็เดินไปประกาศกับชาวบ้านว่า
    “พ่อเอ๋ย แม่เอ๋ย…เวลานี้พระพุทธเจ้ามาแล้ว อันดับแรกจงตั้งใจใส่บาตรกันตามกำลัง
    ประการที่ ๒ ตั้งใจฟังเทศน์
    ประมารที่ ๓ ตั้งใจถวายทานอะไรก็ตามเถอะ รักษาศีลอุโบสถบ้าง รักษาศีล ๕ บ้าง มีทรัพย์สินอาหารบ้างก็ใส่บาตร มีทรัพย์สินบ้างก็ทำทานอย่างอื่น และพากันไปฟังเทศน์ ขอบรรดาท่านทุกคนเลือกทำบุญกันตามอัธยาศัย”
    ท่านประกาศอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง ก็ปรากฏว่า ท่านพันธุมหาราชพระราชาพ่อของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ได้ฟังตอนเช้ามืดทุกวัน ก็ให้คนมาเรียกถามว่า เธอทำอะไร ท่านก็บอกว่าผมหรือข้าพเจ้าบอกประกาศ ให้ชาวบ้านทำบุญให้ทำตามสบาย พระเจ้าพันธุมหาราชก็บอกว่า อย่างนั้นการเดินไปของเธอสมควรใช้ม้า แล้วก็พระราชทานม้าตัวหนึ่งที่ฝึกดีแล้วให้ขี่ต่อ ต่อมาเธอก็ขี่ม้าประกาศบอกบุญ ต่อมาพระเจ้าพันธุมหาราชก็มาถามว่า เวลานี้เธอใช้อะไรเป็นยานพาหนะเธอก็บอกว่าใช้ม้าตัวที่พระองค์พระราชทาน ท่านบอกม้าที่พระราชทานให้ก็ยังดีไม่พอใช้รถเทียมม้า แล้วก็พระราชทานรถเทียมม้าให้ ต่อมาก็ถามอีกว่าเธอใช้อะไร ก็บอกว่าใช้รถ พระเจ้าพันธุมหาราชก็บอกว่าไม่ดี ให้ใช้ช้างซึ่งประดับแล้ว
    รวมความว่า สันตติมหาอำมาตย์ประกาศกับบรรดาท่านพุทธบริษัท และกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า การทีบรรลุมรรคผลได้เร็วในชาติหลังนี้ เป็นคนที่บอกบุญนั่นเอง การบอกบุญไม่มีเกณฑ์บังคับ ใครจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เอาอานิสงส์ในการบอกบุญด้วยแล้วตัวเองก็ทำกุศลด้วย นี่แหละบรรดาพุทธบรษัททั้งหลาย ที่เอาเรื่องนี้มาเทศน์แก่บรรดาท่านพุทธบรษัทเพราะว่า เห็นเป็นฟังเรื่องง่ายๆการบอกบุญประกาศข่าวบุญแก่บุคคลอื่นทีมีความเลื่อมใสในพระศาสนาก็ดี เลื่อมใสในการสงเคราะห์ทานก็ดี จัดว่าเป็นบุญมหากุศล ซึ่งองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า เป็นการสะสมความดีเรื่องบุญกุศล แล้วเป็นจัจจัยให้ตัวเองเกิดปัญญา สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานได้…
    ที่มา..จากหนังสือครบรอบ 100 วัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้า 22-24 ค่ะ

    16114663_1041083936003349_5754230169772007028_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...