เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อของเรา

    โดย ศาสตราจารย์ ดร. ปริญญา นุตาลัย
    จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑

    “……..เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ ผู้เขียนมีความประสงค์จะบันทึกคุณวิเศษบางส่วนของหลวงพ่อของเราให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้ชุ่มชื่นใจ ในคุณความดีอันยอดยิ่งของท่านที่คุ้มหัวพวกเราอยู่ ท่านที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์จะอ่านก็ได้ ผู้เขียนก็หวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านบ้าง

    ……….ส่วนคนพาลห้ามอ่านเด็ดขาด เพราะวิสัยของคนพาลก็ย่อมมีทุคติ เป็นเบื้องหน้าอยู่แล้ว อย่าได้มาหาโทษใส่ตนเพิ่มขึ้นอีกเลย หลายๆ เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟังนี้ก็คงเป็นอจินไตย สำหรับผู้ยังไม่ได้ฌาน และไม่มีญาณที่เกิดจากอำนาจฌานก็ขอให้ฟังหูไว้หูไปพลางๆ ก่อน

    หลวงพ่อเป็นพระขนาดไหน

    ………ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน และ หนังสือมโนมยิทธิและประวัติของฉัน ก็คงจะพอรู้ประวัติและปฏิปทาของหลวงพ่อแล้ว ทีนี้ลองมาฟังพระผู้ใหญ่บางท่านพูดถึงหลวงพ่อดูบ้าง หลวงปู่บุดดา ถาวโร เคยปรารภถึงหลวงพ่อของเราเมื่อเปรียบกับองค์ท่านเองไว้ดังนี้ “ หลวงปู่น่ะเหมือนหิ่งห้อย หลวงพ่อมหาวีระเหมือนพระอาทิตย์ ” เป็นไงครับ
    ท่านผู้อ่านพอรู้ขนาดตัวท่านบ้างหรือยัง ถ้าพระสุปฏิปันโนขนาดหลวงปู่บุดดา เปรียบได้แค่หิ่งห้อย เราท่านทั้งหลายก็คงเป็นแค่ไรน้ำที่ติดใจพระอาทิตย์กระมัง หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร (พระครูสันติวรญาณ) บอกว่า “หลวงพ่อมหาวีระนั้น ท่านเป็นโลกวิทู แจ้งทั้งโลก แจ้งทั้งธรรม” ชัดเจนไหมครับ ครูบาคำแสนเล็ก ท่านบอกว่า “หลวงปู่ บวชมา 60 กว่าพรรษาเข้านี่แล้วยังไม่เคยพบพระองค์ไหนเหมือนหลวงพ่อ”
    เมื่อตอนปลายปี พ.ศ.2517 หลวงพ่อเข้ามาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ผู้เขียนได้มานอนเฝ้าท่านอยู่ ตอนกลางคืนท่านก็รับ แขกพวกญาติโยม หมอและพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ (สมัยนั้นพี่หมอสมศักดิ์ ดูเหมือนจะเป็นรองผู้อำนวยการ)
    หลวงพ่อท่านก็เล่าเรื่องหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ให้ฟัง ท่านว่า หลวงพ่อกบนั้นเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทรงสมาบัติแปดตลอด ท่านจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตัวผู้เขียนเองนั้นสงสัยหลวงพ่อมานานแล้วและก็ถกเถียงกับลูกศิษย์หลายๆท่านเรื่อยมา ท่านที่อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานก็จะอ้างว่า หลวงพ่อทรงวิชชาสามแน่นอน
    แต่ผู้เขียนว่าไม่ใช่ เพราะหลวงพ่อทรงสมาบัติแปดตั้งแต่พรรษาแรก และผู้ที่ทรงสมาบัติแปดนั้น สามารถเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณได้ภายใน 7 วัน พอแขกกลับไปหมดแล้ว ผู้เขียนก็มานอนคิดเปรียบเทียบ หลวงพ่อกบนั้นท่านทรงสมาบัติแปด ท่านก็เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    หลวงพ่อของเรานั้นบารมีเดิมท่านเป็นพุทธภูมิวิริยาธิกะ อีก 7 ชาติ บารมีจะเต็ม และก็ทรงสมาบัติแปดตั้งแต่พรรษาแรกที่บวช เมื่อท่านลาพุทธภูมิ (เมื่อ พ.ศ. 2504) แล้ว ทุนเดิมมากมายเหลือเฟืออย่างนั้น ถ้าไม่ทรงปฏิสัมภิทาญาณแล้วจะเอาทุนเดิมไปซ่อนที่ไหน พอคิดออกก็แทบจะนอนไม่หลับ
    รุ่งเช้าหกโมงเช้าหลวงพ่อตื่นแล้ว ผู้เขียนก็รีบเข้าไปกราบๆๆ แล้วเรียนท่านว่า “ผมรู้แล้วครับ หลวงพ่อทรงปฏิสัมภิทาญาณแน่นอน” แล้วก็ให้เหตุผลกับท่าน ท่านบอกว่า “จับได้ไล่ทันก็แล้วไป จับไม่ได้ไล่ไม่ทันข้าก็ว่าของข้าไปเรื่อยๆ” แล้วท่านก็เมตตาเล่าให้ฟังว่า
    ท่านสงสัยมาตั้งแต่บวชแล้ว เมื่อได้อ่านพบว่า ท่านพระกิมพิละ สำเร็จอรหันต์ปฏิสัมภาทาญาณ ทรงพระไตรปิฎก เมื่อมีดโกนจรดหนังศีรษะเมื่อจะโกนผมบวช ท่านบอกว่า “ทรงพระไตร ปิฎกเข้าไปได้ยังไง ยังไม่ได้อ่านได้เรียนสักตัว” แต่เมื่อท่านสำเร็จเองแล้วถึงได้รู้ว่า “นึกจะรู้อะไรแล้วมันรู้ไปหมด ความรู้มัน เกิดขึ้นมาเอง นึกจะรู้ก็รู้” ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนก็ทำตนเป็นฆ้องปากแตก เที่ยวได้บอกเขาเรื่อยไป จนกระทั่งหลวงพ่อท่านบ่นว่า
    “ข้าปิดของข้ามาเป็นสิบกว่าปี ไอ้เบื๊อกนี่เอามาเปิดหมด” ดังนั้นผู้เขียนจึงไม่สงสัยเลย (แต่จับใจมาก) เมื่อได้ยินท่านพูดว่า “ขึ้นชื่อว่าพระ (หรือคนก็ตาม) อย่าให้ฉันได้ยินชื่อ…รู้หมด”
    ทีนี้ขอเล่าเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบมาแล้วก็ไม่เคยกล้าเล่า เมื่อผู้เขียนฝึกมโนยิทธิสำเร็จครั้งแรกเมื่อปลายปี 21 ขอออกนอก เรื่องหน่อยนะครับ เพราะฝึกว่าจะได้ใช้เวลาตั้ง 3 คืน มิหนำซ้ำยังขี้เกียจฝึกฝนซักซ้อมเสียอีก ท่านทั้งหลายที่มาฝึกปุ๊บได้ปั๊บนั้น
    ขอให้ภูมิใจได้ว่าจิตของท่านดีกว่าผู้เขียนหลายเท่านัก กลับเข้าเรื่องล่ะครับ เมื่อขึ้นไปถึงพระนิพพานได้แล้ว (ใครว่านิพพานสูญก็เชิญตามสบายนะครับเราไม่ว่ากันอยู่แล้ว) ความซนก็บังเกิด แอบไปดูวิมานหลวงพ่อ พอเห็นเข้าก็ตกใจทำไมถึงใหญ่โตอย่างนี้ ใหญ่กว่าวิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบันมากเป็นไปได้ยังไง ความรู้ปรากฏแก่จิตในขณะที่คิดนั้นเองว่า
    เศรษฐีมีทรัพย์มากกว่าพระราชาได้ หลวงพ่อท่านสั่งสมบารมีมาสิบหกอสงไขยกับอีกแสนกัป วิมานก็ย่อมใหญ่เป็นธรรมดา ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนก็ชอบแอบดูวิมานชาวบ้านเรื่อยมาจนนานๆ เข้าก็เลิกไปเอง ที่โบราณท่านว่าวาสนาบารมีแข่งไม่ได้นั้น มันจริงอย่างนี้
    ขอเล่าเรื่องฟังเทศน์ที่พระจุฬามณี ให้ฟังสักนิดราวกลางปี พ.ศ. 2517 ผู้เขียนมาฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อที่ตึกขาว พอหมด เวลาหลวงพ่อก็บอกว่า “คุณปริญญา ฉันเจออาจารย์คุณบนดาวดึงส์” ผู้เขียนได้ยินก็นึกไม่ออกว่าองค์ไหน เพราะเวลานั้นผู้เขียนไปมาหาสู่พระอาจารย์หลายองค์ด้วยกันก็พอนึก ๆ เอาเองว่า คงเป็นหลวงพ่อสิม
    ดังนั้นพอผู้เขียนกลับไปถึงเชียงใหม่ก็รีบขึ้นไปถ้ำผาปล่องไปถามหลวงพ่อสิมว่า “วันนั้นหลวงพ่อขึ้นไปดาวดึงส์ใช่ไหม” หลวงพ่อสิมถามว่า “ใครบอก” ผู้เขียนก็ตอบว่า “หลวงพ่อมหาวีระบอก” หลวงพ่อสิมขอดูรูปหลวงพ่อ ผู้เขียนก็นำขึ้นไปถวาย และผู้เขียนก็เล่าใฟ้ท่านฟังว่า หลวงพ่อมหาวีระ บอกว่า “ฉันชอบหลวงพ่อสิมอยู่สองอย่าง คือท่านเคารพพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจและท่านมีกตัญญูสูง”
    หลวงพ่อสิมก็ปรารภว่า “ท่านไม่รู้จักเราท่านยังสามารถรู้ในจิตในใจเราได้” หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า “พระทุกองค์ที่ได้ตั้งแต่วิชชาสามจะขึ้นไปฟังพระพุทธเจ้า เทศน์ที่พระจุฬามณีทุกๆ วันพระ” และการเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณีพระทั้งหลายก็จะนั่งเรียงลำดับใกล้ไกล จากพระพุทธองค์ตามอริยผล อริยมรรค และกำลังฌานที่ได้และตามบารมีที่สั่งสมมา
    หลังจากฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว ผู้เขียนก็เคยอธิฐานขอดูลำดับพระที่มีชื่อเสียงหลายองค์ว่าท่านขนาดไหนกันบ้าง เมื่อท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระจุฬามณี (ด้วยความอยากรู้เท่านั้น) ทุกๆครั้งที่ขึ้นไปขอดู เห็นหลวงพ่ออยู่ชิดด้านขวาพระพุทธองค์เป็นเบอร์หนึ่งทุกที พระหลายองค์ที่มีชื่อเสียง ท่านก็นั่งอยู่ในแถวพระอรหันต์ก็มี พระอนาคามีก็มี แต่ขอโทษทีบรรดาพวกจิตว่างท่านไปอยู่ไหนกันหมดก็ไม่ทราบ ไม่เคยเห็นสักที
    ขอปรารภเรื่องจิตว่างสักนิด หลวงพ่อท่านพูดทุกครั้งที่มีผู้มาถามเรื่องจิตว่าง ท่านว่า คำว่า จิตว่าง คือ ว่างจาก โลภะโทสะ โมหะ แต่จิตไม่ได้ว่างแบบไม่เสวยอารมณ์ใดๆ จิตว่างแบบนั้นมีเฉพาะพระอนาคามี และพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติเท่านั้น จิตคนทั่ว
    ไปต้องเสวยอารมณ์ เมื่อจิตละอกุศล จิตก็ยึดกุศล
    ผู้เขียนขอยกคาถา 4 ที่พวกจิตว่างส่วนใหญ่ยึดอยู่ (เอ๊ะ ถ้าว่างก็ต้องไม่ยึดสิ) โดยไม่รู้จริงมาให้พิจารณาดูสักนิด พระบาลีที่ว่า สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ นั้น หลวงพ่อท่านบอกว่า ควรจะแปลว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นโลกียวิสัย ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” ไม่ใช่ไม่ยึดแม้กระทั้ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระนิพพาน ลองคิดพิจารณากันดูนะครับ
    กลับเข้าเรื่องใหม่นะครับ เมื่อผู้เขียนรู้เสียแล้วว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระขนาดไหน ความวางใจอย่างเต็มที่ในครูบาอาจารย์ก็บริบูรณ์ และก็เป็นเหตุที่ทำให้ผู้เขียนถูกพระองค์ที่สิบทักเมื่อคราวฉลองวัดผู้เขียนขอเอาความอวดดีของตัวมาเล่าสู่กันฟังสักเรื่อง ที่จริง ไอ้เรื่องมานะถือตัวอวดดีนั้นผู้เขียนไม่เป็นรองใคร ผู้เขียนถือตัวอยู่เสมอว่ามีอาจารย์ดีใครอย่าได้มาบอกบุญให้ทำที่วัดอื่นเลย ใจมันไม่อยากทำ ถ้าทำก็เพราะเกรงใจคนไม่ใช่เพราอยากทำบุญ ผู้เขียนรู้ว่าเนื้อนาบุญของผู้เขียนนั้นเป็นอุดมมงคลแล้วจะไปโง่ทำนาดอน นาแล้งทำไม ตอนวันฉลองวัดก็รู้ๆ กันอยู่ (เพราะหลวงพ่อบอกล่วงหน้า) ว่าจะมีพระชั้นเยี่ยมๆ มาวัด
    ผู้เขียนไม่ได้ตื่นเต้นตามไปด้วยเลย เพราะเรารู้ของเราอยู่ว่าแค่นี้เราพอแล้ว พอผู้คนตื่นเต้นกันมากๆ ผู้เขียนก็ผสมโรงหลอกชาวบ้านว่า ท่านพระโมคคัลลาน์ และท่านพระสารีบุตร มาที่อาคารเสริมศรีแล้ว ไปดูซิ (ที่จริงท่านนั่งพนมมืออยู่นั้นหลายปีแล้ว) ก็บอกเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง น้าน้อย (กานดา อมาตยกุล) มาบอกว่า เธอไปดูซิ มีพระดีที่ศาลาหลังเก่าน่ะ ผู้เขียนนั้น รู้มานานแล้วว่าในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของหลวงพ่อ
    น้าน้อย (กานดา อมาตยกุล) มีทิพจักขุญาณแจ่มใสไม่เป็นรองใคร ก็เลยแอบไปดู พบรัชนีกลางทางก็ชวนไปดูด้วย เธอก็เย้าเอาว่า ไหนว่ามีอาจารย์ดีองค์เดียวไง ก็เลยตอบไปว่า น้าน้อยให้ไปดู ก่อนจะถึงผู้เขียนอธิษฐานว่า ถ้าท่านเป็นพระดีจริง ก็ขอให้ท่านทัก เราโดยอย่าให้คนอื่นรู้ พอผู้เขียนก้าวพ้นบันได้ขึ้นไปบนชานก็ได้ยินเสียงมาทีเดียวว่า “ไอ้คนบางคนมันถือตัวว่ามีอาจารย์ดี แล้วตัว มันเองดีเหมือนอาจารย์หรือเปล่า” พอได้ยินเข้าก็ซึมไปเลย รีบเข้าไปกราบสุดตัวเลยทีเดียว

    หลวงพ่อชี้ทางนิพพาน
    ผู้เขียนได้พบหลวงพ่อเมื่อปลายปี พ.ศ. 2516 หลังจากซาบซึ้งตรึงใจกับหนังสือสองเล่มที่ท่านเขียนคือ ประวัติหลวงพ่อปาน และ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน มาหลายเดือน มาหาท่านที่วัดสองครั้งก็ไม่พบ จนกระทั่งท่านขึ้นไปเชียงใหม่จึงได้พบท่านที่นั่น ผู้เขียนสนใจพระพุทธศาสนามานานแล้ว ได้เคยอ่านหนังสือแนะนำวิธีฝึกพระกรรมฐาน ตั้งแต่วิสุทธิมรรคลงไป
    อยากจะพูดว่าทุกเล่มทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ พอมาพบหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อ ก็บังเกิดความซาบซึ้งตรึงใจมาก คิดว่าไม่มีหนังสือใดที่วิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วก็เลยขโมยท่านพิมพ์แจกในงานแซยิดแม่และเอาไปถวายที่วัด 200 เล่ม แต่ไม่ได้พบหลวงพ่อ พอพบท่านที่เชียงใหม่ท่านก็สอนทั้งสองคืน พูดเรื่องโทษของการกินเหล้า จนผู้เขียนเลิกเหล้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    และสอนว่าใครก็ตามที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาและมีจิตศรัทธาเลื่อมใส ท่านว่าบารมีเต็มแล้ว สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน แล้วท่านก็บอกให้พิจารณาละสังโยชน์สาม และกำหนดว่าอย่างน้อยจะต้องเป็นพระโสดาบันให้ได้ ผู้เขียนอายุ 34 ปี ในขณะนั้น หัดฝึกกรรมฐานสัมมาอรหังกับหลวงปู่สดวัดปากน้ำตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เทกระโถนหลวงปู่บุดดา มาตั้งแต่เล็กๆ ได้พบพระอาจารย์ดีๆ มาก็มากมาย
    แต่สงสัยในเรื่องนิพพานมาตลอดเวลาว่า จะต้องสั่งสมบารมีไปอีกเท่าไหร่กันจึงจะถึงสักที มีอะไรเป็นเครื่อง หมายเครื่องกำหนด พึ่งจะได้พบแสงสว่างจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวันนั้นเอง เหมือนกับมีคนมาเปิดโลกยันพระนิพพานให้ดูทั้งหมด ใจฟูเป็นอันมาก พอหลวงพ่อกลับไปแล้วก็รีบไปเล่าให้หลวงพ่อสิมฟังว่าได้พบพระที่บอกให้ผู้เขียนเร่งให้ถึงนิพพานใน ชาตินี้ให้ได้ ผู้เขียนมีหวังแล้ว
    หลังจากครั้งนั้นก็ยังได้ยินท่านประกาศว่า “ถ้าเชื่อฉัน ทุกคนถึงนิพพานหมดในชาติหน้า แต่หลายคนจะถึงในชาตินี้” ท่านทั้งหลายเคยได้ยินพระองค์อื่นกล้าคิดหรือกล้าพูดเช่นนี้บ้างไหม
    นอกจากนี้ในการพบท่านครั้งแรกนั้น ท่านยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้ฟังอีกและบอกว่า “คุณมาเกิดชาตินี้ คุณลงมาไม่ครบอายุขัยนะ เข้าใจไหม” ก็ตอบท่านว่าเข้าใจครับ แต่ไม่ยักกะถามท่านว่า “อายุเท่าไหร่จะตาย” ต่อมาลงมากราบท่านที่วัด พอสบโอกาสก็กราบ เรียนท่านว่า “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อเอาผมไปนิพพานด้วยนะครับ”
    ท่านตอบว่า “เอาไปซี่ ไม่งั้นฉันจะไปตามคุณรึ” ผู้เขียนก็กราบ ๆๆ หลังจากนั้นอีกหลายปี ได้ติดตามท่านไปเก็บลูกศิษย์อีกหลายๆ แห่ง (เล่าได้อีกมากไว้เล่าในเล่มต่อไปแล้วกัน) เห็นลีลาต่าง ๆ ของท่านด้วยความซาบซึ้งในมหากรุณา แล้วก็เกิดความสงสัยว่า ท่านจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหน
    ก็กราบเรียนถามท่านว่า “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหนครับ” ท่านบอกว่า “ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันเก็บลูกศิษย์ของฉันครบแน่” ผู้เขียนได้ยินแล้วสะท้อนใจในกำลังใจและมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลหาประมาณมิได้ขององค์ท่าน และลูกศิษย์ทุกท่านก็คงจะอุ่นใจได้นะครับ

    หลวงพ่อต่อชีวิตให้
    ในปี พ.ศ. 2521 ผู้เขียนมาฝึกมโนมยิทธิ พอขึ้นไปได้วันที่สอง ชักจะสนุกสนานและจิตทิ้งขันธ์ 5 ได้เป็น เมื่อเสร็จแล้วมากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อเล่าว่า ท่านพระกาฬถือขวานสองเล่มมายืนอยู่ข้างหลังผู้เขียน หลวงพ่อก็ถามท่านว่ามาทำไม ท่านพระกาฬตอบว่า “ผมไม่มีอะไรกับพระคุณท่าน แต่ไอ้นี่” แล้วชี้มาที่ผู้เขียน “ผมต้องจัดการ” หลวงพ่อก็ขอให้ท่านอโหสิให้ และขอชีวิตผู้เขียนไว้โดยให้ทำบุญสร้างพระพุทธชินราชหน้าตัก 30 นิ้วถวาย อุทิศส่วนกุศลเฉพาะพระกาฬ ก็เลยรอดตายมาได้จนทุกวันนี้
    ดังนั้นพูดจริงๆ แล้วชีวิตผู้เขียนนี้ก็เป็นของท่านแต่ความเลวของผู้เขียนยังมาก ไม่ค่อยจะสำนึกบุญคุณของท่านที่ท่วมหัวท่วมตัวอยู่ แต่บางครั้งเมื่อใจสะอาดก็ระลึกได้เสียที อย่างเมื่อตอนบวชที่วัดท่าซุงครั้งแรก พอออกมาจากโบสถ์มากราบท่านที่ศาลานวราชเดิม ความรู้เดิมมันท่วมเข้ามาว่า สัญญากับท่านเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะลงมาช่วยท่านเป็นมือเป็นเท้าให้กับท่าน แต่พอลงมาแล้ว ก็มาดื้อกับท่าน มาเบี้ยวกับท่าน ความเสียใจก็ขึ้นมาจุกที่คอ น้ำตาไหลห้ามไม่หยุด ญาติโยมก็นึกว่าปีติจนน้ำตาไหล แต่ผู้เขียนเองรู้ว่า เสียใจที่เป็นลูกที่เลวเลยร้องไห้

    หลวงพ่อให้ปัญญา
    หลวงพ่อองค์นี้ถ้าได้อยู่ใกล้ๆ ท่านดูเหมือนว่า กิเลสเราจะหมดลงไปโดยไม่รู้ตัว แลปัญญาเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ผู้เขียนจึงชอบอยู่ใกล้ๆ ท่านเพื่อให้ตัวเองมีความรู้เกิดขึ้นมากๆ และก็จริงๆ ว่าทุกๆ ครั้งที่อยู่กับท่านดูมันจะรู้ๆๆๆ ไปหมด เวลาหลวงพ่อจะสั่งอะไรก็ตามแต่ ท่านจะสั่งเพื่อให้เราใช้ปัญญาของตัวเองประกอบ เพื่อให้เราภูมิใจว่าเราคิดได้เอง เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงชอบดู ท่านสั่งงานและก็ดูเหมือนว่าจะรู้ใจท่านไปด้วย
    ทุกครั้งที่เรามีเรื่องสงสัยท่านจะตอบโดยไม่ต้องถาม เรื่องนี้ศิษย์ทุกคนพูดเหมือนกันหมดและเดากันว่า เจโตปริยญานท่านชัดเจนแจ่มใส ผู้เขียนเองโดนเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเรื่องสอนและเรื่องแก้สงสัย เมื่อเร็วๆ นี้เองมีความสงสัยว่า ปัญญาบารมี นี่เขาสั่ง สมกันอย่างไรไปอ่านดูในทศชาติ ท่านพระมโหสถ ท่านเกิดมาท่านก็ฉลาดเลย แล้วจะสั่งสมปัญญาบารมีกันอย่างไรเล่า ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง เสียงเทศน์มาแล้ว “การทำสมาธิ คือการสั่งสมปัญญาบารมี”
    ผู้เขียนมีความเห็นว่า เรื่องแก้สงสัย ในใจลูกศิษย์นี้หลวงพ่อไม่ได้ใช้เจโตปริยญานขณะที่ท่านรับแขก ถ้ามัวแต่ใช้เจโตปริยญาณดูใจลูกศิษย์ทุกๆ คนก็ไม่ทันกิน หลวงพ่อนั้นท่านมีปฏิสัมภิทาญาณของพระอนุพุทธซึ่งครอบทั้งจักรวาลในขณะใดขณะหนึ่งก็ได้ นอกจากนี้ท่านยังมีผู้บอกบทอีกนับไม่ถ้วน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา
    เพราะฉะนั้นเรื่องนัตถิปัญญาสมาอาภาแสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มีขององค์หลวงพ่อท่านสว่างทั้งโลกจริง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่อง อาเทศนาปาฏิหาริย์และอนุสาสนีปาฎิหาริย์ อันอาศัยปฏิสัมภิทาญาณของหลวงพ่อและไม่ใช่เจโตปริยญาณ ถ้าใครอยากจะดูอา
    เทศนาปาฏิหาริย์ ก็ขอให้ตั้งใจดีๆ แล้วดูหลวงพ่อรับแขกเถิด จะเห็นได้ทุกๆ วัน
    ทีนี้ก็ขอเล่าเกร็ดต่างๆ อีกเล็กน้อยปิดท้ายเรื่องก็แล้วกันนะครับ…

    หลวงพ่อแจกพระ
    เวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็นของวันอาทิตย์วันหนึ่ง ปลายปี 2517 ขบวนลูกศิษย์ 8 คนได้เข้าไปกราบหลวงพ่อเพื่อจะกลับกรุงเทพฯ ที่กุฎิริมน้ำ หลวงพ่อท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้พับ ท่านบอกให้ผู้เขียนหยิบพานพระเครื่องส่งให้ท่าน ตอนนั้นเพิ่งออกพรรษาใหม่ๆ และ หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกรุ่นแรกของท่าน (เหรียญสีเงิน) และเหรียญหลวงปู่ปาน (เหรียญสีทอง) ตลอดทั้งพรรษาเสร็จใหม่ๆ ใครๆ จึงอยากได้เหรียญรุ่นนี้กันมาก พานพระเครื่องเป็นพานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ก้นตื้น ปากบาน
    ในพานมี เหรียญหลวงพ่อสีเงิน 15 เหรียญ และเหรียญหลวงปู่ปานสีทอง 3 เหรียญ หลวงพ่อเริ่มหยิบเหรียญทองและเหรียญเงินส่งให้ลูกศิษย์ตั้งแต่คนที่หนึ่ง คนที่อยู่หลังๆ ก็หน้าเสียเพราะทุกคนเห็นกันอย่างชัดเจนว่า เหรียญทองมีอยู่ 3 เหรียญเท่านั้น ผู้เขียนรับคนแรกแล้วก็นั่งรออยู่ข้าง ๆ ท่าน หลวงพ่อก็หยิบพระแจกเป็นคู่ เหรียญทองเหรียญเงินไปเรื่อยจนครบคน
    พอหมดคนท่านก็พูดว่า “หมดพอดี” ผู้เขียนก็กราบเรียนท่านว่า “หยิบได้พอดีอย่างนี้ มีหลวงพ่อหยิบได้องค์เดียวเท่านั้น” ทุกคนก็พูดกันใหญ่ว่าหลวงพ่อ หยิบได้อย่างไร แต่ท่านก็ได้หยิบให้ดูแล้ว ทั้ง 8 คนเห็นอย่างชัดเจน

    หลวงพ่อแตกฉานทุกภาษา
    ครั้งหนึ่งมีผู้เอาสีกระป่องหลายกระป๋องอยู่มาถวายท่าน ท่านก็ให้ช่างเอาไปทา ช่างก็ใช้ไม่เป็น ฉลากก็เป็นภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เข้าไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านนั่งอยู่ในกุฎิริมน้ำองค์เดียว ท่านก็หยิบกระป๋องขึ้นมาอ่านฉลากข้างกระป๋อง
    แล้วก็บอกวิธีใช้ให้ช่าง พอผู้เขียนไปที่วัด น้าน้อยกานดา ก็รีบมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
    อีกครั้งหนึ่งผู้เขียนตามท่านไปเชียงราย ไปพักอยู่ที่วัดเม็งราย หลวงพ่อท่านนอนอยู่บนกุฎิ ผู้เขียนก็นอนเฝ้าท่านอยู่ที่ใต้ถุน พอตกดึกก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อเปิดวิทยุฟังภาษาต่างประเทศ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นภาษาพม่า ภาษาแม้ว หรือภาษาอะไร
    ท่านก็ฟังของท่าน พอผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ให้หลวงพี่ที่ไปด้วยฟัง ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อฟังบ่อยแต่จะไม่ทำให้ใครรู้
    ตอนไปที่ชิคาโก พวกเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฟิลด์มิวเซียม ก็มีเจ้าหน้าที่ที่รู้ภาษาอียิปต์โบราณมารับจ้างเขียนชื่อใครก็ได้เป็น ภาษาอียิปต์โบราณอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ผู้เขียนก็เข้าไปจ้างให้เขาเขียนชื่อ “พระมหาวีระ ถาวโร” เขาก็เขียนมาให้ พอกลับมาถึงที่พัก ก็เอาไปถวายท่านแล้วกราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อทราบไหมว่าอะไร ท่านบอกว่า “มันเขียนผิดนี่หว่า ชื่อข้าต้องมีตัว ……” แล้วท่านก็ทำท่าเขียนในอากาศให้ดู ผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านว่า ท่านทราบได้อย่างไร ท่านก็บอกว่า “ปุโรหิตเขามาบอก”
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฎิที่วัด คนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า “พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว” หลวงพ่อก็ย้อนทันทีว่า “แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ” คนเลี้ยงแมวก็ถามว่า “หลวงพ่อรู้ได้ยังไง” ท่านตอบว่า “ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง”

    30624497_1443148172463588_3954799624094482432_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f64f.png สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ..ปีใหม่นี้มอบสิ่งดีๆเป็นของขวัญให้แก่ตัวเองกันนะคะ .มาๆร่วมบุญใหญ่นี้ด้วยกันค่ะ 1f607.png อัพเดตยอดล่าสุดวันนี้ 42,520 บาทค่ะ
    1f64f.png ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญด้วยกันนะคะ
    1f607.png 1f607.png 1f607.png บุญใหญ่สำหรับปีนี้อีกงานหนึ่งที่ฝนรับมานะคะ..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    30688398_1443910299054042_5082430106404651008_n.jpg
    30698656_1443910355720703_5766403858746048512_n.jpg
    30653145_1443910409054031_8413416856383127552_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    : เรื่องความหมายของคำว่า ” ผาติกรรม ” :

    ที่ภาษาพระเค้าเรียกว่า “ผาติกรรม” การทำผาติกรรม คือการนำของที่มีคนนำมาทำบุญแล้ว แล้วพระท่านได้นำออกมาให้คนอื่นๆ “เช่าหรือซื้อ” ในราคาถูกเพื่อทำบุญกุศลต่อ เพื่อความสะดวกสบายของท่านพุทธศาสนิกชน จะได้ไม่ต้องจัดเตรียมสิ่งของที่จะต้องนำมาทำบุญ เพราะทางวัดได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว การทำเช่นนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง เพราะอย่างน้อยของทำบุญก็ไม่ล้นวัด เพราะปริมาณของคนทำบุญมากกว่าคนใช้

    สมมุติว่า…มีคนถวายสังฆทาน ๑,๐๐๐ คน จะมีถังสังฆทาน ๑,๐๐๐ ใบ ย่อมเป็นภาระของวัดและพระที่ต้องหาที่เก็บ
    ในขณะที่พระในวัดก็มีใช้เกินพอ เกินความจำเป็น
    แต่ทางวัดยังมี โบสถ์ วิหาร ศาลา เสนาสนะ หรืออย่างอื่นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก

    แต่ไม่มีทรัพย์ที่จะปรับปรุงพัฒนา จึงให้มีการ “ผาติกรรม” เพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่วัดท่าซุง , บ้านสายลม หรือตามสาขาของวัดท่าซุงทั้งหมดทั้งหลายนั้น จึงจัดให้มีการ “ผาติกรรม” องค์พระพุทธรูป และ ชุดสังฆทาน ตลอดมา และเชื่อว่า หากทำไม่ได้หรือเป็นวิธีการที่ผิด หลวงพ่อฤาษีท่านคงห้าม ! ทำแล้วหล่ะครับ ส่วนที่เกรงว่าผู้ที่ได้รับจะได้รับไม่เต็มที่นั้น ลองมาอ่านโอวาทธรรมขององค์หลวงพ่อท่านดูครับ…

    : สังฆทานเวียนหรือการผาติกรรมสังฆทานมีอานิสงส์ไหม…? :
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    ผู้ถาม : “ทีนี้ก็มีคนสงสัยเรื่องสังฆทานครับ ถามว่าสังฆทานที่มาถวายหลวงพ่อ แล้วก็ผาติกรรมไป แล้วก็กลับมาถวายหลวงพ่ออีกครั้งหนึ่ง อานิสงส์จะสมบูรณ์หรือไม่อย่างไรครับ …?”

    หลวงพ่อ : “เท่ากันแหละ เขาเอาแบงค์มาถวายก็เป็นสังฆทาน ถ้าอยากจะมีของไปรับเอามาก็เท่ากัน”

    ผู้ถาม : “ซื้อมาเองกับผาติกรรมหน่ะครับ…?”

    หลวงพ่อ : “แต่อย่าลืมว่าสตางค์ของใคร นั่นเป็นสัญลักษณ์เป็นนิมิตออกมา มีของสักหน่อยใจมันก็สบายกว่าไม่มีของใช่ไหม ถ้าเจตนาให้เงินมันเป็นอะไรมันก็เป็นตามนั้น และก็ตั้งใจเฉยๆ เกรงว่าไม่เป็นไปตามนั้นให้มันมีของตั้งอยู่ ถ้าต้องการจีวรต้องการพระพุทธรูป ก็เป็นนิมิตจับ..

    …อย่า ! ลืมว่าอานิสงส์ของสังฆทาน อะไรๆก็ต้องไปดาวดึงส์เป็นอย่างน้อย สังฆทาน กับวิหารทาน จุดแรกต่ำสุด คือดาวดึงส์ หลังจากนั้นจะไปเลวกว่านั้นก็ตามใจ แต่อย่าลืมนะดาวดึงส์นี่เข้ายาก ไม่ใช่เข้าง่ายๆเลย นอกจากทำบุญขั้นสังฆทานและวิหารทานแล้ว ถ้าเป็นบุญเล็กน้อย ก็ต้องเป็นการทำบุญตัดชีวิต”

    ถวายสังฆทาน ควรมีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร และอาหาร เพราะ

    ผู้ถาม : ” ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสือที่หลวงพ่อเขียนบอกว่าการถวายสังฆทาน ควรมีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร และอาหารอันนี้จำเป็นจะต้องมีครบตามนี้ไหมคะ ?”

    หลวงพ่อ : “ความจริง เราไม่ทำถึงขนาดนี้ก็ได้การถวายสังฆทานในที่บางแห่งใช้เครื่อง ๕ เครื่อง ๘ นี่เป็นการสร้างขึ้นเรามีข้าวเพียงช้อนหนึ่ง แกงเพียงช้อนหนึ่ง น้ำเพียงช้อนหนึ่ง แล้วถวายไปบอกว่าเป็นสังฆทาน เพียงเท่านี้ก็ใช้ได้
    แต่ว่าที่เขียนไว้ในหนังสือว่าควรทำแบบนี้เพราะว่าผีกี่ร้อยกี่พันรายก็ตาม มาขอกันแบบนี้เรื่อยคือขอเหมือนกับที่ฉันแนะนำเขา ก็ทำตามที่ผีเขาขอนะ เลยถามเขาว่า “ผลจะได้แก่พวกเอ็งเป็นยังไง ?” เขาบอกว่า…

    ๑.ถวายพระพุทธรูปเป็นของสงฆ์ อานิสงส์ก็คือ ถ้าเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างไสวมากเพราะว่าเทวดาหรือพรหม เขาไม่ดูกันที่เครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างจากกาย

    ๒.ผ้าไตรจีวร หรือผ้าสักผืนหนึ่งเขาจะได้เครื่องประดับอันเป็นทิพย์ เครื่องแต่งตัวทิพย์

    ๓.อาหารหรือของกิน จะทำให้มีร่างกายเป็นทิพย์”

    ผู้ถาม : “ทีนี้ถ้าหากว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจุติจากเทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี มาเกิดเป็นมนุษย์ อานิสงส์เหล่านี้จะติดตามมาอีกไหมครับ ? ”

    หลวงพ่อ : อานิสงส์ตามมาคือ

    ๑. จะมีรูปร่างหน้าตาสวย เพราะอานิสงส์ถวายพระพุทธรูปแล้วก็มีปัญญาทรงตัวนี่อำนาจ พุทธานุภาพนะ

    ๒.เครื่องประดับเครื่องแต่งตัวดี และไม่อดอยาก เพราะอาศัยทาน ตัวอย่าง นางวิสาขาเป็นคนสวยงามมาก เพราะในชาติก่อนได้เคยซ่อมแซมพระพุทธรูปและปลูกโรงทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป จึงเป็นปัจจัยทำให้ได้เบญจกัลยาณี คือมีความงาม ๕ ประการ

    และนางวิสาขาก็เป็นคนรวยมาก มีเครื่องลดามหาปสาธน์ราคา ๑๖ โกฏิ เป็นเครื่องประดับเพราะอานิสงส์เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งนี้ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญแล้วด้วยดี จึงเป็นปัจจัยให้นางวิสาขาเป็นทั้งคนสวย คนรวย และเป็นคนมีปัญญามาก ได้เป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ขวบ

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อุทัยธานี
    ———————————–
    ที่มาจาก…หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ
    เล่ม ๑ หน้า ๒๘-๓๑
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน .วัดจันทาราม(ท่าซุง)
    ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    จัดพิมพ์โดย..เจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง..

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    30656414_1443919215719817_2208743964838723584_o.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ฮึ้บๆจะถึงครึ่งทางแล้วค่ะ..มาร่วมบุญใหญ่นี้ด้วยกันนะคะ..
    อัพเดตยอดล่าสุดวันนี้43,250 บาทค่ะ
    1f64f.png สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ..ปีใหม่นี้มอบสิ่งดีๆเป็นของขวัญให้แก่ตัวเองกันนะคะ
    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    30715923_1447231228721949_5371875378480545792_n.jpg
    30725364_1447231255388613_7132837078219358208_n.jpg
    30706227_1447231288721943_5776718149692948480_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ใส่บาตร
    หลวงพ่อครับ ใส่บาตรตอนเช้าบังเอิญหากับข้าวไม่ทันเอาปลาเค็มที่กินค้างเมื่อวานนี้ใส่ไปเพราะความจำเป็น อย่างนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ..
    มีแน่ เป็นผลร้ายแรงมาก ขนาดไหนขอรับหลวงพ่อ ตายแล้วไปเป็นเทวดา นี่เป็นจริงๆนะ ก็เนี่ยเขากินเหลือนี่ครับ เดี๋ยวก่อน เคยอ่านในพระไตรปิฎกครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จ ไปในที่แห่งหนึ่งพร้อมพระสงฆ์ เวลานั้นสายเกินไป เลยเวลาอาหารตอนเช้าใช่ไหม ก็มีพราหมณ์คนหนึ่งบอกว่า อาหารของข้าพเจ้ามีแต่เวลานี้มันเป็นเดนเสียแล้ว การถวายพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าเกรงจะเป็นบาป พระพุทธเจ้าถามว่า เธอคิดว่าเป็นเดนน่ะ เธอตักกินในหม้อหรือเปล่า เขาบอกว่าเปล่า เขาบอกว่าเขาตักออกมาใส่ถ้วยแล้วกิน พระพุทธเจ้าบอกว่า อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นนเดน ถวายพระสงฆ์หรือพระพุทธเจ้าก็ดี จะมีอานิสงฆ์สมบูรณ์แบบ แล้วท่านก็ตรัสต่อไป ถึงแม้ว่าอาหารจะเป็นเดน คือกินในถ้วยนั้นแล้ว แต่ว่าถ้าพระท่านหิว ถ้าเอาไปถวายก็มีอานิสงส์สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ไม่มีโทษ มีแต่คุณ
    แล้วถ้าแบ่งอาหารของเพื่อนไปถวายพระโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างนี้ศีลของลูกจะขาดไหมคะ
    หนูนี่ศีลไม่ขาดนะ เพราะมันไม่เคยสมาทานศีล ทำบุญเคยเห็นหนูรับศีลหรือไง ถามศีลของหนูไม่้ใช่หรือ ไม่ได้ถามศีลของคนนั้นนี่ แต่อันนี้ศีลของคนค่ะ อ่าว..ฉันก็นึกว่าศีลของหนู คือว่าอย่างนี้ก็ไม่แน่นะ ไม่ถือว่าเป็นขโมยล่ะมั้ง เอาของเพื่อนเขาไปแล้ว พอเขาถามว่าหายไปไหน ควรจะบอกเขาว่าเราเอาไปเอง ถ้าจะเอาคืนก็จะซื้อให้ นี่ศีลยังไม่ขาาดนะ ถ้าเวลานั้นตั้งใจขโมยโดยตรง ศีลเก่าขาด ศีลใหม่จะเข้ามาแทน เพราะเวลาให้อาหารถวายพระ พระท่านก็ให้สมาทานศีลใหม่ ใช่ไหม ความจริงก็ดีนะ ไม่ต้องขัดศีลศีลเก่าๆมันเศร้าหมองใช้บรัชโซขัดก็ไม่ได้ แต่เราก็ได้ใหม่เสมอๆ ใหม่เอี่ยมถอดด้ามดีกว่า แต่อย่าทำบ่อยๆนะเกิดอีตอนจังหวะที่ขัดไม่ทันพระยายมท่านจะจดเอา .
    จากหนังสือธรรมปฏิบัติ29 หน้า3-4

    30725257_1447704745341264_4524665046093004800_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทำบุญอย่างคนโง่
    แล้ววิธีที่เราหนีเวลานี้ก็ง่าย เราก็ทำบุญอย่างคนโง่ เราทำบุญอย่างคนโง่ซิ พระพุทธเจ้าว่าอย่างไรเราเชื่อตามท่านซะใช่ไหม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กัปนี้ยังมีพระุพทธเจ้าอีกองค์นึง คือพระศรีอาริย์จะมา นี่การทำบุญทุกครั้งเราก็ไม่ตั้งเขตไปไหน เราตั้งเขตไปนิพพานจุดเดียวเราตั้งจุดไว้ให้สูง อย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลวงพ่อสด เคยไปอบรมกับท่าน เคยไปอยู่กับท่านมาเดือนหนึ่ง ท่านบอกว่าถ้าเราปฏิบัติกรรมฐานเราต้องหวังนิพพาน เคยถามหลวงพ่อครับ ถ้ามันไปไม่ถึงนิพพาน เห้ย ไปไม่ถึงนิพพานก็ค้างพรหมซิโว้ย กำลังอ่อนหน่อยก็ค้างสวรรค์ อ่อนมากเกินไปค้างมนุษย์ยังไม่ลงนรก ท่านพูดของท่านถูกนะ ท่านบอกว่าเราต้องหวังนิพพาน ทีนี้มานั่งใคร่ครวญดูก็จริงของท่าน ให้ตั้งใจไปนิพพานตรง ไม่ไปไหนล่ะ ที่นี้ถ้าบังเอิญบุญวาสนาบารมีของเรายังไม่ถึงนิพพาน มันก็ไปค้างสวรรค์บ้าง พรหมบ้างใช่ไหม ถ้าไปค้างสวรรค์ค้างพรหม ก็ทันพระศรีอาริย์แหงๆ ทันกันแน่นอนพระศรีอาริย์เทศน์จบเพียวไปนิพพาน ที่นี้การตั้งเขตต้องตั้งยันนิพพานสุดไว้ก่อน อย่าถอยหลัง ถ้าหากว่าบังเอิญมันยังไม่ถึงนิพพาน ไปค้างที่สวรรค์ก็กี ที่พรหมก็ดี ไอ้จิตดวงเดิมมันไปที่เราไปจิตมันไป จิตมันก็อยากไปนิพพานต่อไป ถ้าฟังเทศน์จากพระศรีอาริย์จบ พระพุทธเจ้าเทศน์ท่านจะจี้จุดบุญแก่เรา บุญเก่าเรามีความเข้มข้นตรงไหน ท่านจะจี้จุดนั้นก็ถึงนิพพานทันที ก็เท่านี้ไม่ยาก ก็รวมว่า เราทำบุญอย่างคนโง่ ยอมโง่กว่าพระุพุทธเจ้า ฮึหมอ อาจจะไม่ยอมโง่กว่าคนอื่นก็ได้นะ (หัวเราะ) ใช่ไหม เรายอมโง่กับพระพุทธเจ้าองค์เดียว พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เรายอมโง่กับท่าน แต่คนอื่นไม่แน่ใช่ไหม เดี๋ยวบอกตายแล้วสูญ ข้าไม่เอากับแกหรอกโว้ย ไอ้พวกตายแล้วสูญพวกนี้สูญหมด ลงโลกันต์หมด …
    จากหนังสือ..ธรรมปฏิบัติ 29
    หน้า21-22

    30707029_1448581211920284_1034210472561213440_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    กฐินวัดท่าซุง 1f52f.png
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม: ย้อนไปงานกฐินวัดท่าซุงสักนิดครับ ทำไมปีนี้จึงผิดปกติ คนตั้งขบวนแถวยาวมาถึงเวทียกทรง ทุกปีไม่เคยมีอย่างนี้เลยครับ?
    ✴หลวงพ่อ : ตอบไม่ยาก เพราะคนมาก (หัวเราะ) ใช่ๆๆ ข้างในก็เต็มเอี๊ยด น่าแปลก เมื่อวันเสาร์ฝนยังตกจั๊กๆๆ สมเด็จองค์ปฐมท่านบอกพรุ่งนี้ฝนไม่ตก และคนจะมากกว่าทุกปี ไอ้เราก็คิดว่าฝนตกคงเดินทางยากใช่ไหม น้ำมันก็ท่วมใช่ไหม ท่านบอกคนจะมากกว่าทุกปี พอถึงตอนเพลยังไม่เท่าไหร่ ใกล้ๆ เพลนะ ก็ต้องตัดตอนฉันเพล
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : สมเด็จองค์ปฐมท่านบอกหลวงพ่อไว้ก่อนว่าคนจะมาก?
    ✴หลวงพ่อ : ใช่ บอกตั้งแต่วันเสาร์ฝนตกจัด เราก็นึกว่าฝนตกคนคงจะไม่ค่อยมี กำลังนั่งรับแขกอยู่ ท่านบอกคนมากลูก พรุ่งนี้คนมากกว่าทุกปี
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : อย่างนี้ก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องพุทธานุภาพหรือไม่ก็หลวงพ่ออานุภาพครับ?
    ✴หลวงพ่อ : ไม่ใช่ พุทธานุภาพกับประชาชนอานุภาพ (หัวเราะ)
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : ประชาชนไม่มาก็…?
    ✴หลวงพ่อ : หมดสภาพ
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : เห็นคนแล้วน่าชื่นใจจริงๆ?
    ✴หลวงพ่อ : บารมีเขาเข้มแข็งจริงๆ ขนาดต้องยืนคอยขนาดนั้นนะ ไอ้นี่มันเทียบบารมีกันได้ระหว่างบุคคล ที่มีบารมีอ่อนสังเกตซิ เรียกแล้วเรียกอีก บางทีดึงมือดึงไม้ยังไม่ลุกเลย บารมีท่านแปลว่าเต็ม แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกแปลว่ากำลังใจเต็มจริงๆ ขนาดยืนคอยกว่าจะเข้าถึงนานแสนนาน ใช่ไหม เมื่อยก็เมื่อย หนักก็หนัก
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : และอีกอย่างหลวงพ่อ แม้จะมาทีหลัง ไปยืนต่อก็ยังยิ้ม?
    ✴หลวงพ่อ : ใช่ๆๆ คนนักบุญเป็นงั้น
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : นี่ถ้าหากว่าบารมีไม่เต็มก็คงจะ…?
    ✴หลวงพ่อ : กลับก่อนดีกว่า
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : นอกจากองค์สมเด็จท่านจะบอกว่าคนมากแล้ว ยังมีอะไรพิเศษอีกหรือเปล่าครับหลวงพ่อ?
    ✴หลวงพ่อ : มี ก็ใครให้อะไรเท่าไหร่เอาหมด ห้ามปฏิเสธ ฉันนั่งมองศาลา ๑๒ ไร่ คิดว่าต่อไปอาจจะต้องขยับแล้วนะ ถ้าแบบนี้สัก ๒ ปีนะ ขยับไป ๑๒ ไร่ก็โปร่ง
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : มิน่าเล่า ๑๒ ไร่ เคยนึกว่าสร้างมาทำไม ที่ไหนได้ เพราะคนจะต้องเพิ่มขึ้นๆ?
    ✴หลวงพ่อ : ทีแรกฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นึกไม่ออก ท่านสั่งสร้างทำไม คือท่านสั่งสร้างฉันก็สร้างตามสั่ง แต่ไม่รู้หรอก ท่านสั่งเป็นต้องสร้างนะ
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือว่า ต่างคนต่างมา ยิ้มแย้มแจ่มใส ทีนี้ว่าเมื่องานกฐินหลวงพ่อแจกพระหางหมากใช่ไหมครับ?
    ✴หลวงพ่อ : ใช่ พระหางหมาก
    1f64d.png ‍♂️ผู้ถาม : คืออย่างนี้ครับ ไอ้ที่คนดีใจมากที่สุดก็คือว่า ผมนี่ทีแรกนึกว่าพระคำข้าวจะแน่กว่านะครับ อย่าๆ เพิ่งคุยๆ ไม่แพ้กันนะครับ?
    ✴หลวงพ่อ : ไม่แพ้กัน เรื่องลาภไม่แพ้กัน แต่บู๊หนักกว่ากันหน่อย ไปหนักตรงกันที่บู๊
    ✴หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี
    1f4ce.png จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๓ หน้าที่ ๕๘-๕๙
    ขอบพระคุณที่มา… 1f47c.png
    1f58a.png คัดลอกโดย Thamma Sukkho

    30740000_1448601395251599_7290676653900955648_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f33a.png มีครอบครัวได้
    1f33a.png พระโสดาบันหรือสกิทาคามียังไม่ห้ามการแต่งงาน คนแต่งงานแล้วไม่ต้องเลิก แต่ว่าก็ยังไม่ห้ามการแต่งตัว สวยกว่าแบบไหนก็ตาม คิ้วปกติ คิ้วโกน คิ้วปลวก คิ้วไหล ใช้ได้หมด มีไหมใครเอาคิ้วไหลมาบ้าง ระวังนะนี่ถ้าร้อนๆอย่าเขียนคิ้วให้มันหนาเกินมันจะไหลยาว ที่ฉันพูดนี่ไม่ได้เดานะ ฉันเห็นนะ แต่ก็สงสัยว่า ไอ้เราน่ะแก่แล้วไม่มีฤทธิ์ คิ้วไม่ไหล แหม สาวๆคิ้วไหลได้เขาเก่งมาก สาวๆสมัยนี้นะบางคนไม่ไหลนะ ก็รวมความว่าไม่ต้องทำตามลำดับ การปฏิบัติจริงๆเมื่อถึงพระโสดาบัน อย่าลืมนะพระโสดาบันคือชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเป็นชาวบ้านชั้นดี พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าพระแล้วนะ ถ้าพระที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา โกนหัว นุ่งเหลือง ห่มเหลือง ถ้ายังไม่ถึงพระโสดาบันเพียงใด พระพุทธเจ้าไม่ทรงเรียกว่าพระ เรียกว่า สมมติสงฆ์ ฆราวาสที่มีสามีหรือภรรยา มีบุตรธิดา ยังครองเรือนตรามปกติถ้าเป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าทรงเรียก ว่า พระ นี่พระจริงๆ อยู่ที่การตัดสัีงโยชน์ คือความแน่นอน ถ้าทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้ ยาปทั้งหมดที่เราทำมาแล้วทั้งหมด จะไม่สามารถให้ผล นำลงอบายภูมิได้เลย ถ้าจะต้องตกนรกเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีอีกเพราะกำลังบุญเหลิอแล้ว.
    1f33a.png จากหนังสือธรรมปฏิบัติ 29
    1f33a.png 1f343.png 1f33a.png หน้า 90-91

    30743196_1449535048491567_2776046824664858624_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เรื่อง ตายแล้วไปไหน
    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ทหารที่ต้องไปรบกับข้าศึก ถ้าทุกคนตายแล้วจะตกนรก หรือว่าได้ขึ้นสวรรค์ครับ…?
    หลวงพ่อ : จะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังสักเรื่องหนึ่งนะ จำบาลีไว้ให้ดีนะ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า
    “จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา” ถ้าเวลาก่อนจะตาย ถ้าอารมณ์ใจเศร้าหมอง มีความกลุ้ม มีความเสียใจ มีจิตกระวนกระวาย อย่างนี้ตายไปแล้วสู่ทุคติ
    “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” เมื่อขณะที่ก่อนจะตาย มีอารมณ์ผ่องใส ย่อมไปสู่สุคติ
    ทีนี้สำหรับทหารทุกคนตายแล้วตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ เราก็ต้องตอบได้เป็น ๒ นัยว่า
    ทหารคนใดที่มีอารมณ์กลุ้ม มีอารมณ์เสียใจ มีความเร่าร้อน ไร้สติสัมปชัญญะในด้านของความดี พวกนี้ตายแล้วไปสู่อบายภูมิ ถ้าหากว่าทหารคนใดที่ไปรบกับข้าศึก ก่อนจะตายมีอารมณ์ผ่องใสก็จะต้องไปสู่สุคติ คือไปสวรรค์ก่อน
    ทีนี้วิธีจะไปสวรรค์เขาทำยังไง จะเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง เรื่องมันเกิดขึ้น ตอนที่ญวณเหนือกับญวณใต้ตีกัน ตอนนั้นญาณใต้ใกล้จะแตกรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายตายกันมาก มีวาระหนึ่งรู้สึกว่า ผู้ที่ได้อภิญญาสมาบัติต่างคนต่างไปนั่งดักผีที่ทางสี่แพร่ง จุดนั้นถ้าถึงแล้ว ทางซ้ายไปสวรรค์ ทางขวาไปพรหม เดินตรงไปนรก คนที่ตายทั้งหมดเขาทราบจำนวน แต่ทว่าจำนวนที่ผ่านไปมันไม่ครบ พวกที่ได้อภิญญาสมาบัติพวกนั้นจึงไปสำนักพระยายม ไปถามพระยายมว่า วันนี้คนตายมากและตายด้วยการรบ ทำไมจึงมาสำนักของท่านน้อย มันน้อยเกินกว่าที่เราคิดว่ามันจะน้อย
    พระยายมท่านก็เลยบอกว่า ทำไมไม่ดูต่อไปว่า ก่อนที่มันจะตายมันทำอะไร พวกนั้นก็บอกว่า ก่อนที่มันจะตายมันรบกัน มันยิงกัน ท่านก็ถามต่อไปอีกว่า ไอ้ตอนก่อนที่มันจะยิงกัน มันทำอะไร พวกที่ได้อภิญญาย่อมมีจิตเป็นทิพย์ ก็ทราบว่า พวกที่ไม่มานั้น ก่อนที่จะไปยิงกัน เขาปลุกพระก่อน การที่เอาพระห้อยคอ เพราะต้องเข้าไปยิงกันก็กลัวตายเป็นธรรมดา ยึดถือพระเป็นที่พึ่งเพื่อให้คุ้มครองชีวิต แต่ทว่าในเมื่อชีวิตของเขาจะต้องถึงอายุขัยพระก็ช่วยไม่ได้ แม้พระเองถ้าถึงอายุขัยก็ช่วยตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
    ฉะนั้น ท่านจึงบอกว่า ก่อนที่มันจะยิงกันมันปลุกพระก่อน จิตมันนึกถึงพระ นี่เป็นมหากุศล คนพวกนี้จึงไม่ไปสู่อบายภูมิ นี่เป็นอันว่า เหตุที่เล่ามานี่ก็เพื่อให้ทราบว่า ท่านทั้งหลายที่เป็นทหารคิดว่าจะต้องฆ่าคน และทางคติของพระพุทธศาสนานี่ ไอ้คนฆ่าคนไม่ใช่ว่าจะเลวไปทุกๆคน พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวอย่างนั้น พระองค์กล่าวว่าอาศัย “จิต” เป็นสำคัญ ถ้าเราจะทำความชั่ว
    ใดๆ ก็ตามที ในเวลาที่ก่อนจะตาย บังเอิญจิตไปยึดความดีเข้าก่อน เราก็สามารถไปสวรรค์ได้
    ผู้ถาม : เมื่อไปสวรรค์ได้ก็ไม่ต้องตกนรกอีกใช่ไหมครับ…?
    หลวงพ่อ : ถ้าเราไปสวรรค์ก่อน ถ้าเราเป็นเทวดาแล้ว ทะนงตนว่า เป็นเทวดามีความสุข มีร่างกายเป็นทิพย์ มีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทิพย์หมด แต่ประมาทไม่ปฏิบัติความดีต่อ อย่างนี้ถ้าหมดบุญบารมีก็ต้องลงนรก
    ผู้ถาม : แล้วจะทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องลงนรกล่ะครับ…?
    หลวงพ่อ : ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้ว อดีตเราจะมีความชั่วอย่างไรก็ตาม พระโสดาบันจะไม่ตกนรก จะไม่เกิดเป็นเปรต จะไม่เกิดเป็นอสุรกาย ไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็มีมากท่านด้วยกันที่สร้างความชั่วไว้ในสมัยเป็นมนุษย์ แต่ก่อนจะตายสร้างความดีนิดหน่อยไปสวรรค์
    ผู้ถาม : จะรู้ได้อย่างไรว่าตายแล้วเกิดใหม่ครับ…?
    หลวงพ่อ : อ้าว…คุณยังไม่มั่นใจเหรอ เอาอย่างนี้นะ ใครมีมีดไหม มาเชือดคอคนคนนี้เหอะ จะได้รู้กันเดี๋ยวนี้
    ผู้ถาม : (หัวเราะ) “ไม่เอาครับ
    หลวงพ่อ : ไม่เอา…จะรู้ได้อย่างไรล่ะ ต้องเอาซี
    ใช่…ตายแล้วเกิดใหม่ ฉันขอยืนยัน จะเกิดเป็นคน เป็นสัตว์นรก เกิดเป็นเปรตเป็นอสุรกาย เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือจะเกิดเป็นเทวดา พรหมหรือไปนิพพานย่อมได้ทั้งนั้น สุดแล้วแต่ความดีความชั่ว
    ผู้ถาม : เมื่อคนตายแล้ว ก็ไปเกิดทั้งในนรกและสวรรค์ แต่มีบ้างไหมครับที่ตายไปแล้วไม่เกิดทั้งในนรกและสวรรค์
    หลวงพ่อ : มี…มีเยอะ ตายแล้วไปสวรรค์ก็ไม่ไป พรหมก็ไม่ไป ไปนิพพานเลย
    ผู้ถาม : และอีกอย่างครับ คนตายแล้วต้องมาเกิดอีก และมีไหมครับ ที่ตายแล้วไม่ต้องเกิด…?
    หลวงพ่อ : ก็พระอรหันต์ไงล่ะ ตายแล้วไปนิพพานเลย ไม่ต้องมาเกิดอีก
    ผู้ถาม : ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ถ้าตายไปแล้วจะไปนรกหรือสวรรค์หรือเปล่าครับ…?
    หลวงพ่อ : ไปทุกศาสนานะคุณ คือว่าสวรรค์หรือนรกนี่ก็มีเหมือนกัน เรือนจำนี่เขาขังเฉพาะผู้ที่นับถือพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นด้วยล่ะ เขาขังทุกศาสนาใช่ไหม…นั่นฉันใด นรกหรือสวรรค์ก็เหมือนกัน ถ้าทำความชั่วก็ไปนรกแห่งเดียวกัน
    ผู้ถาม : ถ้าผมทำความดี ผมจะได้เกิดมาในศาสนาพุทธไหมครับ…?
    หลวงพ่อ : ถ้าคุณทำความดี อีกกี่ชาติๆ คุณก็พบศาสนาพุทธตลอด
    ผู้ถาม : อย่างนี้ก็หมายความว่า ศาสนาอื่นไม่ดีเท่าศาสนาพุทธซิครับ…?
    หลวงพ่อ : เราจะว่าเขาไม่ดีก็ไม่ได้ ศาสนาทุกศาสนาเขาดีเหมือนกันแหละ แต่ว่าคุณปฏิบัติตามแนวทางศาสนาพุทธคุณก็เกิดในเขตของศาสนาพุทธ ถ้าคุณปฏิบัติในเขตของศาสนาอื่น เพราะจิตใจมัน
    จับอยู่ในศาสดาองค์นั้น ก็ต้องไปเกิดในศาสนานั้น นี่เราจะไปถือว่าศาสนาอื่นไม่ดีไม่ได้ ศาสดาทุกองค์เขาต้องการให้คนเป็นคนดีทั้งหมด เขาจึงได้บัญญัติกฎปฏิบัติขึ้นมา แต่ว่าถ้าจะถือคุณธรรมของศาสนากันจริงๆ แล้วละก็ของเรามีต่างกับเขาอยู่นิดหนึ่ง ที่เรามีอริยสัจ ศาสนาอื่นเขาไม่สอนด้านอริยสัจ ของเรามากกว่าเขาหน่อย จะดีกว่าหรือไม่ดีกว่า ก็เป็นเรื่องของการพิจารณาของคนนะ อาตมาเป็นพระในศาสนาพุทธ จะมายกย่องศาสนาพุทธมากเกินไปมันก็ไม่ดี ดีหรือไม่ดี พระพุทธเจ้าบอกว่า เชิญมาพิสูจน์เอง

    31092130_1450428671735538_7889188176323936256_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ตายจากเด็กหญิงอายุ ๗ ขวบ ไปรออยู่ที่สำนักพระยายมราชแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    “..วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๓๑ ท่านพระยายมราชกับท่านนายบัญชีได้มาตามอาตมาให้ไปที่สำนักงานท่านด่วนเพราะเด็กบ่นหาท่าน ก่อนถึงสำนักงานของท่าน ท่านบอกให้อาตมาไปในรูปนอกคือ กายเนื้อ เพราะเด็กและคนที่เห็นจะได้จำได้ ถ้าไปในรูปในคืออทิสสมานกาย เขามองไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัดอาจจะจำไม่ได้ เมื่อไปถึงสำนักพระยายมราช เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุ ๗ ปี รูปร่างขาวโปร่ง เป็นคนทางทิศตะวันออก เมื่อเห็นอาตมาเธอก็วิ่งมาหากราบลงที่เท้าและเกาะไว้ไม่ยอมปล่อย ถามเธอว่า “ตายเพราะอะไร” เธอตอบว่า “เป็นโรคอหิวาต์ตาย” ถามเธอว่า “ตายเมื่อไร” เธอตอบว่า “ตายเดือนกันยายน ๒๕๓๑ นี่เอง” ถามเธอว่า “ก่อนตายนึกอย่างไร” เธอตอบว่า “เมื่อ ๓ ปีที่แล้วมา เธอมาที่วัดท่าซุงกับพ่อและแม่ เมื่อพ่อแม่ให้ไปไหว้อาตมา หนูจะเข้าไปกราบที่ตัก” อาตมาบอกว่า “ไม่ต้องกราบบนตัก กราบใกล้ๆ ก็ใช้ได้”
    เมื่อกราบแล้วก็นั่งตรงนั้นตลอดเวลาจนกว่าจะกลับ จากนั้นก็กลับบ้านเห็นอาตมาตลอดวัน (พระท่านบอกว่าได้ฌานในสังฆานุสติ) พอตื่นนอนก็เห็นอาตมา เวลาจะทำอะไรถ้าถามอาตมาแล้วอาตมายิ้ม แสดงว่าให้ทำได้ ถ้าไม่ยิ้มแสดงว่าห้ามทำ เมื่อก่อนมาพบหลวงพ่อเธอได้ตีแมลงตัวเล็กๆ บินมาตายบ้าง ไม่ตายบ้าง พอกลับมาจากหาอาตมาแล้ว จะตีแมลงตอนเย็นมองดูหน้าอาตมาไม่ยิ้มเลยเลิกตี เมื่อป่วยท้องเดินร้อนภายในมาก แต่เห็นอาตมายิ้มและสวยขึ้นๆ หนูเลยสบายใจ เมื่อจะตายเห็นแมลงฝูงใหญ่บินมาจะเข้าตา เลยตกใจตอนนี้เอง คน ๔ คนนุ่งแดงที่ยืนอยู่นี่แหละ เธอชี้ไปที่คนนุ่งแดง ๔ คนยืนอยู่ ท่านทั้งสี่ยิ้มชอบใจ
    เธอเล่าต่อไปว่า คนนุ่งแดง ๔ คนไปชวนหนูมา หนูจะไม่มา หลวงพ่อบอกว่า “ไปเถอะ พ่อจะไปด้วย” หนูจึงมา เมื่อมาถึงท่านลุงแล้ว หลวงพ่อออกปากฝากท่านลุงแล้วหลวงพ่อก็หายไป หนูเหงาเลยขอให้ท่านลุงเอาหลวงพ่อหนูคืนมา เมื่อกี้ท่านลุงทั้งสองหายไปคงไปตามหลวงพ่อมา อาตมาถามท่านลุงว่า “สอบสวนแล้วหรือยัง” ท่านลุงบอกว่า “เด็กได้ฌานในสังฆานุสติ ฌาน พลัดนิดเดียวที่เห็นแมลง เป็นการตายนอกฌาน เธอไปสวรรค์ได้เลย ท่านมาฝากผมจะต้องสอบสวนอะไรกันอีก”
    ในที่สุดทั้งหมดก็พาหนูน้อยไปสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เธอบอกว่า “เธอตายนอกฌานไปพรหมไม่ได้ เธอจะไปอยู่กับท่านปู่” อาตมาถามท่านนายบัญชีว่า “ทำไมเอามาตั้งแต่อายุยังน้อย” ท่านเปิดบัญชีให้ดูและอ่านให้ฟังว่า มีสิทธิ์เป็นมนุษย์ ๗ ปีแล้วกลับที่เดิมคือดาวดึงส์ เมื่อถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เธอเข้าไปหาท่านปู่ สนิทสนมแบบคนรู้จักกันดี เธอสวยมีเครื่องประดับก็สวยมาก แสงสว่างมากด้วยอำนาจสังฆานุสติ..”

    31120731_1451371928307879_4248741224418115584_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f449.png ยอดเงินล่าสุดวันนี้48,603บาทค่ะ
    1f64f.png จะถึงครึ่งทางแล้วค่ะ..มาร่วมบุญใหญ่นี้ด้วยกันนะคะ..

    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png [​IMG]ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    31189774_1454135658031506_8629051350245703680_n.jpg
    31302025_1454135701364835_6423973208713592832_n.jpg
    31180051_1454135744698164_2181335351866425344_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ขอลงรูปให้ผู้ที่ร่วมบุญอนุโมทนากันนะคะ
    เมื่อวานนี้ฝนได้ 1f607.png ถวายงานบุญเจ้าภาพโลงเย็นวัดศรีโพธาราม อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จำนวน 40,400 บาทและถวายพระคลัง(พี่ลักษณ์ร่วมบุญมา)600บาท..แก่พระเดชพระคุณหลวงปู่องค์น้อยค่ะ
    1f64f.png ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านเจ้าภาพด้วยนะคะ..
    1f343.png 1f33a.png [​IMG]โลงเย็นนำถวายวันไหนจะนำภาพมาลงให้โมทนาบุญกันอีกรอบนะคะ..สาธุๆๆค่ะ

    31301938_1455069554604783_3366133631297781760_n.jpg
    [​IMG]
    31286742_1455069701271435_5991456936715878400_n.jpg
    31353763_1455069747938097_4069710331637661696_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1f449.png ยอดล่าสุดวันนี้ 51,727 บาท

    1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png 1f33a.png
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผาติกรรม สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกในซุ้มเรือนแก้วปิดทองคำแท้ประดับเพชรทั้งองค์ในงานกฐินของวัดท่าซุงปีนี้ (วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561) งบประมาณ 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน)คณะของเราอยู่ลำดับที่52ค่ะ ในนาม”เพจคำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำวัดท่าซุง น้ำฝน บุญสิงห์พร้อมคณะญาติธรรม”..
    1f449.png เปิดรับตั้งแต่วันนี้จนครบยอด100,000บาทค่ะ
    โอนร่วมบุญได้ที่ธ.กสิกรไทย011-1-98323-2(บัญชีนี้ไม่มีพร้อมเพย์ค่ะ)
    น้ำฝน บุญสิงห์
    1f343.png 1f33a.png 1f343.png การบอกบุญนี้เป็นความศรัทธาของฝนและคณะไม่เกี่ยวข้องกับวัดท่าซุงแต่อย่างใด

    31369617_1455732547871817_8492407704457838592_n.jpg
    31317778_1455732571205148_3087431717401657344_n.jpg
    31287728_1455732607871811_6573077280476626944_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อวัดท่าชุงตอบปัญหาธรรม
    ไม่มีเงินทำบุญแต่อยากได้บุญ

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือลูกไม่มีเงินจะทำบุญ
    ต้องไปขอพี่บ้าง น้องบ้างเวลาไปขอเขาทีไรเขาชอบพูด
    กระแนะกระแหนหว่าว่าลูกไม่เจียม อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า
    คนที่ไม่มีเงินจะทำบุญแล้วอยากจะได้บุญหลวงพ่อมีคำแนะนำ
    ว่าอย่างไรเจ้าคะ

    หลวงพ่อ : ไม่ยาก บุญที่ไม่ต้องลงทุนก็มีถ้าต้องการ ๑. รักษาศีล
    ศีลไม่ต้องใช้เงิน ๒. เจริญภาวนาไม่ต้องใช้เงิน ๓.การให้ทาน
    เราต้องใช้เงินใช่ไหม จะไม่ใช้ก็ได้เขาเดินถวายทานกันเป็นแถว ๆ
    ปัตตานุโมทนามัย ดีใจกับเขาคนละ ๙๐% ตั้ง ๑๐๐ คนเท่าไหร่ล่ะ?

    โมทนาย้อนหลังไปนาน ๆ

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงลูกได้อ่านหนังสือที่มี
    รายชื่อทำบุญต่าง ๆ เมื่อ ๑๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้างปรากฎว่าชื่นอกชื่นใจ
    อย่างบอกไม่ถูก เลยนั่งยกมือไหว้โมทนาไปอย่างนี้เรียกว่าเป็นปัตตานุ
    โมทนามัยหรือไม่ เพราะลูกเห็นว่านานเกินไป

    หลวงพ่อ : เป็นปัตตานุโมทนามัย เขาเรียกว่า โมทนาชั้นลายคราม
    หลายร้อยปีแล้วนี่นะ ได้นะมีผล ๑๐๐% โมทนา หมายความว่า
    ยินดีด้วยใช่ไหม มัย แปลว่า สำเร็จ โมทนามัย สำเร็จด้วยความยินดี
    ในเมื่อเรายินดีในการกระทำด้วยความดีของใคร เชื่อว่าผลนั้นสนองผล
    แต่ว่าจะนานเท่าไรก็ช่าง บุญไม่สลายตัว

    31693122_1460524894059249_4939349249532887040_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...