เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ธรรมอันดับแรกปิดอบายภูมิ สังโยชน์ ๓

    ญาติโยมทุกคน ถ้าหากว่ามีความสนใจไม่ต้องการ
    เข้าสู่อบายภูมิ ก็ขอให้ทุกคนทำลาย สังโยชน์ ๓ ประ
    การเสีย อย่าเจริญกรรมฐานเพลินไป ถ้าเพลินไปไม่
    เข้าไปตัด สังโยชน์ ๓ มันจะไม่มีความสุข

    ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริสัทชายหญิงทุกคน
    จะทำสมาธิขนาดไหนก็ตาม อันดับแรก

    ๑. อย่าลืมความตาย
    ๒. อย่าลืมพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ๓. อย่าลืมศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐
    ๔. จิตจับจุดอย่างเดียวนั่นคือ พระนิพพาน

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อาการของการหลับในฌาน

    ถ้าจะถามว่าหลับในสมาธิต่ำกว่าฌานมีไหม ก็ต้องตอบว่าเวลาจะหลับ อย่างต่ำที่สุด
    จิตต้องเข้าถึงปฐมฌาน

    ถ้าภาวนาไปจนหลับ ต้องสังเกตเวลาตื่น
    ถ้าเราตื่นมารู้สึกตัวเต็มที่ ตื่นแล้วไม่ต้องรีบลุก ถ้าภาวนาจนหลับ ถ้าตื่นขึ้นอย่าลุกกขึ้นมาภาวนา
    นอนอยู่อย่างนั้น ภาวนาต่อไป ถ้าลุกขึ้นมาจิตเคลื่อน สมาธิมันก็เคลื่อน นอนอยู่แบบนั้นภาวนาต่อไปเลย

    ถ้าหากเราตื่นเต็มที่รู้สึกตัวเต็มที่ ไม่ภาวนาเอง
    เราต้องบังคับให้ภาวนา นี่แสดงว่าขณะหลับเราเข้าถึงปฐมฌานหยาบ ปฐมฌานหยาบนี้เป็นพรหมชั้นที่ ๑ ได้
    มีสิทธิ์เป็นพระโสดาบันได้

    ถ้าหากว่าเวลาตื่นขึ้นมา รู้สึกตัวเต็มอัตราแล้ว มันเกิดภาวนาขึ้นมาเอง ในขณะนั้นก็เป็นเครื่องสังเกตว่า ขณะที่หลับ
    เราเข้าถึงปฐมฌานชั้นกลาง ปฐมฌานนี้มี ๓ อย่าง
    คือ หยาบ กลาง ละเอียด

    และอีกอันหนึ่ง ถ้าตื่นขึ้นมารู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ทันจะตื่นเต็มที่ รู้สึกตัวว่าภาวนาอยู่แล้ว เวลาจะหลับเข้าถึงปฐมฌานละเอียด
    จุดนี้ถ้าตายจากความเป็นคน ก็เป็นพรหมชั้นที่ ๓
    ปฐมฌานอย่างกลาง เป็นพรหมชั้นที่ ๒
    ปฐมฌานอย่างหยาบ เป็นพรหมชั้นที่ ๑

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทิพจักขุญาณ

    ความรู้สึกที่ว่าเห็น ที่เราเรียกว่า ทิพจักขุญาณ
    จะดีมากดีน้อยขนาดไหน มันขึ้นอยู่กับความ
    บริสุทธิ์ของจิตในเวลานั้น ถ้าในเวลานั้นความ
    รู้สึกของจิตมันล้างกิเลสไปได้มาก เทียบเท่ากับ
    พระสกิทาคามีหรือพระอนาคามี เฉพาะในเวลานั้นนะ
    ไม่ได้หมายความว่าเป็นเสียจริงๆ เลยนะ

    คือเวลานั้นจิตสะอาดเทียบเท่าพระสกิทาคามี
    หรือพระอนาคามี ความรู้สึกที่เห็นมันชัดมาก
    การเคลื่อนไหวเร็วมาก ในเมื่อเราทำได้แบบนั้นแล้ว
    ยามปกติก็หันมาฝึกอบรมจิต ให้หันมาทรงสภาพนั้น
    มันก็จะมีการคล่องตัวทุกอย่าง

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ไร้นิวรณ์ก็เข้าถึงปฐมฌาน

    จิตของเราถ้าหากนิวรณ์ไม่เข้ามายุ่งเมื่อไร มันก็เป็นฌานเมื่อนั้น นี่มันก็ไม่มีอะไรยาก ถ้าเรามีกำลังใจเข้มแข็ง จะไม่ยอมเชื่อไอ้ตัว
    ร้ายนิวรณ์นี่

    ทีนี้ในเมื่อเราไม่คิดถึงเรื่องอื่น ขณะที่พิจารณา
    ก็มองดูแค่ขันธ์ ๕ อย่างเดียว และเวลาภาวนาก็
    จับเฉพาะลมหายใจเข้าออก กับคำว่าพุทโธ อันนี้นิวรณ์มันไม่กวน จิตเข้าถึงปฐมฌานทันที

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    กำลังใจปรมัตถบารมี

    การเจริญพระกรรมฐาน เป็น ปรมัตถปฏิบัติ ถ้าบารมีก็เป็น ปรมัตถบารมี
    เพราะว่าเป็นการปฏิบัติสูงสุดในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าต้องการจุดนี้ จุดเจริญกรรมฐาน ฉะนั้นการเจริญกรรมฐานเราต้องลืมให้หมด ลืมประเดียวเดี๋ยวนะ อย่าลืมตลอดชีวิต

    ไปบ้านนึกถึงภารกิจต่างๆ ที่เราทำ
    แต่พร้อมกันนั้น ก็ต้องคิดไว้ด้วยว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะควบคุมเราจะทรงมันไว้ เพราะมีชีวิตต้องกินต้องใช้ แต่ว่ามันก็มีความทุกข์ ถ้าเราตายไปแล้ว สิ่งทั้งหลายจะไปอยู่กับใคร
    ก็ช่างมัน เราไม่ต้องการมันอีก

    การเกิดเป็นมนุษย์วุ่นวายแบบนี้เราไม่ต้องการ เป็นเทวดาหรือพรหมมันก็พักความวุ่นวายเพียง
    ชั่วคราว เดี๋ยวก็ย่องเข้ามาใหม่ เราก็ไม่ต้องการ จุดที่เราต้องการความสุขจริงๆ ก็คือพระนิพพาน ต้องการไว้นะจุดนี้นะ

    รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทิพจักขุญาณแปลว่าอะไร

    คำว่า ทิพจักขุญาณ ไม่ใช่ตาทิพย์ อย่าใช้ตาดูนะ ไม่เห็น เพราะใจทิพย์ จะมีความรู้สึกทางใจ

    ฉะนั้น เวลาที่ต้องการจะรู้ ให้รู้ทางใจ ไม่ใช่รู้ทางตา

    ทีนี้ความเป็นทิพย์จะไม่เสมอกัน ทีนี้คนที่จิตสะอาด
    เล็กน้อย จะมีแต่ความรู้สึกของจิต แต่ไม่เห็นภาพ ให้เชื่อความรู้สึกของจิต

    ถ้าหากว่าคนที่มีจิตสะอาดปานกลาง จิตมีความรู้สึก ถ้าหากว่าคนที่มีจิตสะอาดแจ่มใส จิตจะเห็นภาพ
    ชัดเจนแจ่มใสมาก

    ฉะนั้น ทั้ง ๓ ประการนี้ ใครจะได้ขนาดไหนก็ตาม ให้เชื่อความรู้สึกของใจเป็นสำคัญ

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    คำพรหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    อาตมาภาพในฐานะพระสาวกของ
    องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณศรีพระรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ทั้ง 3
    ประการ ขอจงดลบันดาลให้ท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระทศพลและพระสาวก
    บรรลุแล้ว ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระ
    ประทีปแก้ว จงบรรลุธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้เถิด

    น้อมกราบคำพรหลวงพ่อ สาธุ สาธุ สาธุ









    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วาระกับความตาย

    คนตายได้ทุกสถานที่ ถ้าถึงวาระที่มันจะตาย ต้องทราบว่าความตายเขากำหนดสถานที่และ
    เวลาไว้แล้ว เราจะไปไหนไม่ต้องกลัวหรอก ถ้ายังไม่ถึงวาระที่เขากำหนด มันก็ไม่ตาย

    พอถึงวาระที่เขากำหนดไว้แล้วมันต้องตายแน่ เราจะไปคิดว่าตายนอกบ้าน ตายในบ้านไม่แน่นอน อยากจะรู้ก็ไปดูบัญชีที่ พญายม ขอท่านดูก็ได้ ว่าเราจะตาย เมื่ออายุเท่าไร เป็นโรคอะไร ตายที่ไหน อาการตายเป็นอย่างไร เวลาตายเวลาเท่าไร มันรู้

    เขามีไว้ครบก่อนที่เราจะมาเกิด นี่เขาบอกเวลา
    ตายไว้แล้ว เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้วไม่ต้องคำนึง
    ว่ามันจะตายเมื่อไร จะตายอย่างไรก็ช่าง จิตดวงนี้ เรามุ่งนิพพานอย่างเดียว

    รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙
    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อเล่าเรื่องเมืองนิพพาน

    วันหนึ่งสมเด็จท่านพามาที่วิมาน
    นิพพานนี่มันกว้างลิ่ว
    และบ้านนี่นะนานๆ จะได้มาสักที ส่วนมากก็ไปนั่งไปป๋ออยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้า ถ้าเราไปอยู่ที่นั่นแล้ว เวลาเราตายมันจะไปไหน อาตมาเป็นคนเกาะพุทธานุสสติกรรมฐาน
    เป็นอารมณ์ตลอดเวลา ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าวันนั้นตายดีกว่า มันจะเป็นยังไงก็ตาม ยิ่งป่วยยิ่งไข้ยิ่งหนัก ป่วยนิดเดียวจิตจะไม่ยอมคลาดพระพุทธเจ้า เราถือว่าถ้าเราเกาะพระพุทธเจ้าอยู่ มันจะตายลงนรกก็ยอม ท่านคงไม่ยอมให้ลง แล้วท่านก็พาไปดูที่วิมาน ชี้ให้ดูบอกว่า

    “คณะของคุณมันมาก เพราะคุณใช้เวลา
    บำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป
    และเป็นฝ่ายวิริยาธิกะ”

    เป็นอันว่าคณะของเราที่ตามกันมาเป็นระยะ ไอ้ที่เขาหนีไปนิพพานแล้วนับไม่ถ้วน พวกนั้นขี้ขลาดสู้เราไม่ได้ ไอ้เราต้องมาตกระกำลำบาก ช่วยกันวิ่งโน่นวิ่งนี่ ไอ้ที่จะกินก็ยังไม่มี แต่ก็ยังพยายามหาเลี้ยงคนอื่น ใช่ไหม

    วันนี้มีเวลาลองสอบดูนิดหนึ่ง ถามว่า

    “คณะของข้าพระพุทธเจ้ามีกี่สาย จากหลังบ้านไปนี่”
    ท่านบอกว่า “มี ๓๗ สาย”
    ถามว่า “สายหนึ่งมีระยะยาวเท่าไร”
    ท่านบอกว่า “สองแสนโยชน์ของนิพพาน”

    แล้วก็ไปดูเห็นหมดทั้ง ๓๗ สาย สองฝั่งของถนนวิมานเต็มหมด มันไม่มีจุดพร่อง
    สายหนึ่งประมาณ ๒ แสนโยชน์
    แต่ละสาย ๓๗ คูณด้วย ๒ วิมานมันจะตั้งสายละ
    สองฝั่งถนน ๓๗ ถนนยาวเหยียด
    ถนนกลายเป็นแก้วแพรวเป็นประกาย
    สวยสดงดงามไปหมด บอกไม่ถูก วิมานแต่ละหลังก็แพรวพราวหาที่ติไม่ได้เลย หัวหน้าทีมตั้งบ้านใหญ่อยู่ด้านหน้า ต่อไปก็มีถนนซอยเข้าไป

    ทางด้านของนิพพานนี่เขาอยู่กันเป็นกลุ่มๆ
    อย่างกลุ่มของ พระกกุสันโธ ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง วิมานของพระพุทธเจ้าก็ตั้งอยู่ข้างหน้า บริวารก็เป็นสายอยู่ข้างหลัง
    พระโกนาคม ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง
    พระพุทธกัสสป ก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง
    ของ สมเด็จพระสมณโคดม ท่านก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง

    ตอนนี้ของอาตมาก็เป็นจุดที่แปลก
    วิมานตั้งอยู่ในเกณฑ์เรียงของพระพุทธเจ้า
    แต่ใหญ่คล้ายคลึงกัน แต่สวยสู้ของท่านไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่พระพุทธเจ้า

    แต่ในฐานะที่ปรารถนาพุทธภูมิมาสิ้นระยะเวลา
    ๑๖ อสงไขยกับแสนกัปพอดี แต่ว่าต้องเกิดไปอีก
    ๗ ที ทนไม่ไหว ไม่เอา แค่นี้พอ รอเกิดอีก ๗ ครั้ง ก็ในกัปนี้แหละ และต้องไปรอองค์ที่ ๒๒ หลังจาก
    พระศรีอาริย์ ต้องไปนั่งรออยู่ชั้นดุสิต
    ไม่ไหวเปิดดีกว่า ฉะนั้นกลุ่มของพวกเราจึงมีวิมาน ตั้งอยู่ในระหว่างกลุ่มของ พระพุทธกัสสป
    และกลุ่มของ พระสมณโคดม

    เป็นอันว่าหาจุดพร่องไม่ได้ตามสายของพวกเรา
    วิมานสวยไม่เต็มที่มีอยู่มากพอสมควร
    แต่ก็ไม่เต็มสาย ที่วิมานสวยไม่มากก็เพราะว่า
    จิตของบุคคลใดถ้ารักพระนิพพาน วิมานจะปรากฏที่นั่น แต่ถ้าจิตใจของท่านผู้นั้น
    ยังไม่ถึงอรหันต์เพียงใด วิมานจะสวยไม่เต็มที่
    ไอ้จิตกับวิมานมันสวยเท่ากัน
    เดินไปจึงรู้ เป็นอันว่าวิมานมันนั่งคอยอยู่
    เป็นอันว่าคนที่ติดตามมาไม่พลาดพระนิพพาน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เรื่อง ฝึกจับภาพพระพุทธรูปให้แจ่มใสตลอดเวลา
    ฌานจะไม่เสื่อม

    ต้องพยายามจับภาพพระพุทธรูปเอาไว้ในอกก็ได้
    เอาไว้ในสมองก็ได้ เอาไว้ที่หน้าผากก็ได้ หรือให้
    อยู่ข้างนอกก็ตามใจ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงพระพุทธรูป
    ให้เห็นชัดมีอารมณ์แจ่มใส ยิ่งเห็นใสเป็นแก้วประ
    กายพรึกยิ่งดี ควรจะบังคับจิตให้เห็นภาพพระพุทธรูป
    มีประกายพรึกอยู่ตลอดเวลา ใหม่ๆ ยังเป็นประกาย
    พรึกไม่ได้ จำสีเหลือง สีขาวก็ใช้ได้ จับนึกขึ้นมา
    เมื่อไรเห็นพระพุทธรูปทันที

    การเห็นภาพพระพุทธรูปนี่เป็นเครื่องสังเกต คือภาพ
    พระพุทธรูปนี่เป็นกสิณ เป็นเครื่องวัดว่าจิตใจของเรา
    เห็นภาพพระพุทธรูปชัดเท่าไร เราไปที่ไหนก็จะเห็น
    ภาพนั้นชัดเจนเท่านั้นเป็นเครื่องวัด อันนี้ต้องทำไว้
    เป็นประจำไว้เสมอ อย่าให้มันคลาด อย่าให้มันเคลื่อน
    ทำงานอยู่ กินอยู่ นอนอยู่ เดินไปเดินมา ทำให้จิตเห็น
    ภาพพระพุทธรูปไว้เป็นปกติ อย่างนี้ฌานของท่านจะ
    ไม่เสื่อม และความแจ่มใสของจิตก็จะทรงตัว

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน







    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก

    …..เขาด่ามาเราก็ไม่ด่าไป เขาโกรธมาเราก็ไม่
    โกรธไป อยากจะด่ายังไงก็เชิญด่า อยากจะโกรธ
    ยังไงก็เชิญโกรธ ไอ้คนด่าคนโกรธบ้าไปคนเดียว
    เมื่อเขาอยากจะบ้าฉันไม่เกี่ยว บุคคลใดผู้ชนะ
    ความโกรธชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชนะสงครามที่ชนะ
    ได้ยาก คนที่ไม่โกรธตอบนั่นแหละเป็นคนดี

    …..บุคคลใดผู้ชนะความโกรธชื่อว่าบุคคลนั้นเป็น
    ผู้ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก แต่ความโกรธที่เราจะ
    ชนะได้ยากนี้ต้องอาศัยพรหมวิหาร ๔ ประจำใจ
    หรือว่าทรงฌานในกสิณ ๔ อย่าง อย่างใดอย่าง
    หนึ่งแล้วจึงจะเป็นผู้ชนะ

    …..พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “นินทา ปสังสา” นินทา
    และสรรเสริญเป็นธรรมดาของโลก เขาสรรเสริญ
    ว่าเราดี ถ้าเราเลวมันก็ไม่ดีไปตามคำที่เขาพูด
    เขานินทาว่าเราเลว ถ้าเราดี เราก็ไม่เลวไปตาม
    คำเขาพูด

    จากเรื่อง จรณะ ๑๕ ในธัมมวิโมกข์ ฉบับ ๓๒
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    บุคคลใดรู้ตัวว่าเป็นคนพาล
    บุคคลนั้นเป็นบัณฑิต:

    พระพุทธเจ้ากล่าวว่าบุคคลไดรู้ตัวว่าเป็นคนพาล
    พาลนี่เขาแปลว่าโง่ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าบุคคลนั้น
    เป็นบัณฑิต เพราะเป็นผู้รู้

    คนที่รู้ตัวว่าเป็นคนพาลมันจับความชั่วของตัวไว้เสมอ
    จ้องดูจิตว่าอารมณ์ชั่วมันจะเกิดเมื่อไร ในเมื่อความ
    ชั่วมันจะเกิดขึ้นมาในด้านไหน หาทางตัด

    นี่บัณฑิตมีความรู้สึกอย่างนี้ ไม่เคยมีความรู้สึกตัวว่า
    เป็นคนดี มองหาความชั่วของตัวให้พบ เมื่อหาชั่วพบ
    ทำลายความชั่วได้แล้วมันดีเอง

    โดย…พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    อย่าประมาทในชีวิต
    รวบรัดไว้ซึ่งความดี:

    จำให้ได้ว่าชาตินี้ทั้งชาติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    เราจะไม่ประมาทเรื่องความตายของชีวิต
    และคนที่เกิดทีหลังเราเด็กเล็กตายก่อนเรา
    ไปเยอะแยะ

    เราต้องตายแน่ พยายามรวบรัดความดีเข้าไว้
    บาปเก่าๆ ที่ทำไว้แล้วช่างมัน มันจะไปไหนก็ช่างมัน
    มันตามเราไม่ทันด้วยอาศัยเคารพพระพุทธเจ้า
    เคารพพระธรรม เคารพพระอริยสงฆ์
    และปฏิบัติศีล ๕ให้บริสุทธิ์ อย่าลืมว่าฆราวาสศีล ๕
    อาจจะหยาบไปนิดหนึ่ง แต่ก็พ้นอบายภูมิแล้ว
    ถ้าทางที่ดีได้กรรมบถ ๑๐ จะดีมาก

    รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๗
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    สำนึกตนอยู่เสมอ

    ถ้าทุกคนปรับปรุงใจตนดีแล้ว
    มันก็ไม่มีเรื่องยุ่งกับคนอื่น
    ไม่สร้างคนอื่นให้มีความเร่าร้อน
    ในการที่จะเพ่งโทษคนอื่น
    ต้องรู้ตัวว่าเราเลวเกินไป
    นี่จงรู้สึกตัวไว้เสมอ รู้สึกตัว
    ว่าเรามันเลว เลวมาก
    จนกระทั่งขังไว้ในใจไม่ได้

    มันจึงอุตส่าห์ไหลออกมาทาง
    วาจา ไหลมาทางกาย นี่แสดงว่า
    ความเลวมันล้นออกมาจากจิต
    ในข้อนี้ต้องคิดไว้เป็นประจำ
    อย่าทนงตนว่าเป็นคนดี
    ถ้าดีแล้ว ปากไม่เสีย กายไม่เสีย
    ถ้าปากเสีย กายเสีย ความเลว
    มันล้น มีความดีไม่ได้

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธีปฏิบัติควบคุมจิตให้เป็นสมาธิ

    ความจริงการทำจิตให้เป็นสมาธิ หรือทำจิตให้
    เป็นฌานสมาบัติเป็นของไม่ยาก คนที่จะได้ดี
    เขาทำกันแบบนี้ ขณะที่ฟังก็ดี ขณะที่ตั้งใจทรง
    สมาธิก็ดี เขาไม่ให้อารมณ์ส่งไปสู่อารมณ์อื่น
    รู้จักควบคุมใจของเราให้อยู่เฉพาะกิจที่เราจะ
    พึงทำ คือ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก และคำ
    ภาวนาลมหายใจเข้านึกว่า พุท ลมหายใจออก
    นึกว่า โธ นึกอยู่ควบคุมกำลังใจอยู่ เท่านี้ตาม
    เวลาที่เรากำหนดไว้ เราจะไม่ยอมให้อารมณ์จิต
    เราไปสู่อารมณ์อื่น นอกจากลมหายใจเข้าออก
    และคำภาวนาว่า พุทโธ ถ้าเราบังคับจิตของเรา
    อย่างนี้ไปทุกคราวที่เจริญพระกรรมฐานจนกระ
    ทั่งจิตมีอารมณ์ชิน อย่างนี้จิตของเราก็เป็นฌาน

    รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๓
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    หลวงพ่อเที่ยวสวรรค์ครั้งแรก

    ตอนเช้าบอกหลวงพ่อปานว่า วันนี้ผมจะฝึกไป
    เที่ยวสวรรค์จะไปได้ไหมครับ
    ท่านบอกว่าเอางี้ก็แล้วกัน ฉันข้าวเสร็จเธอเข้า
    สมาธิเข้าฌาน ๔ นะ คอยที่กุฏิถ้าฉันว่างฉันจะ
    ไปแนะนําให้
    ฌาน ๔ นี่มันเรื่องเล็กสมัยนั้น ครองอังสะครอง
    จีวรเสร็จเรียบร้อย ทำวัตรเสร็จเข้ากุฏิ นั่งพั๊บ
    ฌาน ๔ จับปืดติดเลย หายใจเข้าไม่ทันหายใจออก
    ไปยันเพลหลวงพ่อปานไม่ว่าง ตีกลองตุ้มๆๆๆ
    ฌาน ๔ มึงอยู่ไปก่อนเถอะโว้ย กูจะไปกินข้าว
    สั่งได้ อย่าไปไหนนะเดี๋ยวข้ามา
    ความจริงไม่ได้สั่งโกหกให้ฟัง จิตมันทรง
    อารมณ์ใช่ไหมไปกินข้าวด้วยความสงบ จิตก็ทรง
    ฌาน ๒ ฌาน ๓ ใช่ไหม พอกินข้าวเสร็จก็รีบมา
    ครองจีวรครองสังฆาฏิ นั่งพั๊บจิตติดฌาน ๔

    เวลานั้นเป็นเวลาเข้าพรรษาฝนมันไม่ตกอากาศ
    ก็ร้อน พอถึงบ่าย ๒ โมงมันร้อนจัด คลายฌานนิด
    หนึ่ง พอถึงแค่อุปจารสมาธิของฌาน ๓
    มองดูหลวงพ่อปานเห็นแขกประมาณ ๒๐๐ คน
    นึกในใจว่าเมื่อไหร่ท่านจะมาได้ แขกตั้ง ๒๐๐
    เอางี้ดีกว่า พักผ่อนสักประเดี๋ยวเถอะนะ ไอ้ฌาน ๔ เรื่องเด็กๆ ก็เอาผ้าอาบคล้องคอ เอาสบงออก
    นุ่งผ้าสบง ๑ ผืน ผ้าอาบคล้องคอหนึ่งผืนเข้าไปใน
    ห้องน้ำ ห้องน้ำก็เย็นมีตุ่มน้ำใหญ่ๆ ๒ ตุ่ม ไปถึงจะ
    อาบน้ำ เหงื่อมันมี ก็พิงตุ่มน้ำให้เย็นๆ ให้เหงื่อ
    แห้งก่อน

    พอพิงตุ่มน้ำพั๊บ ฌานตัวนั้นมันเข้าเต็มอัตรา
    ดันเสือกไปดาวดึงส์..โอ้โฮ ไปดูนี่มันเมืองไหนหว่า
    ต้นไม้ก็เป็นเพชรพื้นก็เป็นแก้ว บ้านเมืองแพรวพราว
    เป็นระยับ แล้วมียายผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวเช้งวับ
    เลย เพชรทั้งตัว ถามว่า

    “พระคุณเจ้ามาโปรดหรือเจ้าคะ เอาพวกเราโว้ย
    พระมาโปรดมาฟังเทศน์กันโว้ย”

    พอพูดเท่านี้ พั๊บเต็มไปหมดเลย เป็นพัน
    เราก็นึกแหมยายนี่ มันช่างไม่รู้อะไรซะเลย
    พระนุ่งผ้าขาวม้า ผ้าคล้องคอ เลยขอเวลาเขา
    บอก ประเดี๋ยวๆ ขอเวลาประเดี๋ยว ขอกลับไป
    แต่งตัวใหม่

    เราก็กลับลงมาแต่งตัวใหม่ พอแต่งตัวเสร็จก็จำ
    ภาพพระมาลัย พระมาลัยไปไหนก็ถือไม้เท้า
    แล้วก็มีตาลปัตร มีบาตร มีรองเท้าด้วยใช่ไหม
    เราก็แต่งเต็มที่เลย พอแต่งเต็มที่..เออ
    เอาที่ไหนดีหว่า นั่งตรงนี้มันไม่ไป ต้องข้างตุ่มน้ำ
    พอนั่งปุ๊บหลังพิงปั๊บ มันไปตามนั้นจริงๆ
    แหม..เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เวลานั้นตุ่มน้ำมันมีห้องส้วม
    นะ พอเข้าไปถึงปั๊บที่เดิมไม่มีใครสักคน ยายนั่นพา
    พวกหนีไปหมดแล้ว

    เดินเหลียวไปเหลียวมาเดี๋ยวมีเทวดาองค์หนึ่ง
    ท่านไม่ใส่ชฎานะ แต่งตัวสวยมาถึงยกมือไหว้

    บอก “เวลานี้ท้าวโกสีห์นิมนต์ไปที่เทวสภาครับ”

    ชักใจเต้นปั๊บๆ เทวสภาอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ บอก
    “ตามผมมา” ก็ตามไป พอตามเข้าไปท่านก็
    เดินออกมารับ ท่านบอก

    “คุณ ส่งไม้มาให้โยมเถอะจะเอาไม้ไปตีกับใครเล่า
    บนสวรรค์ไม่มีใครเขาตีกันหรอก”

    ท่านเป็นพ่อ ก็ส่งไม้ไปให้ “ประการที่ ๒ ส่งบาตร
    มาบ่ายแล้วเทวดาไม่ใส่บาตร”

    แหม มันน่าเจ็บใจ เป็นอันว่าส่งไม้ส่งบาตรให้
    “เอาตาลปัตรมาให้ฉันเถอะ ที่นี่ไม่ต้องใช้ตาลปัตร
    ไม่ต้องบังหน้าไม่มีใครเขาอายกัน” ว่ะ ยุ่งบรรลัย
    เลย หันเข้าไปดูเทวสภา เต็มพึ๊บ..โอ้โฮ แพรวพราว
    เป็นระยับ แหม จะตั้งใจดูนางฟ้าสวยๆ สักคน
    ก็ดูไม่ไหว มันอายเขาน่ะ แต่งตัวไม่เหมือนเขาซิ

    พอเข้าไปถึงปั๊บ ท่านก็บอก “ขึ้นธรรมมาสน์”
    ถาม “ขึ้นทำไมโยม” “ขึ้นเทศน์” ถาม “เทศน์ยังไง”
    ตอนนั้นเพิ่งเข้าพรรษาที่ ๒ แต่ธุดงค์จนชินเรื่อง
    เทวดาเรื่องเล็กๆ แต่วันนั้นไม่เล็กซิ เราเคยเห็น
    แต่งตัวไม่สวยแบบนั้น เก้าอี้เขาก็แพรวพราวเป็น
    เพชร คนก็แพรวพราวเต็มไปหมด เทวสภาใหญ่โต
    มาก นางฟ้าเทวดาทั้งดาวดึงส์มารวมกันหมด
    เราก็ขายขี้หน้าเขา แหม นึก โยมใจร้ายจริงๆ
    ให้เทศน์ได้

    ขึ้นไปนั่งบนธรรมาสน์ยังนึกไม่ออกว่าจะเทศน์
    อะไร เคยเทศน์เมื่อไหร่ละ นี่เทศน์กัณฑ์แรก
    เทศน์สอนเทวดา ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า อาศัย
    พระพุทธเจ้ามีความเคารพในพระองค์ เวลานี้
    มีความจำเป็นมาก พระอินทร์ให้เทศน์ แต่เทวดา
    เต็มไปหมด และเป็นพระอริยเจ้าก็เยอะ บานเลย
    เอาคนฌานโลกีย์ที่มันอยู่ปากขุมนรกไปเทศน์ สอนพระอริยเจ้าที่ไกลนรกแล้ว พอนึกถึงพระ
    พุทธเจ้าเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าก็มายืนข้างหลัง
    ท่านบอก “เทศน์ตามความรู้สึกฉันจะดลใจให้”

    ก็เทศน์ประเดี๋ยวเดียว เทศน์เรื่องขันธ์ ๕ แหมแจ๋ว
    ว่าแจ๋ว สบายๆ อารมณ์มันออกมาเลยนะ ท่านดล
    ใจให้ เทศน์เรื่องขันธ์ ๕ จบถึงอรหันต์ก็เอวัง
    พระพุทธเจ้าบอก “คุณกลับได้แล้วนะ ข้างล่างตี ๒
    แล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก ท่านปานยืนเฝ้าอยู่หน้า
    ประตู” ท่านบอกเสร็จ ก็เลยลาเทวดา

    บรรดาเทวดาทั้งหลายก็ต่างคนต่าง “ทีหลัง
    นิมนต์ใหม่นะขอรับวันนี้เทศน์เพราะเหลือเกิน”
    แต่นั่นบารมีพระพุทธเจ้าท่านดลใจเราเทศน์
    โยมมาส่ง เทวดาสัก ๕๐ องค์มั้งมาส่งถึงปาก
    ทางลง

    พอกลับมาถึงปั๊บ เข้าร่างกาย เกิดความรู้สึก ลืมตา
    ขึ้นมาเห็นหลวงพ่อยืนอยู่หน้าประตู ห้ามคนเข้าไป
    แตะต้องนะ ท่านรู้ว่าไปแล้ว ท่านมา ท่านทิ้งแขก
    เลยนี่ ท่านมายืนเฝ้าหน้าประตู นั่งเฝ้าหน้าประตู
    ใครก็เข้าไม่ได้ หลวงพ่อปานด้วย
    ไอ้ ๒ คนมายืนอยู่ข้างๆ บอก “เอ๊ย ไปบิณฑบาต
    ที่เมืองเทวดาได้อะไรมาบ้าง แบ่งบ้างโว้ย”
    ถ้าไม่เกรงใจหลวงพ่อปาน เตะแน่ เอาแน่ บอก
    “ไอ้มึง ทีหลังถ้าพูดอย่างนี้ ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่นะ
    ปากเชิดแน่ ตีนกูไวกว่ามือเยอะแยะ”

    ก็รวมความว่า กลับจากเทวดา เมื่อกลับมาแล้ว
    ก็มาอยู่ที่นี่ ขอทุกคนจงอย่าประมาทในชีวิต
    คิดว่าเมื่อเราพบพระพุทธศาสนามันโชคใหญ่มาก
    แล้ว ให้ตั้งใจเอานิพพานตรงเลยนะ มันจะไปค้าง
    ที่ไหนก็ตามมันต้องไปนิพพาน

    พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
    ที่มา : จากหนังสือ พ่อสอนลูก





    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ความชำนาญในวิชามโนมยิทธิ

    สำหรับคนที่มีความชำนาญในด้านมโนมยิทธิ
    ถ้าพอเริ่มจับอารมณ์ปั๊บจิตมันจะขึ้นพระนิพพาน
    ทันที ก็ไม่ต้องมานั่งพิจารณาขันธ์ ๕ นั่นแสดงว่า
    จิตของเรามันตัดขันธ์ ๕ อยู่แล้วเป็นปกติ โดยที่
    เราไม่รู้ตัว เราไม่ได้คิด จำไว้นะ

    พอเริ่มต้นจับอารมณ์ปั๊บ จิตมันไม่เอาไหน
    จะพิจารณาร่างกายรึ มันก็ไม่เอาด้วย ไม่เห็น
    มันมีอะไรดีนี่ ไปดีกว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ให้ตัดสินใจ
    ไปเลยถึงนิพพาน การพิจารณาร่างกายเป็นการ
    ศึกษา เป็นการซ้อมกำลังใจ คนที่มีจิตเป็นฌานนี่
    วิปัสสนาญาณทรงตัว เมื่อเวลารวบรวมกำลังใจ
    นิดเดียว จิตจะตัดทันทีแล้วไปเลย หาจุดปลาย
    ทางคือนิพพานเป็นที่ไป

    ฉะนั้น ใครก็ตามที่มีความคล่องในอารมณ์พระ
    นิพพาน พอรวบรวมกำลังใจปั๊บ จิตมันจะจับพระ
    นิพพานเป็นอารมณ์ ก็ไม่ต้องหันมาพิจารณาอีก
    เสียเวลาเปล่า เพราะเราเข้าถึงแล้ว

    โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๑๒๒-๑๒๓



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    มัชฌิมาปฏิปทา

    คำว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือ ทำพอสบาย เขาเรียกว่า
    ทำพอกลางๆ ตรงไหนมันกลางล่ะ

    ท่านบอกว่าจงเว้นส่วนสุดทั้ง ๒ อย่าง คือ

    ๑. อัตตกิลมถานุโยค การทรมานตัวทรมานใจ คือ
    เครียดเกินไป

    ๒. กามสุขัลลิกานุโยค ขณะที่มีอารมณ์ใคร่มาก
    เกินไป คำว่าอารมณ์ใคร่ในที่นี้หมายความว่า ทำ
    ตอนนี้อยากจะให้ได้อย่างนั้นอยากจะให้ได้อย่างนี้
    อยากได้ฌานนั้นอยากได้ฌานนี้ มันก็ไม่ได้เพราะ
    จิตมันซ่าน

    ต้องใช้มัชฌิมาปฏิปทา คือ อารมณ์พอสบาย ถ้าจิต
    ใจสบายเท่าไหร่พอใจเท่านั้น

    เพราะว่าสมถะก็ดี วิปัสสนาก็ดีทำเพื่อให้จิตเป็นสุข
    คือให้อารมณ์ใจเป็นสุขอย่าฝืนอารมณ์มัน

    พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
    ที่มา : หนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๙๕ (หน้า ๒๖)



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วัดท่าซุงดินแดนพระอริยะ

    สำหรับวัดนี้ตั้งแต่หลวงพ่อใหญ่ลงมาจนกระทั่ง
    หน้าหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล้ ก่อนหลวงพ่อเล่ง
    หลวงพ่อไล้ส่วนใหญ่เป็นพระอริยเจ้า ท่านบอก
    ว่าพระเจ้าอาวาสทั้งหมดที่เป็นลำดับมาน่ะ
    เป็นพระอริยเจ้าทั้งหมด

    คำว่าอริยะในที่นี้ ท่านหมายตั้งแต่พระโสดาบันขึ้น
    ไปถึงพระอรหันต์ จะเป็นขั้นไหนบ้างท่านไม่ได้
    บอก ท่านบอกว่ามาขาดตอนพระอริยเจ้าเอาตอน
    หลวงพ่อเล่งหลวงพ่อไล้ แต่ก็เป็นพระทรงฌานก็
    ยังดีอยู่ เมื่อหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล่ตายแล้ว
    มาหลวงพ่อทองก็เป็นพระพอไปได้ มีศิลาจารวัตร
    พอสมควร

    หลังจากหลวงพ่อทองมาแล้วทั้งหมดก็ปรากฏว่า
    เป็นภิกขุพาณิชย์ ท่านบอกว่าพวกนี้แสวงหาความ
    ร่ำรวย เอาภาษีในวัด ของวัดมีเท่าไรก็ขายหมด รื้อขายบ้าง เอาซุงมาเลื่อยขายบ้าง มาทำตู้ทำโต๊ะ
    ขายกันบ้าง ทำไร่บ้าง อะไรก็ตามหาอาชีพกัน
    เอาวัดเป็นอาชีพ การซ่อมแซมไม่มีมาแล้ว ๗๔ ปี
    นี่พูดถึงกันว่าปี พ.ศ. ๒๕๑๑ นะ

    ท่านบอกว่าการซ่อมแซมไม่มีมาแล้ว ๔๑ ปี มีแต่รื้อ
    ถอนปล่อยให้พัง เจ้าอาวาสผ่านไป ๗ ท่าน แต่ละ
    ท่านมีเงินร่ำรวยมาก แต่ออกไปไม่ช้าก็บรรลัยหมด
    เพราะเงินของสงฆ์นี่น่ะ เอาไปไว้ได้ไม่นาน
    ท่านเล่าสู่กันฟังก็เป็นอันทราบประวัติความเป็นมา

    ที่มา : จากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑
    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     

แชร์หน้านี้