เพื่อนหญิงเขานำอาหารกับข้าววัดใส่ถุงกลับมาให้เรากิน โดยที่เราไม่รู้จะบาปไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 25 ตุลาคม 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เพื่อนหญิงเขาเอาอาหารกับข้าววัดใส่ถุงกลับมาให้เรากิน เราไม่ทราบว่าเป็นของวัดโดยที่เราไม่รู้จะบาปไหมครับ

    เพื่อนหญิงเขาเอากับข้าววัดใส่ถุงกลับมาให้ ใส่ชามให้เรากิน เราไม่ทราบว่าเป็นของวัดโดยที่เราไม่รู้จะบาปไหมครับ พึ่งมารู้จากคนอื่นทีหลัง ว่ากับข้าวใส่ถุงมาจากวัด ถ้าเป็นอย่างนี้ผมจะมีส่วนผิดในบาปกรรมนี้มั้ยครับ ตอนที่กินเพราะหิว เพื่อนก็หวังดี สงเคราะห์ ช่วยเหลือ มีเมตตา เอากับข้าวจากวัดมาฝาก แต่มารู้ทีหลังแบบนี้ว่าเป็นของวัดผมใจคอไม่ดีเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนาเป็นตัวกรรม
     
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    ถ้าเป็นของเหลือ พระท่านฉันไม่หมดก็ไม่น่าจะบาปนะ
    เพราะพอเหลือแล้ว มันก็ต้องถูกทิ้งหรือเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
    อย่างวัดแถวบ้าน ก็มีกับข้าวเหลือทิ้งเยอะแยะไปหมด
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สงเคราะห์ให้เขามีกิน เมตตา กรุณาเป็นกุศล คนให้ก็ได้บุญไปตามเจตนาสงเคราะห์

    คนให้ ให้ด้วยเจตนากุศล พิจารณาแยกแยะให้ออกจ้ะ ว่าตรงใหนบุญหรือบาป
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ที่เพื่อนเราได้ทำไปนั้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา วิบากกรรมก็ไม่เกี่ยวกับเรา

    เพราะเราไม่ได้ทำและเราก็ไม่ได้เจตนให้เขาทำมันไม่เกี่ยวอะไรใดๆกับเราทั้งสิ้นครับ

    มันไม่ใช่ความผิดของเรา เราไม่ได้เป็นคนทำหรือร่วมเจตนาจึงไม่เกี่ยวกัน
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระพุทธดำรัสของพระพุทธเจ้า

    “เจตนาหํ ภิกฺขเว วทามิ เจตยิตวา กโรติ กาเยน วาจาย มนสา” ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราขอบอกว่า เจตนาคือกรรม (เป็นตัวกรรม)

    จึงได้คำตอบว่าเมื่อเจตนาไม่มีก็ไม่มีกรรมในที่ใหน..

    ยิ่งหากตนไม่รู้ไม่เห็นการกระทำของคนอื่นเลย แต่ดันกลายเป็นผู้ทำบาปกรรมหรืออกุศลกรรมไปด้วยแบบ"ไม่รู้ตัว"อยู่ตลอดเวลา จะเป็นไปกับเหตุผลได้อย่างไร.

    .
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : เนื่องจากตอนเช้าจะมีการนำอาหารไปถวายที่พักสงฆ์ หลังจากที่พระท่านตักและฉันแล้ว ส่วนที่เหลือจะนำมาวางให้ญาติโยมกินกัน และก็จะตักใส่ถุงแจกจ่ายกันไป โดยส่วนตัวผมไม่นำกลับ แต่จะมีบางครั้งผมไม่ได้ไปแต่เพื่อนไป ก็จะนำใส่ถุงมาให้ ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับอาหารนั้นดีครับ ?
    ตอบ : เอากับข้าวถุงฟาดหน้าเพื่อนไป เพื่อนจะได้จำว่าอย่าเอามาอีก..! เรื่องของวิทาสาโท ญาติโยมยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก

    วิทาสาโทคืออาหารที่เหลือจากพระ ญาติโยมกินต่อได้ แต่อย่าเอากลับบ้าน
    เพราะพอเอากลับบ้าน คนที่เห็นแล้วไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็จะไปตำหนิว่า ไปเอาของสงฆ์กลับบ้าน โดยเฉพาะ "ไปเอาของที่กูใส่บาตรกลับบ้าน" ทำให้เขาเสื่อมศรัทธา และต่อไปเขาจะไม่บำรุงพระพุทธศาสนาอีก เท่ากับเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง โทษก็เลยหนัก เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารเจอไปแค่ ๙๑ กัปเท่านั้น..! เพราะเอาของที่พระฉันเหลือแล้วกลับบ้าน

    ของสงฆ์ที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้ว จะกินจะใช้ก็ตาม ให้อยู่ที่วัดจบเพียงแค่นั้น อย่าเอากลับบ้าน อันตรายมาก..!


    ถาม : ถ้าเขาเอามาใส่ชามให้เรา เราไม่ทราบว่าเป็นของวัด ทำอย่างไรครับ ?
    ตอบ : ชำระหนี้สงฆ์ไป ต่อไปก็สั่งไว้เลยว่าไม่ต้องเมตตา คราวหน้าอย่าเอามาอีก แต่ถ้าเขาไม่รู้ก็ไม่ต้องไปเถียงกับเขา ทนชำระหนี้สงฆ์ไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]




    ถาม : คนธรรดาถ้าจำเป็นต้องกินข้าววัด ทำอย่างไรถึงจะไม่บาปครับ ?

    ตอบ : กินที่เหลือจากพระ เขาเรียกว่า วิทาสาโท กินได้แต่เอากลับบ้านไม่ได้นะ กินแค่อิ่มตรงนั้น

    อย่างญาติพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นเปรตตั้ง ๙๑ กัป นั่นกินแล้วไม่พอ ยังขนกลับบ้านด้วย จริงๆ แล้วถึงจะเป็น วิทาสาโท คือของเหลือจากพระแล้ว ก็ยังเป็นของสงฆ์อยู่ ท่านอนุญาตให้คุณมีสิทธิ์กิน มีสิทธิ์ใช้แค่ตรงนั้นเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นอย่าไปยุ่งกับเขา แต่ส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ

    ยิ่งอันหนึ่งที่อันตรายที่สุดก็คือ ข้าวที่ถวายพระพุทธที่วัด บรรดามัคคนายกส่วนใหญ่เลือกแต่ข้าวดีๆ กับดีๆ ถวายพระพุทธ ถึงเวลาก็ลามากินเอง นั่นซวยแน่ๆ เพราะยังเป็นของสงฆ์อยู่เต็มที่เลย

    ถ้าใครเคยทำอย่างนั้น แปลว่าติดหนี้สงฆ์ ให้หาทางชำระหนี้สงฆ์ ไม่อย่างนั้นตายแล้วจะลงอเวจีมหานรก วิธีที่ปลอดภัยคือ กินที่เหลือจากพระฉัน แล้วหลังจากนั้นส่วนอื่นอย่าไปยุ่ง เราเอาแค่ดำรงชีวิตอยู่ แค่นั้นพอแล้ว ถ้าติดใจก็ชำระหนี้สงฆ์


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=1968




    ลองพิจารณากันดูครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  10. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ถ้าจะนำกลับบ้าน...พระจะต้องเป็นคนอนุญาติก่อนนะคะ ตอนนั้นเราไปวัดเพื่อทำสังฆทาน พระก็บอกให้ไปเก็บผลไม้ เอากลับไปกินกันนะ ท่านปลูกเองนะไรแบบนี้ ตอนแรกเราก็คิดนะ ไม่ดีมั้ง อย่างงั้นอย่างงี้ ไหนจะกลัวเรื่องเปรตอีก แต่พอถามท่านก็บอกว่า ถ้าพระอนุญาตินี่จะไม่เป็นไร

    คราวก่อนไปอีกวัดนึง หลวงพ่อท่านไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ แล้วมีคนมาถวายอาหารญี่ปุ่น ท่านก็บอกว่า "เอาไม๊ คนญี่ปุ่นเค้าเอามาให้ หลวงพ่อไม่ฉันท์น่ะ" ตอนนั้นเป็นเหมือนเบนโตะตั้งสองชุดใหญ่แน่ะ แต่เราบอกไปว่า ทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่จริงๆ ยังไม่ได้กินอะไรเลย ละตอนนั้นเรากำลังหิวพอดี แต่เราเขิน+เกรงใจน่ะ ต้องรักษามารยาทด้วย เลยบอกว่าขอออกไปธุระซักครู่ แล้วจะเข้ามาหาใหม่นะเจ้าคะ (จริงๆ ออกไปหาข้าวในห้างแถวนั้น แต่เราว่าหลวงพ่อท่านคงรู้อ่ะ ว่าเราโม้ เพราะท่านนั่งทางในได้ ล่องหนก็ยังได้เลย ไหนจะไม่รู้)

    แต่พอมาอ่านความเห็นข้างบนละ สรุปได้ว่า จะอนุญาติหรือไม่ได้อนุญาติก็ไม่ควรเอากลับมาด้วย นะจ๊ะ
     
  11. กลางทาง

    กลางทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2013
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +702
    ของๆวัดถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากพระก่อนผมว่าน่าจะบาป แม้แต่ดอกไม้ดอกเดียวยังต้องขอก่อน แต่อาหารนั้นเพื่อนเขาได้รับจากพระหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่ไปหยิบมาเองอย่างนี้ก็บาปซิ ซึ่งตามความเห็นผมถ้าเอาความสบายใจก็นำเงินจำนวนที่มากกว่าอาหารที่กินไปนั้น ไปหยอดตู้ทำบุญที่เขียนว่าชำระหนี้สงฆ์แล้วขอขมาน่าจะใช้ได้นะ
     
  12. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    ถ้าเป้นต่างจังหวัด หรือแถวบ้านผม ปกติน่ะคับเอากลับบ้าน เพราะสวนมาก พระจะ ฉันเสร็จแล้วถึงเอากลับ ไม่ก้ได้รับอนุญาติ จากพระแล้วว่าเอากลับได้ และคนเขาก็เข้าใจดีว่า เราไม่ได้ยืมมาเชยๆ ผมว่าต้องถามเพื่อนคุณแหล่ะว่า เอามาแบบไหน ได้รับอนุญาติ หรือยัง ถ้าได้รับอนุญาตแล้วก็ไม่ บาป หรอก ยิ่งคิดมากยิ่งเป็นทุกข์ คนเราไม่ มีใครทำดีตลอดเวลาได้ครับ มีเผลอกันบ้าง เมื่อเรายังเป็นแค่คนธรรมดา ขอให้ทำดีให้มากกว่าทำชั่วก็ดีแล้วคับ
     
  13. นาย หวังดี

    นาย หวังดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,272
    ผมอ่านแล้วตกใจมากเลยครับ กลัวเป็นเปตรอย่างญาติของพระเจ้าพิมพิสาร กรณีของผม คือว่าพ่อของผมท่านบวชเป็นพระอยู่อ่ะครับ แล้วเวลาบิณฑบาตรกลับมา กับข้าวได้เยอะมาก แล้วท่านก็จะให้ผมเอากลับบ้าน ทีหนึงเป็นกระสอบเลย อย่างนี้ผมจะเป็นเปตรไหมครับ วอนผู้รู้แนะนำด้วยครับอยากทราบจิงๆ ถ้าไม่ได้ผมจะไม่ทำอีกต่อไปเลย
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ชำระหนี้สงฆ์

    แล้วบอกพ่อให้เข้าใจครับ

    ให้พ่อ กับ ตัวคุณเอง ร่วมชำระหนี้สงฆ์

    ถ้าไม่รู้จำนวน ก็ให้ร่วมบุญสร้างองค์พระชำระหนี้สงฆ์

    หรือ ร่วมบุญสร้างพระประทาน แล้วอธิฐานชำระหนี้สงฆ์ ครับ


    แล้วต่อไป แนะนำว่า อย่านำกลับบ้านครับ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองพิจารณากันดูครับ

     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองพิจารณากันดูครับ
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองพิจารณากันดูครับ
     
  18. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    เรื่องหนี้สงฆ์ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบ คิดเอง เออเอง ว่าทำได้ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างเราคิด บอกตรงๆ น่ากลัวมาก
     
  19. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
    การชำระหนี้สงฆ์



    ผู้ถาม : ทำกรรมอะไรถึงลง อเวจี คะ.?

    หลวงพ่อ : อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันจึงจะลง ก็มีอนันตริยกรรม อาจิณกรรม ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์ นี่แตะนิดเดียว ลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็ก ๆ

    (เรื่อง อนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า "ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย" ส่วน อาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลา แกงเป็นประจำ เป็นต้น สำหรับ ขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้)

    หลวงพ่อ : มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายกในตอนต้นก็ดี ซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลาง ๆ มือถึงท้ายมือไม่ค่อยดี เริ่มหยิบแล้วทีแรกก็เป็น ทายก ต่อมาก็เลยเป็น ทายัก ของอะไรดี ๆ ก็ยังเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกให้เมียเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายสงฆ์ เนื้อ ดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง

    บางทีไม่ยกของสด ไอ้ของที่สำเร็จรุปที่เขาไม่ทันจะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรกสิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้ว ก็มาตก ยมโลกียนรก คือ ผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกีนรกตามลำดับมาเป็น เปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็น เปรตพวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้

    จำไว้ด้วยนะ ของสมบัตินิดหนึ่งน่ะ แม้จะเป็นก้อนดินก้อนหนึ่ง กระเบื้องหัก ๆ ก้อนหนึ่งก็ตาม ถ้าเราถือเอาเข้าบ้านด้วย อาการของขโมย เสร็จ..สะเด็ดไม่เหลือ ลูกหมากรากไม้ที่มีอยู่ในวัด เราจะไปขอเด็กขอพระไม่มีประโยชน์ ของสงฆ์สงฆ์ต้องประชุมกัน เมื่อประชุมกันแล้วตกลงกันว่ายังไง ต้องปฏิบัติตามนั้น ขายหรือให้ใครต้องปฏิบัติตามนั้นนะ

    แม้แต่ "ดอกไม้บูชาพระ" ก็เหมือนกัน ถ้าท่านผู้ปลูกยังมีชีวิตขอเฉพาะท่านได้ ถ้าท่านผู้ปลูกตายไปแล้วหรือสึกไปแล้ว อันนี้เป็นของสงฆ์ ต้องเป็นเรื่องของสงฆ์วินิจฉัย ไม่ใช่พระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นผู้ให้ หรือไปขอเก็บเด็กวัดอันนี้ไม่ถูกต้อง ลงอเวจี

    และอีกเรื่องหนึ่ง กากะเปรต สมัยที่เกิดเป็น "กา" แย่งข้าวในขันที่เขานำไปจะถวายพระ ข้าวสุกนั้นเขานำไปยังไม่ถึงพระ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้วกรรมเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ตายไปแล้วไปลง อเวจี แล้วแถมมาเกิดเป็น เปรต

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาติแล้ว ทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ....?

    หลวงพ่อ : ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของญาติโยมที่ถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือเป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์นั้นเป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์

    ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปกินบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้ แม้แต่เจ้าอาวาสเองยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาติแล้วไม่มีโทษ (สำหรับโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร)

    แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอแล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาติ ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่าอาหารมากไหม ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ 100 เปอร์เซ็นต์

    และอาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายกลงอเวจีสะดวกสบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชาด้วย แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นแดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเองเป็น ลูกศิษย์พระพุทธรูป แต่ประการใด

    รวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประการที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ดอกไม้ ผลไม้ในวัดเศษไม้ที่คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่นเล็กๆ น้อยๆ บ้าง จงอย่าคิดว่าไม่มีบาป แม้แต่เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน

    เว้นไว้แต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัด ถ้าท่านเจ้าของยังอยู่ในเขตวัดนั้นและท่านอนุญาติ อย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ด้วยท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ให้ได้ รับมาได้ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูกออกไปจากวัดนั้นหรือตายไปแล้ว ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามามีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์

    และอีกประการ หนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด กับที่ของสงฆ์ที่เป็นไร่นาไปแล้ว ไม่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียวแม้แต่หญ้าต้นเดียว เขาถือว่า เป็นหนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็แนะนำให้คน ชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาทสลึงสองสลึง บางคนไม่มีเงืนเอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอาค่าแรง

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ พระเครื่อง ที่เขาไปขโมยมาแล้วเราเอามาห้อยคอ อย่างนี้จะบาปไหมครับ..?

    หลวงพ่อ : เดี๋ยวก่อน..พูดเรื่อง พระเครื่อง ก่อนพระที่คุณห้อยน่ะ ไม่มีเครื่องหรอก.. พระเครื่องต้องอย่างฉันนี่เดินได้ วิ่งได้ ใช่ไหม...อย่างนั้นเขาไม่เรียก "พระเครื่อง" เขาเรียก "พระห้อย" เขาขโมยมาจากใครล่ะ..?

    ผู้ถาม : ก็ไม่ทราบแน่ครับ อาจจะขโมยเจาะกรุมาก็ได้ครับ

    หลวงพ่อ : เสร็จ..ไอ้นี่พังแน่..!

    ผู้ถาม : อย่างนี้จะบาปไหมครับ......?

    หลวงพ่อ : รับของโจรมันก็บาปซิ

    ผู้ถาม : แต่ถ้าเราไม่ทราบนี่คงไม่เป็นไรนะครับ

    หลวงพ่อ : เราไม่ทราบก็บาป เราทราบก็บาป ไอ้บาปนี้เขาแปลว่า "ชั่ว" คนไปขโมยมาจากกรุ กรุมันเป็นของสงฆ์ ลักษณะของอาการมันเป็นของชั่ว ถ้าเราเอาของชั่วมาอยู่กับเราก็ชั่วด้วย อย่างใน "มงคลสูตร" ข้อหนึ่ง ท่านบอกว่า "อะเสวะนา จะ พาลานัง" อย่าคบคนพาล ถึงแม้นตัวราจะไม่พาล ถ้าเราเดินกับคนพาลเขาก็คิดว่าพาลไปด้วย" และท่านก็มีข้อเปรียบเทียบ ท่านบอกว่า

    "ใบตองนี่ ไอ้ความเน่าของเนื้อสัตว์มันจะไม่ซึมลง แต่ว่าถ้าเราเอาใบตองห่อของเน่า แล้วเอา ของเน่าทิ้งไปแต่กลิ่นเน่าเหม็น มันยังติดใบตองอยู่" "ทีนี้การรับของโจร ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ ก็ต้องถือว่าเราร่วมมือด้วยโดยไม่เจตนา ก็ต้องเอาเหมือนกัน"

    ผู้ถาม : ของหนูก็มีพระที่ขโมยมาเหมือนกันค่ะ เป็นพระบูชาแต่ว่าอยากเอาไว้ที่บ้านเอาไว้บูชา ถ้าเราชำระหนี้สงฆ์จะได้ไหมคะ..?

    หลวงพ่อ : ทีนี้วิธี "ชำระหนี้สงฆ์" เขาให้มีค่าเสมอของเดิมนะ เสมอของเดิมหมายความว่า ไม่ใช่พระรุ่น แบบนี้ เหมือนกับอย่างเขาเล่นกันนะ เขาไม่ใช้นะ ไปดุว่าที่ร้านเจ๊กหน้าตักขนาดนี้เขาขายเท่าไร แล้วเอาเงินไป ชำระหนี้สงฆ์ตามราคานั้น ถ้ามากกว่านั้นไม่เป็นไรนะ เท่านั้นก็ใช้ได้ เอาไปวัดใดวัดหนึ่งขอชำระหนี้สงฆ์ ขอมอบเงินจำนวนนี้และขอเอาพระไปบูชา ก็เท่านี้แหละ

    เป็นอันว่าไม่มีอะไรผิด (ใครก็ตามได้รู้อย่างนี้ก็ใจเสียแล้ว เวลาไปเอามาไม่รู้เท่าไหร่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็มีคนหัวดี กล้าถามหลวงพ่อว่า ถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ทั้งหมด ตั้งแต่ที่เคยทำมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนี้ จะทำอย่างไร เราจึงได้รู้เรื่องการสร้าง "พระชำระหนี้สงฆ์" ขึ้นมา)

    ทำไมต้อง "ชำระหนี้สงฆ์" โดย..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : มีคนเขาบอกว่า "คนที่ไปวัดแล้วไปรับข้าวจากพระ คือพระฉันเสร็จแล้วก็เอาข้าวไปให้กับโรงทาน เขาว่าเป็นบาป ?"
    ตอบ : อันนั้นจริง ๆ ได้จ้ะ ถ้าหากว่าพระฉันเหลือแล้ว เขาเรียก "วิทาสาโท" เป็นของเหลือเดนแล้ว เรากินได้แต่อย่าเอาไปบ้าน กินที่นั่นให้อิ่ม ฟาดไปเท่าไรก็ได้ ถ้าหากว่าเหลือแล้วได้จ้ะ แต่ว่าหลายวัดท่านจะมีการอุปโลกน์สังฆทาน เขาจะประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่า ยัคเฆ ภัณเต สังโฆ ชานาตุ ขอสงฆ์ทั้งหลายโปรดฟังคำข้าพเจ้า บัดนี้ท่านทายกทายิกาผู้มีจิตศรัทธาได้น้อมนำมาซึ่งภัตตาหารถวายไว้เป็นทานในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ อันว่าสังฆทานนั้นจะจำเพาะเจาะจงให้เป็นของผู้หนึ่งผู้ใดก็หามิได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงตรัสว่า ให้เป็นส่วนของสงฆ์ที่อยู่ในที่นั้นทุกคน ดังนั้นข้าพเจ้าจะสมมติตนเป็นผู้แจกของสงฆ์ สงฆ์ทั้งหลายจะเห็นสมควรหรือไม่สมควร ถ้าเห็นเป็นการไม่สมควรก็ให้ทักท้วงขึ้นท่ามกลางสงฆ์อย่าได้เกรงใจ แต่ถ้าเห็นสมควรแล้วไซร้ ก็ขอให้เป็นผู้นิ่งอยู่ แล้วคราวนี้ว่าสงฆ์ทั้งหมดนิ่งอยู่ บัดนี้สงฆ์ทั้งหมดนิ่งอยู่ ข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นการสมควรแล้ว ก็ขอแจกภัตตาหารพระสงฆ์ตั้งแต่บัดนี้ ท่านว่าบาลีว่า อะยัง ปะฐะมะภาโค มหาเถรัสสะ ปาปุนาติ ส่วนที่หนึ่งพึงถึงแก่มหาเถระผู้อยู่เหนือข้าพเจ้า อะวะเสสาภาคา อัมหากัง สามเณรานัญจะ ปาปุนาติ ส่วนที่เหลือต่อไปควรพึงถึงแก่ข้าพเจ้า ตลอดจนพระภิกษุสามเณรทั้งปวง และท่านทายกทายิกา ผู้มีจิตศรัทธาตลอดจนบรรดาประชาชนทั่วไป และสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วหน้าทุกท่านทุกคนเทอญ พระสงฆ์ทั้งหลายให้การสาธุ ก็แปลว่าอนุญาตให้

    คราวนี้วัดท่านไม่ได้อุปโลกน์สังฆทานในลักษณะอย่างนี้ ถ้าท่านกินเหลืออย่างไร ใช้งานต่อไม่ได้อยู่แล้ว ของเรากินได้แต่อย่าเอาไปบ้าน แต่ที่อันตรายมากคือว่า ข้าวพระ ข้าวพระถ้าถวายที่บ้านเรา เราลามากินมาใช้ก็ได้ แต่ข้าวพระที่เขาถวายที่วัดเป็นของสงฆ์ ส่วนใหญ่บรรดาทายกก็เลือกแต่ข้าวดี ๆ กับดี ๆ ถวายพระพุทธ พอถึงเวลาไปลาก็โซ้ยเองซะด้วย

    อาตมาสมัยก่อนเคยทำประจำเลย อย่างนั้นจะติดหนี้สงฆ์จ้ะ คราวนี้พอติดหนี้สงฆ์จะต้องมีการชำระหนี้สงฆ์กัน การชำระหนี้สงฆ์เขาชดใช้ในอัตราราคาของปัจจุบัน สมมติว่าสมัยก่อนก๋วยเตี๋ยวชามละ ๑ บาท แต่สมัยนี้ ๒๐ บาท ถ้าเราเคยกินสมัยบาทหนึ่ง ต้องมาใช้ ๒๐ บาทของตอนนี้ เขาใช้ในอัตราปัจจุบัน... ถ้าหากว่าทำมาเสียจนนึกไม่ออกว่าทำไปเท่าไร เขาให้สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ พระชำระหนี้สงฆ์เป็นพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก คือ ๒ เมตร หรือ ๘๐ นิ้ว ถ้าหากว่าสร้างโดยไม่ปิดทองก็ได้แค่คนเดียว แต่ถ้าสร้างแล้วปิดทอง ร่วมเป็นคณะเท่าไรก็ได้ มีอานิสงส์ในการชำระหนี้สงฆ์เสมอกันหมด


    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๐๒ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...