เมตตา เจโตวิมุติ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย avumme, 5 พฤศจิกายน 2011.

  1. avumme

    avumme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +231
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสอนให้ศิษย์ทุกคนได้หัดแผ่เมตตา คือ ส่งความปรารถนาดีแก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร โดยแผ่ไปให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มาก ก็ยิ่งทำให้ในสบาย รักชีวิตและทรัพย์สิน คนอื่นเหมือนกับของตนเอง สังคมก็จะมีความสุขสงบอย่างถ้วนทั่ว

    หลวง ปู่แนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล โดยให้ทำตนและจิตใจเหมือนมารดาที่เลี้ยงลูก ให้ความรัก ความเอ็นดูสงสาร มุ่งหวังจะให้ลูกสุขกายสบายใจ มีอาชีพการงาน มีวิชาเลี้ยงตนเอง ได้ ความรักที่แม่ให้กับลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย และไม่ต้องการผลตอบแทนจากลูก มีแต่ให้อย่างเดียว

    ถ้า เราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน
    เมตตาธรรมก็เช่นกัน ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น

    ผู้ เขียน (รศ. ดร.ปฐม นิคมานนท์) เพิ่งประจักษ์ในความวิเศษของพระพุทธศาสนาเมื่อปี ๒๕๒๖ นี้เอง ก่อนหน้านั้นมัวไปลุ่มหลงศึกษาวิทยายุทธจากฝรั่งชาติตะวันตกอยู่นาน และเพิ่งมารับสัมผัสบารมีธรรมของหลวงปู่แหวน ในปี พ.ศ.๒๕๓๓ เมื่อครั้งติดตามหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ไปกราบหลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ที่วัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่แหวน ท่านเคยอยู่ที่วัดป่าบ้านปง (วัดอรัญญวิเวก ในปัจจุบัน) นานถึง ๑๑ ปี ก่อนจะย้ายไปพำนักที่ดอยแม่ปั๋ง และหลวงพ่อเปลี่ยน ก็ได้ตามไปอุปัฎฐากหลวงปู่เสมอมา จนกระทั่งวาระสุดท้ายในชีวิตของท่าน

    หลวง พ่อเปลี่ยน เล่าให้ฟังว่า “ทุกคืน หลวงปู่แหวน ท่านจะแผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แต่แปลก ที่ประเทศรัสเซีย กับประเทศบริวารรับกระแสเมตตาของท่านได้บ้างเล็กน้อย ส่วนเวียตนามไม่ยอมรับเลย สะท้อนกลับคืนหมด ประเทศเขาจึงวุ่นวายตลอด มาภายหลังก็เริ่มรับได้มากขึ้น และหลวงปู่ บอกให้หลวงพ่อเปลี่ยน ช่วยแผ่เมตตาให้ประเทศเวียตนามมากๆ ให้ทำทุกคืน

    หลวงพ่อเปลี่ยน ท่านว่า “พลังจิตของหลวงปู่เปรียบได้กับแสงพระอาทิตย์ ของอาตมา เป็นแค่แสงหิ่งห้อย เปรียบกันไม่ได้ แต่อาตมาก็ทำตามที่หลวงปู่บอกทุกคืน ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ..."

    หลวงพ่อปรารภว่า ท่านอยากเอาหนังสือธรรมะไปแจก โดยเฉพาะแจกให้ “พวกตัวใหญ่ๆ”ซึ่งท่านรู้ว่าควรจะแจกให้ใคร และที่ใด เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
    จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้เขียนจึงได้มีส่วนร่วม ด้วยการไปหาผู้แปลและจัดพิมพ์หนังสือ "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" ซึ่งเป็นคำเทศน์ของหลวงพ่อ ออกมาเป็นภาษาเวียตนาม ตามความ ประสงค์ของท่าน
    ณ จุดนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนและครอบครัว จึงได้เริ่มสัมผัสกระแสเมตตา และได้รับรู้เรื่องราว เกี่ยวกับบารมีธรรม ของหลวงปู่แหวนมาโดยลำดับ นับเป็นบุญและเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต ตลอดมา
     
  2. avumme

    avumme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +231
    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงตรัสปรารภเมตตาสูตรว่า


    "ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของการแผ่เมตตามี ๑๑ ประการ คือ

    ๑. หลับเป็นสุข
    ๒. ตื่นเป็นสุข
    ๓. ไม่ฝันร้าย
    ๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
    ๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
    ๖. เทวดาย่อมรักษา
    ๗. ไฟ ยาพิษ ศัสตรา ไม่ล่วงเกิน
    ๘. จิตได้สมาธิเร็ว
    ๙. สีหน้าผ่องใส
    ๑๐. ไม่หลงตาย
    ๑๑. เมื่อยังไม่บรรลุ ธรรม ย่อมเข้าถึงพรหมโลกชั้นสูง

    ภิกษุ ทั้งหลาย พึงเจริญเมตตาไปในสัตว์ทุกชนิดโดยเจาะจงและไม่เจาะจง พึงเจริญ กรุณา มุทิตา อุเบกขา แม้ไม่ได้มรรคผลก็ยังเข้าถึงพรหมโลกได้" แล้วได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

    กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีชื่ออรกะ บำเพ็ญเพียรอยู่ป่าหิมพานต์ ได้เป็นอาจารย์สอนหมู่ฤาษี พร่ำสอนอานิสงส์เมตตาว่า "ธรรมดาพรรพชิตควรเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพราะเมื่อจิตถึงความแน่วแน่แล้ว ย่อมบังเกิดในพรหมโลกได้" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า

    "ผู้ ใดอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งมวล ด้วยเมตตาจิตอันหาประมาณมิได้ ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำและเบื้องล่าง โดยประการทั้งปวง จิตเกื้อกูล หาประมาณมิได้ เป็นจิตบริบูรณ์อันผู้นั้นอบรมมาดีแล้ว กรรมใดที่เขาทำแล้วพอประมาณ กรรมนั้นจะไม่เหลืออยู่ในจิตของเขานั้น"

    เมื่อ กล่าวคาถาจบ ได้พาหมู่ฤาษีบำเพ็ญเพียรไม่เสื่อมจากฌาน ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก ไม่ได้กลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีก เป็นเวลา ๗ สังวัฏฏกัป
     
  3. avumme

    avumme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +231
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    หากปรารถนาสุขให้เข้าฌาณ 4
    ปรารถนาผิวพรรณดีให้รักษาศีล
    ปรารถนาโภคะให้เธอเจริญเมตตา


    [​IMG]

    . ให้ทานกับสัตว์เดียรฉาน ๑๐๐ ครั้ง เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ชั้นเลวไม่มีคุณธรรม ๑ ครั้ง
    . ให้ทานแก่มนุษย์ชั้นเลว ๑๐๐ ครั้ง เท่ากับให้ทานแก่มนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๑ ข้อ ๑ คน
    . ให้ทานแก่มนุษย์มีศีล ๑ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๒ ข้อ ๑ คน
    . ให้ทานกับมนุษย์มีศีลห้า ๒ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์รักษาศีลห้า๓ ข้อ ๑ คน
    . ให้ทานกับมนุษย์ที่มีศีลห้า ๓ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๔ ข้อ ๑ คน
    . ให้ทานกับมนุษย์ที่มีศีลห้า ๔ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๕ ข้อ ๑ คน
    . ให้ทานกับมนุษย์มีศีลห้า ๕ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับ พระโสดาบัน ๑ องค์
    . ให้ทานกับพระโสดาบัน ๑๐๐ องค์ เท่ากับให้ทานกับ พระสกทาคามี ๑ องค์
    . ให้ทานกับพระสกทาคามี ๑๐๐ องค์ เท่ากับให้ทานกับ พระอนาคามี ๑ องค์
    ๑๐. ให้ทานกับ พระอนาคามี ๑๐๐ องค์ เท่ากับถวายทานกับ พระอรหันต์ขีณาสพ ๑ องค์
    ๑๑. ถวายทานกับ พระอรหันต์ขีณาสพ ๑๐๐ องค์ เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์(1ล้าน ๆเท่า)
    ๑๒. ถวายทานกับ พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ พระองค์ เท่ากับถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระองค์
    ๑๓. ถวายทานกับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ พระองค์ เท่ากับถวายสังฆทาน ต่อพระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ๑ ครั้ง (ร้อย ล้าน ๆเท่า)
    เรื่องของกรรมนั้น อธิบายได้อย่างเป็นจริงง่ายๆการกระทำทุกอย่างในอดีตนั้นจบไปแล้ว
    แต่ผลของการกระทำนั้นยังส่งผลเสมือนหว่านเหล็ดพืชใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น แผ่เมตตาเป็นการปฏิบัติในลักษณะ "เมตตามโนกรรม"
    ซึ่งจะบังเกิดเป็นอานิสงส์แก่ผู้ปฏิบัติดังที่ได้แสดงไว้ใน อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ดังนี้
    การมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าสร้างวิหารทานถวายสงฆ์ (สิบล้าน ล้าน ล้าน เท่า)
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานศีล ๕ มีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย (พันล้านล้าน ล้าน เท่า)
    การที่มีจิตเจริญด้วยเมตตาแม้เพียงเวลาชั่วสูดของหอมมีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใสสมาทานศีล (แสนล้าน ล้าน ล้าน เท่า)
     
  4. avumme

    avumme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +231
    หลวงปู่ธรรมรังษีพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้เขียนท่านแผ่เมตตา
    จนบังเกิดผลที่เคยพบอาทิ

    1.วัด เขาพนมดินหุงข้าวเลี้ยงพระ200รูปแม่ชี 100 กว่ารูป วันละ 1 กระสอบปุ๋ย ปรากฏข้าวสารจะหมด หลวงปู่ท่านหลับตาแผ่เมตตาสัก2-3นาทีแล้วลืมตาปรากกวันรุ่งขึ้นมีผู้นำข้าวสารมาถวาย 20 กระสอบและสังฆทานกว่า 40 ชุดขนาดใหญ่

    2.ช่าง มาขอเก็บค่าสร้างพระอุโบสถ 6แสน4หมื่น ปรากฎวัดมีเงินเพียง 2แสน 5 หลวงปู่ก็แผ่เมตตาเพียงนิดเดียวในเช้าวันนั้น ปรากฎตกเย็นมีร่างทรงขับรถมาจากกรุงเทพนำเงินมาถวาย 2แสน บอกมาตามนิมิต
    เช้าอีกวันโยมผู้หญิงข้างวัดมาพร้อมสามีฝรั่งพึ่งกลับเมืองไทยมาถวาย 2แสน 4 ปรากฎบ่ายได้เงินชำระค่าโบถร์ครบ

    3.โรง โม่หินสระบุรีติดหนี้นับ20ล้านมากราบลาจะหนีหนี้ หลวงปู่ว่าจะหนีทำไม....ท่านพาอาตมาไปที่โรงโม่สระบุรีให้นำเก้าอี้ไปตั้ง ที่ลานท่านแผ่เมตตาสัก10 นาทีปรากฎ 2 เดือนให้หลังเจ้าของโรงโม่นำรถเบ็นส์ 500 คันละ 12 ล้านมาถวายเพราะหมดหนี้ แต่หลวงปู่นั่งรถให้ 3 วันก็คืนเขาท่านว่าไม่เหมาะกับวัดเรา
     
  5. avumme

    avumme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +231
    ในพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่ง มีนิสัยเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
    ได้ปัจจัยอะไรมาก็แบ่งปันแก่ภิกษุอื่นเสมอๆ ด้วยอานิสงส์นี้
    ท่านกลายเป็นผู้มีโชคดีในเรื่องลาภอย่างประหลาด ในที่บางแห่ง
    ภิกษุอื่นไปบิณฑบาตไม่ได้อาหารอะไรเลย แต่พอภิกษุรูปนั้นไป
    ปรากฏว่ามีคนมีจิตคิดทำบุญใส่บาตรให้ท่านจนเต็ม
    ท่านได้นำอาหารเหล่านั้นมาแบ่งให้ภิกษุอื่นๆ จนหมด คราวหนึ่ง
    พระเจ้าแผ่นดินมีพระประสงค์จะถวายผ้าแก่พระทั้งวัดมีผ้าเนื้อดีที่สุด ๒ ผืน
    (คงจะเป็นผ้านุ่ง คือผ้าสบงผืนหนึ่ง ผ้าห่มคือจีวรผืนหนึ่ง)
    พระรูปนั้นทราบเข้าจึงพูดไว้ล่วงหน้าว่า ผ้าเนื้อดี ๒ ผืนนั้น
    จะต้องตกมาถึงท่านอย่างแน่นอน อำมาตย์ได้ทราบเรื่องนี้
    จึงนำเรื่องไปทูลกระซิบพระราชา พระราชาเป็นผู้ถวายผ้าเอง
    ก็ทรงสังเกตผ้าที่วางซ้อนๆ กันอยู่ พอมาถึงลำดับภิกษุหนุ่มรูปนั้น
    ก็เป็นผ้าเนื้อดีทั้ง ๒ ผืน
    ทั้งอำมาตย์และพระราชาต่างมองหน้ากันเป็นเชิงประหลาดใจ
    เมื่อทำพิธีถวายผ้าเสร็จแล้ว พระราชาเสด็จเข้าไปหาภิกษุหนุ่มรูปนั้น
    ด้วยเข้าพระทัยว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์มีญาณวิเศษอย่างแน่นอน
    จึงตรัสถามว่าพระคุณเจ้าได้บรรลุโลกุตรธรรมตั้งแต่เมื่อไร
    ภิกษุหนุ่มถวายพระพรว่ายังไม่ได้บรรลุอะไรเลย
    แต่ที่รู้ว่าผ้าเนื้อดีจะต้องตกแก่ตนนั้นก็เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญสาราณียธรรมคือการเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เป็นนิตย์
    ตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญมาก็ได้ผลอย่างประหลาดอยู่เสมอ คืออะไรที่ดีที่สุด
    ถ้ามีการแจกกันโดยไม่เจาะจง สิ่งนั้นก็ต้องตกมาถึงท่าน
    พระราชาทรงชื่นชมยินดีและทรงอนุโมทนา

    "สาราณียธรรม 6 " ซึ่งมีความหมายว่า หลัก ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง เป็นหลักธรรมที่จะเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่ เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้ เกิดขึ้นด้วย

    1. เมตตามโนกรรม
    2. เมตตาวจีกรรม
    3. เมตตากายกรรม
    4. สาธารณโภคี หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ช่วยเหลือกัน
    5. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆอย่างเดียวกัน เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล
    6. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน ปรับมุมมองให้ตรงกัน
     
  6. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    satu satu satu...kindness is the best
     

แชร์หน้านี้

Loading...