เรื่องเด่น เมนูที่กินแล้วสวยหล่อตลอดกาล

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 6 กันยายน 2010.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width=729 align=center><TBODY><TR><TD class=ecxtextmain align=middle>ผอม สดใส อ่อนวัย ด้วยการกินมังสวิรัติ


    </TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=ecxtextmain>ผอม สดใส อ่อนวัย ด้วยการกินมังสวิรัติ

    About the Vegetarian

    ในแวดวงคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องการมีน้ำหนักเกินพอดี เราเคยคุยเรื่องกินยังไงให้ผอมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่การอด(เพื่อล้างพิษ) กินตามโปรแกรมลดน้ำหนัก กินพร่องแป้งแบบโลว์คาร์บ

    คราวนี้จะขอพูดถึงการกินอีกแบบที่แม้จะไม่ช่วยให้คุณผอมเร็วเป็นคนละคน แต่จะช่วยให้ร่างกายของคุณค่อยๆ กำจัดส่วนเกินที่สะสม พร้อมๆ กับขจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย คืนความสดใส อ่อนเยาว์ และสร้างสุขภาพสมดุลอย่างยั่งยืน หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าการกิน "มังสวิรัติ" ไงคะ


    ละเนื้อ ละอย่างไร
    คนที่หันมากินแบบละหรืองดเนื้อแบบมังสวิรัตินั้น ไม่ได้มีเหตุผลจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่อยากเบียดเบียนชีวิตสัตว์ เพราะการละเนื้อโดยสิ้นเชิงทำได้ยากในชีวิตปกติ ด้วยเหตุนี้การกินมังสวิรัติจึงมีหลายระดับ ตั้งแต่ยังกินเนื้อสัตว์บางประเภท ไปจนถึงไม่กินอะไรเลยนอกจากพืชผัก

    * Pollovegetarians คือกลุ่มที่ไม่กินเนื้อแดง แต่กินเป็ด ไก่ และอาหารจากพืช
    * Pescovegetarians คือกลุ่มที่กินปลาเพิ่มขึ้นมาจากกินผักอย่างเดียว
    * Lacto-Ovo-Vegetarians คือกลุ่มที่กินนมและไข่เพิ่มจากการกินพืช
    * Lacto-Vegetarians คือกลุ่มที่กินเฉพาะนม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ร่วมกับการกินพืช
    * Vegans คือกลุ่มที่กินอาหารจากพืชล้วนๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ แม้กระทั่งไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำผึ้ง

    นอกจาก 5 กลุ่มข้างบน ยังมีการละเว้นเนื้อสัตว์เก๋ๆ อีก 3 แบบ คือ
    * Sproutarians คือกลุ่มที่นิยมบริโภคหน่อต้นอ่อนของพืช อันได้แก่เห็ด ถั่วงอก ต้นอ่อน ก้านใบอ่อนของพืช ถั่วโตเร็ว ซึ่งว่ามีพลังและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    * Fruitarians คือกลุ่มที่บริโภคผลไม้เป็นหลัก กินผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพวกเบอร์รี่ นิยมดื่มน้ำผลไม้คั้นสด รวมทั้งผลไม้เปลือกแข็งอย่างลูกนัต เมล็ดพืช และถั่วต่างๆ

    * Raw Foodism คือกลุ่มที่นิยมบริโภคอาหารไม่ผ่านความร้อน หรือใช้ความร้อนไม่เกิน 48 องศาเซลเซียส เนื่องจากเชื่อว่าความร้อนจะทำลายเอนไซม์และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารไป นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในอดีตพระเยซูคริสต์ก็บริโภคอาหารในลักษณะนี้เช่นกัน


    สิ่งดีที่ได้จากการกินมังสวิรัติ
    ลองกินมังสวิรัติสักอาทิตย์ คุณจะพบความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายอย่าง อาทิ

    * หลับสบาย- ถ่ายคล่อง
    กระเพาะของเราย่อยผักผลไม้ได้ง่าย และใช้เวลาในการย่อยน้อยกว่าเนื้อสัตว์มากนัก การกินมังสวิรัติจึงช่วยลดภาระให้กับระบบย่อยอาหารไปในตัว นอกจากนี้ผักผลไม้ยังมีไฟเบอร์หรือเส้นใย ในขณะที่เนื้อสัตว์แทบไม่มีเลย เส้นใยมี 2 ประเภท คือกลุ่มไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะไปเพิ่มจำนวนอุจจาระ ทำให้ไม่มีของเสียตกค้างในร่างกาย จึงช่วยป้องกันอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง และการดูดซึมของเสียในลำไส้กลับเข้าไปอีก

    อีกกลุ่มละลายน้ำได้ จะไปจับตัวกับน้ำดีและคอเลสเตอรอลในลำไส้แล้วขับออกมาทางอุจจาระ การกินผักจึงช่วยให้หลับสบายแบบไร้อาการท้องอืด ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังถ่ายคล่องอีก และถ้ายิ่งรู้จักเลือกกินให้ดี ไม่เน้นแป้งและน้ำตาล น้ำหนักตัวก็ยังลดอีกแน่ๆ


    * ล้างพิษ
    ลำไส้ของคนเรามีความยาวถึง 20 ฟุต เป็นลักษณะเดียวกับสัตว์กินพืชชั้นสูง ซึ่งต่างจากร่างกายของสัตว์กินเนื้อที่ถูกสร้างให้ย่อยและขับเนื้อที่กินออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ร่างกายมนุษย์ไม่อาจดูดซึมโปรตีนจากสัตว์ได้ทั้งหมด โปรตีนที่ร่างกายเราดูดซึมไว้ได้มากที่สุดคือ ไข่- ร้อยละ 94 ส่วนโปรตีนที่ดูดซึมได้น้อยที่สุดได้แก่ เนื้อวัว-เพียงร้อยละ 67 เท่านั้น อีกร้อยละ 33 ที่ไม่อาจดูดซึมได้จะเหลืออยู่ในลำไส้ซึ่งในที่สุดก็จะเกิดการหมักบูด เปลี่ยนไปเป็นสารเคมีกลิ่นเหม็น เช่น มีเทน แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์(ก๊าชไข่เน่า)

    เมื่อเดินทางถึงลำไส้ใหญ่ กระบวนการดูดซึมน้ำกลับสู่ร่างกายจะพาสารพิษเหล่านี้กลับมาด้วย สารเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการหืดหอบ ภูมิแพ้ ไปจนถึงมะเร็งในลำไส้ใหญ่ การงดกินเนื้อ หันมาเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชมากขึ้นจึงช่วยเคลียร์ลำไส้ให้สะอาด เป็นการล้างพิษกลายๆ นั่นเอง


    * หน้าใส-ผิวสวย
    นอกจากช่วยล้างพิษแล้ว การเน้นกินผัก-ผลไม้ทำให้ร่างกายได้วิตามินซีและอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เซลล์ของร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส โดยเฉพาะวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจนส่วนใหญ่ ซึ่งทุกเซลล์ในร่างกายต้องมีเส้นใยนี้ร้อยรัด เสริมสร้างความแข็งแรงเสมือนบ้านต้องมีรั้ว หากรั้วไม่แข็งแรงหรือบุกรุกง่ายก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าโจมตีได้ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง


    * สุขภาพดี
    ทราบหรือไม่ว่าในเนื้อสัตว์มีสารพิษจำนวนไม่น้อย ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหาร และขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้นว่าฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท สารปรุงแต่ง สารถนอมอาหาร ยาฆ่าแมลง และอีกจิปาถะ สารเหล่านี้อาจอยู่ในน้ำและอาหารสัตว์ และจะไปสะสมอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของสัตว์ ยิ่งกินเนื้อสัตว์มาก

    สารเหล่านี้จะเปลี่ยนถ่ายเข้ามาสะสมในตัวเรา จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในที่สุด การกินเนื้อสัตว์มากๆ ยังเป็นสาเหตุของโรคอย่างหลอดเลือดอุดตัน ผนังหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจ จากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่มีมากในเนื้อและไขมันสัตว์อีกด้วย ยิ่งกินน้อยลงเท่าไรจะยิ่งช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้มากเท่านั้น


    * หน้าตาแจ่มใส
    ข้อนี้เป็นผลพลอยได้จากความรู้สึกดีๆ จากการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น เมื่อสุขภาพจิตดีหน้าตาก็พลอยแจ่มใส บุคลิกเมตตาอารียังดึงดูดผู้คนให้อยากคบหาสมาคมอีกด้วย


    ก้าวแรกสู่การกินมังสวิรัติ
    อย่าเพิ่งสร้างภาพวิถีแห่งการเป็นมังสวิรัติว่าเป็นถนนที่แห้งแล้งและขมขื่น ขอแค่อยากเริ่มต้นละเนื้อจริงๆ คุณจะพบว่ามีทางเลือกในการกิน(อร่อยด้วย) มากมาย

    * ข้าวกับน้ำพริก กินเรียบง่ายแบบคนไทยสมัยก่อน จะเป็นน้ำพริกปลาร้า กะปิ ปลาทู หรือน้ำพริกหนุ่ม เต้าเจี้ยวหลน ฯลฯ เลือกได้ตามชอบ อาจกินแกล้มไข่ต้ม ปลาทอด นึ่ง หรือย่างก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรกินกับข้าวกล้องซึ่งจะให้วิตามินบีและไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขัดขาว ส่วนผักแนมน้ำพริกควรเน้นความหลากหลายเข้าไว้ ถ้าอยากลดหุ่นลองจัดสัดส่วนให้บริโภคผักมากกว่าข้าว

    * อาหารญี่ปุ่น นอกจากหน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย และหากินไม่ยากแล้ว อาหารญี่ปุ่นยังมีความหลากหลายของส่วนผสมจากธรรมชาติ ทั้งผัก เห็ด และถั่ว มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก เพราะใช้ปลาทะเลและสาหร่าย ทั้งยังเสิร์ฟพร้อมชาเขียวซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ

    * กินหลากหลาย อย่าจำกัดอาหารมังสวิรัติอยู่แค่จับฉ่ายหรือสลัดผัก พืชผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการยังมีอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ข้าวไม่ขัดขาว ธัญพืชอย่างลูกเดือย ข้าวโพด ถั่ว ถั่วงอก อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพิตาชิโอ เมล็ดฟักทอง งา เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง ไปจนถึงเห็ดสดต่างๆ นอกจากนี้เมืองไทยเรายังมีผลไม้สดตามฤดูกาลมากมาย แค่ขยันเลือกกินให้เหมาะสมและหลากหลายก็ได้รับทั้งคุณค่าทางอาหารและวิตามินเพียบแล้ว

    * นมถั่วเหลือง คนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแลคโตสในนมวัว กินแล้วเลยมีอาการไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลองเปลี่ยนจากดื่มนมสดมาเป็นน้ำนมถั่วเหลืองดู

    ถั่วเหลืองมีคุณค่ามากที่สุดในบรรดาถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก เป็นแหล่งของวิตามินบี เกลือแร่ และกรดไขมน เลซิทินที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายก็มีอยู่มากเช่นกัน


    หากยังหวั่นไหวกับความเชื่อเดิมๆ เรื่องกินมังสวิรัติแล้วจะขาดอาหาร เพราะขาดกรดอมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายซึ่งหาได้จากเนื้อสัตว์ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งจะช่วยขจัดความคลางแคลงใจนี้ได้ เพราะมีการพบว่าร่างกายของเราสามารถหากรดอมิโนจำเป็นที่ขาดหายไปจากอาหารมื้อหนึ่งๆ ได้เองจากแบคทีเรียนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้หรือเซลล์ในลำไส้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้นักมังสวิรัติที่รู้จักเลือกกินอย่างหลากหลายและเหมาะสมจึงไม่เพียงมีหน้าใส หุ่นสวย สุขภาพดี แต่ยังแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนกินเนื้อสัตว์ด้วย

    ลองเริ่มกินสักอาทิตย์ แล้วดูว่าพอไหวไหม ถ้าทำได้ลองทำต่อให้ครบเดือน บางทีเมื่อถึงวันนั้น คุณอาจรู้สึกดีจนไม่นึกอยากกลับมากิน "ทุกอย่าง" อย่างที่เคยกินอีกก็ได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE>





    มังสวิรัติเพื่อสุขภาพ



    [​IMG]

    อกจากผลทางจิตใจอันเนื่องมาจากได้ละเว้นการเบียดเบียนสัตว์แล้ว การกินพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และเมล็ดธัญพืช ยังช่วยให้รู้สึกสบายตัว กระปรี้กรัเปร่า เพราะอาหารเหล่านี้ย่อยง่าย ใช้พลังงานน้อย อีกทั้งมีเส้นใยมาก ทำให้ขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก ในเรื่องย่อยง่ายยังมือเหตุผลอธิบายว่า เป็นเพราะร่างกายมนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็นฟัน น้ำลาย กระเพาะ ลำไส้ หรือตับ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับกับพืชผักและธัญหารเป็นหลัก มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช มิใช่สัตว์กินเนื้อ เมื่อต้องมาย่อยเนื้อสัตว์จึงต้องใช้พลังงานมาก อีกทั้งยังมีของเหลือเพราะย่อยไม่หมดเช่น ไขมัน โคเลสเตอรอล กรดยูริก ทำให้อ้วนและตกค้างสะสมเป็นพิษกับร่างกาย
    โดยเหตุที่ร่างกายมนุษย์ย่อยเนื้อสัตว์ไม่ได้ดี การกินเนื้อสัตว์จึงทำให้เกิดโรคร้ายแรงหลายโรค ซึ่งป้องกันได้ง่ายๆ เพียงเลิกกินเนื้อสัตว์

    โคเลสเตอรอล เป็นผู้ร้ายที่เรารู้จักดี โดยเฉพาะที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดเพราะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน มีแต่เนื้อสัตว์เท่านั้นที่มีโคเลสเตอรอล พืชผักไม่มีจริงๆแล้วร่างกายของเราต้องผลิตโคเลสเตอรอลอยู่เสมอเพื่อเลี้ยงเนื้อเยื่อ โคเลสเตอรอลจึงมีประโยชน์ เป็นของจำเป็น แต่ปัญหาอยู่ที่ร่างกายมนุษย์ไม่อาจใช้ประโยชน์โคเลสเตอรอลจากเนื้อสัตว์ และไม่อาทำลายมันได้หมด โคเลสเตอรอลจึงปนอยู่ในกระแสเลือด


    ไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ ใช่แต่ทำให้หัวใจขาดเลือดเท่านั้น ยังทำให้เป็นโรคนิ่ว โรคความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดตีบ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ีอีก ซึ่งร้ายแรงไม่แพ้กัน


    เนื้อสัตว์ที่แดงด้วยเลือดมีกรดยูริกในปริมาณสูง กรดยูริกเป็นสารพิษในร่างกายผู้กินเนื้อ ทำให้ไตทำงานหนัก มีโอกาสเป็นโรคเกาต์ เป็นโรคไต แต่ไตมนุษย์ไม่สามารถสลยกรดยูริกไปได้หมด การตกค้างสะสมจึงมักตามมา และทำให้เกิดอีกหลายโรค หากไปสะสมที่ข้อต่อกระดูก ก็ทำให้เกิดโรคข้อกระดูกอักเสบ ไปอยู่ในเลือดมาก ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดหรือลูคิเมีย


    นอกจากโคเลสเตอรอลและกรดยูริกแล้ว ในเนื้อสัตว์ยังมีสารพิษตกค้างอื่นๆ อันเนื่องมาจากกระบวนการทำฟาร์มในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ดีดีทีและโฮโมนอะดีนาลินที่หลั่งออกมาในเนื้อ ณ นาทีที่สัตว์รู้ว่าจะถูกฆ่า กล่าวโดยรวมแล้ว เนื้อสัตว์เป็นพิษกับร่างกายคนเรายิ่งนัก


    โดยทั่วไป อาจแบ่งนักกินมังสวิรัติตามระดับความเคร่งครัด ได้ดังนี้
    [​IMG]1) มังสวิรัติเคร่งครัด เรียกว่า "vegan" คือไม่กินทั้งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดๆ แม้แต่นมและไข่ก็ไม่แตะ บางคนแยกย่อยขึ้นไปอีกว่ามีมังสวิรัติมหาเคร่ง คือ นอกจากไม่กินเนื้อสัตว์แล้วยังเข้มขึ้นกินเฉพาะพืชผักบางอย่างเท่านั้้น เช่น พวกผลไม้นิยม(fruitarianism) เน้นกินผลไม้สดเป็นหลัก พวกกินเจคือนักมังสวิรัติที่แถมไม่กินพืชผักกลิ่นแรง 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย และยาสูบ


    2) มังสวิรัตินม เรียกว่า "lacto-vegan" คือพวกที่ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ยังคงกินนมและผลิตภัณฑ์นม เพราะเชื่อว่านมบำรุงร่างกายให้แข็งแรง อีกหลายคนให้เหตุผลว่าการดื่มนมไม่ถือว่าเบียดเบียนสัตว์ เพราะนมเป็นของให้แต่ไข่เป็นของหวง


    3) มังสวิรัติไข่ เรียกว่า "lacto-ovo-vegan" คือไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังคงกินทั้งนมและไข่ ประเภทนี้ยังคงติดรสชาติของไข่ หรือไม่ก็ติเงื่อนไขชีิวิตครอบครัว เช่นการมีเด็กเล็ก ทำให้อาหารจานไข่ยังจำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่


    คุณค่าทางโภชนาการ
    [​IMG]การกินมังสวิรัติไม่ได้ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดที่จำเป็น เช่น โปรตีน วิตามินบี 12 และแคลเซียม จากการวิจัยเกี่ยวกับภาวะโภชนาการของนักมังสวิรัติ ล้วนยืนยันในทำนองเดียวกันว่า หากกินถั่ว งา ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก ผลไม้ อย่างหลากหลายไม่ซ้ำซากแล้วก็จะไม่ขาดสารอาหารแต่อย่างใด


    นักกินอาหารแบบมังสวิรัติในกลุ่มที่สองและสาม ซึ่งกินไข่หรือนมหรือทั้งไข่และนมนั้น ไม่มีปัญหาเรื่องขาดสารอาหาร เพราะนมและไข่เป็นโปรตีนชั้นดีทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัต์ได้ และสำหรับกลุ่มที่หนึ่ง ซึ่งเป็นแบบเคร่งครัด ไม่กินทั้งนมและไข่จะมีปัญหาเรื่องการขาดโปรตีนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการกินอาหารต่างๆ


    พืชผักที่มีโปรตีนมาก เช่น กระถิน ใบขี้เหล็ก ตำลึง ผักกระเฉด ถั่วงอกดิบ พริก ผักบุ้งไทย กระหล่ำปลีดอก หน่อไม้ฯลฯ เป็นโปรตีนที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ อาหารมังสวิรัติที่มีโปรตีนมากคือโปรตีนที่ได้จากถั่วเหลือง งา ข้าวกล้อง เห็ดนานาชนิด และแป้งสาลี เป็นต้น




    [​IMG]ถั่วเหลือง เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญมีสารโปรตีนเกือบครบ ขาดเมทไธโอนีนตัวเดียว มีวิตามินบีหลายชนิด มีไขมันชั้นดี คือกรดไลเนอิก รวมทั้งมีเลซิตินหายากในพืชผักชนิดอื่นๆ








    [​IMG]
    งา เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ช่วยเติมกรดอะมิโนที่ถั่วเหลืองไม่มี คือ เมทไธโอนีน ทำให้ร่างกายได้โปรตีนครบส่วน งามีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แคลเซียม และวิตามินบีหลายชนิด








    [​IMG]ข้าวกล้อง นอกเหนือจากมีโปรตีนชนิดที่ไม่มีในถั่วเหลืองแล้ว ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย






    เห็ดนานาชนิด เห็ดมีโปรตีนปะมาณ 1-3% ซึ่งหากเปรียบเทียบกับพืชผักอื่นๆ ยกเว้นถั่วลันเตาและถั่วเหลืองแล้ว เห็เป็นพืชที่มีโปรตีนสูงมากที่สุด และเช่นเดียวกันในเห็ดยังมีวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ด้วย


    การทำอาหารมังสวิรัติต้องมีสูตรและชนิดของอาหารที่หลากหลาย เพราะนอกจากจะทำให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการแล้ว อาหารมังสวิรัติต้องใช้ทั้งศิลปะในการปรุง และเครื่องปรุงทั้งพืชผักธรรมชาติ ธัญพืช และอาหารแปรรูป ที่หลากหลายด้วย







    ตัวอย่างเมนู


    เห็ดผัดผงกระหรี่



    เอาใจคนชอบกลิ่นหอมๆของเครื่องเทศกันหน่อย เมนูนี้ใช้เห็ดเออรินจิหรือเห็ดนางรมหลวงค่ะ เพราะเค้าจะมีความกรุบกรอบอยู่ในตัวเวลานำำมาประกอบอาหารประเภทผัดจะให้รสชาติดีมากๆ มารู้ัจักคุฯประโยชน์ของผงกระหรี่กันบ้าง มีงานวิจัยที่พบว่าผงกระหรี่ "ทำให้ความจำดีขึ้น" จากการตรวจสอบกลุ่มคนที่กินอาหารที่ใส่ผงกะหรี่ "เป็นบางครั้ง" (ในช่วง 6 เดือน กินหนึ่งครั้ง หรือมากกว่า แต่น้อยกว่าเดือนละครั้ง) และกลุ่มที่กิน "บ่อย" (มากกว่าเดือนละครั้ง) มีผลการทดสอบความจำดีกว่าคนที่ "ไม่เคย หรือแทบจะไม่ได้กิน" ผงกะหรี่เลย ผลการวิจัยพิสูจน์ให้เห็นว่า การรับประทานอาหารที่มีผงกะหรี่เป็นส่วนผสมนั้น แม้เพียงนาน ๆ ครั้งก็จะช่วยในเรื่องของความสามารถในการจดจำ (อ้างอิงข้อมูลผลวิจัยของจื้อผิง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์)

    เห็ดผัดผงกระหรี่


    [​IMG]




    1) ส่วนผสมก็มีเห็ดเออริจิ หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม ขึ้นฉ่าย พริกชี้ฟ้าซอย ไข่ นมสด แล้วก็ผงกระหรี่อย่างดี (ถ้าเป็นผงกระหรี่จีนจะหอมมากค่ะ)

    [​IMG]


    เตรียมไข่ ผงกระหรี่ และนมสด

    [​IMG]


    คนให้ส่วนผสมเข้ากัน

    [​IMG]




    2) เริ่มทำโดยผัดเห็ดให้สุกก่อนค่ะ แล้วใส่หอมใหญี่ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองและน้ำตาลในขั้นตอนนี้


    [​IMG]


    ใส่ไข่ที่ผสมไว้แล้วลงไป

    [​IMG]


    รอสักพักอย่างเพิ่งคนให้ไข่แตกออกจากกันนะคะ เพราะไข่จะกระจายเกินไปดูไม่น่าทาน

    [​IMG]


    กะว่าสัก 10 วินาที ค่อยๆ ผัดให้ไข่สุกจนทั่วหากต้องการให้มีน้ำขลุกขลิกก็เติมน้ำสะอาดได้ค่ะ

    [​IMG]


    ในขั้นตอนนี้ปรุงรสด้วยซอยเห็ดหอม ชิมรสพอดีแล้วก็ใสใบขึ้นฉ่ายลงไปและปิดไฟ ก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย

    [​IMG]


    ตักใส่จานแตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าซอย

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    You might also like:


    ถั่วฝักยาวผัดกะปิ(เจ)



    เต้าหู้โหระพา



    ผัดผักสี่เซียน



    เออรินจิผัดพริกเผา



    เห็ดนางรมหลวงผัดซอส



    [​IMG]






    แหล่งโปรตีนทดแทน




    เต้าหู้ชนิดต่างๆ
    เต้าหู้ ทำมาจากถัวเหลืองนับว่าเป็นเครื่องปรุงหลักในการทำอาหารมังสวิรัติ บางครั้งถูกเรียกว่า "เนื้อไร้กระดูก" เพราะเต้าหู้ให้โปรตีนสูง คุณภาพดี และย่อยง่าย เป็นอาหารสุขภาพรสอร่อยชั้นดีที่ช่วยลดโคเลสเตอรอลร้าย เพิ่มโคเลสเตอรอลดีให้กับร่างกาย เ้าหู้มีหลายชนิด ดังนี้


    เต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้นิ่ม

    [​IMG]
    บางครั้งเรียกว่า "เต้าหู้แกงจืดหรือเต้หู้กระดาน" มีสีขาวนวล เนื้อนุ่ม มีน้ำมากหอมกลิ่นถั่ว มีแบบนิ่มมากกับนิ่มปานกลางที่มีเปลือก ซึ่งจะหนากว่าแบบนิ่มมาก นิยมใช้ทำแกงจืด นึ่ง ผัด อบ ทอด และทำน้ำพริกเครื่องจิ้มต่างๆ เลือกซื้อเต้าหู้ที่ทำใหม่ๆในช่วงเช้า สีขาวนวล เป็นชิ้นสวย ไม่เละ ไ่ม่เป็นเมือก หอมกลิ่นถั่ว นำไปล้างน้ำแล้วต้มจนสุกลอยก่อนทำอาหารจำทำให้เนื้อเต้าหู้แน่นหนึบยิ่งขึ้น


    เต้าหู้แข็ง
    [​IMG]เนื้อแน่น แข็ง สีขาวนวลออกครีมๆ มีกลิ่นถั่วแรงกว่าเต้าหู้อ่อน ทำอาหารได้ทั้งแกง ต้ม ตุ๋น อบ ทอด ยำ ลาบ หมูสะเต๊ะ ฯลฯ เลือกซื้อเต้าหู้ที่ทำใหม่ๆในช่วงเช้า มีสีขาวนวล ไม่มีเมือก เคล็ดลับต้องนำไปต้มจนสุกลอยแล้วทอดจนเหลืองก่อนนำไปใช้ทำอาหาร เนื้อเต้าหู้จะแน่นอร่อยยิ่งขึ้น เวลาผัดหรือต้มเคี่ยวนานๆ เต้าหู้จะยังคงเป็นชิ้น ไม่เละ เต้าหู้แข็งอาจใช้แทนหมูสับก็ได้ เพียงยีเนื้อเต้าหู้ที่ต้มให้เป็นชิ้นเล็กแล้วทอดฉ่าในน้ำมันมากและร้อน เต้าหู้จะฟูและเหลืองกรอบ ถ้าทำลาบให้ต้มหรือนึ่งพอร้อนแล้วนำมายีเป็นชิ้นเล็กๆ คั่วพอแห้งและมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ทำลาบหรือยำจะได้รสชาติที่เข้มข้น
    [​IMG]

    เต้าหู้เหลือง เปลือกสีเหลือง เนื้อสัขาวนวล รสเค็มกว่าเต้าหู้แข็ง เป็นเต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้แข็งที่นำไปแช่ในน้ำเกลือแล้วต้มในน้ำขมิ้นจนสุกเหลืองเพื่อให้รูว่าเต้าหู้ชนิดนี้มีรสเค็ม มีกลิ่นหอมและเก็บไว้ได้นานวัน เต้าหู้เหลืองชนิดแข็งนิยมหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ผัดไทย หมี่กระทิ หมี่กรอบ หรือนำไปผัดต่างๆ เคล็ดลับการทอดเต้าหู้ชิ้นเล็กๆ ไม่ให้ติดกันคือใส่ตะแกรงล้างน้ำแล้วให้ทอดทันที ส่วนเต้าหู้เหลืองชนิดอ่อนก็นำไปนึ่ง ทำแกงจืด ผัดต่างๆ หรือหั่นเป็นชิ้นนำไปทอดกินแนมกับน้ำพริก หรือใส่้เป็นเครื่องปรุงในยำทวาย


    [​IMG]เต้าหู้หลอด คือเต้าหู้อ่อนที่บรรจุในถุงพลาสติกเป็นหลอด มีทั้งชนิดไข่ที่เนื้อเต้าหู้มีสีครีม และชนิดธรรมดาที่เนื้อเต้าหู้สีขาวนวล นินมใช้ทำแกงจืด ชุปแป้งทอดแล้วทำเป็นเต้าหู้ทรงเครื่อง ทำเต้าหู้น้ำแดง หรือทำปลาเค็มเจแล้วยำก็อร่อย เลือกซื้อที่สดใหม่ ดูจากวันผลิตและวันหมดอายุ



    [​IMG]
    เต้าหู้ญี่ปุ่น นิยมใช้เต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้ที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เพราะเนื้อเต้าหู้นิ่มเป็นพิเศษ มีเนื้อสีขาวนวล และมีเต้าหู้แบบแข็งด้วย บรรจุในกล่องสี่เหลี่ยมห่อพลาสติกเรียบร้อย เต้าหู้ญี่ปุ่นชนิดอ่อนใส่ในซุป แกงจืด ผัด ทอด สุกี้ ปั่นเป็นซอสหรือน้ำสลัดได้ดี หรือปั่นใส่ไข่ตุ๋น หรือทับเอาน้ำออกยีปรุงรส นำมาห่อสาหร่าย นึ่งสุกแล้วคลุกกับเกร็ดขนมปังทอดกรอบ เป็นต้น เลือซื้อเต้าหู้ที่สดใหม่ดูจากวันผลิตและวันหมดอายุ ควรล้างก่อนนำมาปรุงอาหาร เพราะเต้าหู้จะมีเมือกเล็กน้อย นอกจากนี้เต้าหู้ญี่ปุ่นยังมีเต้าหู้ทอดชนิดต่างๆ ด้วย เช่น เต้าหู้ทอดชนิดบาง เอามายัดไส้และเต้าหู้ทอดชนิดหนา เอามาต้มตุ๋นใส่บะหมี่ต่างๆ



    [​IMG]
    เต้าหู้ซีอิ้ว หรือเรียกว่า "เต้าหู้ดำ" คือเต้าหู้ขาวต้มกับน้ำซีอิ้ว ผงพะโล้ และสมุนไพรต่างๆ เนื้อเต้าหู้จึงมีสีดำ มีรสหวาน เนื้อแน่น ใช้กินสด หรือใส่ในก๋วยเตี๋ยวหลอด เปาะเป๊ยะสด เป็นต้น ควรล้างน้ำก่อนนำมาทำอาหาร


    [​IMG]เต้าฮวย เป็นเต้าหู้นิ่มที่ไม่ได้เอาน้ำออก ทำจาน้ำเต้าหู้ใส่โจ๊โก(แป้งหินหรือยิปซั่ม) เพื่อให้น้ำเต้าหู้จับกันเป็นเต้าหู้นิ่มๆ นิยมกินตอนอุ่นๆกับซีอิ้ว มส่แกงจืด กินกับน้ำขิงปาท่องโก๋ ปั่นทำเป็นซอสหรือน้ำสลัด หรือใส่ไข่ตุ๋น เลือกซื้อที่ทำสดใหม่ เนื้ออ่อนกลิ่นหอม


    [​IMG]เต้าหู้พวงหรือเต้าหู้สาย เป็นเต้าหู้แข็งชิ้นเล็กนำมาทอดจนเหลืองพอง เนื้อข้างในโปร่ง แล้วร้อยเป็นพวงๆหรือเป็นสายขาย ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ พะโล้ กวยจั๊บต้มซีอิ้ว ฯลฯ เลือกซ์้อที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่มันมาก ไม่สกปรก ก่อนใช้ให้ล้างน้าชาหรือลวกเพื่อเอาน้ำมันออกบ้าง


    [​IMG]ฟองเต้าหู้ แผ่นโปรตีนของถั่วเหลืองที่ได้จากการต้มน้ำเต้าหู้ (ต้มน้ำเต้าหู้จนเดือด ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่เมื่อความร้อนขึ้นสู่ผิว ไขมันจานมถั่วเหลืองจะลอยขึ้นปกคลุมด้านบนเป็นแผ่น) แบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกันดังนี้

    ฟองเต้าหู้สด มีรสอร่อยในตัว กลิ่นหอมเนื้อนุ่มนิยมทำเป็นแผ่น ใส่ในแกงจืด ยีเป็นชิ้นเล็กใส่ในไข่เจียว ฟองเต้าหู้แบบม้วนเป็นเส้นจะนำมาม้วนขดเป็นก้นหอยหรือผูกโบ แล้วนำไปทอดจนฟูเหลืองกรอบ กินกับซีอิ้วหรือซอสพริกเป็นอาหารว่าง จิ้มนมข้นหวานทานแบบโนตีหรือผัดเปรียวหวาน ฟองเต้าหู้สดแบบม้วนหาซื้อได้ที่ร้านขายเต้าหู้กระดานที่ทำเองในตลาดสด เก็บรักษาโดยนำมาแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็งสามารถเก็บไส้ได้นานถึง 1 เดือน โดยไม่ต้องระวังน้ำเข้า เวลาใช้ปรุงอาหารนำออกมาพักไว้ให้ละลาย ฟองเต้หู้จะคืนตัว ไม่ฝ่อ ไม่มีน้ำแข็งเกาะเหมือนแช่เนื้อสัตว์

    [​IMG]หู่กี เป็นฟองเต้าหู้สดยีเป็นชิ้นเล็ก บ้างก็ปรุงรสแต่งสี ใส่สาหร่ายดพิ่มรส บ้างก็ไม่ใส่อะไรเลย แล้วนำมามัดอัดตัวเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายหมูยอ หรือมัดเป็นลูกคล้ายฟักทอง หรืออัดใส่พิมพ์เป็รรูปเป็ด ไก่ ปลา ตับ แฮม เป็นต้น การมัดอัดทำให้เนื้อฟองเต้าหู้ผสานกันแน่นขึ้นช่วยทวีความอร่อยในการนำไปปรุงอาหารอน่างอื่น เช่น ต้มซีอิ้ว พะโล้




    หู่เมาะ ฟองเต้าหู้แผ่นใหญ่ มีแบบผึ่งหมาดกับอบแห้ง ใ้ช้ในการห่อฮ่อยจ้อ แฮกึ๊นเปาะเปี๊ยะ เผือกม้วน ผักกาดม้วน เป็นต้น
    [​IMG]

    ฟองเต้าหู้อบแห้ง มี 3 แบบด้วยกันคือ แบบพอง แบบเส้น และแบบหวาน ฟองเต้าหู้แบบพอง ทอดฟูและพองดีโรยด้วยเกลือเอาไว้กินเล่นหรือทำกับข้าวได้แต่ควรทอดไม่ควรแข่น้ำเพราะเนื้อจะเหนียว ดีมากสำหรับการทำพะโล้เพราะเนื้อไม่เละ เลือกซื้อฟองเต้าหู้ที่มีสีเหลืองนวล ถ้าใช้ไม่หมดเก็บในอุณห





    เครื่องปรุงประจำครัว



    เครื่องปรุงรสเค็
    ซีอิ้ว เกิดจาการหมักถั่วเหลือง ข้าวสาลี หรือข้าวอื่นๆ หรือแป้ง ผสมในน้าเกลืือ จนเกิดรา ซีอิ้วแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ซีอิ้วขาว (light soy sauce) กับซีอ้วดำ (dark soy sauce)


    [​IMG]ซีอิ้วขาว รสเค็ม สีออกน้ำตาล มีซีอิ้วขาวสูตร1 สูตร2 สูตร3 กลิ่นหอม รสดี มีโปรตีนสูงมากที่สุด เลือกซื้อซีอิ้วขาวที่หมักด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น แต่งสี หรือผงชูรส อ่านข้างขวดให้มีเปอร์เซ็นต์ของถั่วเหลืองสูง

    [​IMG]ซีอิ้วดำ หมักเหมือนซีอิ้วขาวเพียงแต่ใช้เวลานานกว่า มีทั้งซี้อิ้วดำชนิดหวานที่เรียกกันสั้นๆว่า "ซีอิ้วดำ" คือซีอิ้วขาวผสมสารที่ให้ความหวาน เลือกซื้อที่ใช้น้ำตาลดีกว่าที่ใช้กากน้าน้ำตาล และซีอิ้วดำชนิดเค็ม คือถั่วเหลืองที่หมักโดยไม่ใช้ข้าวหรือแป้ง วิธีการยุ่งยากกว่าซีอิ้วขาว บางสูตรใส่เครื่องเทศด้วย ซีอิ้วที่ได้มีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ รสเค็มจัดกว่าซีอิ้วขาว และมีโปรตีนสูงกว่า

    ซอสปรุงรส
    เป็นซีอิ้วเคมีกับซีอิ้วกึ่งเคมี ใช้กรดเกลืออ่อนๆ เป็นตัวเร่งปฏิกริยาเคมี ช่วยย่อยสลายโปรตีนจากถั่วเหลืองทำให้หมักได้เร็ว แล้วแต่งรส แต่งกลิ่น เพื่อให้คล้ายซีอิ้วหมัก เลือซื้อที่ยังไม่หมดออายุ ดูจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุข้างขวด

    น้ำมันหอยเจ (ซอสเห็ดหอม) ใช้เห็ดหอมบดเป็นเนื้อซอสแทนเนื้อหอยนางรม ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล คาราเมล น้ำ และอื่นๆ ซอสมีลักษณะข้นเลือกซื้อที่ยังไม่หมดอายุ


    [​IMG]เต้าเจี้ยว คือถั่วเหลืองหมักด้วยกรรมวิธีคล้ายซีอิ้ว แต่เมื่อได้ที่แล้วไม่กรองน้ำออก เต้าเจี้ยวมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม เนื้อนุ่มและมีรสเค็ม กลิ่นหอม หรือเรียกว่า "เต้าเจี้ยวดำ" ใช้ปรุงรสเค็มในอาหารต่างๆ แล้วยังใช้แทนกะปิและถั่วเน่า เต้าเจี้ยวยังมรเต้าเจี้ยวขาว ที่เมล็ดถั่วมีสีเหลือง เนื้อแข็ง มีรสไม่เค็มมาก เพราะใช้เวลาในการหมักสั้น นำไปทำหลน น้ำพริก ผัด ยำ พล่า เป็นต้น นอกจากเต้าเจี้ยวแล้วยังมีเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นเรียกว่า "มิโสะ"
    [​IMG]


    มิโสะ คือถั่วเหลืองบดหมักกับข้าวเจ้าหรือข้าวบาร์เลย์ โดยนำถั่วเหลืองต้มสุกมาบดละเอียดผสมกับข้าวเจ้าหรือข้าวบาร์เลย์สุก หรือไม่ใส่ข้าวก็ได้ ใส่เกลือ ใส่เชื้อราแล้วหมักในลังนานหลายๆเดือน ยิ่งนานยิ่งคุณภาพดี มิโสะชั้นดีอาจหมักนานเป็นหลายปีทีเดียว มิโสะขาว สีเหลืองซีด เนื้อเนียน รสออกหวาน ไม่เค็มนัก เป็นมิโสะสำหรับทำซุป และแต่งรส มิโสะข้าวเจ้าอีกชนิดหนึ่งสีออกน้ำตาลแดง เรียกว่า มิโสะแดง เนื้อเนียน รสเค็มกว่ามิโสะขาว และเปรี้ยวเล็กน้อย มิโสะถ้าถ้าสีอ่อนจะเค็มน้อยอละหวานกว่าสีเค็ม เลือกซื้อที่บรรจุใส่ขวดใส เพราะมองเห็นได้ชัดเจนว่ามิโสะมีสีอะไร
    [​IMG]

    เต้าหู้ยี้ เต้าหู้ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจตุรัส แล้วแช่น้ำเกลือผสมกรดมะนาว ฆ่าเชื้อ ใส่เชื้อราบ่มให้เจริญเติบโตเต้าหู้จะมีเส้นใยของราขึ้นโดยรอบ นำไปหมักต่อในน้ำเกลือ ไวน์แดง และเครื่องเทศอื่นๆ เติมอังขักเพื่อให้เต้าหู้เป็นสีแดง เต้าหู้ยี้นิยมนำมาใช้ปรุงรสผัดต่างๆ ทำเครื่องจิ้ม และกินกับข้าวต้ม มีขายสองชนิด คือ ชนิดสีเหลืองและสีแดงเลือกซื้อที่เนื้อละเอียดเนียนและมีกลิ่นหอม
    [​IMG]

    กะปิเจ ชนิดแผ่นแห้งกลม ทางภาคเหนือเรียกว่า "ถั่วเน่า" มีรสเค็ม มี 2 ลักษณะ คือ แบบเปียกและแบบแห้ง หรือเรียกว่า "ถั่วเน่าเมอะ" กับ "ถั่วเน่าแข็บ" เคล็ดลับการใช้คือ ถ้าเป็นแบบแผ่นให้นำไปย่างไฟอ่อนๆจนหอม นำมาโขลกหรือตำให้ละเอียด ผสมในแกงหรือน้ำพริก ส่วนถั่วเน่าเมอะหั่วใบตองย่างไปให้หอมหมือนกัน นอกจากนี้กะปิเจยังมีแบบหมักแบบเต้าเจี้ยวใส่กระปุก หรือใส่ถุงขายเป็นกิโล ก่อนใช้ให้ห่อใบตองน่างไฟพอหอมก่อนนำไปปรุงอาหาร
    [​IMG]

    ปลาร้าเจ คือ ถั่วเหลืองหมัก เนื้อละเอียดเนียน สีน้ำตาลเข้ม กลิ่นหอมแรง มีวิตามินบี 12 สูง หาซื้อได้ตามร้านอาหารมังสวิรัติทั่วไป เก็บในอุณภูมิห้องได้นานเป็นเดือน


    [​IMG]หนำเลี้ยบ คือมะกอกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาดองเค็ม เนื้อมีสีม่วงดำ รสเค็ม กลิ่มหอม มีขายแบบชนิที่มีเมล็ด และแบบแกะเมล็ด บรรจุกระป๋อง ขวดใส เมื่อเปิดใช้แล้วใช้ไม่หมดให้แกะใส่กล่องพลาสติกปิดฝาให้แน่น เก็บในตู้เย็นชอ่องธรรมดา หนำเลี้ยบมีทั้งแบบเนื้อแข็งและเนื้อนุ่มกำลังดี ถ้าเม็ดไหนแข็งจะบี้เอาเม็ดออกยากให้ใช้มีดกรีดเอาเม็ดออก เนื้อที่แข็งเวลาผัดต้องเคี่ยวให้เนื้อนุ่ม ใส่ในน้าพริกกะปิเจเพื่อให้มีสีม่วงแบบกะปิ


    [​IMG]หัวไชโป๊เค็ม เลือกชื้อหัวสีน้ำตาลนวล ไม่เข้ม ไม่มีเกลือเกาะ ก่อนใช้ต้องล้างน้ำหลายครั้งจนคลายรสเค็ม ถ้มมีรสเค็มมากให้ต้มน้ำทิ่งก่อน 1 ครั้ง หั่นหัวไชโป้ตามขวางหนา 3 มม.อย่าหั่นบางมาก เวลาเคี่ยวจะไ้ด้เนื้อสัมผัสและรสชาติดี
    [​IMG]

    ผักกาดแห้ง หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำผักกาดเขียวปลีหรือผักกาดชนิดอื่นที่เหมาะสม ทั้งต้นหรือทำเป็นชิ้นตามขนาดที่ต้องการ อาจนำมาลวกก่อนก็ได้ หมักเกลือแล้วนำไปทำแห้งด้วยการตากแดดหรืออบก็ได้




    [​IMG]เครื่องปรุงรสหวาน
    น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลที่ทำจากตาลโตนด มีรสหวานนุ่ม กลิ่นหอม ปรุงเข้ารสกับรสเค็มของซีอิ้วและซอสปรุงได้อย่างลงตัว เลือกชื้อน้ำตาลปี๊บที่ทำจากตาลโตนด จะมีกลิ่นหอม สังเกตุน้ำตาลจะเหนียว เก็บได้นานไม่บูด
    [​IMG]
    น้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอก มีขั้นตอนในการผลิตเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการฟอกสี ลักษณะเป็นเม็ดใหญ่กว่าน้ำตาลทรายขาว มีสีน้ำตาลอ่อนๆ
    [​IMG]
    น้ำตาลทรายแดง คือน้ำอ้อยที่สกัดเอาความชื้นออกไป โดยไม่ผ่านกระบวนการในการผลิตน้ำตาลทรายแดงเลย เพียงแต่นำมาทำแห้งแล้วบรรจุถุงเท่านั้นเอง น้ำตาลทรายแดงมีความชื้นสูงและมีกลิ่นของกากน้ำตาล มักจับตัวเป็นก้อน เมมื่อจะนำไปใช้ต้องร่อนก่อนจะได้ใช้สะดวก

    [​IMG]น้ำตาลกรวด น้ำตาลที่ผลิตจากน้ำอ้อย ผ่านการฟอกขาว เป็นผลึกก้อนใหญ่ รสหวานนุ่ม ใช้ปรุงรสหวานในน้ำซุปชนิดต่างๆ เลือกซื้อน้ำตาลก้อนใส หากออกสีเหลืองแสดงว่าเป็นของเก่า
    [​IMG]

    ลำไยแห้ง ช่วยให้น้ำซุปมีรสหวาน ลำไยแห้งมี 2 แบบ คือแบบอบแห้ง มีสีน้ำตาลอ่อนๆ และแบบตากแห้งอัดเป็นก้อน มีสีดำ เลือกที่มีกลิ่นหอม บรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี


    [​IMG]ลูกเกด คือผลองุ่นตากแห้ง ลูกเกดมีน้ำตาลมากและให้พลังงานสูง เป็นตัวแต่งรสหวานให้อาหาร ที่สำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำผึ้ง ในปัจจุัลูกเกดก็ยังใช้เป็นตัวปรุงแต่งรสหวานและแต่งกลิ่นให้กับอาหารต่างๆ ลูกเกดมีวิตามินเอ บีคอมเพล็กซ์ และธาตุเหล็กสูง












    เคล็ดลับจานอร่อย







    เคล็ดลับแกงเขียวหวาน..อร่อย
    [​IMG]เลือกใช้มะเขือยาวแทนมะเขือเปราะและมะเขือพวง เพราะเมื่อสุกเนื้อนุ่มมีรสหวาน น้ำแกงเขียวหวานกลมกล่มด้วยรสหวานจากกะทิสดและเนื้อมะเขือยาว เลือกที่อ่อน เปลือกมีสีเขียวอ่อน ถ้าสีเปลือกเข้มแสดงว่าแก่เมล็ดจะมากเนื้อฟ่ามกินไม่อร่อย
    [​IMG]รู้จักมะขามเปียก
    มะขามเปียกให้รสเปรี้ยวอมหวาน มีขาย 3 แบบ คือ มะขามก้าน เนื้อมะขามไร้เม็ดแต่มีซังอยู่ มะขามหัวโล้นหรือมะขามเม็ด เนื้อมะขามติดเมล็ดแต่ไม่มีซัง และมะขามเนื้อล้วน มีแต่เนื้อล้วนๆ นิยมใช้มะขามก้านและมะขามเนื้อล้วน



    [​IMG]

    แกงมัสมั่นรสเยี่ยม

    แกงต้องน้ำขลุกขลิก มีมันสีแดงลอยหน้ามาก มีสามรส คือ เปรี้ยว เค็ม หวาน เท่าๆกัน เลือกใช้สัปรดภูเก็ตให้รสเปรียวหวานและเนื้อกรอบอร่อย แกงมัสมั่นต้องเคี่ยวจนได้ที่มีรสเข้มข้นแล้วค่อยใส่ถั่วลิสงคั่ว เนื้อถั่วจะกรอบดีไม่นุ่ม



    ใช้โปรตีนเกษตรให้เหมาะกับประเภทอาหาร


    [​IMG]



    เลือกใช้โปรตีนเกษตรชนิดแผ่นใหญ่ใช้แบบดำทำแกงพะแนงเนื้อ แบบธรรมดาทำพะแนงหมูหรือไก่ ต้องน้ำโปรตีนเกษตรไปต้มจนนุ่มก่อนเพื่อลดกลิ่นถั่ว หั่นโปรตีนเกษตรแบบแฉลบไปมาเพื่อให้มีหน้าตัดกว้าง เครื่องปรุงจะได้ซึมเข้าไปทั่วถึง







    เต้าหู้ียี้สีแดง



    [​IMG]



    เลือกซื้อเนื้อละเอียดเนียนและมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นชนิดห่อใบไผ่จีนจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษแต่ราคาแพง หาซื้อยาก ดังนั้นก่อนนำไปประกอบอาหารต่างๆ ให้นำไปทอดในน้ำมันน้อยพอหลืองเพื่อให้เต้าหู้ยี้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น






    ทำไตปลาเจ



    [​IMG]



    ไตปลาเจทำจากสาหร่ายทะเลย่างหมักกับซีอิ้วขาวนานเป็นเดือน แกงไตปลาเจจะอร่อยไม่แพ้ไตปลาจริงๆเลย นั่นเพราะสาหร่ายทะเลมีกรดกลูตามิก ซึ่งทำอาหารรสชาติอร่อยเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์นั่นเอง







    [​IMG]ผงกระหรี่ชั้นดี


    ผงกระหรี่จีน สีเหลืองสวย รสอ่อน กลิ่นหอม ผงกระหรี่เน้นขมิ้นเด่นชัด มีลูกผักชี ยี่หร่า พริกไทยป่น เกลือ พริกป่น อย่างละนิดละน้อย มีขายที่ตลาดเยาวราชขายกันเป็นขวดและเป็นซอง




    [​IMG]



    เคล็ดลับทำน้ำสลัดให้หอม


    การทำน้ำสลัดควรใช้น้ำมันงางาคั่ว เพราะกลิ่นจะหอมกว่าน้ำมันงาดิบ แต่มีสีเข้มกว่า น้ำมันงาคั่วที่ดีต้องข้นหนืด มีราคาแพง มีทั้งผลิตในประเทศและนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่น น้ำมันงาประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจ




    [​IMG]







    เลือกมะละกอแบบไหนมาทำส้มตำ


    มะละกอสายพันธุ์ไทย "คลั่ง" เป็นมะละกอที่ปลูกขึ้นมาเพื่อขายแบบดิบโดยเฉพาะ เพราะมีคุณสมบัติเด่นคือเนื้อมะละกอกรอบ เนื้อหนา ไส้เล็ก ไม่มีเมล็ด ไม่ว่าจะหั่นหรือสับก็ได้เนื้อมะละกอเป็นเรื่องเป็นราว



    [​IMG]


    ทำให้เห็ดหอมสด..รสชาติดียิ่งขึ้น


    เห็ดหอมสดเมื่อนำไปทอดจะมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น เนื้อเห็ดแน่นหนึบ และรสชาติก็เข้มข้นขึ้นด้วย เห็ดหอมสดไม่ต้องล้างน้ำก่อนปรุง เพียงใช้ผ้าสะอาดเช็ดเบาๆ ก็พอ ใส่ลงทอดในน้ำมันร้อน ไฟปานกลางทอดจนฟองเหลืองเหลือน้อยและเหลืองอย่าทอดจนฟองหมดเห็ดจะขม




    เก็บผงพะโล้ให้กลิ่นหอมนาน


    [​IMG]ผงพะโล้ทำจากเครื่องเทศหลากหลายชนิด ซึ่งมี 5 ชนิดหลักๆ คือ อบเชย โป๊ยกั๊ก ลูกผักชี ยี่หร่า และซวงเจีย นำมาป่นรวมกันเลือกซื้อที่มีกลิ่นหอม เก็บโดยเทใส่ขวดแก้ว ปิดฝาให้สนิท เก็บในอุณภูมิห้อง หรือเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา กลิ่นะหอมนาน















    ถอดรหัสสุขภาพ

    [​IMG]



    <TABLE class="ecxsection-columns ecxcolumns-3" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class="ecxfirst ecxcolumns-cell">Menu Active

    <TABLE id=ecxbcNavigation><TBODY><TR><TD id=ecxbcFootPrev></TD><TD id=ecxbcFootAll>View Archive</TD><TD id=ecxbcFootNext></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผงกระหรี่






    ข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข







    </TD><TD class=ecxcolumns-cell>NEW RELEASE

    [​IMG]
    อาหารเช้ามือสำคัญ(โดยหมอแดง วีระชัย วาสิกดิลก)

    [​IMG]

    [​IMG]
    บำรุงธาตุทั้ง 5 จากการกินผักและผลไม้



    [​IMG]
    กรดโฟลิก วิตามินบีชนิดหนึ่งที่นับวันจะยิ่งสำคัญ























    </TD><TD class=ecxcolumns-cell>ฝากไว้ให้คิด

    [​IMG]
    มองแต่แง่ดีเถิด(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

    [​IMG]

    [​IMG]
    เงินฤาคือเป้าหมายของชีวิต (พระมหาวุฒิัชัย/ว.วชิรเมธี)

    [​IMG]

    [​IMG]
    ความสุขคืออะไร..ความทุกข์คืออะไร?(พระอาจารย์มิตซูโอะ คุเวสโก)

    [​IMG]
    [​IMG]



    [​IMG]

    © 2010 vegetarian-mystyle. All Rights Reserved.





    </TD></TR></TBODY></TABLE>











    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    http://vegetarian-mystyle.blogspot.com/
     
  2. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,842
    บทความ เนื้อหาอัดแน่น
    เป็นประโยชน์ดี ขอบคุณค่ะ
    (แต่เต้าหู้สำหรับผู้ป่วยโรคไตแล้ว ทานไม่ค่อยได้นะคะ เพราะเต้าหู้มีน้ำเยอะการดูดกลับของไตจะทำงานหนัก )
     
  3. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    ผู้ที่ทานมังสวิรัติ ใจจะเย็นกว่าเมื่อตอนกินเนื้อสัตว์ กลิ่นตัวไม่มี และผิวพรรณจะงดงาม ใส ใส จริง เคยพบและพูดคุยกับคุณลุงท่านหนึ่ง ทานเจมากว่า 20 ปี หน้าไม่เเก่ ผิวสวย ผิวใส คุณลุงท่านนั้นบอกว่า ถ้าทุกท่านทานมังสวิรัติหรือเจ เจเคร่งกว่ากว่าจะล้างสารอาหารที่ได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆหมด ใช้เวลาถึง5---7 ปี แล้วเมื่อกินมังสวิรัติได้สักอาทิตย์พอได้กลิ่นเนื้อสัตว์ที่ปิ้งหรือย่างๆต่างนานาจะไม่หอมกลายเป็นเหม็นกลิ่นเนื้อสัตว์ก็มี เคยถามว่ากินเเต่ผักอาจหิวเร็วเพราะย่อยง่าย บางทีอาหารมังสวิรัติหากินยาก มังสวิรัติเขี่ยไปก่อนแล้วเอาเนื้อหมูหรือเนื้อไกให้แมวหรือสุนัขกินก็ดีคะ บางทีก็ใช้วิธีแบบนี้ อนุโมทนาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ถ้ามีโอกาสวาสนาก็อยากทานมังสวิรติตลอดชีวิตเหมือนกันคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2010
  4. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    โชคดีเหลือเกินที่ได้อยู่เเละเกิดในเมืองไทย อาหารพืชพรรณเขตร้อนมีความหลากหลายทางชีวภาพ หาที่ไหนยาก อาหารไทยอร่อย หลากหลายชนิดพืชผักเเต่ละชนิดเป็นสมุนไพรเป็นยา
     
  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ยอดเยี่ยมมาก ๆ เลยค่ะ
     
  6. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    ขอแนะนำเพิ่มอีก1 เมนู นั่นคือ เมนูสมาธิค่ะ รับรองสวยทั้งนอก สวยทั้งในค่ะ
     
  7. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    เอาแค่กินแล้ว สวยหล่อได้นานก็พอมั๊งครับ ^^
     
  8. liquidpaper

    liquidpaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,423
    ขอบคุณที่มาบอกกันค่ะ......[​IMG]
     
  9. changpinit

    changpinit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +294
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมีประโยชน์ในการพัฒนาทั้งกายและจิตครับ ขออนุโมทนาบุญครับ
     
  10. sujikan

    sujikan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +99
    ขอบมากคุณนะค่ะสำหรับสาระดีๆที่เอามาฝาก
     
  11. gatsuja

    gatsuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    837
    ค่าพลัง:
    +876
    ผมทานมังสะวิรัติทุกวันครับอ่านบทความแล้วไดเมนูเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ
     
  12. cinderella2517

    cinderella2517 Mindset Coach และ นักพยากรณ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +1,404
    ตอนนี้ก็ทานมังสะวิรัติ และมังสะวิรัติเขี่ย มาได้เกือบปีค่ะ ระบบขับถ่ายดีมาก ท้องไม่ผูก ขับถ่ายวันละ 2 - 3 ครั้ง รู้สึกดีมากเลย แต่กินแบบไม่เคร่งครัด เพราะยังมีสังคมที่ต้องกินข้าวกับเพื่อนฝูง ใช้วิธี กินมังสะวิรัติและกินปลา งดเนื้อทั้งหลายและไก่ กินไข่ กินปลา และนม ถ้ากินข้าวกะเพื่อน เพื่อนสั่งอะไรมาก็ตาม ก็ขออนุญาติเพื่อนเขี่ยกินแต่ผัก ใครใคร่กินคะน้าหมูกรอบ เราก็ขอกินแต่ผัก เพื่อน ๆ ก็กินหมูไป ไม่ว่ากัน มันก็ไม่ลำบากอะไร โปรตีนก็ยังกินปลา และไข่อยู่ สุขภาพจิตดี สุขภาพกายดี ไม่เป็นหวัดเลยค่ะ เพราะทานผักและผลไม้มาก
     
  13. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    จะลองทำและกินดูค่ะ แต่.. ขาดเนื้อสัตว์นี่มัน ยากจิงๆ อ่ะค่ะ T__T
     

แชร์หน้านี้

Loading...