เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    ขอกราบอนุโมทนาในบุญกุศลที่สั่งสมไว้ดีแล้วตั้งแต่ต้น กับคุณด้วยทุกประการค่ะ.. สาธุ สาธุ สาธุ _/|\_
     
  2. ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    หลังจากปฏิบัติต่อเนื่องเข้มข้นอย่างนี้มาหลายปี มีการอธิฐานหลังแผ่เมตตา ตามที่เล่านั้น ปัญหาอุปสรรคการเงินการงานทางโลกดีขึ้นมากไหมคะ ที่ถามตัวเองก็ติดขัดเรื่องงานมาหลายปีแล้วค่ะ
     
  3. boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    โมทนาสาธุกับธรรมปฏิบัติโดยคุณtjsและทุกๆท่านค่ะ ได้ข้อคิดก่อนที่จะจบชีวิตชีวิตได้มากค่ะ

    ขอถามทุกท่านว่าเวลาขึ้นลิฟท์ที่ทำงาน หรือเดินไปในที่ต่างๆ ถ้ามีสติ ดิฉันจะสวดมนต์ในใจบทสั้นๆ เช่นพระมงกูฏพระพุทธเจ้า หรือคาถาพระมหาจักพรรด์ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ทุกรูปนามในที่แห่งนั้น เขาจะได้รับกุศลจากเราหรือไม่คะ เพราะเป์นการสวดในใจที่เร็วมาก ไม่ได้อยู่ในสมาธิ ไม่อยากให้เป็นที่สังเกตได้โดยคนที่อยู่ในที่นั้นๆ
     
  4. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ถ้าเธอมีสติ และจิตเป็นสมาธิ ด้วยการภาวนา บริกรรมคาถา ด้วยกำลังของสมาธิ ก็บังเกิดเป็นบุญกุศล เพราะจิตเป็นกุศล เมื่อบังเกิดเป็นบุญกุศลแล้ว ย่อมสามารถแผ่และอุทิศให้สรรพจิตวิญญาณได้ อยู่ที่จิตของเราครับ แต่การอุทิศนั้น ก็ต้องใช้กำลังของสมาธิด้วยเช่นกัน ที่มีกำลังมากพอมีสมาธิที่แน่วแน่ตั้งมั่นอุทิศให้ไป

    เมื่อทำได้อย่างนี้จิตทั้งหลายย่อมเห็นในกำลังของสมาธิ ย่อมเห็นและรับรู้ในกำลังบุญที่แผ่สว่างออกมาเหล่านั้นได้ เมื่อเธอให้แล้ว เขาทั้งหลาย ย่อมอนุโมทนายินดี มีปิติสุขเกิดขึ้นแก่จิตเขาเหล่านั้นทันที บุญนี้จักช่วยให้เขามีปิติสุขไปชั่วระยะเวลาหนึ่งครับ

    ขออนุโมทนาครับ สาธุ
     
  5. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    นับแต่นี้ไปกระผม ขออาศัยพระบารมีแห่งพระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้า เป็นประทาน และขออาราธนา บารมี หลวงปู่ทวดบรมครู สมเด็จโต พระอวโลกิเตศวร พระกษิติครรภ์ ท้าวมหาพรหม ท้าวจาตุม ท้าวยมราช เทพเทวดาทุกพระองค์ กระผมขอเผยแผ่พระธรรมคำสอน และขอนำเอาเรื่องราวแห่งนรกภูมิมาทำการอธิบายขยายความ ตลอดจนสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในนรกเพื่อประโยชน์ เพื่อการแนะนำช่วยเหลือ คนที่กำลังจะจากโลกนี้ไป หรือที่จากไปแล้ว ว่าเป็นอย่างไร ควรสงเคราะห์ช่วยเหลืออย่างไร ตลอดจนความรู้ในทางธรรมอื่นๆทั้งหลาย

    หากท่านใด สงสัยในหลักธรรมคำสอน สงสัยใคร่รู้ในการเคลื่อนไปของจิต สงสัยในวิบากกรรมที่ให้ผล สงสัยในการตกไปสู่นรกภูมิ สงสัยในการจากไปของญาติของท่านหรือคนที่ท่านรู้จัก สงสัยในการแผ่และอุทิศบุญ ต้องการทราบความเป็นไปของจิตทั้งหลาย กระผมยินดีช่วยเหลือและเป็นสื่อกลางให้ครับ
    เฉพาะบุคคลที่มีความเดือดร้อนและมีเหตุจำเป็นทุกท่านครับ สามารถเข้ามาแจ้งรายละเอียดหรือโพสไว้ได้ครับ จะยินดีตอบและให้คำแนะนำทุกคำถามครับ


    จึงขอแจ้งเจตจำนงในปณิธาณบุญกุศลครั้งนี้มาให้ทราบโดยทั่วกันครับ สาธุ
     
  6. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    นรกภูมิ เป็น1ในไตรภูมิ ของแดนโลกิยะ
    นรกภูมิเป็นดินแดนหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ชมพูทวีปหรือมนุษยโลกลงไป และมีแปดชั้นหรือที่เรียกว่า "ขุม" สำหรับลงทัณฑ์ต่าง ๆ แก่สัตว์บาปที่ไปเกิด ประกอบไปด้วยมหานรก 8 ขุม ในหมานรก8ขุมนี้ แต่ละมหาขุมนรกนี้ยังประกอบด้วยขุมนรกย่อยๆอีก16ขุม
    พร้อมกันนี้ยังประกอบขุมนรกใกล้เคียงอีกด้วยคือ ยมโลกนรก 320 ขุม อยู่รอบ 4 ทิศๆ ละ 10 ของมหานรกแต่ละขุม และ อุสสทนรก 128 ขุม อยู่รอบๆ 4 ทิศ ๆ ละ 4 ของมหานรกแต่ละขุม
    เมื่อมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายตายลงไป จิตจะเคลื่อนอัตภาพไปตามกำลังจิตที่อาศัยกำลังของบุญและบาบเป็นตัวกำหนด ส่วนที่กระทำบาบไว้เป็นเป็นอกุศลเมื่อตายไป จะเคลื่อนไปยังนรกภูมิ บ้างก็มีท่านยมทูตมารอรับจิตดวงนั้นไป เมื่อไปสู่นรกภูมินั้นจะเคลื่อนไปอย่างนี้คือ
    1จิตส่วนหนึ่งจะได้รับโทษทันฑ์ ทันทีไม่ต้องรอพิพากษา คือด้วยบาบกรรมหนักให้ผลทันทีลงนรกไปยังมหานรกขุมที่ตนได้กระทำกรรมหนักไว้
    2จิตส่วนหนึ่ง เคลื่อนไปพร้อมกับท่านยมทูตเพื่อไปรอรับคำพิพากษาซึ่งในการตรวจบัญชีบุญและบาบ มีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การตรวจจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คือเมื่อจิตผ่านบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็จะปรากฏภาพนิมิตบุญและบาบที่ตนได้เคยกระทำมา หรืออาศัยการตรวจจากบัญชีของ ท่านสุวรรณหรือท่านยมบาล ตรวจดู หรือสุดท้าย ท่านพระยายมราชจะกล่าวถามแล้วให้จิตดวงนั้นตอบอธิบายโดยให้ดื่มน้ำอัมฤทธิ์ซึ่งจะกล่าวแต่ความสัจจริงออกมา จึงทำให้ทราบบาบและบุญของจิตดวงนั้น เมื่อท่านพระยายมราชทราบในบาบและบุญทั้งหมดแล้วจึงตัดสินพิพากษาตามความเป็นจริงอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ทั้งนี้จิตวิญญาณที่กระทำบาบไว้จะต้องลงไปขุมนรกต่างๆดังนี้



    1. สัญชีวนรก ("นรกแห่งการเกิดอีกหน") : นรกขุมนี้มีผนังทำจากเหล็กร้อนกั้นรอบด้าน มองไปไม่เห็นขอบ มีอาณาเขตไพศาลยิ่งนัก และทั่วบริเวณมีไฟลุกโชนหาที่ว่างเว้นมิได้เลย ในไฟนรกนี้ปรากฏอาวุธต่าง ๆ เช่น หอก ดาบ มีด สัตว์ในขุมนี้จะวิ่งพล่านอยู่บนไฟนรกดังกล่าว เมื่อวิ่งแล้วก็กระทบกับอาวุธเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บเป็นนักหนา เมื่อถึงแก่ชีวิตก็ดี หรืออวัยวะขาดไปก็ดี ร่างกายจะกลับมามีพลานามัยสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อให้รับโทษในขุมนี้จนกว่าจะสิ้นโทษ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสี่พันห้าร้อยล้าน (4,500,000,000) ปีมนุษย์ หรือห้าร้อยปีนรก

    เหตุที่ทำให้ไปตกในนรกใหญ่ขุมนี้ คือ บาป หรือ อกุศลกรรมที่สัตว์นรกเหล่านั้นกระทำไว้ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ คือ ได้ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ใหได้รับทุกขเวทนา ด้วยตนเองบ้าง มอบอาวุธให้คนอื่นทำแทนตนบ้าง เป็นโจรปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์บ้าง บางคนเป็นข้าราชการมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ขาดความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ใช้หน้าที่โดยมิชอบ โกงเอาเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านบ้าง หรือตลอดจนถึงโกงที่ดินวัด หรือกลั่นแกล้งสั่งย้ายข้าราชการผู้น้อย โดยไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้อื่นพลัดพรากจากที่อยู่ที่ทำกิน บาปกรรมเหล่านี้เป็นต้นที่ส่งผลให้เขาต้องไปตกนรกในสัญชีวนรก

    2. กาฬสุตนรก ("นรกด้ายดำ") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ สัตว์ในขุมนี้จะถูกตีเส้นบนเนื้อตัวโดยนายนิรยบาลด้วยการนำเส้นเหล็กเผาไฟมานาบเป็นลายบนตัว และจะถูกผ่า เลื่อย หรือตัดตามเส้นนั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสามหมื่นหกพันล้าน (36,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือหนึ่งพันปีนรก

    3. สังฆาฏนรก ("นรกตีกระทบ") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกนี้จะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาเหล็กลูกมหึมามีไฟลุกท่วมคอยกลิ้งเข้ากระทบกระแทกสัตว์นรกจนเหลวเป็นวุ้นเลือด ผู้วิ่งหนีมิเข้าไปในระหว่างเขานี้จะถูกนายนิรยบาลไล่แทงไล่ฟันเป็นต้น เมื่อตายแล้วก็กลับเป็นปรกติเพื่อรับโทษอีกครั้งเหมือนในขุมก่อน ๆ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสองแสนเก้าหมื่นล้าน (290,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือสองพันปีนรก

    4. โรรุวนรก ("นรกแห่งเสียงหวีดร้อง") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ ใจกลางขุมมีเหล่าดอกบัวกลีบเป็นเหล็กมีไฟลุกโชน สัตว์นรกจะถูกกรรมดลใจให้ดำผุดลงไปในดอกบัวเหล่านั้น กลีบบัวก็จะงับอวัยวะต่าง ๆ เช่น ศีรษะ แขน และขา เป็นต้น เมื่องับไว้แล้วก็ไม่ปล่อย ไฟจากบัวก็จะเผาผลาญสัตว์นั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเก้าแสนสามหมื่นหกพันล้าน (936,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือสี่พันปีนรก

    5. มหาโรรุวนรก ("นรกแห่งเสียงหวีดร้องอย่างหนัก") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ เหล่าบัวมิได้มีแต่ในกลางขุม แต่ขึ้นอยู่ทั่วไป และกลีบบัวนั้นเป็นกรด ช่องว่างที่บัวมิได้งอกจะมีอาวุธลุกเป็นไฟ เช่น แหลน หลาว หอก เป็นต้น งอกขึ้นมาแทน บัวจะไม่งับสัตว์นรกไว้แน่นนักเพื่อให้ดิ้นพร่านไปถูกอาวุธที่งอกขึ้น เมื่อดิ้นไปมาจนตกลงสู่พื้นแล้วจะมีสุนัขร้ายเข้ามากัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูก และกลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่อีกจนกว่าจะหมดโทษเหมือนในนรกที่แล้ว ๆ มา สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเจ็ดหมื่นสามพันล้านเจ็ดแสนสองหมื่นแปดพันล้านล้าน (73,000,728,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือแปดพันปีนรก

    6. ตาปนรก ("นรกแห่งความร้อน") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกนี้มีไฟลุกท่วม ในไฟมีอาวุธ เช่น หอก แหลน หลาว เป็นต้น คอยพุ่งเข้าทิ่มแทงสัตว์นรกขึ้นตั้งไว้ย่างไฟ เมื่อเนื้อหนังมังสาของสัตว์นั้นกรอบหลุดร่วงลงมาจะยังให้สัตว์นั้นร่วงลงมาด้วย ครั้นร่วงแล้วจะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้างวิ่งเข้ามากัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูก สัตว์ใดหนีสุนัขได้จะถูกนายนิรยาลจับทิ่มหอกแล้วตั้งขึ้นย่างอีกครั้ง และเช่นเดิม เมื่อตายแล้วจะลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่อีกจนกว่าจะหมดโทษ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลา สองพันเก้าร้อยสี่สิบเจ็ดล้านสามแสนเก้าหมื่นสองพันล้านล้านปีมนุษย์ (2,947,392,000,000,000) หรือหนึ่งหมื่นหกพันปีนรก

    7. มหาตาปนรก ("นรกแห่งความร้อนอย่างหนัก") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ ไฟนรกนั้นจะพุ่งซัดเข้ามาจากกำแพงนรกรอบด้าน และใจกลางนรกก็จะมีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟ เมื่อสัตว์นรกหนีไฟที่พุ่งมาโดยปีนขึ้นไปบนเขาก็จะถูกย่างสด และเมื่อร่วงลงมาก็จะถูกอาวุธร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นเสียบตัวตั้งไว้ย่างไฟอีกเหมือนนรกขุมที่แล้ว สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาครึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้

    8. อเวจีมหานรก ("นรกอันมิขาดสาย") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกขุมนี้มีกำแพงหกด้านอยู่ขุมเดียว โดยสัตว์นรกจะเคลื่อนไหวร่างกายมิได้เลยเพราะถูกอาวุธร้อนตรึงไว้กับพื้นหมดในท่ายืนกางแขนและขา โดยมีไฟลุกท่วมย่างสัตว์นั้น นอกจากนี่ยังมีเตาเผาใหญ่ นายนิรยบาลจะจับสัตว์โยนลงไปย่างในเตานั้นด้วย สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาหนึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้
     
  7. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กระผมขอเล่าประสพการณ์ สมาธิ เรื่องเส้นทางสู่ประตูนรกภูมิ

    เมื่อประมาณ5ปีที่แล้ว กระผมเคยนั่งภาวนาเจริญสมาธิ ในวันนั้นจำได้ว่า ก่อนนั่งสมาธิก็มีความสงสัยว่า เมืองนรกนั้นมีจริงหรือเปล่า แล้วเมืองนรกที่ว่านั้นไปยังไง อยู่ตรงไหน ในตอนนั้นก็แค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือวิตกอะไร

    หลังจากนั้นเมื่อกระผมสวดมนต์เสร็จแล้วก็เจริญสมาธิต่อ หลังจากภาวนาทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกจนตัดวิตกวิจาร ปิติดับลงแล้ว เวทนาทางกายก็ดับไปแล้ว
    คงเหลือเพียงสุขและสติจิตที่รวมเป็นหนึ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งกระผมมีความรู้สึกว่า จิตของกระผมเองเคลื่อนออกจากร่างของกระผมออกมา ตอนนั้นมีสติรู้แต่ก็ไม่ได้ควบคุมจิตหรือบังคับจิตตนเอง รู้แค่ว่า กายละเอียดดวงนี้ ใส่ชุดขาว สะอาดตา เหมือนชุดขาวที่ใส่นั่งสมาธินี่เอง ตอนนั้นรู้ต่ออีกว่า
    ในขณะนั้น กายละเอียดดวงนี้กำลังก้าวเดินไปในที่มืดสนิท เห็นแค่แสงสว่างหริบหรี่อยู่ไกลมาก แต่ก็กำลังก้าวเดินไปยังแสงสว่างจุดนั้น ซึ่งค่อยๆใกล้เข้าไปและสว่างขึ้น
    แค่ช่วงเวลาไม่นานนัก กระผมก็ก้าวเดินด้วยท้าวเปล่าไปสู่แสงสว่างที่ว่า เห็นเป็นตะเกียงน้ำมันโบราณ ส่องสว่างแขวนอยู่ใต้ต้นไม้ชายป่า ตามทางแขวนส่องสว่างเป็นช่วงๆ ทางเดินมีขนาดแค่คนเดินได้ไม่ใหญ่หรือกว้างนัก ด้านข้างเป็นป่ารกทึบพอสมควร ผมเดินไปตามทางที่มีแสงสว่างจากตะเกียงที่แขวนไว้ข้างทางเป็นช่วงๆ ระหว่างทางเดินไปนั้น กระผมไม่พบใครที่เดินอยู่ข้างหน้า หรือเดินตามหลังมา หรือเดินสวนผมมา คือไม่มีใครเลย
    เมื่อเดินผ่านความมืดที่มีแสงสว่างแค่จากตะะเกียงส่องข้างทางเท่านั้น ไม่นานกระผมก็เดินทะลุออกมาจากชายป่า สู่ดินแดนแห่งใหม่ มีแสงสว่างคล้ายเหมือนแสงสว่างจากดวงจันทร์คือไม่สว่างเหมือนกลางวันด้วยแสงอาทิตย์ แต่เหมือนคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบนั้น เมื่อเดินตามทางเหมือนกำลังจะเข้าไปสู่เมืองโบราณเมืองหนึ่ง กระผมเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มองเห็นกำแพงปราการสูงมากสีขาวอมเทา เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว มองไปที่พื้นทางเดิน ปรากฏว่า พื้นด้านล่างสองข้างทาง เป็นเหวลึกลงไป สิ่งที่เห็นคือด้านล่างเป็นเมืองนรกนี่เอง เพราะเห็นว่ามีมนุษย์สัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ที่เหวด้านล่างกำลังถูกทรมานด้วยนานาวิธี มีไฟแผดเผาอยู่ด้านล่าง อย่างเห็นได้ชัด
    หลังจากนั้นกระผมก็ก้าวเดินไปบนทางเดินที่แคบๆกว้างประมาณสองเมตร จนถึงประตูกำแพงปราการสูงใหญ่ เบื้องหน้าที่มองเห็นคือ มีชายสองคนผิวดำแดงหน้าตาดุตัวใหญ่ 2คนยืนขวางอยู่ตรงประตูพร้อมด้วยอาวุธคือหอกประจำกาย เสื้อไม่ใส่นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าสีแดงและมีผ้าโพกหัวสีแดงเท่านั้น
    เมื่อกระผมก้าวเดินมาถึงประตู นายทหารสองนายก็เข้ามาประจันหน้า และกล่าวกับผมว่า ท่านเป็นใคร ท่านกำลังจะไปไหน ที่นี่เป็นเขตประตูเข้าเมืองนรก เป็นอานาบริเวณของยมโลก มีท่านพระยายมราชเป็นผู้ดูแลอยู่ที่นี่
    กระผมได้ยินอย่างนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่า นี่กระผมกำลังเดินทางมาสู่ประตูเมืองนรก หรือดินแดนที่เรียกว่านรกภูมิ แล้วหรือ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
    กระผมจึงได้กล่าวไปว่า กระผมใคร่สนใจและอยากรู้ว่า นรกมีจริงหรือไม่ และหากมีจริงจะขอเข้าไปได้หรือไม่ เพราะอยากไปดูด้วยตนเองว่าจริงเท็จอย่างไร
    จากนั้นทันใดนั้น ก็ปรากฏมีชายผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ลักษณะหน้าตาดุมากผิวดำเข้ม มีไว้หนวดยาว นุ้งผ้าโจงกระเบนสีแดง มีกำไลข้อเท้าและแขนมีอาวุธเป็นหอกปลายสามง่าม เดินเข้ามา และกล่าวกับกระผมว่า หยุดก่อน ข้าเข้าใจในเจตนาของท่านดี แต่ทว่า ท่านไม่สามารถเข้าไปภายในเขตนรกภูมิ แห่งนี้ได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของท่าน ประกอบกับท่านมาเพียงผู้เดียวไม่มีผู้นำทาง จะเป็นอันตรายแก่ท่าน เราจึงไม่สามารถอนุญาตุให้ท่านผ่านประตูเข้าไปสู่เมืองนรกได้
    เมื่อกระผมได้ยินอย่างนี้ก็เข้าใจและรู้ว่า เราไม่ควรเข้าไป เมื่อได้สติจึงขอลาท่านยมทูตผู้นั้นกลับ จึงหันหลังกลับ ก้าวขาได้สามก้าวก็ได้สติจิตกลับสู่ร่างกายเป็นปกติ จึงออกจากสมาธิ ขณะนั้น ขาของกระผมไม่มีความรู้สึกปวดชาอยู่นานก็ใช้มือบีบนวดอยู่สักพัก ก็ปวดแสบปวดร้อนมากและก็หายเป็นปกติ เมื่อดูเวลาเพื่อจะเข้านอน เพราะจำได้ว่า กระผมนั่งสมาธิไปตอน สามทุ่ม ปรากฏตอนนั้นเวลาตี4ใกล้สว่างแล้วครับ จึงพิจารณาดูก็รู้ว่า นี่เราหลุดจากสมาธิไปถึงประตูเมืองนรก แต่ก็เข้าไปไม่ได้ แต่ก็เชื่อมั่นว่า นรกมีจริง ดินแดนแห่งนี้อยู่ไม่ไกลมากจากเมืองมนุษย์ของเรา และจำได้ว่า เบื้องล่างที่เป็นเหวลึกลงไป นั้นช่างน่ากลัว เต็มไฟแผดเผา ทีทีมีการทรมานสรรพสัตว์นั่นเอง น่ากลัวเป็นที่สุดครับ

    ด้วยเหตุนี้ กระผมจึงคิดว่า เราไม่ควรทำบาบ เราต้องกลัวการทำบาบ และเกรงกลัวต่อผลของการทำบาบให้มาก เพราะไม่เช่นนั้น เราคงต้องตกไปอยู่ในนรกเหมือนที่เราได้ไปพบเห็นมา ถ้าหากไม่อยากไปอยู่ที่แห่งนั้น ก็ต้องไม่ทำบาบ ต้องกลัวบาบ กลัวผลของบาบ ต้องหมั่นทำแต่ความดีสืบไปครับ

    ครั้งนี้จึงขอนำประสพการณ์ในการนั่งสมาธิมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติครับ ว่านรกมีจริงและขอให้เราจงไม่ประมาท จงเกรงกลัวต่อการทำบาบและผลของการกระทำบาบให้มากๆนะครับ สาธุ
     
  8. ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง และอนุโมทนาในจิตที่เมตตาสูงของคุณ tjs ที่มีจิตเป็นกุศลยิ่ง มีคำถาม
    1,ปีที่แล้วแท้งลูกไปด้วยความบังเอิญ อายุครรภ์สองเดือน หัวใจเขาหยุดเต้นเอง เคยได้สอบถามท่านที่คิดว่าเป็นผู้รู้ เขาบอกว่าวิญญาณยังไม่ไปไหน ยังวนเวียนกับเราในบ้าน เราก็ทำบุญอิทิศเจาะจงไปให้แล้ว กรรมใดส่งผลให้ณิชต้องมาเจ็บตัวแท้งลูกแล้วขูดมดลูกทรมานพอสมควร แล้ววิญญาณเด็ก คิดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย เขาไปแล้วหรือยังคะ ถ้ายังไม่ไป จะต้องทำยังไงให้เขาไปในภพภูมิที่ดี
    2, ปกติตัวเองพี่น้องพ่อแม่ที่ใกล้ชิด ก็มาทางธรรมะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม น้องสะใภ้ก็มีจิตสัมผัสสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ วันหนึ่งในความฝันของน้องสะใภ้ เห็นท่านเวสสุวรรณมาบอก จำคำพูดที่น้องเล่าไม่ได้ แต่ใจความคือ ท่านมาบอกว่า ต่อให้ไม่ได้แล้ว เพราะต่อมาแล้ว อีกสามปี(ที่พ่อต้องไป) ตรงนี้คุณ tjs จะแนะนำอย่างไรได้บ้างคะ
    3, ตรงนี้เป็นคำถามคาใจมานานแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะถามใคร ในห้องพระที่บ้านณิช ชอบมีเสียงดัง จุ๊กจิ๊ก ตุ๊กติ๊ก เสียงแบบเบาๆ ตรงนี้คิดไปเองไหมคะ คุณtjsเห็นไหมคะว่าเป็นอะไร แล้วบ่อยที่จะเห็นแสงแว๊บๆ วับๆ จับบริเวณองค์พระ องค์นี้บ้าง องค์นั้นบ้าง เห็นตาเปล่า แต่เห็นแบบเร็วๆค่ะ ไม่รู้ตาเราไม่ดีหรือเปล่าคะ
    4, สองเดือนที่แล้วนอนหลับอยู่ อยู่ๆจิตมันตื่น แต่ตาเราหลับนะคะ แล้วก็เห็นหลวงปู่ทวดใบหน้าท่านชัดมากๆ เห็นใบหน้าจากชัดน้อย ชัดกลาง และชัดมาก ตอนเช้าตื่นมาก็ยังจำเหุตการณ์ได้ดีว่าในจิตมันเห็นแต่ไม่มีความง่วงในจิตตอนที่เห็น แต่ว่าหลับอยู่นะคะ ไม่รู้ว่าหลวงปู่ทวดท่านต้องการสื่ออะไร หรือเราคิดมากไปเองหรือเปล่าคะ
    5, สุดท้ายทำกรรมอะไรมา จึงมีความรู้สึกไม่มั่นคงทางหน้าที่การงาน ตอนนี้ทำงานส่วนตัวก็ยังรู้สึกว่างานที่ทำไม่มั่นคงยังฉาบฉวย ตอนเป็นพนักงานประจำก็มีเหตุให้เปลี่ยนงานบ่อย

    ไม่รู้จะเป็นคำถามที่ไร้สาระหรือเปล่า แต่มันเป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจ บางเรื่องก็กังวล ทุกข์ใจค่ะ หากคุณ tjsจะสงเคราะห์ชี้แจงให้ได้ทราบ จะเป็นพระคุณและอนุโทนาบุญด้วยใจค่ะ ตัั้งแต่มีครอบครัวไม่ได้ทำภาวนาจริงจัง เมื่อก่อนสิบปีมาแล้วเคยทำภาวนาเยอะในแต่ละวัน ตั้งแต่มีครอบครัว เรื่องเยอะ ทำให้จิตตกไม่มีพลัง ไม่มีกำลังใจเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  9. mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ตอนแรกว่าจะถามแต่ไม่รู้จะถามอะไร ยกคิว ให้น้อง poopae191 ด้านล่างเลยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  10. poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ต่อคิวด้วยคนคะ


    อันดับแรก หนูขออนุโมทนาบุญทั้งหมดของพี่ด้วยนะคะสาธุ

    ก็เคยปรึกษาหลายเรื่องและให้คำแนะนำที่ดีมาก และละเอียดจนไม่มีข้อสงสัยใดๆ

    ซึ่งตัวหนูเองนั้นเคยเจอท่านพยายมครั้งหนึ่งตอนรถคว่ำ และครั้งที่สองนอนฝันเห็นเป็นผู้ชายนุ่งโจงกระเบนแดงตัวดำร่างใหญ่ พาวิญญาณหัวโลนเดินเป็นแถว คิดว่าน่าจะไปนรก ซึ่งหลายๆอย่างทำให้หนูเชื่อว่ามีจริงและเรามีชีวิตที่เหลือต้องทำความดีแล้วนะ


    พี่tjs ค๊า คำถามหนูอาจจะไร้สาระนะคะ แต่หนูคิดว่ามันคงไม่บังเอิญแน่ๆๆๆ

    หนูเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่คะ ทำไมหนูถึงถามแบบนี้

    หนูขอเล่าเลยนะคะ คือ แต่เด็กมานั้น ป่วยไข้บ่อยๆ เป็นเด็กเลี้ยงยากคลอด 7เดือน อยู่ในตู้อบเกือบเดือนเพราะตัวเล็กมาก เริ่มโตมามีแต่ไม่สบายบ่อยๆๆ ยิ่งโตขึ้น ก็เรื่มป่วย บางครั้งป่วยก็เพิ่งหมอไม่ได้ก็ไปเพิ่งพระก็หาย โตมาอยากทำงานที่อยากทำก็ไม่ได้ทำ ก็ต้องมาทำอาชืพที่ช่วยเหลือคน เป็น พยาบาล อยู่แต่ละที่ไม่ทน ต้องป่วยต้องไข้ ขาหัก ลมพิษ ต้องลาออกพักรักษาตัว สุดท้ายไปๆมาๆ ได้มาอยู่โรงพยาบาลสงฆ์ เรื่องป่วยไข้เด๋วนี้ไม่มี แต่สิ่งที่เจอทุกวันนี้ คือ ไตรลักษณ์ ท่านมาแล้วก็ไป ไปในที่นี้คือมรณภาพ หลายองค์ คือจริงอยู่ที่ทำให้เห็นเกิดแก่เจ็บตาย แต่บางทีก็อยากช่วยให้ท่านหายดีแล้วกลับวัด ซึ่งก็บอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรมมันก็จริง แต่เราก็อยากช่วยนะคะ จนบางทีจนเราคิดอยากมีอภิญญา รักษาโรคด้วยซ้ำ ก่อนจะคิดแบบนี้ มีหลวงปู่องค์หนึ่งท่านจุกท้อง ฉันยาไม่ดีขึ้น หลวงปู่ให้หนูกดท้องดู ปรากฎว่าท่านหายหลังจากนั้น หนูก็งง หลวงปู่ท่าน ก็เมตตากับหนูมากเลย ทีนี้ หนูเห็นพระมีไข้หนูก็อยากเช็ดตัวให้ไข้ลดลงเลย มันมีความคิดขึ้นมาเองถ้าเรามีอภิญญา เราน่าจะลดไข้ได้ นอกจากเรื่องนี้ก็มีหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับกสิน ทีนี้ปัจจุบันนี้ หนูเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับกสิณ อภิญญา แต่ก็ยังจับกสิณไหนไม่ได้เลย เหตุผลทำไมถึงต้องฝึกกสิณก็เพราะเอาไปใช้ช่วยเหลือคน อันนี้เป็นความคิดของหนูนะคะ อาจมีคนว่าไร้สาระ แต่หนูก็อยากฝึกให้ได้คะ
    ดังนั้นคำถามของหนู
    1.หนูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงเหรอคะ แล้วหนูเคยฝึกมาก่อนหรือไม่คะ ถ้าหากว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ขอถามข้อสองนะคะ
    2.แล้วทำยังไงถึงจะสำเร็จคะ กสินที่ควรฝึกและเหมาะกับหนูมาก
    3.แล้วต้องใช้ระยะเวลานานหรือไม่คะ
    4.จะมีโอกาสได้พบเจอครูบาอาจารย์ไหมคะ

    อันนี้นอกเรื่องนะคะ ช่วงนี้ หนู ได้เพชรพญานาค หินนาคา เหล็กไหล ลูกแก้วมา ภายในเวลาใกล้กัน สิ่งเหล่านี้ช่วยเหลือหนูได้ไหมคะ และสุขท้ายหลวงปู่ศุข


    ขอบพระคุณมากๆคะ
     
  11. diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ตามพี่น้องมา...ขอน้อมจิตอนุโมทนาสาธุการในทุกๆ บุญกุศลด้วยค่ะ
     
  12. aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    น่าสนใจมากครับ ขอโมทนาบุญในธรรมทานของท่านด้วย ขอให้ท่าน tjs ช่วยแก้ไขคำผิดในความคิดเห็นที่ 49 เป็น ท้าวมหาพรหม ด้วยนะครับ
     
  13. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =========

    แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  14. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ควรหมั่นภาวนาให้มากเพราะมีบุญกุศลมาก การภาวนาจะผ่านเรื่องร้ายๆทุกอย่างไปได้ไม่ช้าก็เร็วครับ มีเวลาก็ให้ไปให้ทานชีวิตสัตว์บ้าง ปล่อยปลาปล่อยนก แล้วชีวิตจะดีขึ้นมากครับ หรือทำบุญโลงศพ ก็อานิสงค์แรงเช่นกันครับ สาธุ
     
  15. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ตอบให้ตามตัวสีน้ำเงินนะครับ สาธุ
     
  16. ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ณิชแปลกใจมาก ในคำตอบข้อ1 ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ณิชฝันถึงเด็กผู้ชายเก้าจุกนุ่งโจงกระเบนแล้วเนื้อตัวเป็นประกายเลื่อมเพชรค่ะ ในฝันนั้นเห็นหลวงพี่เล็กท่านนั่งอยู่สูงขึ้นไปค่ะอยู่ด้านหน้า ณิชนั่งหลังสุด มีเด็กที่ว่าอยู่หน้าณิช แต่ในฝันไม่ได้เห็นคนเด็กคนเดียวเห็นเด็กอีกคนเกล้าจุกเนื้อตัวเป็นประกายเลื่อมเพชรด้วยเช่นกัน เห็นสองคนค่ะ (เคยทำสังฆทานเจาะจงให้ลูกที่แท้ง โดยหลวงพี่เล็กท่านเมตตารับสังฆทานค่ะ) แล้วก็มีทำบุญหลายอย่างส่งไปให้ลูกที่แท้งน่ะค่ะ ข้อสองนั้นจริงค่ะ พ่อเป็นโรคหลายอย่างจริงค่ะ แล้วจริงๆแล้วท่านควรจะไปนานแล้วแต่อยู่ได้ด้วยบุญค่ะทุกวันนี้ ณิชไม่มีวันเดือนปีเกิดจริงของพ่อค่ะ เพราะย่าตอนทำสูติบัตรให้พ่อนั้นใช้วันเดือนปีเกิดที่จำไม่ได้ ค่ะ ถ้าจะส่งรูปถ่ายไปจะได้ไหมคะ เรื่องพระพุทธรูปมีพระทองเหลืองอยู่สององค์จริงค่ะ ทรงก็คล้ายพระพระพุธชินราชแต่ไม่ใช่ค่ะ อีกองค์ก็คล้ายปางมารวิชัยค่ะ เรื่องหลวงปู่ทวดนั้นจริงค่ะ ณิชมีองค์ท่านและรูปท่านไว้บูชาด้วยค่ะ เสด็จพ่อ ร5มีบูชาอยู่ค่ะ แต่แทบจะไม่ได้นึกถึงท่านเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ไขข้อสงสัย ทำให้แน่ใจหลายอย่างที่สงสัยมานานค่ะ อนุโทนาบุญในจิตอันเป็นกุศลของคุณ tjs ค่ะ
     
  17. ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ขอเพิ่มเติมค่ะ เด็กที่ณิชฝันเห็นนั้นเนื้อตัวเป็นประกายเลื่อมเพชร แต่เนื้อตัวไม่ใช่เป็นสีขาวแบบเพชรนะคะ เนื้อตัวเป็นสีเหลืองทองค่ะ แปลกมากพึ่งฝันน่าจะอาทิตย์ที่แล้วค่ะ แต่เห็นสองตน แต่ที่เห็นชัดๆเห็นชัดตนเดียวค่ะ ทำไมช่างมาตรงกับคุณtjsเห็นเลยค่ะ ณิชมั่นใจค่ะว่า เขาคงไม่ไปไหนจริงๆ คงวนเวียนอยู่ในบ้าน กับพ่อแม่และพี่ชายเขา ทำบุญจะนึกถึงเขาให้บ่อยๆค่ะ ณิชเตรียมจะปล่อยมีลูกอีกคนเพราะคนโตเขาค่อนข้างเอาแต่ใจ ให้มีน้องจะได้รู้จักเสียสละ และเป็นเพื่อนกัน แต่กลัวเหลือเกินค่ะ กลัวจะแท้งอีก ถ้าคุณ tjs เห็นอนาคตของณิช ขอความเมตตาชี้แนะบอกด้วยนะคะ
     
  18. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ===========

    ขออนุโมทนาครับ ด้วยเหตุที่คุณได้ทำบุญกับพระอริยะ[หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน] ซึ่งมีอนิสงค์มากครับ บุตรของคุณจึงมีรัศมีสว่างประกายเพชร งดงามครับ ก็ยินดีด้วยครับ ที่คุณมีจิตใจเมตตาต่อเขาทำให้เขาได้มีบุญฤทธิ์สูงยิ่งๆขึ้นไปครับ ส่วนอีกองค์ที่เห็นเพิ่มมานั้นกระผมก็ไม่ทราบครับ ว่ามาเธอเป็นใครมาจากไหนแต่ก็น่าจะเป็นสหายกับบุตรของคุณแน่นอนครับ
    ยังไงก็ขออนุโมทนาครับ สาธุ
     
  19. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ========

    เรื่องคุณพ่อถ้าไม่ทราบ วันเกิด ทราบอายุท่านหรือไม่ครับ ขอแค่อายุก็ได้ครับ
     
  20. Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    มีเรื่องแบบนี้จะมาแชร์เหมือนกันครับ แต่มันก็เป็นแค่ความฝันนะ
    เอาเป็นว่าเรื่องมันเกิดขึ้นสมัยผมอายุ 19 ปี ผ่านมา 13 ปีแระ
    ช่วงนั้นเป็นช่วงชีิวิตที่แย่มากๆของผมเลยทีเดียว ผมเพิ่ง จบ.ปวส. จากต่างจังหวัดเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
    หางานเท่าไหร่ก็ไม่ได้ซะที เงินก็ไม่มีใช้ ช่วงนั้นเวลานอนมักจะฝันแปลกๆ
    เช่น
    ครั้งแรก ฝันว่ามีคน มาเตือนบอกว่าให้ระมัดระวังคำพูดหน่อย เพราะ วาจาคุณพลังแรงมาก และผมก็เห็นกระดาษที่เขาถือมันเป็นรูป กราฟพลังเลย ที่เห็นชัดๆคือ กราฟจิตวิญญาณสูงมาก ก็เลยถามว่า อันนี้สูงเหมือนกันนะ เขาก็บอกว่า อันนี้น่ะดีแล้ว

    ครั้งที่ 2 ก็ฝันว่ามีคนมาบอกว่า อดทนหน่อยนะ แล้วมันจะดีขึ้นเอง

    ครั้งที่ 3 เนี่ยฝันถึงท่านพญายมครับ ยังจำมาถึงวันนี้เลย
    คืนนั้นฝันว่า ท่านพญายมจะมาเอาชีวิต (ในฝันเห็นท่านแล้วรู้เลยว่าเป็นท่าน) ท่านพญายมของผมแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ท่านแต่งตัวสุภาพเหมือนคนทั่วไป ใส่ชุดสีดำทั้งชุดครับ ท่านบอกว่าจะมาเอาชีวิตผม ในฝันนั้นผมกลัวมาก แต่มีความคิดหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวผม (ตอนนั้นผมศึกษา และคิดจะเดินแนวทางโพธิ์สัตว์) เป็นคำว่า "แม้นเชือดเนื้อเถื่อหนังข้า...ข้าก็จะให้" ผมก็เลยบอกท่านไปว่า "เอาไปได้เลยครับ" แต่สิ่งที่ท่านตอบกลับมา ท่านตอบว่า "ตอนนี้เราเอาไปยังไม่ได้ เราเอาไปได้แค่ขี้หูเท่านั้น" (ที่ขีดเส้นใต้นี้ไม่ทราบสาเหตุ แต่เพราะมันเป็นเพราะความฝันล่ะมั๊ง) หลังจากนั้นไม่นาน ผมโดนคนที่ผมไม่รู้จักเข้ามากระทืบผมในห้องและหวิดว่าจะโดนเขาฆ่าด้วย ที่ผมรอดมาได้อาจเพราะท่านพญายมท่านยกเว้นผมไว้ ชีวิตผมเป็นหนีี้ท่านน่ะครับ
    ต่อมาผมก็กลับไปหางานที่บ้านทำ และ กลับมาทำงานที่ กรุงเทพใหม่ ชีวิตแตกต่างจากเดิมมาก ยิ่งหลังจากบวชวัดป่าแล้ว ชีวิตผมดีขึ้นเรื่อยๆมาตามลำดับ ชีวิตดีกว่าสมัยนั้นมากๆเลย

    ปล.สมัยบวชวัดป่ามีอะไรน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นเยอะเหมือนกันครับ

    นี่คือประสบการณ์ที่ผมอยากจะเล่านะครับ ... ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้