เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเกิดอย่างไรเป็นเรื่องของมัน โดย หลวงพี่เล็ก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Phanudet, 11 มิถุนายน 2013.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถาม : เรานั่งสมาธิแล้วก็เห็นแสงสว่างวาบขึ้นมา แต่ว่าไม่มีปีติเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย อันนี้เป็นไปได้ไหมครับ ?

    ตอบ : เป็นไปได้เป็นปกติ เพราะว่า เป็นอุปจารสมาธิขั้นต้น ยังไม่ถึงความเป็นปีติ หรือไม่ก็สมาธิก้าวล่วงตัวปีติไปแล้ว เกิดโอภาสที่เป็นอุปกิเลสขึ้นมา อันนั้นก็จะไม่เกิดอาการปีติเพราะว่าก้าวพ้นไปแล้ว

    แต่ว่าไม่ว่าจะเกิดขึ้นในกรณีแรกหรือในกรณีที่สองก็ตาม อย่าเอาใจไปปักอยู่ตรงนั้น เวลานั่งสมาธิใหม่ให้เราวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเกิดอย่างไรเป็นเรื่องของมัน ไม่อย่างนั้นถ้าเราภาวนาแล้วอยากเห็นแสงสว่างอีก กำลังใจจะฟุ้งซ่าน แล้วภาวนาเท่าไรใจก็จะไม่ทรงตัว

    ถาม : เวลาที่เราตั้งใจภาวนาแล้วเราเห็นแสงขึ้นมาเป็นดวงเดียว แต่เวลาที่เราไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติ เป็นช่วงที่เรากำลังนั่งเก้าอี้ ก็ปรากฏเป็นแสงสว่างขึ้นมาแต่เป็นหลายดวง อันนี้เกิดจากอะไรครับ ?

    ตอบ : เป็นอำนาจของสมาธิเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนที่เรานั่งภาวนาอยู่นั้น ด้วยความที่เราตั้งใจภาวนามากเกิน ก็เหมือนกับยื่นคอเลยช่อง มองไม่เห็นอะไร ตั้งใจน้อยเกินก็ก้มต่ำเลยช่อง มองไม่เห็นอะไร กว่าเราจะปรับกำลังใจให้พอดี ให้เห็นแสงเห็นสีได้ก็นาน

    แต่ว่าตอนช่วงที่เรานั่งลงนั้น เนื่องจากว่าจากที่ยืนแล้วมานั่ง กำลังใจคลายตัวจากความลำบากมาเป็นความสบาย อาจจะลงมาอยู่ในช่วงที่สมาธิสามารถมองเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นได้พอดี และเป็นการเห็นที่ชัดเจนกว่า เพราะว่ากำลังใจขยับมาลงร่องเอง การรู้เห็นอาจจะกว้างมากกว่าจึงเห็นอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น

    ถาม : การที่เห็นแสงดวงเดียวกับการที่เห็นแสงหลายดวง หมายความว่าการที่เห็นแสงหลายดวงนี้มีความลึกของสมาธิมากกว่าหรือครับ ?

    ตอบ : ไม่ใช่...การที่เราเห็นแสงหลายดวงหรือดวงเดียว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความลึกความกว้างของสมาธิ สมาธิของเรายังคงเท่าเดิมอยู่ในระดับนั้นถึงเห็นได้ เพียงแต่ว่าในสภาพของจิตตอนนั้นความสบายต่างกัน ที่เมื่อครู่ได้กล่าวไว้ว่าความเบาสบายต่างกัน เพราะว่ากำลังจะได้นั่ง กำลังใจสบายแล้ว ขณะที่อีกอันหนึ่งเรานั่งเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้น..ก็เหมือนอยู่ในลักษณะที่ว่า กำลังของเราที่มุ่งตรงไปด้วยความเร็วและแรง จะทำให้เราชัดเจนต่อเป้าหมายเดียวข้างหน้า แต่ถ้าหากว่าเราไปช้าๆ เราก็จะเห็นสิ่งรอบข้างไปด้วย การเห็นก็เลยเห็นได้มากกว่า


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕

    http://palungjit.org/threads/เรามีหน้าที่ภาวนา-ส่วนผลจะเกิดอย่างไรเป็นเรื่องของมัน.344967/
     

แชร์หน้านี้

Loading...