อืม...อืม... ประมาณแผ่นดินไหวแล้ว เขื่อนแตก
ไปว่าเขา ตัวเราเองก็ยัง นอนดูไข่ขาวกะไข่แดง ยังแยกกันไม่ออก เลย
แต่รู้สึกว่าเรายังโชคดีนะ ที่ยังรู้ตัว รู้จักความคิด รู้จักสติ รู้จักหลง รู้จักเผลอ มีรู้สึกตัวบ้าง
ก็ งมๆ ทำของเราไป ดูคนอื่นก็ได้แค่บันเทิงธรรม ดูตัวเองถึงได้รู้ธรรม
เรียนรู้ความเป็นกลาง
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 2 มิถุนายน 2009.
หน้า 6 ของ 6
-
ผมเห็นว่า คนที่กล่าวว่า ธรรมภูติ ไม่ว่าจะเป็น เอกวีร์ก็ดี ขวัญก็ดี จินนี่ก็ดี tboon ก็ดี ไม่ได้ทำตัวตรงข้ามกับธรรมภูติเลย
มิหนำซ้ำยังพูดจาสัพเพเหระ ไม่เกิดประโยชน์ ครั้นมีคนพูดจาดีกว่าตน ก็ต่อว่าเขา โดยอ้างพระสอน
ผมว่า คุณควรดูที่ธรรมมากกว่า เพ่งเล็งไปว่า เขาเอร็ดอร่อยกับคำพูดตัวเอง ธรรมภูติกล่าววาจามีเหตุผลหลายอย่าง
แต่ ท่านหละ เอกวีร์ก็ดี ขวัญก็ดี จินนี่ก็ดี tboon ก็ดี มีปัญญาที่จะโต้แย้งในสิ่งที่ธรรมภูติกล่าวได้ไหม ว่า มันไม่จริง พวกคุณไม่ได้ประพฤติตัวในแบบที่ธรรมภูติกล่าวเลย พวกคุณดีเลิศ พร้อมทุกอย่างแล้ว -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>..กลับตัวกลับใจ.., ขันธ์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
dannce_ -
เคยเห็นคนที่มีจริตชอบความแตกต่างไหม เช่น ไปเดินชอปปิ้งก็สาว เจอเสื้อสองตัว สาวจะถามว่า ซื้อตัวไหนดี ถ้าเราบอกเอาตัวนี้ซิสวยดี สาวเจ้าบอกว่า อืมสวยดีนะ แต่หยิบอีกตัว แล้วไปจ่ายตังค์
อืม.... มันเป็นเช่นนั้น ^-^ -
ถ้าไม่รู้ตัวว่า ไม่รู้สึกตัวว่า การโต้แย้ง หรือสนทนาธรรม แต่ละครั้งนั้น
เป็นการยึดมั่นแต่ในทาง ในความคิดตน แต่ถ่ายเดียว
ถึงแม้ความคิดเห็นนั้นจะถูก... แต่มันก็ผิด อยู่ดี -
หมดไปเท่าไร อิอิอิ -
จะทำอะไร จะเชื่ออะไร แต่ละท่านก็มีความคิด มีวิจารณ์ญาณ มาตัดสิน มีประสบการณ์มารองรับ
แต่ตรงไหน...... ตรงกลาง... ก็หาตรงกลางของแต่ละคนให้พอดีแล้วกัน ให้พออยู่ร่วมกันได้ เบียดเบียนคนอื่นน้อย ๆ เบียดเบียนตัวเองน้อย ๆ ^-^ -
ผู้ใดที่ตัดสินคนอื่น เพียงเพราะ เห็นว่า ไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎก
เราแปลความว่า ผู้นั้น ทรนงตน สูงมากกกกกกกกก
เพราะอะไร.... เราจึงกล่าวเช่นนั้น
คนที่กล่าวแบบนั้น หมายความว่า เขาผู้นั้น รู้ถ้วน รู้แจ้ง ในพระพระไตรปิฎก
มีความรู้แจ้ง เท่าเทียมพระพุทธองค์ ใน 84000 พระธรรมขันธ์
ถึงกล้าที่จะตัดสินว่า สิ่งใด ถูก สิ่งใดไม่ถูก
ถึงกล้าที่จะตัดสินว่า สิ่งใดตรงพระพุทธพจน์ สิ่งใดไม่ตรงพระพุทธพจน์
ความเห็นของเรานะ แม้แต่คนที่อ้างพระพุทธพจน์ เราก็ยังสงสัยว่า เขาเข้าใจ
ตรงตามสัจจธรรมจริงๆ
หรือ เขาเข้าใจตามความคิดของตนเอง โดยไม่รู้ทันความคิดของตนเอง
ถ้าใครคิดว่าเราปรามาสท่าน เราก็ขออภัย เพราะ เราพูดตามความคิดของเรา
ไม่ได้พูดเพราะ รู้ในความเป็นจริงของท่าน
เรายังมีนิวรณ์ อยู่เยอะ รู้ตัว แต่ยังไม่รู้สึกตัว -
เราเองก็ คิดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง
มันเป็นเช่นนั้นเอง
คิดถูก ทำถูก ถึงจะได้ชื่อว่า ถูก
คิดถูก แต่ไม่ทำ หรือ ทำไม่ถูก มันก็ยังไม่ถูก อยู่นั่นเอง
มันก็เป็นเช่นนี้เอง -
แต่บางคน คิดผิด แล้วไม่รู้ว่า ผิด
อันนี้ ขอบอกว่า เป็นเพราะ วิบากกรรม อย่างเดียวเลย
วันไหน รู้ว่า คิดผิด วันนั้น คือวันที่เริ่มหมดวิบากกรรม แล้ว
เหตุที่จะช่วยให้หมดวิบากกรรมเร็วขึ้น คือ ขยันทำเหตุดีดี เข้าไว้
เหตุอย่างหนึ่งที่เราคิดได้ คือ ขอขมาพระรัตนตรัย
ขอขมาครูบาอาจารย์ ขอขมาพ่อแม่ ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร
แล้ว สมาทานรักษาศีล ตั้งใจทำแต่ความดี คิดดี ตั้งใจลดละเลิกกิเลสตัณหา
แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอให้มีสัมมาทิฏฐิ ในชาตินี้
หรือตั้งจิตขอให้รู้แจ้งอริยสัจ4 ในชาตินี้
ก็จะนำพาตัวเรา ไปสู่หนทางเดินที่ถูก ได้ในอนาคต -
-
ในเมื่อ คนมีเหตุผล สามารถยกพระไตรปิฎก มาสนับสนุนความเห็นของตน
ซึ่ง พอมีเหตุผลจะน่ารับฟัง แล้ว ฝ่ายตรงกันข้าม ไปตำหนิคนที่ ยกพระไตรปิฎกมา
ทั้งๆที่ตนเองไม่มีหลักให้ยึด นั่นแหละครับ เป็นมานะที่น่ารังเกียจเกินไป
อันที่จริงคนมีสติปัญญา ก็ควรจะโต้แย้งมิจฉาทิฎฐิได้ ด้วยเหตุผล หรือ สามารถยกหลักฐานมาอ้างอิงได้ ไม่ใช่ไปตำหนิคนยกหลักฐานมาได้ -
ขอน้อมรับไว้
พระพุทธพจน์ ถ้ายกมาเพื่อบอกว่า ตนเข้าใจตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎก
ก็ถูกเฉพาะในตน เพราะตนรู้ ตนเข้าใจ ตนอ่านพระไตรฯ แล้วตนก็เข้าใจ
เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านเข้าใจแล้วนำมาสั่งสอน
แต่อะไรที่เรายังไม่รู้ ว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะ เราไม่รู้ถ้วนในสิ่งนั้น
แล้วบอกว่า ไม่ตรงกับคำสอนใน 84000 พระธรรมขันธ์ แล้วสรุปว่าไม่ใช่
แปลว่าคนพูดนั้นเข้าใจถ้วนและรู้แจ้งใน 84000 พระธรรมขันธ์ ถูกหรือไม่
แปลว่า คนพูดนั้น ตั้งตนเอง เป็นพระสัพพัญญู รู้แจ้งเท่าพระพุทธเจ้า
ที่เราอยากบอก คือขอให้มองลงที่ตนเองว่า ความรู้ในพระไตรปิฎก
นั้น ลึกซึ้ง และแยกย่อย แจกแจง ทุกเรื่อง สำหรับ คน ทุกจริต
ถ้าใคร เข้าใจ รู้แจ้งหมด ก็เข้าข่าย พระสัพพัญญู แต่ใครที่เข้าใจ
เพียงที่ตรงกับจริตตน แล้วกล้าตัดสิน คนจริตอื่นๆ ว่าไม่ใช่ ไม่ตรงกับ
กับคำสอนในพระไตรปิฎก นั้นต่างหาก ที่เราเกรงว่า จะหลงยึดมั่นอยู่
ในความคิดของตน แล้วสร้างกรรมกับคนอื่น ด้วยความไม่รู้ แต่คิดว่ารู้
ถ้าจะคิดว่า เราน่าเกลียด ที่แสดงความคิดนี้ออกมา เราก็ขอยอมรับ
เพราะ มันเป็น ความคิด ของเรา แล้วเราอยากให้คนอื่น รู้ความคิดของเรา
เราก็สร้างกรรมไปแล้ว จากความคิด อีกครั้งหนึ่ง
ก็หวังว่าท่านขันธ์ จะให้อภัยแก่ความคิดของเรา -
ขอบคุณท่านเอกวีร์ครับ ถ้ายังไม่วางยังไม่เปลี่ยนสภาวะ อาจจะมีปัญหาอย่างที่ท่านกล่าวจริง ๆ นั่นแหละครับ มันเป็นรอยต่อสำคัญ วิบากของงาน วิบากของสมมุติ วิบากกรรม กิเลสมันก็ไม่ยอมเราง่าย ๆ เหมือนกัน ผมพูดมากกว่านี้เดี๋ยวจะงงหนักกันไปใหญ่ เอาเป็นว่าขอบคุณในน้ำใจกัลยาณมิตร แต่ยังไง ๆ ผมคงไม่รอไปเกิดในยุคท่านแน่ ๆ ขอตัวนะ เหนื่อยครับ 555
จริง ๆ เรื่องนี้ ไม่เกินความคาดหมาย ผมทราบดีว่า เขาต้องการอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นหากผมตัดสินใจโพสตอบไป ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
จะไม่ตอบก็ได้ แต่เห็นว่า บางทีอาจมีคนอื่นที่ได้ผ่านเข้ามาอ่านและเกิดความสนใจอยากจะลองศึกษาอย่างจริงจังดู เลยตัดสินใจโพสลงไป ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อย่าคาดหวังเลยดีที่สุด สุดแล้วแต่ดุลยพินิจของผู้อ่่าน สนใจก็ลองเอาไปปฏิบัติไปศึกษาดู ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะเป็นการแนะนำเรื่องการฝึกสติอยู่แล้ว
พุทธองค์ทรงสอนว่า “....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะที่จะพึงละได้เพราะการเห็นมีอยู่ ที่จะพึงละได้เพราะการสังวรก็มี ที่จะพึงละได้เพราะการเว้นรอบก็มี ที่จะพึงละได้เพราะความอดกลั้นก็มี ที่จะพึงละได้เพราะการบรรเทาก็มี ที่จะพึงละได้เพราะการอบรมก็มี”
การที่ผมจะไม่ตอบคำถามในบางกรณี แม้จะโดนกล่าวหายั่วยุเพียงใดก็ตาม (อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจของเขาเอง) นั้น ก็เพื่อรักษาบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ไว้ โดยถือตามหลักนี้ของพระพุทธองค์เช่นกัน เป็นการฝึกตนไปในตัว ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็สั่งสอนมาเช่นนี้เหมือนกัน วางแล้วไม่ใช่วางแบบโ่ง่ ๆ วางแบบไม่มีปัญญา ให้รู้จักหลบหลีก (เรื่องราว กิเลส บุคคล) เอาด้วยสติด้วยปัญญา ครับผม
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี -
เข้าใจเปรียบเทียบนะเนี่ย..
คงได้เข้าไปอ่านหลักการของที่นั่นแล้วเนอะ เห็นมั้ยว่ามันจ๊าบขนาดไหน นั่นแหละครับ ถ้าคนเราถึอปฏิบัติให้ได้ดังนั้นจะมีแต่ความเจริญอย่างเดียวครับ
ถ้าท่านอื่น ๆ เช่น คุณขวัญ คุณจินนี่ ลุงวิษณุ ลุงเอกวีร์ และท่านอื่น ๆ สนใจ จริตตรงกันก็ลองแวะ ๆ ไปอ่านนะครับ ดีนะ..
-
ความรู้เห็นเย็นๆก็ผุดขึ้นมาได้ สตางค์ก็ไม่หนีหายไปไหน
ความเป็นอยู่ก็สบาย ความเป็นครอบครัวก็ไม่สูญหาย
เงินทองก็เพิ่มพูนอีกมากมายครับ
;aa24
หน้า 6 ของ 6