เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวผ่านสายตา ศ. แมนเฟรด คราเมส

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย tum399, 20 พฤษภาคม 2009.

  1. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    [​IMG]

    ในบรรดาสายตาแห่งความชื่นชมของชาวโลกที่มีต่อพระองค์สายตาคู่หนึ่งในจำนวนนับล้านนั้นเป็นของศาสตราจารย์แมนเฟรดคราเมส (Prof.Manfred Krames) ชาวเยอรมันผู้ซึ่งยกย่องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทยให้เป็นบรมครูผู้ยิ่งใหญ่

    [​IMG]

    ศาสตราจารย์แมนเฟรดคราเมสมีความสนใจในปรัชญาแบบตะวันออกและศาสนาพุทธตั้งแต่มีอายุได้ 15 ปี ทั้งที่ได้รับการศึกษาที่ดีและมีอาชีพการงานที่มั่นคงแต่เมื่อมีอายุได้ 19 ปีเขาก็ออกจากบ้านโดยละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อเข้าไปพำนักอยู่ในวัดเซนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา3 ปีทำให้ไม่เป็นที่พอใจของครอบครัวศซึ่งเป็นชาวคริสเตียนอนุรักษนิยมแลกะเกือบถึงขั้นถูกตัดขาดออกจากครอบครัวแต่เขาก็ยังคงศึกษาปรัชญาตะวันออกรวมถึงศาสนาพุทธอย่างจริงจังมาจนถึงปัจจุบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เมื่อได้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นร่วม 10 ปีเพื่อเรียนภาษาญี่ปุ่นและการบำบัดรักษาแบบจีนกรุงโตเกียวเขาได้กลายเป็นชาวต่างชาติคนแรกเพียงผู้เดียวที่เป็นสมาชิกของสมาคมเพื่อการวิจัยด้านอายุรเวชแห่งญี่ปุ่น (Japan Research Society for Ayurveda) หลังจากนั้นศาสตราจารย์แมนเฟรดได้เดินทางไปพำนักยังประเทศศรีลังกาเป็นเวลา 7 ปีและเปิดคลินิกเพื่อทำการรักษาบำบัดตามแนวทางของอายุรเวทกระทั่งได้เขียนหนังสือเรื่องความจริงเกี่ยวกับวิชาอายุรเวชซึ่งได้รับการเผยแพร่ความรู้ทางด้านนี้ไปอย่างกว้างขวางทำให้ได้รับการยกย่อเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยแห่งโคลอมโบ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในประเทศศรีลังกา หลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติสึนามิได้ไม่นานนักเขาก็อำลาประเทศศรีลังกามาด้วยความหวังว่าจะค้นพบประเทศที่มีสันติสุขและมีชาวพุทธที่เป็นมิตรมากกว่า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินทางมาพำนักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ประเทศไทย

    ที่แห่งนี้องที่ศาสตราจารย์แมนเฟรดได้รู้จักและเรียนรู้คำสอนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากพระมหากษัตริย์ผู้ทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างอันดีงามของพสกนิกรมาโดยตลอดกระทั่งเขาได้เขียนหนังสือชื่อเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว: มุมมองของชาวต่างชาติต่อในหลวงขึ้นมาซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี.. 2549 หลังจากที่เขียนหนังสือเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสด็จยุโรปครั้งที่ 2 ของพระพุทธเจ้าหลวงสปาการแพทย์ของเยอรมันและหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาชื่อ“Photo Meditation”

    [​IMG]

    สำหรับใครที่สบโอกาสได้อ่านเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว: มุมมองของชาวต่างชาติต่อในหลวงความรู้สึกที่ตามมาโดยแน่แท้ก็คือความชื่นชมและทึ่งในสิ่งที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งได้เรียนรู้จากสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเพียรสื่อสารกับพสกนิกรทุกหมู่เล่ามาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์โดยสิ่งที่ศาสตราจารย์แมนเฟรดได้น้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเขานั้นหาได้เป็นการยกย่องแต่เพียงเพราะพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของใครๆทว่าเขามีความเข้าใจอันถ่องแท้ไปถึงคุณค่าที่เปล่งประกายออกมาจากภายในของพระองค์ท่านอย่างที่คนไทยหลายคนอาจจะมิเคยพิจารณาในด้านนี้มาก่อนเลยในชีวิต<O:p</O:p

    ต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวของชายชาวเยอรมันคนหนึ่งซึ่งไม่ได้มองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่เขาเป็นฝรั่งหากแต่มองพระองค์ท่านในฐานะของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งวึ่งรักและเทิดทูนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวภูมิพลอดุลยเดชไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประชาชนชาวไทยคนใดในแผ่นดินนี้เลย
    <O:p</O:p

    ผมรู้สึกเศร้าใจเมื่อมีคนตั้งคำถามกับผมว่ารู้สึกอย่างไรเวลาที่ได้ยินคนไทยพูดว่าเรารักในหลวงอันหมายความถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชผมจะให้คำตอบเช่นนี้เพราะอะไรน่ะหรือลองคิดดูสิว่าถ้าหากท่านมีลูกที่ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านเลยไม่เคยเดินตามแนวทางทางที่ท่านวางไว้ไม่เคยต้องการที่จะเรียนรู้จากท่านสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเพียงแค่ก่อปัญหาแล้วก็เรียกร้องให้ท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออยู่เสมอในขณะเดียวกันก็พร่ำพูดว่าลูกรักพ่อถ้าท่านเป็นพ่อท่านจะรู้สึกอย่างไร<O:p</O:p<O:p</O:p

    ที่มา: จาก FW mail<O:p</O:p
     
  2. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    [​IMG]

    ผมจึงคิดว่าการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริและน้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้จึงมีความสำคัญมากเราจะเห็นว่าพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารต่างประเทศนับไม่ถ้วนและหลายต่อหลายครั้งที่พระองค์รวมถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถโปรดให้นักหนังสือพิมพ์และผู้สื่อข่าวของทั้งต่างประเทศและของไทยเข้าเฝ้าเพื่อสัมภาษณ์<O:p</O:p

    การบอกเล่าถึงพระราชประวัติของพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงเป็นเพียงการตอกย้ำสิ่งที่ทุกคนโดยเฉพาะคนไทยต่างรู้ดีอยู่แล้วสิ่งที่เราทั้งหลายควรให้ความสำคัญจึงเป็นสารที่พระองค์ทรงเพียรพยายามจะส่งต่อไปถึงชาวโลกและบทบาทในการสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติรวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอันงดงามของพระองค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อย่างไรก็ดี คำถามมีอยู่ว่าเราในฐานะปัจเจกบุคคลได้ทำอะไรบ้างที่เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้นโดยยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ การสรรเสริญและการแสดงความขอบคุณเป็นละเรื่องกันผมยังแปลกใจว่าในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระวิริยอุตสาหะที่จะทำให้พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีงามผมไม่ทราบว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจและรับรู้ข้อมูลข่าวสารจริงๆในสิ่งที่พระองค์ทรงสื่อสารให้ผู้คนได้รับทราบนั้นมากน้อยเพียงใดและจะมีสักกี่คนที่สามารถรวบรวมปัญญาและแนวทางที่พระองค์ทรงพระราชทานให้เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตจริง
    <O:p</O:p

    เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นแนวทางที่เกิดขึ้นจากการที่พระองค์ได้ทรงศึกษาจริงและการที่พระองค์ทรงกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นการมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกรในชาติของพระองค์หรือบุคคลต่างๆและแนวทางเพื่อทำให้พสกนิกรเกิดความเข้าใจนั้นพระองค์ทรงกระทำด้วยความอดทนและด้วยทรงเห็นอกเห็นใจในอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าหากพระองค์มิได้ทรงเป็นกษัตริย์ในช่วงพระชนม์ชีพนี้พระองค์จะต้องทรงเป็นบรมครูที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน

    [​IMG]

    ท่านทราบหรือไม่ว่าความปรารถนาสูงสุดของครูคืออะไร<O:p</O:p
    ผมตอบได้ว่าคือการที่เห็นศิษย์เป็นจำนวนมากเต็มใจศึกษาเล่าเรียนและเห็นคุณค่าคำสอนของครูไม่มีอะไรอื่นอีกที่จะทำให้ครูมีความสุขมากไปกว่าสิ่งที่กล่าวแล้วนั้นดังนั้นผมจึงมีความรู้สึกว่าเราควรที่จะเน้นบทบาทของพระองค์เพื่อให้ทรงเป็นครูของเราแต่โปรดตระหนักไว้เสมอว่าอย่าศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาใจครูแต่จงศึกษาเล่าเรียนเพื่อประโยชน์และความดีงามให้เกิดแก่ตัวท่านเองการศึกษาเล่าเรียนและรู้จักปรับปรุงตนเองเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องไปคิดเรื่องไม่เป็นสาระอื่นๆ<O:p</O:p

    ผมคิดว่าเป็นการไม่รับผิดชอบที่จะนั่งๆนอนๆใช้ชีวิตอย่างสบายและให้คนคนเดียวทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลและแก้ปัญหาของชาติท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความไม่เคารพต่อพระองค์ซึ่งแย่ยิ่งกว่าการพูดถึงพระองค์ในทางไม่ดีในสาธารณะ ประเทศหลายแห่งในโลกจะดีใจมากที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้แต่ท่านเองเป็นคนไทยมีพระองค์เป็นกษัตริย์แต่ไม่ได้นำประโยชน์จากพระองค์มาใช้ในชีวิตเลยผมคิดว่าน่าละอายถ้าหากว่าเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปสู่วาระใหม่และมีกระแสลมแรงมาจากทิศทางอื่นประเทศหลายแห่งในโลกจะชี้มายังประเทศไทยและดูแคลนว่า
    ดูสิพวกเขามีครูผู้ยิ่งใหญ่แต่ได้เรียนรู้จากพระองค์น้อยมาก”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้งเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเพียงบุคคลเพียงคนเดียวที่พยายามจะพัฒนาประเทศชาติในขณะที่คนอื่นๆในชาติได้แต่เฝ้ารอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นโดยที่มิได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ซึ่งผมคิดว่าการพัฒนาประเทศในรูปแบบนี้ไม่น่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ ผมมีโอกาสได้อ่านบทความมากมายในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยท่านหนึ่งผู้ที่นำพาประเทศไทยเข้าสู่สนามแห่งธุรกิจเราพบเห็นนักการเมืองส่วนมากในเอเชียที่หลังจากครองอำนาจและได้ผลประโยชน์แล้วก็ไม่ช่วยเหลืออะไรประชาชนเลยนั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพราะคำสอนของพระองค์ตรงข้ามกับสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นกำลังเป็นอยู่พวกเขาจึงทำให้พระองค์ทรงทุกข์ใจโดยเสแสร้งว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงการสร้างภาพไม่ใช่ความจริงพวกเขาเพียงแค่ต้องการจะใช้ภาพแห่งความจงรักภักดีนี้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเทคะแนนให้ในการเลือกตั้งและขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมาเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ประชาชนคนไทยมุ่งหวังว่านักการเมืองจะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติเฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่พวกเขาทั้งหลายก็ทำให้คนไทยทั้งชาติผิดหวังพวกเขาไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้เพราะนักการเมืองไทยได้รับอิทธิพลของแนวคิดแบบตะวันตกและมีหัวใจที่ถูกครอบงำไว้ด้วยธุรกิจสำหรับผมในหัวใจของพวกเขาจึงไม่ได้มีความเป็นไทยอีกต่อไปแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนธรรมดาสามัญชนทั้งหลายจึงรู้สึกรับไม่ได้กับการคอร์รัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวงและนักโกหกที่ทำลายประเทศลงด้วยมือของพวกเขาเองอย่างไรก็ตามตราบใดที่ไม่มีใครสอนให้นักการเมืองดำเนินรอยตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวความหวังของคนไทยทั้งปวงย่อมจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง<O:p</O:p

    ก่อนที่จะตัดสินใจมาพำนักอยู่ในประเทศไทยในความคิดของผมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงเป็นที่รู้จักมากนักในต่างประเทศชาวต่างชาติรู้แค่เพียงว่าประเทศไทยก็เป็นเพียงประเทศหนึ่งเท่านั้นหลังจากที่ผมย้ายมาพำนักอยู่ในประเทศไทยแล้วผมพบว่าประชาชนคนไทยเองก็ไม่ได้สอนอะไรผมมากนักเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกคนเพียงแค่พยายามจะเทิดทูนและยกย่องพระองค์มีคนไทยเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการจะสื่อสารและดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์<O:p</O:p


    ที่มา: จาก FW mail<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 พฤษภาคม 2009
  3. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    [​IMG]

    หนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเล่มแรกที่ผมอ่านคือ In his majesty’s footsteps หนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นถึงด้านที่เป็นเพียงปุถุชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรวมถึงความพยายามของพระองค์ด้วยผมไม่เคยขอให้ใครอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ที่เป็นภาษาไทยให้ผมฟังเลยเพราะเพื่อนคนไทยของผมบอกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของหนังสือพวกนั้นล้วนแล้วแต่มีเนื้อหารูปภาพและเรื่องราวที่ไม่แตกต่างกันนั่นจึงไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่ผมต้องการ<O:p</O:p

    กระทั่งวันหนึ่งผมเงยหน้าขึ้นมองพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวชั่วขณะหนึ่งโดยมองตรงเข้าไปในพระเนตรของพระองค์แล้วทันใดนั้นพระองค์ก็ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนหนังสือเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาพระองค์ทรงรับสั่งให้ผมเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านขึ้นมาเล่มหนึ่งการรับสั่งครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในทางรูปกายหากแต่ผมรับรู้พระประสงค์ของพระองค์ได้ทางจิตเรื่องนี้อาจจะฟังดูเหมือนผมฟั่นเฟือนไปเสียแล้วแต่ทว่าเป็นเรื่องจริง<O:p</O:p

    สำหรับขั้นตอนในการผลิตหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครสนับสนุนการทำงานของผมเท่าใดนักเพราะพวกเขาคิดว่าฝรั่งไม่มีทางที่จะเข้าใจในพระมหากษัตริย์ของชาวไทยได้ไม่มีใครเลยที่กล้าเสี่ยงในการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ดังนั้นผมจึงดำเนินการทางการเงินทั้งหมดด้วยตัวผมเองกระทั่งทุกวันนี้ที่หนังสือได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้งแล้วผมก็ไม่ได้หากำไรหรือผลประโยชน์ใดๆจากหนังสือเล่มนี้เห็นได้จากราคาขายเพียงเล่มละ 99 บาทเท่านั้น<O:p</O:p

    ผมไม่ได้ตีพิมพ์หนังสือของผมในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษทั้งที่มีคนไทยจำนวนมากขอให้ผมทำเช่นนั้น อันดับแรกชาวไทยควรจะต้องเข้าใจคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถ่องแท้และผสมผสานแนวทางแห่งพระพุทธศาสนาของพระองค์ลงไปในการดำเนินชีวิตประจำวันสิ่งเหล่านี้ควรจะได้รับการสอนในโรงเรียนทุกแห่งหากเป็นเช่นนั้นได้ชาวต่างชาติและประเทศอื่นๆในโลกก็จะปฎิบัติตามแนวทางนี้โดยอัตโนมัติแต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือผมได้เสนอที่จะบรรยายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นให้กับมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆในประเทศในหัวข้อเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวแต่คนไทยไม่เต็มใจหรือขี้อายเกินกว่าที่จะเชิญผมไปบรรยายพวกเขาไม่เข้าใจด้วยว่าฝรั่งจะรู้เรื่องราวทุกอย่างของพระมหากษัตริย์ของคนไทยได้อย่างไรกัน<O:p</O:p

    ผมเคยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยที่กรุงเทพมหานครในจดหมายฉบับนั้นบอกเล่าถึงแนวทางการดำเนินชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและอีกมากมายหลายเรื่องรวมไปถึงการขอเข้าพบเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และแนวทางการแก้ปัญหาแต่พวกเขาไม่แม้แต่จะตอบกลับมาว่าได้รับจดหมายแล้วดังนั้นผมจึงยอมแพ้ นี่คือผลลัพท์ของค่านิยมตะวันตกและการบริโภคนิยมซึ่งถูกกระตุ้นโดยนักการเมืองไทย<O:p</O:p

    กล่าวถึงความรู้สึกต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวต่างชาติที่อยู่รอบตัวผมสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานพวกเขาจะชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างมากโดยพื้นฐานแล้วชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศไทยมีทัศนคติในด้านบวกกับพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวเพียงแต่เราไม่ได้เทิดทูนในลักษณะเดียวกับที่คนไทยเป็นอยู่<O:p</O:p

    ในโลกนี้มีราชวงศ์มากกว่า 35 ราชวงศ์แน่นอนว่าเราไม่สามารถโฟกัสไปที่ราชวงศ์ทั้งหมดอย่างทั่วถึงได้ที่สำคัญคือราชวงศ์ส่วนใหญ่มีหน้าที่เพียงแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของราชวงศ์เท่านั้นแต่อะไรล่ะที่เราจะสามารถเรียนรู้จากบุคคลในราชวงศ์และกษัตริย์แต่ละพระองค์ได้คำตอบคือไม่มีเลยเพราะพวกเขาไม่ได้ดำรงตนเป็นครูให้กับประชากรของตนเองอย่างเช่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น<O:p</O:p
     
  4. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    [​IMG]

    เรื่องที่น่าสลดใจก็คือคนไทยทั้งหลายไม่ตระหนักและยอมรับในสิ่งนี้ทุกคนภาคภูมิใจในการมีพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แต่แนวคิดอันเป็นรากฐานของสังคมเศรษฐกิจและการเมืองการเป็นแรงบันดาลใจความเป็นตัวอย่างที่ดีและวิถีแห่งการดำเนินชีวิตของพระองค์ไม่ได้ถูกรับเอามาใช้ในการทางปฏิบัติอย่างเต็มบ่า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเป็นบุคคลที่มีแนวพระราชดำริและกระทำการใดๆโดยใช้หัวใจทั้งสิ้นพระองค์ทรงเข้าใจดีถึงคุณค่าของความรักและความซื่อสัตย์เพราะฉะนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงรู้สึกเชื่อมโยงได้ถึงพระองค์<O:p</O:p


    อย่างไรก็ตามผมคิดว่าคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นสากลเฉกเช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้าคนทั่วโลกจึงสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ไปปรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการศึกษามาจากต่างประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา) พระองค์ทรงตระหนักว่าการศึกษาแบบตะวันตกนั้นเป็นสิ่งสำคัญแต่ทว่าไม่ใช่ทุกอย่าง พระองค์ทรงสามารถถ่ายทอดแก่ชาวตะวันตกรวมถึงคนไทยถึงเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงและการศึกษาอันชาญฉลาดแต่ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลในโลกนี้ย่อมไม่มีประโยชน์อันใดเลยถ้าหากปราศจากการเชื่อมโยงถึงความรู้สึกลึกซึ้งข้างในจิตใจ จึงกล่าวได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของความชาญฉลาดแบบตะวันตกและภูมิพลังปัญญาของ ชาวตะวันตกออกในบุคคลคนเดียวกันซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สมบูรณ์พร้อมอย่างมากผมเคยได้ยินเป็นประจำที่ชาวต่างชาติหรือเพื่อนผู้หญิงที่เป็นคนไทยพูดว่า
    เงินเดือนน้อยที่ทำมาจากชาติตะวันตกสามารถทำให้คนนั้นใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างกับพระราชา
    ในส่วนอื่นๆของโลกการมีชีวิตอย่างพระราชาเป็นนัยยะของการอธิบายว่านั่นคือความสะดวกสะบายการใช้ชีวิตที่สนุกสนานหรืออาศัยในดินแดนวิมานฉิมพลีอะไรทำนองนั้น ด้วยข้อเท็จจริงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงใช้ชีวิตเช่นนั้นก็ย่อมทำได้หากพระองค์จะทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้นเพราะพระองค์ทรงราชสิทธิ์ที่จะสามารถทำได้แต่พระองค์มิเคยทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้นหากแต่ทรงอุทิศเวลาทั้งหมดตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์โดยมีเป้าหมายอันสูงสุดในการทรงงานหนักเพื่อผู้อื่นเพื่อประชาชนของพระองค์<O:p</O:p

    ในประเทศศรีลังกาซึ่งผมเคยพำนักอยู่มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่าถ้าท่านไม่สามารถเป็นพระราชาได้จงเป็นหมอ ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมายของสุภาษิตบทนี้พวกเขาจะพูดจนติดตลกว่าผมเข้าใจแล้วหากคุณไม่สามารถซึ้นรถโรลส์รอยซ์ได้อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้เป็นรถเบนซ์และถ้าคุณไม่สามารถมีพระราชวังที่พำนักได้ก็ขอให้มรคฤหาสน์หลังใหญ่รอบล้อมด้วยนางพยาบาลแสนสวย”<O:p</O:p

    เมื่อเห็นกษัตริย์หรือราชาธิบดีของประเทศตะวันตกบางพระองค์ว่าทรงมีความเป็นอยู่เช่นไรผมจึงไม่อาจตำหนิชาวตะวันตกที่เข้าใจผิดในเรื่องนี้ได้คนเอเชียเข้าใจสุภาษิตบทนี้ได้ดีกว่าชาวตะวันตกซึ่งหมายความว่าหากท่านไม่สามารถรักษาดูแลประเทศชาติทั้งหมดได้อย่างเต็มที่เหมือนอย่างพระราชาแต่ท่านอาจสามารถดูแลรักษาคนไข้จำนวนมากได้ในฐานะที่เป็นแพทย์สุภาษิตที่เรียบง่ายบทนี้ยังมีความหมายที่แสดงให้เห็นถึงข้อแตกต่างเกี่ยวกับกษัตริย์ของประเทศในโลกตะวันตกและตะวันออกอีกด้วย
    ทีมา: FW mail<O:p</O:p
     
  5. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    [​IMG]

    ผมขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าจงอย่าตำหนิอิทธิพลของต่างประเทศหรือโลกตะวันตกแต่จงดูและเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและในทำนองเดียวกันก็ศึกษาให้เข้าใจในคุณค่าของมรดกทางความคิดและความเชื่อซึ่งพระองค์ท่านทรงมีอย่างอุดมสมบูรณ์รวมไปถึงแนวทางการทำงานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรากตรำพรวรกายและทรงงานหนักมิใช่เพียงเพื่อทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ที่ประเสริฐแต่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเป็นตัวอย่างฉันผู้นำทางและเป็นครูของเราผมไม่สามารถเน้นถึงสิ่งต่างๆได้ทั่วถึงอย่างที่เราสามารถหรือควรจะเรียนรู้ได้จากพระองค์ท่านซึ่งมีมากมายมหาศาล<O:p</O:p


    เมื่อก่อนนี้ผมมรพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแขวนไว้ในบ้านรวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ด้วยแต่นั่นเป็นเพียงเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนของผม ทุกคนควรจะตระหนักว่าหนทางเดียวที่จะแสดงความเคารพต่อครูก็คือเรียนรู้จากพระองค์เพื่อที่จะนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือคนอื่นไม่ใช่เพียงแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน<O:p</O:p

    มีหลายครั้งที่ผมได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในความฝันพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผมในเรื่องตลกซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผมแต่ถ้าหากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์จริงๆผมจะกราบทูลต่อพระองค์ว่าขอขอบพระทัยพระองค์เป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกสิ่งที่ทรงกระทำ หากถามว่าคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้มากที่สุดผมคงจะตอบว่าไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนใครได้นอกเสียจากตัวของเขาเองผมเชื่อด้วยว่าอำนาจล่อใจของอิธิพลทางการเมืองและวัตถุนิยมกำลังเข้มแข็งมากเกินไปในสังคมไทยคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงกำลังสูญหายไปตลอดกาลหากยังไม่มีใครตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญแห่งคำสอนนั้น<O:p</O:p

    หากทุกคนช่วยกันเก็บรักษาเจตนารมณ์อันแรงกล้าและคำสอนของพระองค์เอาไว้ให้อยู่สืบต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลานผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนพระองค์นี้จะอยู่ในหัวใจของคนไทยตลอดกาล
    ที่มา: FW mail
     
  6. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    ขอถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงทรงพระเจริญ

    ขอบคุณครับกับบทความดีๆ
     
  7. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    "ของดีอยู่ใกล้ ใกล้เกลือกินด่าง"

    คำสุภาษิตของคนโบราณ และเหล่าบรรพบุรุษดึกดำบรรณ์ชาวไทยเรา
    ใช้คำ ๆ นี้ได้ประโยชน์และเปรียบเทียบสั่งสอนลูกหลานได้ทุกยุคทุกสมัย

    อ่านแล้ว ผมเองก็ยัง "ละอาย" หรือไม่ก็ "ขายขี้หน้า" แทนพี่น้องชาวไทย
    "บางเหล่า บางพวก(ฝูง) และอีกหลายต่อหลายกอ"
    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ชนชาวต่างชาติ เขาก็เฝ้ามองเราอยู่ตลอด
    พวกเขามอง "ลึก" ถึงวิถึของแง่คิด และ การกระทำของประเทศไทยเรา
    ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ณ เวลา ปัจจุบัน พี่น้องประชาชนชาวไทย
    บางเหล่า บางพวก(ฝูง) และอีกหลายต่อหลายกอก็ยังจะ
    "ทำสิ่งใด ที่ไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติกันซักเท่าไร"

    ขนาดประเทศทางตะวันออกกลาง เช่นประเทศ "อิหร่าน"
    ท่านประธานาธิบดีของพวกเขา ยังยกย่องเชิดชู แนวความคิด
    ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ในรัชกาลปัจจุบัน ว่า
    "ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ที่ประเทศของข้าพเจ้าเอง ไม่มี
    พระมหากษัตริย์ ที่"ทรงพระอัจฉริยะภาพมากถึงขนาดนี้ อีกทั้ง
    ทรงยังเป็นนักพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ หรือแม้กระทั่ง
    ทรงเก่งกาจทางด้านการทหาร" ถ้าหากประเทศใด ๆ ก็ตาม มีผู้นำ
    ที่เก่งกาจแบบพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ประเทศนั้นๆ
    จะเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า และไม่ยากจนอย่างแน่นอน"

    เพราะจากที่ข้าพเจ้าเก็บเอาแนวคิด(พระราชดำรัส)หรือแม้กระทั่ง
    "หลักเศรษฐกิจพอเพียง"ของพระองค์ท่านมาวิเคราะห์ดูแล้ว
    ข้าพเจ้าพบว่า แนวความคิดของพระองค์ฯ นั้น "เยี่ยมยอดมาก"
    แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทย
    ที่มีพระมหากษัตริย์ นักพัฒนาพระองค์นี้ แต่รัฐบาลไทยกลับไม่นำ
    แนวคิด(พระราชดำรัส)นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    เพียงแค่ประโยคเบื้องต้นนี้ คุณรู้สึกอายกันบ้างไหม
    ประเทศตะวันออกกลางที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และไม่ค่อยทันสมัย
    อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธซะด้วยซ้ำ
    แต่กลับนำแนวความคิด(พระราชดำรัส)ของ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในรัชกาลปัจจุบัน
    มาคิดพิจารณา แล้วเห็นซึ่งแนวทางที่ประเสริฐที่สุดใน
    "ใจความ ที่เป็นแก่นแท้ของการพัฒนาประเทศชาติ"ข้อความนั้นๆ ด้วย

    แล้วประชาชนคนไทยอย่างเรา ๆ ยังมัวแต่ไป "บ้าบอ" "งมงาย"
    กับหลักเศรษฐศาสตร์ "งี่เง่า" ของพวก "ด๊อกเตอร์ต่างชาติ" กันอีกทำไม
    (โดยเฉพาะคนไทย บางเหล่า บางพวก(ฝูง) และอีกหลายต่อหลายกอ
    ที่ร่ำเรียน จบมากันสูง ๆ เป็นศาสตาจารย์บ้าง ผู้ช่วยบ้าง ด๊อกเตอร์บ้าง
    นักวิชาการบ้าง ผู้ทรงคุณวุฒิบ้าง อาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำบ้าง
    และอีกหลายต่อหลายคน ฯลฯ)

    ซึ่งผมไม่เห็นว่าจะนำความรู้ความสามารถที่ได้ไปร่ำเรียนมานั้น
    นำความรู้ที่ได้เรียนมาเพื่อพัฒนา"ประเทศชาติ"ได้เลย สัก(ตัว)คนเดียว

    ที่เห็น ๆ ก็พวกนักการเมือง สว. สส. ข้าราชการสีใด ๆ ก็ตาม
    นักวิชาการหลายต่อหลายแขนงและหน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งหลายเนี่ย
    พวกเขาเหล่านี้ ก็ดีแต่เพียง "โกงกิน คอรับชั่น กัดกันเหมือนหมาไปวัน ๆ"

    เนี่ยหรือร่ำเรียนมาก็สูงๆ แต่กลับมาทำ "จัญไร"กับแผ่นดินไทยแบบนี้
    แถมยังเป็น"เสนียด"กับคนไทยทั้งชาติอีก

    ขณะที่พระองค์ฯท่านได้ทรง"ตรัส" ออกมา ก็ฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา
    แนวทางที่พระองค์ท่านได้แนะได้บอกกล่าวออกมา ผมก็ไม่เห็นว่า
    พวกเขาเหล่านั้น(นักการเมือง สว. สส. ข้าราชการทั้งหลายก็ดี ไม่ว่าสีใด ๆ
    นักวิชาการหลายต่อหลายแขนงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งหลาย)
    ผมไม่เห็นเลยว่าจะนำแนวทาง"เศรษฐกิจพอเพียง" หรือ
    "แนวทางพระราชดำรัส ในโครงการใด ๆ ของพระองค์ฯท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองเลย"

    ขนาดฝรั่งเขาพูดออกมาอย่างเนี้ย พวกเราชาวไทยรู้สึก
    "ละอาย กันบ้างไหม"

    แต่นี่ ยังไม่นับพวก "หน้าหนา หน้าด้าน หน้าทน" ที่นั่งในสภาฯ
    และรวมไปถึงพวกที่นั่งใน บก. สำนักงานต่าง ๆ ฯลฯ
    (คนที่เขาดีๆ ก็มี แต่มัน "มีน้อยมาก ๆ...")
    ไอ้พวกเนี่ยแหละ "มันเป็นคนไทยแต่ตัว แต่ในใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน"
     
  8. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    สาธุ...กล่าวได้ชอบแล้วสำหรับพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ ผมเองยังรู้สึกเสียดายภูมิความรู้ที่ท่านมอบให้ โดยเฉพาะเรื่องพอเพียงซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธุ์ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์โดยตรง เป็นพุทธวิธีจริงๆ แต่เราส่วนใหญ่กลับยึดติดและคอยพึ่งเทคโนโลยีจนเกินไป

    ไม่ใช่ว่าเทคโนโลยีไม่ดีนะครับ เพราะเทคโนโลยีบางอย่างจำเป็นจริงๆช่วยให้เราสุขสบายได้ในชีวิตประจำวันเช่นเทคโนโลยทางการแพทยื การคมนาคมขนส่ง การสื่อสารเป็นต้น แต่บางเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อประหัตประหารกันนี่แหละครับตัวการสำคัญ และภัยเงียบที่แฝงมากับเทคโนโลยีที่อาจทำให้เราต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2009
  9. aquad

    aquad สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +22
    หลักการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ชีวิตมีความสุข
     

แชร์หน้านี้

Loading...