หมดแล้ว ((เรียนเชิญ ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ปี 2562 รวม 9 วัด รับสุดยอดมงคลที่ระลึก))

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย namayti, 30 กันยายน 2019.

  1. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ขอเรียนเชิญคณะศรัทธา
    ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ปี 2562

    ทอดถวาย จำนวน 9 วัด เป็นปีที่ 2
    ---------------------------------------------------------------------------------
    รายละเอียดการร่วมบุญ
    ...สามารถแจ้งประสงค์การร่วมบุญ และโอนปัจจัยร่วมบุญได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึง วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย.2562
    รายชื่อวัดและศาสนสถาน จำนวน 9 วัด ประจำปี 2562
    1.วัดพรหมจรรย์ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี 2 พ.ย.62 ร่วมบุญ (2,000)
    2.วัดป่าบ้านโพนทัน อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี 3 พ.ย.62 ร่วมบุญ (2,000)
    3.วัดสว่างอินทรศิลา อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี 9 พ.ย.62 ร่วมบุญ(3,000)
    4.วัดป่าดอนนาวศรีสามัคคีธรรม อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี 2 พ.ย.62 ร่วมบุญ (2,000)
    5.วัดป่าบ้านชัยศรี อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธ์ุ 18-20 ต.ค.62 ร่วมบุญ (2,000.-)
    6.วัดมัชฉิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี 2 พ.ย.62 ร่วมบุญ (2,000)
    7.วัดสนสัทธาราม(บ้านสน) อ.สังขะ จ.สุรินทร์ 19-20 ต.ค.62 ร่วมบุญ (7,000.-)
    8.วัดโนนรัง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม 2 พ.ย.62 ร่วมบุญ (4,000.-)
    9.วัดพะขาวพันนาราม บ.พะขาว นครเวียงจันทร์ สปป.ลาว 26 ต.ค.62 ร่วมบุญ (3,600.-)

    รวมยอดบุญกฐินเบื้องต้น 27,600 บาท
    -------------------------------------------------------------------------------
    ขอบพระคุณหลายๆเด้อ...พี่น้องนักบุญทั้งหลาย...ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ...สาธุ สาธุ...สาธุ อนุโมทามิ

    5fy1kpvsbxql-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    ขออนุโมทนาสาธุในบุญทั้งปวง...ขอทุกท่านจงเจริญด้วย จตุรพิธพรชัย 4 ประการ ประกอบด้วย.- อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ จงทุกประการเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2020
  2. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รายชื่อเจ้าภาพกองบุญกฐินสามัคคี (อัพเดท ณ วันที่ 22 ต.ค.2562)
    ท่าน
    Pkongja จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน seaown จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน pakphome จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน SIR2010 จำนวน 4,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน pcharn จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน สักการะ จำนวน 300 บาท โอนแล้ว
    ท่าน ไพรัชกร จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน freebottle จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน ณัฎฐสิทธิ์ จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน พระเดช จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน คมสันต์ จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน puisukon จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ท่าน Vkan65 จำนวน 2,000 บาท โอนแล้ว
    ------------------------------------------
    รวมยอด
    กองบุญกฐิน 26,300 บาท
    nov-1_001.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2019
  3. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    มงคลที่ระลึกที่จะได้รับ จัดเป็นสุดยอด มงคลที่ผมเก็บเอาไว้เพื่องานบุญโดยเฉพาะ ถือเป็นทีเด็ดของปีนี้ ไม่แพ้ปีที่แล้วแน่นอนครับ ประกอบด้วย.-
    1.พระนารยณ์ทรงปืน
    เนื้อผงพรายกุมาร ดินวัง 3 พญา ว่านมงคล ผงพุทธคุณ108 ลป.ทิม อิสริโก เทพเจ้าแห่งดินแดนบูรพา วาระสร้าง ปี 08-16 วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
    2.พระสมเด็จกฐินไฟ เนื้อแร่ หลังเรียบ ลป.สรวง เทวดา เล่นดิน,ลป.ข้าวแห้ง,ลป.ชอบ ฐานสโม,ลพ.อุตตมะ,ลป.คำพันธ์,ลป.หงษ์,ลป.เกลี้ยง,ลป.เจียม ฯลฯ ร่วมปลุกเสกเอาไว้
    3.พระสมเด็จรุ่น"สร้างอุโบสถ"เนื้อแร่ โรยพลอยเสก ลป.ฮก วัดราษฏร์เรืองสุข อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
    4.เหรียญย้อนยุค ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน ออกวัดสนสัทธาราม(บ้านสน) ปลุกเสกโดย ศิษย์เอก ลป.สรวง ที่เก่งที่สุด และยังทรงขันธ์อยู่ในปัจจุบัน
    5.ลูกอม ลป.ทิม วาระ 2508 พึ่งเปิดลังแกะหีบ ครับ
    6.พระผงพรายกุมาร พิมพ์เศียรโต บล็อกไม้มงคล ยุคต้น วาระ 2497-2503
    7.อื่นๆเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งครับ

    +++รวมๆแล้ว ไม่ต่ำกว่า 10 รายการแน่นอน+++
    ...................................................................................................
    ทั้งหมดร่วมจองบุญเจ้าภาพกฐินสามัคคี 1 กองๆละ
    2,000.-
    --------------------------------------------------------------------------------
    รูปภาพมงคล จะทยอยๆ ลงนะคร้าบ ขออนุญาต ถ่ายรูปแป๊ป เดี๋ยวลงให้ชมเรื่อยๆครับผม

    พระนารายณ์ทรงปืน
    EHGHmLFVb4y1.jpg 5acWdeoa2VQe.jpg
    พิเศษ...ผมลงสีผึ้ง ลป.ทิม ให้อีกทุกองค์...สุดเข้มขลัง
    WPsBw0b4vkvy.jpg

    พระสมเด็จ ลป.ฮก...วัดราษฏร์เรืองสุข จ.ชลบุรี
    ElXKFOL7RN8w.jpg fRFBt6i7TZsq.jpg

    รับกับหลวงปู่ท่านมาเมื่อปี 2556 ครับผม
    U3CYn5MYBHzh.jpg TnWjl9dazcO3.jpg
     
  4. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    J1QZqhjKEo3o.jpg
    พระนารายณ์ทรงปืน พุทธคุณเด่นด้านอำนาจ
    พระตรัยรัตนมหายาน" หรือที่นักเลงพระเรียกชื่อกันว่า "พระนารายณ์ทรงปืน" มีมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อบูชาพกพาอาราธนาติดตัวแล้วหยุดอาวุธต่างๆ เช่น หยุดลูกปืน เป็นต้น พุทธลักษณะ พระปางนาคปรกประทับนั่งสมาธิ เบี่ยงซ้ายพระ พุทธองค์มีปัญญาบารมี ยื่นพระกรขวาถือพระคัมภีร์ ซ้ายถือดอกบัว เบี่ยงขวามีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ยืนสี่กร 2 มือบนถือลูกประคำและพระคัมภีร์ 2 พระกรล่างถือดอกบัวและคนโทน้ำอมฤต รูปแบบทั้งสามอยู่ในฐานทรงกลีบบัว มีลายกระหนกปั้นแบบลายนูนต่ำเป็นศิลปะของขอม (พุทธศตวรรษที่ 15-18)

    พระสมัยขอมนี้สร้างอย่างลัทธิมหายาน พระประธานองค์กลางหมายถึงพระอาทิพุทธหรือพระพุทธองค์นั่นเอง ปางนาคปรกหมายเอาตอนที่พุทธองค์เสด็จไปประทับเสวยวิมุตติ สุข ณ ร่มไม้จิก มุจลินท์ พญานาคราช จึงมาล้อมพระกายด้วยขนดวน 7 รอบ สำแดงฤทธิ์แผ่พังพานใหญ่ เพื่อปรกพระเศียรพุทธองค์ ด้วยหมายจะป้องกันหมอกน้ำค้างและแสงแดด เพื่อไม่ให้แสงแดด ลม ฝน ถูกพระวร กายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาค ขณะนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงขัดสมาธิบนบังลังก์ รูปปัญญาบารมียืนเบี่ยงซ้าย หมายถึงว่าพระพุทธองค์ทรงปัญญายอดเยี่ยมเหนือใดๆ ในจักรวาล พระกรขวาถือพระคัมภีร์ ได้แก่พระสัทธรรมเพื่อสั่งสอนกับมวลมนุษย์ทุกรูปทุกนามให้อยู่ในศีลธรรม ละชั่ว ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระกรซ้ายถือดอกบัว คือพระ พุทธภูมิอันประกอบด้วย พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คู่กับพระสัทธรรม ตามหลักของมหายาน รูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยืนเบี่ยงขวาสี่กรนั้น แสดงถึงการโปรดสัตว์ เพราะอว โลกิเตศวรมีปณิธานว่า ถ้าแม้นโลกยังมีสัตว์ที่กำลังประสบความทุกข์ ยากลำบากอยู่ที่ใด พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็จักไม่ขอปรารถนาบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ พระอวโลกิเตศวร พระพิมพ์แบบต่างๆ ของ สมัยขอม จึงปรากฏพระโพธิสัตว์มีสี่กร ความหมายเพื่อเป็นมงคล
    JqyGH1JmsP8O.jpg

    "สี่ กร" คือ 1.พระกรถือลูกประคำ หมายถึงต้องละกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้น และสั่งสอนกับสรรพสัตว์ทั่วจักรวาล 2.พระกรที่ถือพระคัมภีร์ คือต้องศึกษาธรรมทั้งหลายให้เจนจบ ในสากลพิภพ 3.พระกรที่ถือหม้อน้ำอมฤต หมายถึงจักต้องโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้นความยากความจน ความทุกข์ ความไม่สบายอกสบายใจ ให้มลายหายสิ้น 4.พระกรที่ถือดอกบัว หมายถึงได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว

    วัตถุที่นำมาจัดสร้างมีโลหะ นวโลหะ สัตตโลหะ เบญจโลหะที่เป็นมงคล จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และดินเผาจากสถานที่เป็นมงคล นำมาจัดสร้างจึงมีทั้งเนื้อชิน เนื้อสำริด เนื้อดินเผา สีจึงมีหลายสีแล้วแต่การเผาของไม้มงคล ไฟแก่ ไฟอ่อน บางองค์มีหลายสี บางองค์ดำทั้งองค์ บางองค์แดงทั้งองค์ บางองค์ขาวทั้งองค์ มีทั้งเนื้อหยาบ และละเอียด เนื้อสำริดสีดำสนิท เนื้อเหลืองขาวเรียกว่าสำริดทอง เพราะแก่ทองคำ สำริดเงิน เพราะแก่เงิน

    พุทธคุณนิยมในด้านแคล้วคลาด และเป็นมหาอุดอยู่ปืน บางท่านเรียกนารายณ์ทรงปืน บางท่านเรียก "แผงนารายณ์" ซึ่งคงจะเรียกตามที่เห็นพระอวโลกิเตศวรมีสี่กรเลยเข้า ใจเอาว่าเป็นพระนารายณ์ เพราะรู้กันทั่วไปว่าพระนารายณ์มีสี่กร ประกอบกับเป็นสมัยขอมพบที่จังหวัดลพบุรีมาก ขอมนั้นนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน ความคิดที่เข้าใจว่าพระนารายณ์ ในศาสนาพราหมณ์ มีวัตถุ ฯลฯ (คือพระคัมภีร์และคนโทน้ำอมฤต) ก็เลยเข้าใจว่าเป็นอาวุธ ชื่อนารายณ์ทรงปืนก็เลยเกิดด้วย

    ดังนั้น สำหรับพุทธานุภาพด้านมหาอุดและแคล้วคลาดนั้นเป็นที่น่าสนใจ เพราะขอมสมัยนั้นเรืองด้วยวิทยาการและอิทธิฤทธิ์ ลัทธิมหายานนั้นก็มีธานีสำหรับร่ายเพื่อก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์มากมาย ฉะนั้นพระพิมพ์ขอมแบบนี้จึงเชื่อกันว่ามีคงกระพันสูงมาก ผู้ที่ห้อยบูชาประจำเล่าว่าเขาเคยถูกลอบยิงแต่ไม่ปรากฏว่ากระสุนออกจากลำ กล้อง ในที่สุดคนร้ายที่ถูกจ้างมานั้นขวัญเสียหนีเอาตัวรอด และทิ้งปืนให้เป็นสมบัติของเขาไว้ เมื่อตอนทางการเปิดกรุวัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ได้พบพิมพ์นี้ ปรากฏว่าถึงกับแย่งกันเช่าบูชาจากกรมศิลปากร จนพระไม่พอจ่ายแจก

    วัตถุ มงคล "พระไตรรัตนมหายาน" หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า "นารายณ์ทรงปืน" มีหลายยุค หลายสมัย หลายกรุ หลายเนื้อ หลายอาจารย์ พุทธคุณโดยรวมแล้วมีอานุภาพโดดเด่นในเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันการกระทำของผู้ที่มีอวิชชา ลมเพลมพัด เพิ่มพูนในเรื่องของยศตำแหน่ง หน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และอำนาจตบะเดช

    ที่มา นสพ.ข่าวสด
    By : มนัส
     
  5. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    W9SNcuDXPB4T.jpg
    พระสมเด็จกสิณไฟ วัดถ้ำสรพงษ์...เนื้อแร่

    XwEow4Go5CJc.jpg sPjXX4etvm9g.jpg
    สุดยอดพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ และเกจิผู้ใหญ่ เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก
    YIe6DBNceDE2.jpg
    4CPNXGvV4fLg.jpg xJbnhj4OJW4P.jpg
    มีในรายการประกวดของ จ.ศรีสะเกษด้วยนะจะบอกให้
    CB1LdE5ajnjY.jpg
    HIyoTR0uv4vZ.jpg
     
  6. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    IMG_5304-add-web-LPH-80K.jpg
    ประวัติหลวงปู่ฮก
    .......หลวงปู่ฮก รตินฺธโร วัดราษฎร์เรืองสุข หรือ วัดมาบลำบิด ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ท่านมีชื่อเดิมว่า "ฮก แซ่เตียว" เกิดเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ปีขาล ท่านมีเชื้อสายจีน โยมบิดาชื่อ บู๊ แซ่เตียว เป็นชาวจีนแท้ๆ ส่วนโยมมารดาชื่อ ไน้ แซ่เตียว เป็นลูกครึ่งไทย-จีน ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขณะนั้นเด็กชายฮก มีอายุ ๑๔ ปี ได้เดินทางกับบิดาและมารดาจากแปดริ้ว ฉะเชิงเทรามาอยู่ที่ชลบุรี
    .......หลวงปู่ฮก ได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๔๘ ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๕๑๘ ที่วัดบุญญฤทธยาราม (วัดบึงบน) ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีพระครูพิบูลย์สังฆกิจ วัดกุณฑีธาร วัดหัวกุญแจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสรัจธรรมคุณ วัดบุญญฤทธยาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาฮง วัดบึงบวรสถิต (วัดบึงล่าง) เป็น อนุสาวนาจารย์ หลวงปู่ฮกได้รับฉายาในทางธรรมว่า “รตินฺธโร”
    .......ภายหลังจากที่อุปสมบทแล้ว หลวงปู่ฮก ได้ร่ำเรียนศึกษาในทางธรรมอย่างเคร่งครัด มุ่งมั่นในการฝึกฝนจิตเพื่อปรารถนาหลุดพ้น ขณะเดียวกัน ท่านก็ได้อุปัฏฐาก ดูแลรับใช้ พระกรรมวาจารย์ เป็นอย่างดี
    ในพรรษาที่ ๓ หลวงปู่ฮกได้เดินทางไปวัดเขาน้อยคีรีวันและเดินทางกลับมายังวัดบึงบน ไปๆกลับๆเช่นนี้เป็นประจำ เนื่องจากที่วัดเขาน้อยคีรีวันนั้น มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยม นั่นคือ หลวงปู่โทน กนฺตสีโล เนื่องจากหลวงปู่ฮก เป็นเพื่อนกับหลวงปู่โทน ตั้งแต่สมัยทำงานด้วยกันเมื่อครั้งยังหนุ่มๆ แต่หลวงปู่ฮกก็ไม่เคยเรียนวิชาใดๆกับหลวงปู่โทน เนื่องจากท่านมีความตั้งใจปรารถนาปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นเท่านั้น แต่ก็จะออกธุดงค์วิเวกกับหลวงปู่โทนอยู่เช่นกัน ทำให้ทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก
    .......หลวงปู่ฮกได้อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์เป็นเวลา ๑๐ กว่าพรรษา พระครูโสรัจธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดบุญญฤทธยาราม เจ้าคณะตำบลคลองกิ่วในสมัยนั้นจึงได้มอบหมายให้หลวงปู่ฮก ให้มาจำพรรษาที่วัดราษฎร์เรืองสุข หรือ วัดมาบลำบิด ซึ่งก็มีศรัทธาจากญาติโยมจำนวนไม่น้อยที่เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่ฮกที่วัดมาบลำบิดแห่งนี้ เนื่องจากหลวงปู่ฮก ท่านมีวัตรปฏิบัติที่งดงาม ไม่ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญ และยังมีเมตตาต่อญาติโยมอีกด้วย

    วัตถุมงคล
    การสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ฮกนั้นมักจะเป็นไปเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา อย่างเช่น การสร้าง “เหรียญรุ่นแรก” ที่หลวงปู่ฮกได้อนุญาตให้คณะศิษย์จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์สมทบทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนพระอุโบสถหลังเก่าที่วัดลำมาบบิด ซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนการบริกรรมปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น หลวงปู่ฮกท่านได้ทำอย่างเรียบง่าย ซึ่งท่านเคยตอบคำถามของสานุศิษย์ว่า ท่านไม่มีคาถาใดๆในการปลุกเสก เพราะต่อให้มีพระดีขนาดไหน ถ้าถึงวาระที่ต้องตายเมื่อไหร่ ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี แต่สำหรับการอาราธนาพระเครื่องก็เพราะการมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ระลึกถึงความไม่ประมาท ให้ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมอันดี ละเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ขณะเดียวกัน จิตก็ต้องเป็นสมาธิด้วย จึงจะทำให้คาถาที่บริกรรม เกิดความศักดิ์สิทธิ์
    .......ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หลวงปู่ฮก ท่านยังได้จัดสร้าง “พระกริ่งไตรมาส” โดยประกอบพิธีเททอง ในวันอาสาฬหบูชา ที่วัดราษฎร์เรืองสุข ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์หลายรูปเข้าร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย
    พระกริ่งไตรมาสของหลวงปู่ฮกนั้น เป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีพิธีปลุกเสกที่ดี ตลอด ๑ ไตรมาส โดยหลวงปู่ฮกและพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายรูป พุทธคุณเข้มขลัง ประกอบกับรูปแบบในการสร้างมีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีเจตนาที่ดีในการสร้าง เพื่อหาทุนในการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ให้แล้วเสร็จ จึงเป็นอีกหนึ่งพระเครื่องที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
    .......สำหรับวัตถุมงคลอื่นๆของหลวงปู่ฮกนั้น ท่านได้สร้างตามโอกาสและวาระอันเหมาะสม เช่น เหรียญสำเภาเงิน สำเภาทอง ปี ๕๔ , พระชัยวัฒน์หลวงปู่ฮกรุ่นแรก ปี๕๔,เหรียญพระนาคปรกใบมะขามหลวงปู่ฮกรุ่นแรก, พระขุนแผนหลวงปู่ฮก ปี ๕๕,เหรียญเจริญพร หลวงปู่ฮก ปี ๕๕,หนุมาน หลวงปู่ฮก ใต้ฐานอุดผงละเกศา , ผ้ายันต์ฝ่ามือหลวงปู่ฮกรุ่นแรก ปี ๕๕ และอื่นๆอีกหลายรายการ ซึ่งการสร้างวัตถุมงคลของท่าน โดยมากแล้วเป็นไปเพื่อหาทุนในการสร้างเสนาสนะโดยเฉพาะการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ที่ต้องใช้งบประมาณอยู่พอสมควร จึงต้องมีการสร้างวัตถุมงคลอยู่หลายวาระ
    .......ส่วนพุทธคุณพระเครื่องที่หลวงปู่ฮกได้ปลุกเสก ล้วนมีหลากหลายประการทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย เมตตามหานิยม หากใครมีไว้บูชาก็ย่อมเกิดความเป็นมงคลต่อตนเอง
    1542561878477-500x375.jpg
    ภาพแห่งพลังศรัทธา ในองค์หลวงปู่
    1542561872722-500x333.jpg
     
  7. PKongja

    PKongja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2015
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +230
    เรียนครูป้อมครับ
    ขอร่วมบุญเจ้าภาพกฐินสามัคคี 1 กอง 2,000.- ครับ


    ขอบคุณครับ
     
  8. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รับทราบบญนี้ครับ...ขออนุโมทนาสาธุครับ
    ZsodF44avWnY.jpg
     
  9. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    พระผงพรายกุมาร พิมพ์เศียรโต ยุคต้น บล็อกไม้ตะเคียน ต้นแบบพิมพ์ปี 15 ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน...คัดสวยทุกองค์ มะก่อน ให้บูชาไปองค์ละ 1,500.-นะครับ เก็บในซีนอย่างดีเนื้อจัดจ้านน้ำว่านขึ้นปรอทวาวๆๆ พระแท้ที่หลวงปู่ปลุกเสก ไม่ต้องมีนิยาย...
    Gfjoy3Uq5Ils.jpg fBQ4zF8WplzR.jpg
    ก่อนยุคหลังยันต์-หลังพลอย-หลังกด-หลังฝังพิมพ์
    dy7uvVYI9cHm.jpg 1vlYXivoj0En.jpg
     
  10. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ลูกอม หลวงปู่ทิม อิสริโก ชุดวาระการสร้าง ปี 08-14 ตามเอกสารบันทึก บรรจุในขวดแก้วบ้าง ในขวดโหล ในห่อผ้าบ้าง...ลงบอร์นทอง มีกดเลข 3 ของดีอีกชิ้นที่้องมีครับ จะได้หากินคล่อง ราบรื่น ไร้อุปสรรค...รวยเงินรวยทองจ้า
    KFqpxe26SIgJ.jpg
    แกะๆ-เปิดๆ ใหม่...ยกมาจากหีบเล้ย
    qC9jnHqO1jKg.jpg
     
  11. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    เหรียญ ลป.สรวง เทวดาเล่นดิน...พึ่งส่งมาจากพระอาจารย์ มอบให้เพื่อนที่ร่วมบุญครั้งนี้...ท่านเป็นศิษย์เอกที่เก่งที่สุด ของหลวงสรวง ในตอนนี้นะครับ ต้องมีต้องเก็บห้ามพลาดเด้อพี่น้อง...หลวงปู่สรวงท่านสุดยอดเรื่องโภคทรัพย์ทั้งปวงอยู่แล้ว
    qWxjb2XmUuW0.jpg
    แบ่งบุญไปหมดแล้ว...เหลือให้คณะพลังจิตนี่ไม่มาก...หมดแล้วหมดเลยเด้อ
     
  12. seaown

    seaown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,087
    ค่าพลัง:
    +984
    ขอร่วมบุญกฐิน 9 วัด 1 กองบุญครับ ครูป้อม สาธุสาธุสาธุ อนุโมทามิ ครับ
     
  13. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    รับทราบบุญนี้...ขออนุโมทนาในบุญทั้งครับ...สาธุ
     
  14. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    todkathin.jpg

    การทอดกฐิน
    การทอดกฐิน เป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง นิยมทำกันตั้งแต่วันแรมค่ำเดือนสิบเอ็ด ไปจนถึงกลางเดือนสิบสอง

    คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง สะดวกแก่การเย็บ ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อน แล้วจึงเย็บเพราะช่างยังไม่มีความชำนาญเหมื่อนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บก็ยังไม่เพียงพอ เหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำจีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐินหรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำเอง ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว เช่นตำนานกล่าวไว้ว่า การเย็บจีวรนั้น พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วย ภิกษุสามเณรอื่น ๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่มเป็นต้น มาถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดา ก็เป็นการต้องช่วยกันทำหลายผู้หลายองค์ (ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีจีวรสำเร็จรูปแล้ว)

    ผ้ากฐิน โดยความหมายก็คือผ้าสำเร็จรูปโดยอาศัยไม้สะดึง นิยมเรียกกันจนปัจจุบันนี้


    การทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างต่ำห้ารูป แล้วให้พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์ทั้งนั้นเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้รับกฐินนั้น

    เขตกำหนดทอดกฐิน
    การทอดกฐินเป็นกาลทาน ตามพระวินัยกำหนดกาลไว้ คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐิน ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ จะทอดก่อนหรือทอดหลังกำหนดนี้ ก็ไม่เป็นการทอดกฐิน


    แต่มีข้อยกเว้นพิเศษว่า ถ้าทายกผู้จะทอดกฐินนั้น มีกิจจำเป็น เช่นจะต้องไปในทัพ ไม่สามารถจะอยู่ทอดกฐินตามกำหนดนั้นได้ จะทอดกฐินก่อนกำหนดดังกล่าวแล้วพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงอนุญาตให้ภิกษะรับไว้ก่อนได้

    kathin-flag.jpg
    ธงกฐิน
    ธงกฐินทั้ง 4 คือ จระเข้ นางมัจฉา ตะขาบ และเต่า เป็นปริศนาธรรมของคนโบราณ
    จระเข้ หมายถึง ความโลภ ( ปากใหญ่ กินไม่อิ่ม )
    ตะขาบ หมายถึง ความโกรธ ( พิษที่เผ็ดร้อนเหมือนความโก รธที่แผดเผาจิต )
    นางมัจฉา หมายถึง ความหลง ( เสน่ห์แห่งความงามที่ชวนหลง ใหล )
    เต่า หมายถึง สติ ( การระวังรักษาอายตนะทั้ง 6 ดุจเต่าที่หดอวัยวะซ่อนในกร ะดอง )

    " ธงจระเข้ " ใช้ประดับในการแห่ ( มีตำนานว่าเศรษฐีเกิดเป็นจร ะเข้ว่ายน้ำตามขบวนกฐินจนขาดใจตาย )
    " ธงนางมัจฉา " ใช้ประดับงานพิธีถวายผ้ากฐิน ( เป็นตัวแทนหญิงสาว ตามความเชื่อว่าอานิสงส์จากการถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์จะมีรูปงาม )
    " ธงตะขาบ " ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้มีคนมาจองกฐินแล้ว ( ให้ผู้จะมาปวารณาทอดกฐินผ่า นไปวัดอื่นเลย ไม่ต้องเสียเวลามาถาม )
    " ธงเต่า " ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้ทอดกฐินเรียบร้อยแล้ว ( จะปลดลงในวันเพ็ญเดือน 12 )
    ในปัจจุบันจะเห็นเพียงธงจระ เข้ และนางมัจฉา ที่จะปรากฎในงานกฐิน ส่วนธงตะขาบ และเต่าพบเห็นได้น้อย จะมีเป็นบางวัดที่ยังคงรักษาธรรมเนียมเก่าอยู่


    ** จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น **
     
  15. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ประวัติหลวงปู่สรวง(เทวดาเดินดิน)

    หลวงปู่สรวงที่เรารู้จักกันในนามนี้ในปัจจุบันนั้น เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านในท้องถิ่นอำเภอ ขุขันธ์ และอำเภอใกล้เคียง ที่มีภูมิลำเนาอยู่แถบชายแดน ตามเชิงเขาพนมดงรัก(พนมดองแร็ก) ซึ่งเป็นแนวเขตแดนระหว่าง กัมพูชากับประเทศไทย มักจะเห็นท่านเป็นผู้ทรงศีลปฏิบัติธรรม พักอาศัยอยู่ตามกระท่อมในไร่นาของชาวบ้าน โคกและเวียน ไปที่นั่นที่นี่บ้างนานๆ จะกลับมาเห็นในที่เดิมอีก ในสายตาและความเข้าใจของชาวบ้านในสมัยนั้นมองท่านในฐานะผู้มีคุณวิเศษ เหนือคนทั่วไปและเรียกขานว่า “ลูกเอ็าวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” (เป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบส ที่เป็นผู้รักษาศีลอยู่ตามถ้ำเขาลำเนาไพร) ในสมัยนั้นยังมีป่าพรรณไม้อุดมสมบูรณ์และสัตว์ป่านานาพันธุ์ ได้มีลูกศิษย์ติดตามหลวงปู่เดินธุดงค์ตามป่าเขาแถบชายแดนไทย และตลอดจนถึงประเทศเขมร แต่ก็อยู่กับหลวงปู่ได้ไม่นานจำต้องกลับบ้าน เนื่องจากทนความยากลำบากไม่ไหวหลวงปู่จึงเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ ตามลำพังเป็นส่วนมาก
    ไม่มีใครทราบถิ่นกำเนิดและอายุของหลวงปู่ที่แท้จริง ได้รู้แต่ว่าหลวงปู่เป็นชาวเขมรต่ำ ได้เข้ามาในประเทศไทยนานแล้วคนแก่คนเฒ่า ผู้สูงอายุที่เคยเห็นท่านเล่าบอกว่า ตั้งแต่เป็นเด็กๆเกิดมาก็เห็นท่านในสภาพลักษณะเหมือนที่เห็นในปัจจุบันถ้าผิดจากเดิมไปบ้างก็เล็กน้อยเท่านั้น ประกอบด้วยหลวงปู่เป็นคนพูดน้อยและไม่เคยเล่าประวัติส่วนตัวให้ใครฟัง จึงไม่มีใครที่จะสามารถรู้อายุและประวัติที่แท้จริงของท่านได้
    ชาวบ้านแถบนี้พบเห็นหลวงปู่บ่อยๆ ที่ชายป่าบ้านตะเคียนราม วัดตะเคียนราม อำเภอภูสิงห์ , บ้านลุมพุก บ้านโคกโพน ต.กันทรารมย์
    ” อ.ขุขันธ์ ” และหมู่บ้านอื่นๆเกือบทุกหมู่บ้านในบริเวณตลอดแนวชายแดน ท่านจะเดินทางไปมาอยู่ในบริเวณแถบนี้โดยตลอด แต่ก็จะไม่อยู่เป็นประจำในที่แห่งเดียวเป็นเวลานานๆ บางทีหลวงปู่จะหายไปนานถึงสองสามปีถึงจะกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าหลวงปู่ไปอยู่ไหนมา ในช่วงหลังมานี้พบหลวงปู่จำอยู่ในกระท่อมในนาบริเวณต้นโพธิ์บ้านขยอง , วัดโคกแก้ว , บ้านโคกเจริญ , กระท่อมกลางนาระหว่างบ้านละลมกับบ้านจะบก , กระท่อมบ้านรุน (อำเภอบัวเชด) และบ้านอื่นๆอีกในท้องถิ่นเดียวกันนี้
    ในระยะหลังนี้ได้มีผู้ปวารณาเป็นลูกศิษย์อาสาขับรถให้หลวงปู่ ได้เดินทางไปในที่ต่างๆ ทำให้มีผู้รู้จักหลวงปู่มากขึ้น ไปเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย ในแต่ละวันจะมีผู้เดิน
    เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ลูกศิษย์หามท่านออกมาจากกระท่อม และวางลงพื้นดินด้านทิศเหนือ อยู่ระหว่าง
    กระท่อมกับต้นมะขาม โดยหลวงปู่หันหน้าเข้ากระท่อมขณะนั้นมีผู้นำน้ำดื่มบรรจุขวดมาถวาย 2 ขวด หลวงปู่ได้เทน้ำรดตนเองจากศรีษะลงมาจนเปียกโชกไปทั้งตัวคล้ายกับเป็นการสรงน้ำครั้งสุดท้าย นายสัญชัยผู้ขับรถให้หลวงปู่นั่งเป็นประจำได้นำรถมาจอดใกล้ๆ และช่วยกันหามหลวงปู่ขึ้นรถและขับตรงไปที่กระท่อมบ้านรุน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายสุข หรือนายดุง(คนบ้านเจ็ก อำเภอขุขันธ์) ขับรถติดตามไปเพียงคนเดียว ก่อนจะถึงกระท่อมนายสัญชัยได้หยุดรถที่หน้าบ้านนายน้อยเพื่อจะบอกให้นายน้อยตามไป แต่หลวงปู่ได้บอกให้นายสัญชัยขับรถไปที่กระท่อมโดยเร็ว โดยบอกว่า “เต็อวกะตวม เต็อวกะตวม กะตวม” พอถึงกระท่อมได้อุ้มหลวงปู่ไปที่แคร่ ในกระท่อมและช่วยกันก่อกองไฟ เพื่อให้เกิดความอบอุ่น และนายสุขได้อาสาขอออกไปข้างนอกเพื่อจัดหาอาหารมาถวายหลวงปู่ และรับประทานกัน นายสุขได้ไปที่บ้านโคกชาด ตำบลไพรพัฒนา ไปพบนายจุกและนางเล็กซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เช่นเดียวกันและได้บอกให้รีบไปหาหลวงปู่ที่บ้านรุน เพื่อดูอาการป่วยของหลวงปู่ซึ่งมีอาการหนักกว่าทุกคราว นางเล็กได้จัดหาอาหารให้กับนายสุขส่วนตัวเองกับสามีได้ขับรถตามไปทีหลัง พอมาถึงกระท่อมปรากฎว่านายสัญชัยขับรถออกไปข้างนอก พวกที่อยู่ก็รีบหุงหาอาหารเพื่อจัดถวายหลวงปู่ โดยหวังว่าหากหลวงปู่ได้ฉันอาหารอาการก็คงจะดีขึ้นบ้าง แต่หลังจากถวายอาหารแล้วหลวงปู่ไม่ยอมฉันอาหารเลย แม้จะอ้อนวอนอย่างไรหลวงปู่ก็นิ่งเฉย นายสัญชัยที่ออกไปทำธุระข้างนอกได้กลับมาโดยขับรถตามนายน้อยที่นำของมาถวายหลวงปู่เหมือนกัน เมื่อไม่สามารถที่จะทำให้หลวงปู่ฉันได้ ทุกคนก็พิจารณาหาวิธีว่าจะช่วยหลวงปู่ได้อย่างไร ในที่สุดก็เห็นพ้องกันว่าให้รีบช่วยกันแต่ง ขันธ์ห้า ขันธ์แปด มาขอขมาหลวงปู่โดยด่วน ตามที่เคยได้กระทำมาและก็ได้ผลมาหลายครั้งแล้วซึ่งจะทำให้หลวงปู่หายป่วยได้ทุกครั้ง และนายสัญชัยยืนยันว่า ถ้าได้แต่ง ขันธ์ห้า ขันธ์แปด ขอขมาและหาแม่ชีมาร่วมสวดมนต์ถวายด้วยแล้วก็จะหายเป็นปกติ ทุกคนเห็นชอบด้วยจึงให้นายสัญชัยรีบดำเนินการโดยด่วน นายสัญชัยได้ขับรถไปที่บ้านขยุงเพื่อหาคนที่เคยแต่งขันธ์ห้า ขันธ์แปด เมื่อนายสัญชัยออกไปแล้วลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้านรุนและลูกบ้านอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งนายมีเจ้าของกระท่อมก็ได้พากันแต่งขันธ์ห้า ขันธ์แปดเฉพาะหน้าอย่างรีบด่วน เพื่อเป็นการบันเทาจนกว่านายสัญชัยจะได้พาคนที่แต่งขันธ์ห้า ขันธ์แปดมาทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง โดยนายน้อยได้อาสาไปหาธูปเทียน ในหมู่บ้าน โดยขับ
    รถออกมาห่างจากกระท่อมประมาณ 300 เมตร รถติดหล่มไม่สามารถขับรถออกไปได้ทั้งที่เคยเป็นทางที่ใช้เป็นประจำ ด้วยความร้อนใจนายน้อยได้จอดรถล็อคประตูและขวางถนนทำให้รถคันอื่นไม่สามารถเข้าออกได้ และได้อุ้มลูกเดินเข้าไปในหมู่บ้านในระหว่างนั้นเองนายสัญชัยได้ขับรถเข้ามาแต่ก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เนื่องจากมีรถนายน้อยติดหล่มขวางทางอยู่ จึงได้กลับเอารถมาจอดไว้ที่บ้านนายน้อย
    ในระหว่างที่กำลังรอคอย นายน้อยออกไปซื้อธูปเทียนนั้น ชาวบ้านรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้พากันทยอยกลับจนเกือบจะหมดแล้ว และได้มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าพวกเราน่าจะพาหลวงปู่ไปส่งที่โรงยาบาลจะเป็นการดีที่สุด และแล้วพวกชาวบ้านพากันกลับไปจนหมด ซึ่งผิดจากทุกครั้งที่เขาเหล่านั้นจะอยู่กับหลวงปู่ตลอดเวลาจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อหลวงปู่ได้เดินทางไปที่อื่นแล้ว สุดท้ายก็ยังมีลูกศิษย์กับหลวงปู่ในกระท่อมเพียงแปดคนรวมทั้งเด็กที่เป็นลูกของนายจุกนางเล็กด้วย ทุกคนต่างหาวิธีที่จะช่วยให้ความอบอุ่นแก่หลวงปู่ ซึ่งขณะนั้นได้พากันจับดูตามร่างกายของหลวงปู่ จะเย็นจัดตลอด บางคนก็ได้เอาหมอนไปอังไฟให้ร้อนแล้วนำมาประคบตามร่างกายให้หลวงปู่บางคนก็ต้มน้ำร้อน หลวงปู่ได้สั่งให้ลูกศิษย์เอาผ้าชุปน้ำอุ่นมาเช็ดนิ้วมือนิ้วเท้าทำความสะอาดและเช็ดทั่วทั้งร่างกายโดยย้ำว่าให้ทำให้สะอาดที่สุด บางแห่งตามนิ้วเท้าที่ของหลวงปู่ที่ลูกศิษย์เช็ดให้ไม่สะอาดพอ หลวงปู่ก็ใช้นิ้วมือเกาถูอย่างแรงจนสะอาด เมื่อทำความสะอาดร่างกายพอสมควรแล้ว หลวงปู่ได้เอ่ยออกเสียงอย่างแผ่วเบาออกมาเป็นภาษาเขมรว่า “เนียงนาลาน” (นางไหนละรถ) ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบามาก ทุกคนเข้าใจว่า “เนียง” นั้นหมายถึงนางเล็กจึงได้พากันอุ้มหลวงปู่ไปขึ้นรถของนายจุกนางเล็ก โดยผู้ที่อุ้มมีนายจุก และนายตี๋ โดยนายสุขเป็นผู้เปิดประตูรถให้ พอนำหลวงปู่ขึ้นนั่งบนรถโดยลูกศิษย์ได้ปรับเบาะเอนลงเพื่อให้หลวงปู่เอนกายได้สบายขึ้น ท่านได้พยายามยื่นมือมาดึงประตูรถปิดเอง ลูกศิษย์จึงช่วยปิดให้รถเลื่อนออกจากกระท่อมเพื่อไปโรงพยาบาลบัวเชด ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากแต่รถออกไปได้ประมาณ 50 เมตร อาการป่วยของหลวงปู่ก็เริ่มหนักมากขึ้นทุกทีจนลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ด้วยด้านหลังตกใจ และร้องขึ้นว่า “หลวงปู่อาการหนักมากแล้ว” และได้จอดรถคนที่อยู่รถคันหลังก็วิ่งลงมาดู และก็บอกว่าอย่างไรก็จะต้องนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เมื่อรถวิ่งออกมาอีกก็มาติดรถของนายน้อยที่ติดหล่มขวางทางอยู่ไม่สามารถออกไปได้ นายจุก ได้ร้องตะโกนบอกให้นายจันวิ่งไปสำรวจดูเส้นทางอื่น ว่าจะมีทางใดที่สามารถจะนำรถออกไปได้และเมื่อสำรวจดูโดยทั่วแล้ว เห็นว่ามีทางออกเพียงทางเดียวก็คือต้องขับฝ่าทุ่งหญ้าออกไปหาถนน แต่ไม่น่าจะออกไปได้แต่ก็ตัดสินใจขับออกไป เหตุการณ์บนรถในขณะนั้น ในขณะที่กำลังเลี้ยวรถเพื่อขับผ่านทุ่งหญ้าออกไปนั้นได้มีอาการบางอย่างที่เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าหลวงปู่จะละสังขารอย่างแน่นอนให้คนที่อยู่บนรถเห็น ต่างคนก็ร่ำไห้มองดูด้วยความอาลัยและสิ้นหวัง หลวงปู่เริ่มหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้ทอดมือทิ้งลงข้างกาย แล้วจากไปด้วยความสงบ อย่างไรก็ตามลูกศิษย์ก็ยังคงนำหลวงปู่ไปที่โรงพยาบาล เผื่อว่าหมอจะสามารถช่วยให้หลวงปู่ฟื้นขึ้นมาได้ ในระหว่างทางไปโรงพยาบาล นายสาด ชาวบ้านตาปิ่น อำเภอบัวเชด ก็ขี่รถจักรยายนต์สวนทางมา นายจุกชะลอรถและตะโกนบอกให้นายสาดตามไปที่โรงพยาบาลบัวเชด พอไปถึงโรงพยาบาล ทั้งนายแพทย์และพยาบาลได้รีบนำหลวงปู่เข้าห้องฉุกเฉินทำการตรวจโดยละเอียด และลงความเห็นว่าหลวงปู่ได้สิ้นลมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ถึง 4 ชั่วโมง ซึ่งลูกศิษย์ต่างก็ยืนยันว่าสิ้นลมไม่น่าจะเกิน 10 นาทีแน่นอน เพราะระยะทางจากบ้านรุนไปโรงพยาบาลบัวเชดประมาณ 10 กิโลเมตร และก็ได้ขับรถด้วยความเร็วสูงด้วย ลูกศิษย์ไม่ให้ทางโรงพยาบาลฉีดยา หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งกับร่างของหลวงปู่ทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่าไม่สามารถจะช่วยหลวงปู่ได้แน่แล้ว ก็ได้พากันนำร่างหลวงปู่กลับพอมาถึง บ้านตาปิ่น ก็ได้แวะเอาจีวรเก่าของหลวงปู่ที่เคยให้ไว้กับนายสาด เพื่อนำมาครองให้หลวงปู่ให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย และนายสาดก็ได้ขึ้นรถมาด้วยพอมาถึงบ้านรุนก็มีรถนายสัญชัยและนายน้อยจอดรออยู่ ก็ได้แจ้งว่าหลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว และได้พากันขับรถมุ่งหน้าจะไปบ้านละลม พอถึงบ้านไพรพัฒนา นายจุกได้ขับรถแวะเข้าไปที่วัดบ้านไพรพัฒนา และได้บอกข่าวให้กับหลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนาให้ทราบ ว่าหลวงปู่สรวงได้ละสังขารแล้ว

    เหตุการณ์ที่วัดไพรพัฒนา
    *************************
    *************************

    เวลาประมาณ 19.00 น. ในขณะที่หลวงพ่อพุฒกำลังสนทนากับพระลูกวัดก็ได้มีรถเข้ามาจอดจำนวน 4 คัน โดยมีนายสาด ลงมาแจ้งกับหลวงพ่อพุฒว่าหลวงปู่สรวงมรณภาพแล้ว หลวงพ่อพุฒอึ้งไปขณะหนึ่ง ก็ได้ถามว่ามรณภาพที่ไหน นายสาดตอบว่าที่โรงพยาบาล และได้นำศพของท่านมาพร้อมกับรถนี้แล้ว หลวงพ่อพุฒจึงได้ลงไปเปิดประตูรถดู และได้กราบลงบนตักของหลวงปู่ และได้จับตามร่างกายและหน้าอกของหลวงปู่ดู และก็รู้สึกได้ว่าท่านได้ละสังขารจริงๆ และถามลูกศิษย์ที่นำสังขารหลวงปู่มา ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ลูกศิษย์ทุกคนรวมทั้งนายสัญชัยได้บอกว่าจะนำสังขารของหลวงปู่ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒ บอกว่าให้เดินทางไปก่อนแล้วอาตมาจะตามไป ขบวนรถทั้ง 4 คันก็ได้เคลื่อนออกจากวัดไพรพัฒนาจะไปยังวัดบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒจึงครองจีวรเตรียมอุปกรณ์เรียกหาพระลูกวัดก่อนจะออกเดินทางได้อธิษฐานว่า
    “สาธุ ถ้าหากหลวงปู่มีความประสงค์จะให้ลูกหลานได้เป็นผู้บำเพ็ญกุศล ก็ขอให้หลวงปู่ได้กลับมาที่วัดด้วยเถิด” แล้วก็ได้นั่งรถติดตามไปที่บ้านขยุงแต่ไปถึงแค่บ้านโคกชาด มีรถหลายคันจอดอยู่และได้ให้สัญญาณไฟ จึงได้จอดดูแล้วปรากฏว่าเป็นรถที่จะนำสังขารหลวงปู่ไปที่วัดบ้านขยุง ได้บอกหลวงพ่อพุฒว่าให้กลับไปที่วัดไพรพัฒนา แล้วก็ขับออกนำหน้า หลวงพ่อพุฒก็ได้นั่งรถตามมา พอมาถึงวัดเห็นรถที่มีสังขารหลวงปู่จอดอยู่ที่ด้านทิศตะวันออกของศาลา จึงได้บอกว่าอย่าพึ่งทำอะไรให้อยู่อย่างนี้ก่อน และได้สั่งให้พระลูกวัดจัดเตรียมสถานที่ตั้งศพบนสาลา ส่วนหลวงพ่อพุฒเองได้นำธูปเทียนมากราบไหว้ขอขมาลาโทษ และนิมนต์ร่างของหลวงปู่ขึ้นมาตั้งตรงสถานที่ๆ จัดไว้บนศาลา และได้จุดธูปอธิษฐานว่า
    “ หากเป็นความประสงค์ของหลวงปู่จะให้ลูกหลานบำเพ็ญกุศลในที่นี่จริง ก็ขอให้ดำเนินการไปโดยเรียบร้อย และขอให้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้มาร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกัน” ต่อจากนั้นได้ดำเนินการบำเพ็ญกุศลให้กับหลวงปู่อย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
    นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเหตุใด สรีระของหลวงปู่สรวงจึงได้มาตั้งบำเพ็ญ กุศลอยู่ที่บ้านไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
    คำสอนของหลวงปู่สรวง
    ที่เราได้ยินบ่อยๆ
    ออย เตียน สรูล แปลว่า ให้ทาน มีความสุข
    พรที่หลวงปู่สรวง
    ให้เราตลอดมา
    บายตึ๊กเจีย แปลว่า ข้าวน้ำดี
    หมายถึง ให้อยู่ดีมีสุข อุดมสมบูรณ์ด้วย ความพอเพียง
    ทางเข้ามากราบไหว้หลวงปู่เป็นประจำและมีจำนวนมาก จึงทำให้บางคนก็สมหวังได้มีโอกาสกราบนมัสการ บางคนก็มาไม่พบต้องคอยหลวงปู่เป็นเวลานานกว่าหลวงปู่จะกลับมาถึงแม้จะต้องพบกับความลำบากเพียงใด ลูกศิษย์ก็ทนรอได้ เพียงขอให้ได้มีโอกาสกราบนมัสการหลวงปู่สักครั้งในชีวิต
    หลวงปู่เป็นพระที่มักน้อย สันโดษ สมถะ มีความอุเบกขาสูงสุดให้ความเมตตากับผู้ที่ได้พบเห็นทุกคน และให้ความสำคัญกับทุกคนเท่ากันหมดไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนยากจน เป็นเศรษฐี คนเข็ญใจหรือรู้จักหลวงปู่มานาน ก่อนหลังหรือได้ติดตามรับใช้หลวงปู่มานานๆ ก็ตาม ท่านไม่เคยเอ่ยปาก นับว่าเป็นศิษย์หรือให้สิทธิ์พิเศษแก่คนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะแม้แต่ครั้งเดียว ทุกคนจะได้รับความเมตตาจากหลวงปู่เท่ากัน จึงทำให้มีผู้มากราบไหว้หลวงปู่เป็นประจำและจะกลับมากราบไหว้หลวงปู่อีก เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
    ความเป็นอยู่ของหลวงปู่ ท่านจะอยู่อย่างเรียบง่ายจำวัดอยู่ตามกระท่อมปลายนาหลังเล็กๆ มีไม้กระดานเพียงไม่กี่แผ่น บางครั้งก็มีเพียง 2-3 แผ่น พอนอนได้เท่านั้นทุกแห่งที่หลวงปู่จำวัดอยู่จะมีเสาไม้ไผ่สูงๆปักอยู่ มีเชือกขึงระหว่างกระท่อมกับเสาไม้ หรือต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มีว่าวขนาดใหญ่ทำด้วยจีวรหรือกระดาษผูกไว้เป็นสัญลักษณ์ และที่สำคัญคือหลวงปู่จะก่อกองไฟไว้เสมอ บางครั้งลูกศิษย์เอาของไปถวาย หลวงปู่ก็จะโยนเข้ากองไฟ ฉะนั้นถ้าเห็นว่ากระท่อมใดมีสิ่งของดังกล่าวก็หมายความว่าที่แห่งนั้นหลวงปู่เคยจำวัดหรือเคยอยู่มาก่อน

    24 ชั่วโมง ก่อนหลวงปู่ละสังขาร
    ********************************
    ********************************

    ตามปกติหลวงปู่จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถนั่งรถเดินทางไปไหนมาไหนได้เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน โดยหยุดพักเพียงเล็กน้อย ท่านไม่ค่อยเจ็บป่วยหรือแสดงอาการว่าเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด จะมีบ้างก็เป็นการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆและก็หายได้ในเร็ววัน โดยไม่เคยฉันยา เพิ่งจะมีอาการป่วยปรากฏในไม่กี่เดือนหลังมานี้ หลวงปู่มีอาการป่วยและไม่ฉันอาหารติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน
    วันที่ 7 กันยายน 2543 เวลาประมาณ 17.00 น. หลวงปู่ได้เดินทางเข้าไปในจังหวัดศรีสะเกษ และได้พบกับลูกศิษย์ นายสมยศฯ ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) สาขาศรีสะเกษ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่เองก็มีอาการป่วยคือมีเสมหะ และเสียงแหบแห้ง พูดฟังไม่ค่อยชัดและได้ออกจากธนาคารกรุงเทพฯ ไปที่บ้านอาจารย์ทวีศักดิ์ ในระหว่างที่ลูกศิษย์หารือกันว่าจะพาหลวงปู่ไปหาหมอที่อำเภอประโคนชัย(หมอไฮ) หลวงปู่ก็ตื่นขึ้นมาและขอน้ำล้างหน้า

    หลวงปู่ได้บอกกับนายสมยศว่าจะขอกลับบ้านที่บ้านตะเคียนรามด้วย พวกลูกศิษย์ที่อยู่ในขณะนั้นได้ขอร้องให้หลวงปู่ไปหาหมอที่อำเภอประโคนชัย แต่หลวงปู่ไม่ยอมจึงได้พาหลวงปู่ไปที่บ้านตะเคียนราม
    ถึงเวลาประมาณ 20.00 น. และหลวงปู่ได้นั่งอยู่ในรถสักครู่ใหญ่ๆ และได้บอกให้ลูกศิษย์ก่อไฟและลงไปผิงไฟ ลูกศิษย์ที่ติดตามมามี นายสัญชัย(เจ้าของรถ) , นายดุงกับภรรยา , นายสมยศ (เจ้าของบ้าน) และหลวงปู่ได้ผิงไฟและให้นวดเฟ้นให้จนถึงเวลาประมาณ ตีหนึ่งเศษ หลวงปู่ก็บอกว่า “จะไปตามทางตามเพลา” โดยมีเพียงหลวงปู่และนายสัญชัยเป็นผู้ขับรถเท่านั้น และหลวงปู่ได้เดินทางไปที่กระท่อมข้างวัดป่าบ้านจะบก จนกระทั่งถึงเวลาประมาณบ่ายสองโมงของวันที่ 8 กันยายน 2543 อาการป่วยของหลวงปู่ก็กำเริบหนักขึ้น หลวงปู่ได้บอกกับลูกศิษย์ว่าจะไปที่บ้านรุน และได้ให้นายกัณหา ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งซึ่งอยู่บ้านละลมถอดเสื้อออกมาเพื่อพัดด้านหลังให้กับหลวงปู่ หลังจากพัดอยู่นานพอสมควรก็ได้บอกให้ลูกศิษย์ที่รวมกันอยู่ในกระท่อมในขณะนั้นช่วยกันงัดแผ่นไม้กระดานที่หลวงปู่นั่งทับอยู่ออกมาหนึ่งแผ่น ทั้งที่หลวงปู่ยังนั่งอยู่บนกระดานแผ่นนั้น พองัดออกมาได้หลวงปู่ก็ได้พนมมือไหว้ไปทุกสารทิศ

    _oc=AQlJ8kkVyaWy64tFFhajSa6n-q1fecl-Ma5EmE08ijCgyc4JEAxE9DlXTrXs4nyxBDs&_nc_ht=scontent.fbkk14-1.jpg
     
  16. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    27460.jpg
    เดินทางปลอดภัย..โชคดี เฮงๆ รวยๆ คร้าบ
     
  17. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    เจอตะกรุดสาริกา...ส่วนหนึ่ง...จัดมาร่วมในบุญนี้ด้วยเลยครับผม...เอาให้คุ้ม ให้อิ่มบุญกัน...ถ้าเจออีกก็จะเอามาเพิ่มอีกครับ
    djHnBRWa2fD1.jpg p36IxjthumYk.jpg Iq3wJ6NiyTXF.jpg
    บารมีหลวงคุ้มครอง...สาธุ
    QgLB6vgXp2LE.jpg 8AfZprUhQh5g.jpg
    เนื้อทองแดง
    8A4dPQjYOYJx.jpg Qy8xIEhSj8Qh.jpg
     
  18. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    03fcd6c062e79e4544da40ad024220a8.jpg
    เดินทางปลอดภัย...เฮงๆรวยๆนะครับ
     
  19. clubzaleng

    clubzaleng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,482
    ตะกรุดสาริกาเปิดให้ร่วมบุญดอกละเท่าไรครับ
     
  20. namayti

    namayti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    17,435
    ค่าพลัง:
    +4,932
    ...รวมแถมไปในชุดเจ้าภาพครับ...กำลังหาเพิ่ม ให้ได้มงคลไปร่วมๆ 10 รายการ ได้บุญได้มงคลดีๆด้วย สุดคุ้มไปเล้ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...