คนที่มี วิตกจริต และโมหะจริต
พุทธองค์ให้เริ่มต้นที่ อานาปานสติ เพราะจิตมีความฟุ้งมาก
ต้องลดฟุ้งได้ก่อน เจริญกรรมฐาน จึงจะก้าวหน้า
เรื่องการเพ่งกสิณนะค่ะ
ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย plokm, 22 มีนาคม 2010.
หน้า 2 ของ 2
-
เลือกกรรมฐานที่เหมาะกับตนหรือเหมาะกับจริตตนใช่หรือไม่
เราไม่รู้ว่าเราควรฝึกอะไร ทางที่จะสำเร็จมรรคผลนิพพานก็นานขึ้นไป
เพราะเราก็ฝึกของที่ยาก ไม่ตรงกับจิตของตนเอง
เรายังไม่รู้เลยว่า จิตตนเองชอบแบบไหน
เราไม่รู้ หรือว่ารู้แล้ว -
ขอบพระคุณคุณแสนสวาทนะคะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ
-
ทำไมต้องเริ่มที่กสิณ
สังเกตุนะ กสิณกรรมฐาน พุทธองค์บอกไว้มี ๔๐ กองกรรมฐาน
อะไรอยู่แรกสุด คืออะไร ลองหาอ่านดูนะคะ ไม่ยากจะหาเจอ
กสิณดิน หรือ ปฐวีกสิณกรรมฐาน เป็นกรรมฐานที่บาทฐานแข็งแรงและมั่นคง
กรรมฐาน แปลว่าอะไร????ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
กรรมฐาน แปลว่าอะไร บางคนยังไม่ทราบ
-
ทางไปนิพพานของมนุษย์ มีสองเส้นทางคือ เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ
ลองหาอ่านดู
เคยเห็นใน youtube เคยค้นเจอ บัดนี้หายไปไหนไม่รู้เหมือนกัน -
กสิณ ๔ ธาตุ
เป็นกสิณกลาง เหมาะกับทุกจริต ฝึกได้ ไชโย !!! ไม่ต้องค้นหา
อันได้แก่ กสิณดิน กสิณน้ำ กสิณไฟ กสิณลม
ยังมีอีก ๖ กรรมฐาน ที่ฝึกได้ไม่ต้องถามใคร แล้วอะไรเล่า.......
หาคำตอบในวันอาทิตย์นี้ได้ ฝึกง่าย ๆ ไม่ต้องเครียด
คลิกตรงนี้ แล้วพาตัวไปฝึกกสิณได้เลย วันเวลาไม่คอยใคร -
เพ่งกสิณภาพเลือนหลายไป
ภาพกสิณจะเกิดในจิต บางคนไม่เกิด เพราะไม่มีของเดิม
เรียกว่า ภพเดิมไม่เคยฝึกมาก่อน ชาติก่อนหน้านี้หลายชาติไม่เคยฝึกกสิณกองนี้
เพ่งเท่าไรก็ไม่เห็นภาพ
ลองทำแบบนี้ดูนะ
คือบริกรรมคำว่า ปฐวีกสิณัง หากฝึก กสิณดิน หรือ ดิน ๆ ๆ
บริกรรม อาโปกสิณัง หากฝึก กสิณน้ำ
บริกรรม วาโยกวิณัง หากฝึก กสิณลม
บริกรรม เตโชกสิณัง หากฝึก กสิณไฟ
ภาพนิมิตอาจไม่ปรากฏเป็นปีเลย เพราะอะไร เพราะอยากมากไป
ความอยากเป็นอกุศลเกิดขึ้นในจิต อยากสำเร็จเลยไม่สำเร็จ
ลดความอยากลง เอาเป็นว่า ได้ฝึกกรรมฐานก็พอ
แค่นี้ พอลดความอยากลง จิตก็ไม่ติด ภาพนิมิตอาจมาได้
เมื่อภาพปรากฏเพราะปฏิบัติถูกต้อง ให้ลืมตามามองใหม่
หากภาพยังไม่ปรากฏก็ลืมตามามองใหม่เหมือนกัน -
ภาพของกสิณอาจไม่เป็นไปดังที่คิด
คือเพ่งดิน เห็นน้ำเฉยเลย อันนี้ เป็นกสิณโทษนะ
อย่าหลงไป ไม่ใช่ว่า ได้น้ำ เอาล่ะ เปลี่ยนกองกสิณเลยดีกว่า
เสร็จเลย โดนหลอก จิตเราโดนหลอก
ให้มั่นคงว่า เพ่งดิน ภาพต้องเป็นสีอรุณ ไม่เปลี่ยนเป็นน้ำ หรือไฟ หรืออื่น ๆ
มีหลายคนที่มีเทพ เห็นเทพมาตอนฝึกกสิณ ก็ดีใจ เป็นปลื้มว่าตนได้เห็นเทพ
เลยคว้าเอาเทพเข้าร่างเลยกลายเป็นร่างทรงไปเลย -
คำว่า มั่นคง คือเอกกัคคตา นั่นเอง
ไม่หลงไปที่อื่น จิตเราเป็นเอกัคคตา อารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จะทำให้เกิดนิมิตได้ง่าย
เมื่อภาพมา แล้วค่อยต่อกันใหม่ดีกว่า เพราะบางคนยังไม่มาเลย
หมดกำลังใจ บอกว่าช้าจัง ไม่อยากฝึกต่อไป
กลับไปอ่านกระทู้ 31 ใหม่
เป็นกำลังใจให้นะ ค่อยฝึกไป หนึ่งวันหนึ่งเดือนหนึ่งปี หลายปี
ร้อยครั้งพันครั้งหมื่นครั้งอส่งไขยครั้ง กัปปกัลย์ ฝึกไปเลย
ตายเป็นตาย แบบนี้สำเร็จ
สู้ไม่ถอย จะสำเร็จ -
องค์ประกอบหลายอย่างในการฝึกกรรมฐาน
๑.ร่างกายไม่พร้อม
๒.สัปปายะไม่ใช่
๓.เวลาไม่เหมาะ
๔.ไม่ถนัดกองกรรมฐานนี้
หลายประการที่เป็นองค์ประกอบ แต่เรามักไม่ได้ใส่ใจ
ไม่เคยสังเกตุว่า เหตุใดจึงฝึกได้ดีวันนี้ และไม่ได้ดีวันนี้
ครั้งหนึ่งที่ดิฉันนั่งฝึกกรรมฐานอยู่หน้าถ้ำ ไม่ใช่สัปปายะของตน
จิตไม่สามารถเป็นสมาธิได้เลย ตลอดหนึ่งชั่วโมง จะลุกขึ้นมาก็ใช่ที่
ตื้อทนไง่นั่งอยู่อย่างนั้น แล้วไม่ได้อะไรเลย
ไม่สมควร ควรหลีกออกมา หาที่ใหม่ หากทราบ
ฉะนั้นควรมีบันทึกไว้ว่า ที่ไหน เวลาเท่าไร
การกินอาหารประเภทไหนที่เราเดินกรรมฐานได้ดี
และจิตเป็นอย่างไรก่อนฝึกน่ะ
ละเอียดหน่อยก็จะเข้าใจได้ว่า เพราะอะไรเราจึงฝึกได้ และไม่ได้ -
กสิณเป็นเหมือนของเล่นจากสัญญาของเราเอง
-
บางคนไม่มีสัญญาของกสิณ ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน
การควบคุมธาตุสี่ ด้วยการฝึกกสิณ เป็นเรืองธรรมดาหรือ.......
หากใครก็ตามรู้กฎนี้ คนนั้นก็ หลุด
ทางแห่งฌาน ๔ ทางที่ง่าย เดินทางสั้นหน่อย ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ
จะทำจริงหรือเล่น ก็จะได้ผลจริงหรือเล่น
จิตไม่ตั้งมั่นแล้วไม่ได้อะไรเลย อย่าให้เสียชาติเกิดนะ -
รู้ได้ไง ว่าเคย ฝึกกสิณมาก่อน
ลองไม่ยาก ครั้งเดียวก็รู้เรื่อง -
กสิณ เป็นกรรมฐาน บาทแรก
ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบอกไว้ว่าเป็นทางแห่งนิพพาน
หากปฏิเสธกสิณ เท่ากับปฏิเสธพระพุทธเจ้า -
ธรรมะ ไม่ใช่ของเล่น เป็นของจริง
เรียนรู้เล่น ไม่รู้อะไรเลย
คนเอาธรรมะไปเล่น ก็ยังไม่พ้นโลก -
ท่านมีทางเดินที่เคยผ่านมาไม่เหมือนกัน
บางคน เดินทาง ทางสายเจโตวิมุตติ ถนัดกับอุปนิสัยของท่าน
บางคน เดินทาง ทางสายปัญญาวิมุตติ ถนัดกับอุปนิสัยของท่าน
บางคน จิตมีความฟุ้งมาก ได้แก่นักคิดและคนที่สะสมโมหะไว้มาก
บางคน จิตมีศรัทธา เป็นคนเชื่ออะไรง่าย ก็ต้องมีปัญญากำกับ
บางคน จิตเป็นนักพิจารณา เรืองอะไรก็ต้องไตร่ตรองหาเหตุผล
บางคน จิตมีโทสะ ขี้โมโห ขี้โกรธ ขี้ระแวง ขี้น้อยใจ
บางคน จิตมีราคะ มีความอยากไดอยากมีอยากเป็น
คนเหล่านี้ ไม่สามารถเดินทางได้แบบเดียวกัน
จำต้องมีวิธีที่ต่างกันไป
หากได้ทางของตนแล้วก็เดินทางนั้น
หากยังไม่ได้ ปฏิบัติไปหลายสิบปี ก็ย่ำอยู่ที่เดิม
หากรู้ แล้วก็บอกเรื่องที่ตนรู้
ทุกอย่างไม่ใช่เรืองง่าย
ไม่ใช่จะหลุดอย่างง่าย ๆ
หากไม่รู้ทางของตน
ขอให้ทุกท่านมีทางเดินของตนเองในเร็ววัน
ขอให้ท่านเจริญในธรรมะ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ขอให้ท่านเผยแพร่พระธรรมของพุทธองค์อย่างแลกด้วยชีวิต
ขอให้ท่านพบทางของตน
สาธุ
แสนสวาท -
แนะนำกระทู้ เผื่อว่ามีวาสนาต้องกัน
เพื่อเผยแพร่ธรรมะ และกสิณกรรมฐาน
การรู้กสิณเพื่อควบคุมธาตุ
การรู้ดวงชาตาเพื่อพยากรณ์ธาตุ
และรู้การปรับธาตุจากการศึกษายาเบญจกูล ไม่ต้องเปลืองค่ายา
กระทู้ หลักธรรมของจริตแต่ละประเภท คลิก
เพื่อทราบว่าต้องเดินทางตามหลักธรรมใด
ฝึกวิปัสสนาแนวสติปัฏฐาน ๔ และฝึกกสิณแม่ธาตุ ๒ วัน คลิก
เปิดสอน เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้น ให้ท่านนำไปปฏิบัติได้
เรียนรู้ว่า กรรมจะเกิดเมื่อไร ที่ไหน หนักอย่างไร คลิก
โดยหลักของเกิดของกรรม ระยะของกรรม ผลของกรรทและ แนวทางการแก้ไข
คัมภีร์มหาจักรพรรดิราช เพื่อแก้ไขกรรมด้วยตนเอง ดูชาตาด้วยตนเอง
มาเรียนกี่คนก็ได้ แต่ไม่จบทุกคนที่มาเรียน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
หน้า 2 ของ 2