เรื่องของ ฝ้า

เรื่องของ 'ฝ้า'

<TABLE id=Table9 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left height=118><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff height=32><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>เรื่องของ 'ฝ้า'


</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left>เป็นสิวยังพอทน แต่เป็นฝ้านี่สิคะ ไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไรเลย ซึ่งฝ้านั้นถือเป็นปัญหาที่ผู้หญิงเกรงกลัวกันมาก โดยเฉพาะสาวเอเชียที่มีค่านิยมชื่นชอบผิวหน้าขาวสะอาด ไม่มีไฝฝ้าราคี แต่ด้วยภูมิอากาศที่เป็นประเทศเขตร้อน ปัญหาฝ้าจึงพบมากในชาวเอเชีย สำหรับคนไทยแล้วจะพบมากในกลุ่มผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป
สาเหตุของการเกิดฝ้านั้น มีด้วยกันหลายอย่าง แต่ปัจจัยหลักๆ คือ แสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิงเปลี่ยนแปลงเพราะทานยาคุมกำเนิด แสงไฟนีออนในบ้าน รวมถึงความร้อน ก็มีส่วนทำให้เกิดฝ้าได้ เมื่อมีการสะสมของปัจจัยที่กระตุ้นต่างๆเข้าด้วยกัน รังสียูวีทะลุทะลวงลงไปใต้ชั้นผิว ทำให้เซลล์เม็ดสีต้องสร้างเม็ดสีมากขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสียูวี เม็ดสีเหล่านี้จึงฟ้องออกมาให้เห็น ที่เราเรียกกันว่าฝ้า
ซึ่งฝ้าถูกแบ่งชนิดให้เห็นความต่าง 3 ประเภท ได้แก่ ฝ้าแบบตื้น เป็นสีน้ำตาล สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงจากแสงแดด รวมไปถึงการใช้ครีมกันแดดกับครีมไวท์เทนนิ่ง ซึ่งต้องไม่มีส่วนผสมของ