คำถาม: ในพวกจดหมายที่ฉันได้รับมามันมันจะมีคำถามว่า,คุณควรจะอธิบายถึงลงไปในรายละเอียดของเรื่องฟิสิกส์ที่ก้าวหน้าที่คุณพูดถึงในคราวก่อน หลายๆ คนบอกว่า,คำพูดของคุณดูไม่หนักแน่น ยกตัวอย่างเช่น,UFOs ทำงานอย่างไร,มันบินได้อย่างไร,มันมีกระบวนการอย่างไรถึงเหาะได้?
คำตอบ: ฉันควรจะอธิบายสิ่งเหล่านั้นให้พวกเขารู้ใช่ไหม? มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ให้เวลาฉันคิดหน่อย ฉันจะพยายามใช้คำง่ายๆ ที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจถึงหลักการพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ลองดูแล้วกัน:คุณต้องเข้าใจกระจ่างถึงความจริงพื้นฐานบางอย่างก่อน สิ่งแรกนั้นคุณต้องแบ่ง[divide up]มโนคติเกี่ยวกับโลกทางกายภาพเพราะว่าวัตถุแต่ละชิ้นนั้นประกอบไปด้วยหลายๆ ชั้น;จะอธิบายให้มันเข้าใจง่ายๆว่ามันประกอบด้วยภาพลวง(illsuion)ของวัตถุและ sphere of influence[ทรงกลมแห่งอิทธิพล??]{หมายเหตุของคนแปล[จากภาษาสวีเดนเป็นอังกฤษล่ะมั้ง]:ยังไม่มีการบัญญัติความหมายของคำว่า 'Feldraum';"Feld" หมายความว่า "field","Raum" หมายความว่า "space,room,expanse" ดังนั้นฉันจึงแปลมาเป็นคำว่า "sphere fo influence"} เงี่อนไขทางฟิสิกส์จะสามารถเกี่ยวข้องกับทางวัตถุ{สิ่งที่เป็น'รูปธรรม'}ได้อย่างเดียวเท่านั้น,ระหว่างที่เงื่อนไขอย่างอื่นและซับซ้อนมากกว่าจะสามารถเกี่ยวข้องกับ sphere of influence ของวัตถุได้ ความรู้ทางฟิสิกส์ของพวกคุณตั้งอยู่บนพื้นฐานของภาพลวง[illusion]ของวัตถุอย่างพื้นๆ ภาพลวงเหล่านี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นสถานะพื้นฐานสามสถานะ มันมีสถานะที่สี่และเป็นสถานะที่สำคัญมากอยู่ด้วย,ซึ่งคุณได้ให้ความสำคัญกับมันมากหรือน้อยก็แล้วแต่คุณ;มันเป็นขอบเขตของ sphere of influence หรือ พลาสม่า สำหรับคุณ,ทฤษฎีสำหรับการควบคุมการเปลี่ยนรูปหรือการทำให้ความถี่ของวัสถุสูงขึ้นและการที่สถานะที่สี่ของวัตถุแต่ละอันมารวมกันได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายเลย,และมันเกิดขึ้นที่ระดับพื้นฐานของวัตถุ(สสารนั้นมีสถานะอยู่ 5 สถานะ,แต่สถานะช่วงก่อนที่จะเป็นพลาสม่า[post-plasma] เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาว,และมันจะทำให้คุณสับสนซะเปล่าๆ นอกจากนั้น,มันไม่มีความจำเป็นในการเข้าใจทฤษฏีพื้นฐาน;ที่มันเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คุณบอกว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ) เอาล่ะ,กลับมาเรื่องที่สำคัญ:พลาสม่า...แต่พลาสม่าที่พูดถึงนี้ไม่ใช่พลาสม่าที่มีความหมายแค่ว่า "ก๊าซร้อน" - คำจำกัดความของพลาสม่าของพวกคุณเป็นอะไรที่พื้นๆมาก - แต่ฉันหมายความไปมากกว่านั้นฉันหมายถึงสถานะของวัตถุที่มี aggregate[ซึ่งรวมกัน?พลวัต?]สูงมาก สถานะพลาสม่าของวัตถุเป็นรูปร่างของวัตถุที่พิเศษที่ซึ่งอยู่ระหว่างโลกกายภาพกับ sphere of influence เพราะว่ามันไม่มีมวลและมีได้หลายรูปแบบของการดึงพลังงานมารวมกันเมื่อวัตถุถูก "pushed or shoved" {คำอธิบาย:ไม่มีคำคธิบายที่ดีกว่าในการใช้คำว่า "pushed, shoved"ที่ใช้ในบทความนี้ คุณคงต้องเดาความหมายเอาเอง} สถานะที่สี่ของสสารนั้นเป็นสถานะที่สำคัญมากสำหรับสถานะภาพทางฟิสิกส์ที่ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้อย่างเช่น...ฉันจะอธิบายยังไงดีล่ะ...สร้างแรงต่อต้านแรงโน้มถ่วง[antigravity](นั่นเป็นคำของมนุษย์ที่ดูแปลกและความหมายไม่ถูกต้อง,แต่เพื่อให้คุณเข้าใจว่ามันเป็นอย่างนี้) โดยเฉพาะ,ในโลกทางกายภาพ,มันไม่มีแรง bipolar[แปลตรงตัวแปลว่ามีสองขั้ว] แต่มันเป็น "observer depondent reflective behavior[พฤติกรรมสะท้อนกลับที่ขึ้นตรงกับผู้สังเกต?]" ของแรงชนิดเดียวกัน,ในแรงจำนวนมากมายที่ต่างระดับกัน การใส่แรงต่อต้านแรงโน้มถ่วงหรือการเปลี่ยนตำแหน่ง[displacement]ของคุณสมบัติเฉพาะตัวของแรงโน้มถ่วงเข้าไปในสถานะที่สี่ของวัตถุ,ทำให้เกิด,ตัวอย่างเช่น ทำให้วัตถุที่เห็นนั้นลอยตัวขึ้น ; วิธีนี้นำเอาไปใช้โดยพวกเราและโดยเอเลี่ยนในการขับเคลื่อน UFOs คนของคุณมีความรู้แค่พื้นฐานนิดหน่อยในการดำเนินการโปรเจคลับทางการทหาร,แต่เพราะว่าคุณได้ขโมยเทคโนโลยีนี้มา(และมันตั้งใจที่จะส่งมายังคุณแบบผิดๆโดยเอเลี่ยน),ดังนั้นคุณจึงขาดความเข้าใจในเรื่องฟิสิกส์ที่เป็นของจริง;ผลที่ตามมา,ทำให้คุณติดอยู่กับปัญหาเรื่องการไม่เสถียรและการแผ่รังสีของ "UFOs" ของคุณ ตามข้อมูลที่ฉันมี,มีคนของคุณตายเป็นจำนวนมากเพราะว่าโดนรังสีและสนามพลังที่เข้มข้นรบกวนการทำงานของร่างกาย คุณเห็นด้วยมั้ย,นี่เป็นตัวอย่างอันของคำถามที่ว่า"ดี"หรือ"เลว"? ผู้คนของคุณเล่นกับสนามพลังที่พวกคุณไม่รู้จักและยังจะยอมที่จะให้เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของคุณตาย,สำหรับเหตุผลที่ยิ่งใหญ่,ที่ชื่อว่า,เพื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของพวกคุณ,ซึ่งผลลัพธ์ของเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะถูกนำไปใช้ในสงคราม,ฯลฯ,สำหรับด้านที่ไม่ดี ตอนนี้ฉันก็ได้บอกไปมากกว่าเรื่องที่คุณถามมาถึงเรื่องที่มีพวกคุณน้อยคนที่รู้เกี่ยวกับโปรเจคของเอเลี่ยนเหล่านี้ซึ่งเป็น - ตามคำพูดของคุณ - เป็นความลับสุดยอด พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นได้บอกเลขอะตอมของธาตุที่สูงซึ่งทำให้เงื่อนไขมันเพิ่มขึ้น,แต่ว่ามันก็ถูกแต่บางส่วน ถ้าคุณไม่สามารถหลักเลี่ยงพลังงานเหล่านี้ได้,คุณก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับมัน แต่พวกคุณนั้นยังโง่และก็ยังไปยุ่งกับพลังงานที่ยังไม่รู้จัก เมื่อไหร่พวกคุณจะเปลี่ยนแปลงซักทีเนี่ย? คุณจำเรื่องการรวมตัวของทองแดงได้มั้ย?ในสนามพลังที่ปั่นป่วน[fluctuation] ที่การเหนี่ยวนำสนามการแผ่รังสี[radiation field] ที่ถูกองศา,ทองแดงจะรวมตัวเข้ากับธาตุอื่นๆ(ภาพลวงของวัตถุจะรวมเข้าด้วยกัน,สนามพลังของ sphere of influence จะซ้อนทับซึ่งกันและกัน,แต่ว่าพลังงานหลักจะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการนั้นและดูเหมือนว่าเป็นคุณสมบัติของ quasi-bipolar[quasi หมายความว่า ดูเหมือน]) ผลของการรวมกันนี้และของสนามพลังทำให้ไม่เสถียรในสภาพปกติสำหรับสสารและไม่สามารถทำไปใช้งานได้ ผลลัพธ์ของมัน,ทำให้ช่วงสเปคตรัมทั้งช่วงเลื่อนขึ้นไปอยู่ในขั้นที่สูงขึ้นกลายเป็นสภาพที่คล้ายๆ พลาสม่า,ในการที่สเปคตรัมทั้งช่วงเลื่อนไปยังขั้ว[pole]ด้านตรงข้าม- คำที่ใช้ 'ไม่' ถูกต้อง -ของสนามพลัง[force field] และมันคล้ายคลึงกับการเลื่อนระดับ[shift] ที่มาจากแรงดึงดูดโลก การเลื่อนระดับนี้ทำให้เกิด "การเอียง" ของ repulsing[การขับไล่?]ของแรง quasi-bipolar, ที่ซึ่งตอนนี้ไม่ไหลอยู่ข้างในสนามพลังไล่,แต่บางส่วนยังไหลออกมาสู่ข้างนอกสนามพลัง ผลของมันก็คือทำให้เกิดการแยกออกเป็นชั้นๆระหว่างสนามพลังที่ซึ่งทำให้ยุ่งยากที่จะปรับเปลี่ยนภายในขอบเขตทางเทคนิคในความสัมพันธ์ของคุณสมบัติเฉพาะตัวของมันเอง มันยังทำให้นำมาใช้ได้หลากหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ทำให้วัตถุสามารถลอยขึ้นมาได้ มันยังสามารถใส่ความสามารถในการพรางตัวในพื้นที่ที่การแผ่แม่เหล็กไฟฟ้าไปถึงโดยการปรับเปลี่ยนความถี่- โดยแท้จริงแล้วมีขอบเขตจำกัด -และสิ่งอื่นๆ ด้วย คุณเข้าใจเรื่อง "quantum tunnel effect" ที่วิทยาศาสตร์ของคุณกล่าวไว้ดีไหม? แม้แต่ความกว้างของช่วงคลื่นในหมู่สสารจะเท่ากันก็ยังสามารถได้รับผลของสนามพลังเหล่านั้นแบบใดแบบหนึ่งถ้าความถี่และและระยะทางจาก plane[หน้าตัด?]ของสนามพลังงานสูงเพียงพอ โชคไม่ดี,ทุกๆ สิ่งที่ฉันได้อธิบายด้วยคำพูดของคุณนั้นอธิบายออกมาด้วยคำที่พื้นๆ ฉันกลัวว่า มันฟังดูแปลกๆ และไม่ทำให้คุณเข้าใจมันได้,แต่บางทีคำอธิบายอย่างง่ายๆ นี่นั้นบางส่วนจะสามารถทำให้คุณเข้าใจได้ แต่ขอพูดอีกครั้ง,อาจจะไม่
คำถาม: ดี,ต่อไปพูดเกี่ยวกับเรื่อง UFOs แล้วกัน คุณอธิบายให้หน่อยได้มั้ยว่ารัฐบาลของพวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง UFO จนถึงจุดที่ว่ามีโปรเจคที่จะสร้าง UFO ขึ้นมาได้ยังไง? มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวล[Roswell]หรือเปล่า?
คำตอบ: ใช่แล้ว แต่ว่าเหตุการณ์ UFO ตกในครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งแรก ฉันไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์,ฉันศึกษาแค่ความประพฤติของพวกคุณในขณะนี้,ดังนั้นความรู้ของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ในตามประวัติศาสตร์ของคุณแล้วจึงไม่รู้ชัดเท่าไหร่ ฉันจะบอกคุณตามที่ฉันรู้ก็แล้วกัน ขอเวลาฉันนึกสักหน่อย ตามช่วงปี 1946 ถึง 1953 ในเวลาของคุณ, มีห้าเหตุการณ์ที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนตกมายังผิวโลก ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลด้วย, มันไม่ได้มีแค่ยานเอเลี่ยนลำเดียว,แต่มีสองลำที่ตกหลังจากการปะทะกันในที่ส่วนอื่นของดินแดนในตะวันตก-คือที่คุณเรียกว่าอเมริกา(คุณควรรู้ว่ายานบินของพวกเผ่าพันธุ์นี้ยังสามารถลอยตัวอยู่ได้ในอากาศเป็นระยะเวลาหนึ่งแม้ว่ายานจะเสียหาย;นั่นเลยทำให้มันตกคนละที่{กับที่ที่มันชนกันกับที่ที่ตก}) เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองและสาม[เนื่องด้วยมี UFO สองลำที่ชนกันและตกลงมา] ลำอื่นนั้นตกมาในปี 1946[เหตุการณ์ที่รอสเวลเกิดปี 1947] แต่ว่ามันเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะอธิบายต่อ: มันคงดูเป็นเรื่องน่าขันสำหรับคุณที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนที่เจริญมากๆ ตกลงมาได้,และดูเป็นจำนวนมากในเวลาสั้นๆ คำอธิบายในเรื่องนี้อาจฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรื่องจริง มันไม่เป็นเรื่องโกหกที่ยานบินมีตัวขับเคลื่อนในตัวมันเอง,แต่ว่ามันก็ยังอาศัยสนามแม่เหล็กโลกด้วย เผ่าพันธุ์นั้นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่-และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์นี้ใช้ยานที่รูปร่างเหมือนจานอยู่-ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ขับเคลื่อนยานโดยใช้หลักการฟิวชั่นแต่แค่อย่างนั้นอย่างเดียวนั้นในชั่วเวลานั้นไม่เป็นไปตามวิธีการบินที่ต้องสอดคล้องกับสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างมาก วิธีนี้มีข้อดีหลายอย่างแต่ก็มีข้อเสียด้วย สนามพลังที่ถูกขับออกมานั้นจะต้องสอดคล้องในมุมที่เหมาะสมกับผิวโลก เผ่าพันธุ์นี้ใช้เทคโนโลยีในการปรับเปลี่ยนสนามพลังที่ถูกขับออกมานี้,เป็นแบบล็อกค่าไว้เป็นค่าเดียวกันในทุกจุดของสนามแม่เหล็กโลก ตอนนั้นพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้พึ่งเข้ามายังโลกและดาวของพวกเขานั้นมีสนามแม่เหล็กที่คงที่,ซึ่งเป็นที่ที่เขาพัฒนาตัวขับดัน แต่สนามแม่เหล็กบนโลกนั้นไม่คงที่; มันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรและทำให้เกิดกระแสหมุนวน [eddy] ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เหมาะสม เมื่อยานของพวกนี้เข้าไปในสนามแม่เหล็กที่แกว่งไปมา[fluctuation]หรือ หมุนวน [eddy] ที่แรงมาก, ทำให้สนามพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากยานไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนตัวมันเองให้ถูกต้องในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และระบบนำร่องของยานไม่สามารถควบคุมเส้นทางการบินได้ ตัวขับเคลื่อนทำงานถูกต้องแน่ๆ แต่ว่าสนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนแปลง[fluctuate]ในทุกๆ ทิศทาง เพราะว่าเหตุผลเหล่านั้นทำให้ยานตกลงมา ในการตกเมื่อปี 1947 ตามตำแหน่งที่คุณเจอยานที่ตก,ในความเข้าใจของฉัน ยานลำนึงตกอยู่ในสนามแม่เหล็กที่ปั่นป่วน, มันเกิดขึ้นกับผู้นำฝูงบินและยานลำนั้นได้ชนกับลำอื่นทำให้ยานทั้งสองลำเสียหายมาก สาเหตุของการปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กโลกครั้งนั้นบางทีอาจะเกิดจากการรบกวนทางไฟฟ้าที่มาจากสภาพอากาศ ท้ายสุดยานทั้งสองลำก็ตกลงมา;ยานลำนึงตกลงใกล้ๆ จุดที่ปะทะกัน ส่วนอีกลำตกห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ลูกเรือตายทั้งหมด โครงสร้างบางๆ ของยานไม่แข็งแรงมากนักเพราะว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเผื่อการตกและสำหรับการบินในสนามพลังที่สนามพลังภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง
หลังจากนั้นพวกทหารของมนุษย์ก็ได้มาเก็บชึ้นส่วนยานจนกระทั่งพวกเขาพบยานทั้งลำที่มีศพลูกเรืออยู่ข้างใน ทันทีทันใดนั้นพวกเราก็ระบุว่าทุกๆสิ่งเป็น "ความลับสุดยอด" และนำซากเหล่านั้นไปที่ฐานทัพของพวกเขาเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ตัวขับเคลื่อน ความพยายามอย่างลับๆ ที่จะเอาเทคโนโลยีของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะนำไปใช้กับศัตรูของประเทศที่ยิ่งใหญ่นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ฉันเชื่อว่าฉันจำได้ - ฉันไม่ต้องการที่จะระบุวันเวลาที่แน่นอนลงไป - ว่าในช่วงปี 1949 และ 1952 นั้นมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่างการวิจัยซากยาน ตามที่ฉันได้ยินมา -จากพวกเผ่าพันธุ์ของฉันที่สมาชิกของรัฐบาลนั้นเล่าให้ฟัง- มันเป็นผลมาจากไปกระตุ้นชิ้นส่วนของตัวขับเคลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจในสภาพที่ไม่มีอะไรป้องกัน[unshield]ตัวขับเคลื่อน ผลที่ตามมา ในช่วงเวลาสั้นๆ - ฉันจะใช้คำพูดอะไรดี - มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เปลี่ยนแปลงระดับขึ้นเป็นสภาพที่เหมือนพลาสม่า,ซึ่งในอีกนัยหนึ่ง,ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ถือว่าโชคไม่ดีเอามากๆ,ทำให้เกิดการสร้างสนามพลังที่มากเกินไปในการสั่นสะเทือนทางแม่เหล็กของพลังที่มหาศาล คุณพอจะรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสนามพลัง plasma-manatic เมื่อกระแทกเข้าใส่ร่ายกายสิ่งมีชีวิตแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คงไม่ มันจะทำให้เกิดการปั่นป่วนในโครงสร้างของสนามพลังและไฟฟ้าชีวภาพ[bioelectric] ลองจินตนาการดู,ถ้าคุณนึกออก,ร่างกายของมนุษย์ที่มีไฟลุกท่วมเป็นเวลา 3 หรือ 4 วัน เปลวไฟพวกนี้ไม่ดับและจะเผาพลาญจนกระทั่งองค์ประกอบสุดท้าย ตอนนี้คุณคงรู้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่ามีนักวิทยาศาสตร์ 20 หรือ 30 คนตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น
เหตุการณ์ UFO ตกอีกสองครั้งหลังเกิดขึ้นในปี 1950 และ 1953 ตกลงในส่วนที่เป็นที่กักน้ำของแผ่นดินอเมริกา ยานสามารถกู้ขึ้นมาได้ในสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ (ยานลำที่ตกในปี 1953,เท่าที่ฉันจำได้,แม้ว่าตัวขับเคลื่อนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในความหมายของคุณที่คุณเข้าใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าตัวขับเคลื่อน มันถูกสร้างมาด้วยแนวความคิดที่ไม่ถูกต้องและคุณก็นำเอาไปเป็นแบบทำให้สร้างออกมาก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน จนกระทั่งบัดนี้มันก็ยังไม่ปรังปรุงให้มันถูกต้อง) เผ่าพันธุ์นั้น,ที่สร้างยานของเขาที่ดาวดาวของเขา - เผ่าพันธุ์ที่ฉันนับว่าพวกเขาไม่เป็นมิตรกับพวกคุณ - มีความกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเราไปวิเคราะห์เทคโนโลยีของพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้ทำ,อย่างไรก็ตาม,ก็ในช่วงแรก ทำให้พวกเขามีการติดต่อโดยตรงกับรัฐบาลประเทศนั้นในช่วง 1960 ตามเวลาของคุณ แน่นอนพวกเขาไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าพวกเขามาทำไมที่โลกนี้ -ทองแดง, ไฮโดรเจน, อากาศ นี่เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ- แต่ว่าพวกก็แอบอ้างว่าเป็น "นักวิจัย[researchers]" ที่อยากรู้อยากเห็นและเสนอที่จะให้หลักการการทำงานของยานของพวกเค้าและคาดว่ามี "ความกรุณา" บางอย่างเป็นการตอบแทน ความคิดที่พื้นๆ ของคุณทำให้คุณตกลง...และมันเป็นการหลอกลวงของพวกนั้น คุณให้วัตถุดิบ, คุณให้สถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้พวกนั้นใช้เป็นที่อยู่, คุณให้พวกเขารู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับกำลังทางทหารที่เป็นความลับของพวกคุณ, คุณให้พวกเขารู้ถึง DNA ของพวกคุณและมากมายกว่านั้น-ทั้งหมดนั้นคุณทำไปเพื่อสนองความอยากของคุณที่จะได้มีกำลังทหารที่ยิ่งใหญ่และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังติดต่อกับพวกสัตว์โลกที่มีความคิดพื้นๆ[หรือจะเรียกว่าโง่ก็ได้], พวกเขาให้ข้อมูลที่ผิดๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีกับคุณดังนั้นพวกเขาจึงได้ประโยชน์มากกว่าพวกคุณ ยกตัวอย่างเช่น,พวกเขาให้ข้อมูลว่าตัวขับเคลื่อนนั้นสามารถสร้างโดยใช้ธาตุที่ไม่เสถียรที่มีเลขอะตอมสูงๆ ได้เพียงอย่างเดียว, แต่พวกเขาไม่บอกข้อมูลที่ว่าตัวขับเคลื่นสนามพลังนั้นต้องถูกสร้างด้วยการมีการดัดแปลงหลายอย่างถึงจะทำงานได้ดีด้วยธาตุที่เสถียรและมีเลขอะตอมน้อยกว่า,และต้องทำอย่างนี้มันถึงจะสมบูรณ์ ความจริงเพียงแค่ครึ่งนึงที่พวกเขาบอกไปนั้นทำให้คุณต้องใช้แต่ธาตุสังเคราะห์ที่{มีเลขอะตอม}สูง,และด้วยเหตุนั้นจึงต้องนำไปทำใหม่ด้วยเทคโนโลยีของพวกเขาเอง คำใบ้ของพวกเขาในการสร้าง "UFOs" ของพวกคุณวางอยู่ในแนวทางในการแก้ปัญหาเก่าๆ และก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆตามมา พวกเขาไม่เคยบอกความจริงทั้งหมด,แต่สร้างเรื่องโกหกที่แนบเนียนหลายต่อหลายครั้ง,ที่ทำให้เกิดปัญหาทางเทคนิก-และทำให้ต้องพึ่งพวกเขาตลอด
ในช่วงปลาย 1970 และต้น 1980 ของพวกคุณ เป็นครั้งสุดท้ายที่มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นกับพวกเอเลี่ยนกับรัฐบาลมนุษย์พวกนั้น - ฉันไม่ต้องการพูดลึกลงไปในรายละเอียดเพราะว่ามีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้จริง เหตุการณ์มันเกิดมาจากปัญหาปัญหาทางเทคนิคใหม่,หรือจะพูดให้ดีกว่านั้น,เป็นปัญหาเก่าๆ[ของเอเลี่ยน]กับยานที่พวกคุณสร้างซึ่งการพรางตัวและการขับเคลื่อนบางส่วนไม่ทำงานในการทดลองบินกลางแจ้ง เพราะว่าเรื่องนั้นทำให้เรื่องที่เป็นความลับนี้ถูกเปิดเผย ทหารของพวกคุณและนักการเมืองของพวกคุณรู้สึกตัวได้ช้า-ช้ามากๆ-ว่าเป็นเวลากว่า 20 ปีมานี้พวกเขาถูกหลอกโดยมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ มีการไม่ลงรอยกันหลายอย่างและมีการก้าวล้ำขอบเขตข้อตกลงโดยทั้งสองฝ่ายท้ายสุดมันเป็นการนำไปสู่การทะเลาะกันระหว่างคุณกับพวกเอเลี่ยนจนกระทั่งถึงจุดที่แตกหักที่ว่ามีการทำลายยานของเอเลี่ยนสามลำโดยอาวุธพิเศษ-คุณเรียกมันว่าอะไร?- อาวุธที่ปล่อย EMP{คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า} และมีการโจมตีทางทหารที่ฐานใต้ดินแห่งหนึ่งของพวกเอเลี่ยน ผลที่ตามมาจากการโจมตีครั้งนี้,พวกเอเลี่ยนยกเลิกการติดต่อกับพวกคุณทั้งหมดและเข้าใจว่าโมโหพวกคุณมาก ดังนั้น,ฉันจึงนับว่าพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้ในสามกลุ่มเป็นศัตรูกับคุณ,และอีกสองกลุ่มที่เหลือก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเอง,และก็มีสงครามเย็นท่ามกลางพวกนี้ในการยึดโลกเป็นของพวกตัวเอง,"เพื่อน"เก่าของคุณกำลังเตรียมหาเสบียงให้พวกตัวเองโดยการยึดครองวัตถุดิบทั้งหมดและ DNA ของมนุษย์ไว้แต่เพียงกลุ่มเดียว ในตอนนี้มันอาจจะจริงที่ว่าพวกเขาขาดความเป็นไปได้ทางเทคนิกและกำลังทางทหารที่เยอะพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย แม้ว่าอย่างนั้น,พวกเราก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น - เป็นไปได้ว่ามีการใช้เลห์เหลี่ยมมาก - ต่อพวกคุณในไม่กี่ปีหรืออีก 10 กว่าปีข้างหน้า
คำถาม: มันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพลังที่เหนือธรรมชาติ,อย่างเช่นพลังแห่งความคิด[ พลังจิต]ของคุณ ไหม?
คำตอบ: มีสิ ก่อนที่จะอธิบายให้ฟัง,คุณต้องรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของ sphere of influence{Feldraum} ฉันจะลองอธิบายดู...ขอเวลาคิดสักพัก...คุณจะต้องแยกความคิดของคุณออกจากภาพลวงของวัตถุที่คุณเห็นว่าเป็นธรรมชาติของจักรวาล,มันเป็นเหมือนแค่ผิวหน้า จินตนาการว่าตัวคุณและวัตถุต่างๆ ที่อยู่ตรงนี้-คุณ, โต๊ะตัวนี้, ดินสอด้ามนี้, อุปกรณ์ทางเทคนิคนี้, กระดาษแผ่นนี้- มันไม่มีอยู่จริง, แต่มันเป็นแค่ผลของการเปลี่ยนไปมาอย่างคงที่ของพลังงาน[oscillation] และความเข้มข้นของพลังงาน วัตถุทุกๆ ขิ้นที่คุณเห็น, สัตว์ทุกๆ ตัว, ดาวเคราะห์และดวงดาวทุกดวงในจักรวาล,ต่างก็มี "information-energy equivalent[การเท่ากันของพลังงานที่เป็นข้อมูล?]" ใน sphere of influence ที่อยู่ในพลังงานหลัก-ระดับที่ปกติ{ของสิ่งของ}เหมือนกัน ซึ่งระดับพลังงานนี้ไม่มีแค่ระดับเดียว,แต่มีหลายๆ ระดับ ครั้งที่แล้ว,ฉันได้พูดถึงเผ่าพันธุ์ที่มีการพัฒนาสูงมากที่ซึ่งสามารถเปลี่ยนระดับ(ที่ซึ่งบางทีทำให้เป็นไปโดยสิ้นเชิง,จาก bubbles ที่เป็นส่วนหนึ่งและทุกๆส่อนของทุกระดับชั้น) คุณเข้าใจหรือเปล่า? มิติ,ตามที่คุณเรียกอย่างนั้น,เป็นส่วนนึงของ bubble ที่อยู่โดดๆ, bubbles หรือ foam[ฟอง] ของจักรวาลเป็นส่วนนึงของระดับๆนึง,และมีหลายระดับอยู่ใน sphere of influence, โดยที่ sphere of influence ทำหน้าที่เหมือนส่วนบรรจุข้อมูลทางกายภาพที่มีขนาดเป็นอนันต์; มันประกอบด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล-ข้อมูลนั้นก็คือระดับชั้นของพลังงานและระดับปกติ มันมีระดับพลังงานหลายชั้นมากใน sphere of influence; ที่เหมือนกัน, แต่ว่าต่างกันตรงสภาวะทางพลังงานของพวกมัน ฉันคิดว่าคุณคงสับสนแล้วล่ะตอนนี้ ฉันคิดว่าควรจะหยุดอธิบายแต่เพียงเท่านี้
คำถาม: ไม่,กรุณาเล่าต่อเถอะ ทำอย่างไรถึงจะให้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างนี้
คำตอบ: งั้น, ได้จะอธิบายต่อเลยละกัน ขอบอกอีกครั้งนะว่าที่อธิบายมานี้มันไม่ถูกต้องนักหรอกแต่ก็จะอธิบายไปอย่างนี้ต่อ สสารที่จับต้องได้นั้นที่อยู่ในด้านนี้เป็นเงาสะท้อนใน sphere of influence{Fildraum} ของสนามพลังในชั้น[layers]ที่จำเพาะ ชั้นเหล่านี้บรรจุข้อมูล,อย่างเช่น, เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของวัตถุหรือระดับความถี่ คุณรู้จักทฤษฏีของมนุษย์เรื่อง "morphogenetic field" ไหม? ชั้นหนึ่งชั้นสามารถที่จะถูกออกแบบมา[designated]ได้หลายแบบ ตอนนี้ยังเรื่องเกี่ยวกับชั้นอื่นๆ ที่อยู่คั่นกลางแต่โชคไม่ดีที่มีความแนวความคิดของมนุษย์กล่าวถึง, เพราะว่าทฤษฏีนี้ไม่ธรรมดาในความคิดมนุษย์ เรียกมันว่า "para-layer" ในระดับชั้นนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับทุกๆ สิ่งที่คุณเรียกว่า PSI[พลังจิต] และสิ่งที่เหนือธรรมชาติและสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตทางวิทยาศาสตร์ที่พื้นๆ ของพวกคุณ ชั้น para-layer นี้จะอยู่ระหว่างชั้นของวัตถุและชั้น morphogenetic ของสนามพลังใน sphere of influence มันสามารถอยู่รวมกันได้กับทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่นร่างกายของคุณเป็นเงาสะท้อนของสนามพลังใน sphere of influence{Feldraum} มันไม่ได้หมายความว่าไม่ได้มีพวกสิ่งที่ไม่มองเห็นอย่างเช่น เนื้อ, เลือด, กระดูก อยู่ด้วย ในรูปของวัตถุหรืออะตอม, ไม่เพียงเท่านั้น การมีอยู่นั้นเกิดขึ้นทั้งสองด้าน บางชั้น[ซึ่งมีหลายชั้น]ในสนามพลังงานบรรจุข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับส่วนที่เป็นของแข็งของร่างกายคุณและความถี่ของมัน, ในขณะที่ชั้นอื่นๆ {บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับ} spirit ของคุณ, จิตสำนึกของคุณ, หรือถ้าพูดในมุมมองทางศาสนาของมนุษย์, วิญญาณ[soul]ของคุณ ความรู้สึกตัว[awareness] หรือ จิตสำนึก[consciousness] ในกรณีนี้เป็นแหล่งกำเนิด[matrix] พลังงานพื้นฐาน ที่ถูกแบ่งย่อยไปในชั้นต่างๆ ของสนามพลังใน sphere of influence - ไม่มาก ไม่น้อย ความตื่นตัว[awareness]ที่แท้จริงสามารถมีอยู่ที่นี่ด้วยในด้านของสสาร แต่อยู่ในรูปของ post-plasme{สถานะที่ห้าของสสาร} ด้วยความรู้ทางฟิสิกส์ที่จำเป็นและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง, แหล่งกำเนิดจิตสำนึก/ความตื่นตัว[consciousness/awareness matrix], หรือว่าวิญญาณ[soul], สามารถที่จะแยกออกจากสนามพลังของมันเองได้ มันสามารถ,ถึงแม้ว่าจะแยกออกมาแล้ว,ที่จะอยู่ต่อไปได้ในโดยตัวของมันเองในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือเหตุการณ์แปลกๆที่เรียกว่า "soul robbing[การแย่งวิญญาณ]" แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด,พวกเรากำลังพูดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กันนะ,ไม่ได้พูดถึงเวทมนตร์หรือว่าพลังในด้านมืด [คำอธิบายโดย Ole.k.:"การแย่งวิญญาณ"นั้นหมายถึงส่วนนึงของข้อคิดเห็นที่มีแรงบันดาลใจมาจากพื้นฐานทางศาสนาที่ส่งมาติดต่อกับพวกสัตว์เลื้อยคลาน ]กลับไปยังคำถามที่คุณถามมา:สัตว์ที่มีพลังทางจิตมากสามารถที่จะส่งผลโดยตรงต่อ para-layer ของสนามพลังส่วน จิตสำนึก/ความรู้สึกตัว[consciousness/awareness] ของพวกมัน ตอนนี้ชั้นนี้ไม่ได้อยู่แยกกับชั้นอื่นโดดๆอีกแล้ว แต่ว่าจะเป็นส่วนนึงของชั้นข้อมูลทั่วไป-คุณควรจะเรียกว่ามันอยู่ในสัมผัสที่ธรรมดา[prosaic]ของกลุ่มวิญญาณ- ที่มันเชื่อมต่อเข้ากับสสารที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตและจิตสำนึก[consciousness]ทั้งหมดที่มีอยู่ในชั้นระดับพลังงานหลัก สาเหตุทางชีวภาพสำหรับความสามารถเหล่านี้ที่อยู่ด้านของสสาร,ในต่อมพิตุอิตารี่[pituiary], ที่ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สร้างความถี่ที่จะควบคุม sphere of influence{Feldraum} แม้แต่พวกคุณในทางทฤษฏีแล้วสามารถทำได้;อย่างไรก็ตามคุณยังถูกปิดกั้นในสิ่งเหล่านี้ ตามที่ฉันได้เคยพูดไว้แล้ว para-level นั้นสามารถติดต่อกับจิต[mind] ได้ดีพอๆ กับสสาร ยกตัวอย่างเช่น, ถ้าฉันตัดสินใจที่จะใช้พลังจิตของฉันในการที่จะเคลื่อนไหวดินสอแท่งนี้,มันอธิบายได้ว่า,ฉันต้องจินตนาการในความคิดของฉันว่า consciousness/awareness ของฉันขยายยืดออก/ขยายความถี่[expand/amplify] ในด้านของสสารในรูปของ post-plasme ไปยังดินสอ ในเวลาเดียวกันมันจะทำให้ไปกระตุ้น sphere of influence ให้ส่งคำสั่งจากระดับชั้น consciousness/awareness ไปยังระดับชั้น para-layer โดยอัตโนมัติเพื่อไปปฏิสัมพันธ์กับระดับชั้นสสารของดินสอ เพราะว่า para-layer นั้นไม่ถูกจำกัดอยู่กับร่างกาย,มันจึงไม่เป็นปัญหาแม้ว่าดินสอจะอยู่ไกล,มันก็ไปปฏิสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ,แม้ว่าฉันจะไม่ได้ขยับร่างกายเลย ทางนี้ส่ง post-plasma ไปแล้วไปปฏิสัมพันธ์กับ para-layer ของดินสอ, ทำให้ฉันสามารถควบคุมดินสอได้และปฏิสัมพันธ์นี้ส่งผลกับส่วนที่เป็นสสารของดินสอถึงจุดที่ว่าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้,นี่คือตัวอย่าง [คำอธิบายโดย Ole.k.:ฉันรับรองว่าดินสอได้ลอยขึ้นไปในอากาศสูงประมาณ 20 ซม.และตกกลับลงมาที่โต๊ะ เสียงกระแทกโต๊ะนั้นได้ยินอย่างชัดเจนในเทปที่บันทึกไว้ ไม่มีใครไปสัมผัสกับดินสอแท่งนั้นแน่]
คำถาม: มันน่าหลงไหลมาก มันสามารถใช้ทำอะไรอย่างอื่นได้อีก?
คำตอบ: ทุกอย่าง ทุกๆสิ่งที่คุณเรียกว่าเหนือธรรมชาติ อย่างที่ได้พูดไป,ระดับชั้นพิเศษที่อยู่ใน sphere of influence{Feldraum} ระหว่างระดับชั้นข้อมูลของ morphogenetic และระดับชั้นของสสาร, และสามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กันได้ทั้งสองด้าน มันพูดได้ว่า,มันสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารที่เป็นของแข็งได้ดีพอๆกับทางด้านความจิตซึ่งที่ให้สามารถทำได้ทุกๆอย่าง อย่างเช่นที่เรียกว่าเทเลคิเนซิสและเทเลพาธี "connection absorption[การดูดซืมการติดต่อ?]" กับ consciousness/awareness อันอื่นๆ ใช้วิธีที่แตกต่างจากการติดต่อกับสสาร,เพราะว่า สนามพลัง consciousness/awareness อันอื่นๆ ก็มีระดับความถี่ต่างกันไป consciousness/awareness ที่เป็นตัวส่งหรือ consciousness/awareness ที่เป็นตัวรับจะต้องปรับตัวมันเองให้เข้ากับจิตอันอื่นก่อน,ก่อนที่การติดต่อถึงจะทำได้ เผ่าพันธุ์ส่วนมากมีโอกาสที่จะปิดกั้นไม่ให้พวกเอเลี่ยนติดต่อ/แทรกซึม[access]เข้ามา,แต่ว่าพวกของคุณไม่มีความสามารถนี้ มันเป็นความจริงว่า:เผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถทางจิตสูง,ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลง consciousness/awareness ของเค้าและ แทรกซึม[access]เข้ามา ความสามารถของพวกเราไม่มีกำลังสูงพอ; ดังนั้นพวกเราตอนแรกพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะจิตของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะใช้วิธีการพรางตัว[mimicry] ยกตัวอย่างเช่นการพรางตัว[mimicry] ทำได้ง่ายมากสำหรับจิตพวกคุณเพราะว่าพวกคุณมีสวิตซ์ เปิด/ปิต อยู่แล้ว ความสามารถเหล่านี้บางส่วนสามารถที่สืบทอดไปได้; แม่กับลูกของพวกของฉันก็เป็นตัวอย่างนึงที่ว่าติดต่อกันได้ในช่วงเดือนแรก- บางกรณีสามารถทำได้แม้ว่ายังอยู่ในไข่ในครรภ์ของแม่ -โดยวิธีเทเลพาธี ในการที่จะจูงจิตของพวกคุณนั้น,พวกเราต้องการเวลาในการฝึก,แม้ว่าระดับจิตของพวกคุณจะพื้นๆ ดังนั้นมันจึงมีการห้าม,ยกตัวอย่างเช่น,สำหรับผู้ใหญ่ในพวกของฉันที่ยังไม่ผ่านช่วง "Age of Enlightenment[ช่วงอายุในการบรรลุ]" ขึ้นมายังผิวโลก(ในกรณีนี้รวมถึงความสามารถทางกายภาพด้วย) ในกรณีที่ยังฝึกไม่สมบูรณ์,อันตรายที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกคุณมาพบเข้าก็จะเกิดขึ้นได้สูง และมันยังมีการสอนลับๆจำนวนมากที่สอนและฝึกฝนความสามารถเหล่านี้,แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้ว่าจิตของพวกเอเลี่ยนจะสามารถจูงจิตได้, มันก็มีขั้นตอนที่จะทำสิ่งเหล่านั้นกับเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆ เริ่มแรกสุดเลยต้องรู้สึกถึงความถี่[oscillation]ของพวกเอเลี่ยนก่อน,สิ่งนี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติโดยสมอง เช่น ความถี่[oscillation]ในย่านๆนึง,คลื่น quasi-electrical ในสมองในระดับต่างๆ ในที่ช่องว่างปกติ{ในที่ที่สสารดำรงอยู่} กระบวนการนี้มันไม่ยาก หลังจากนั้นก็จะตรวจสอบ consciousness/awareness ของสิ่งๆนั้นโดยจิตโดยผ่านทาง post-plasma, ส่วนของ sphere of influence{Feldraum} จะทำปฏิสัมพันธ์และเชื่อมต่อกันในขั้นตอนนี้ ตอนนี้คนๆ นั้นก็สามารถที่จะอ่านข้อมูลในขั้นตอนแรกและบันทึกข้อมูลที่อยากบันทึกลงไปให้อีกฝ่ายกลับไปในขั้นตอนที่สองในตำแหน่งที่ถูกต้อง คุณได้ถามฉันในคราวที่แล้วว่าพวกคุณนั้นมีโอกาสที่จะป้องกันตัวคุณเองจากการจูงจิตมั้ย,และฉันก็ได้บอกไปว่าต้องตื่นตัวและทำจิตให้เป็นความสมาธิเท่านั้นถึงจะสามารถป้องกันได้ ในสภาวะนั้นความถี่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันและทำให้การแทรกซึม[access]ยากที่จะทำได้ มากกว่านั้นมันยังทำให้ผู้ที่ส่งกระแสจิตมาได้รับความเจ็บปวดด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลับตา,สนามพลังจะ "flat[เรียบ]", และพวกเอเลี่ยนจะสามารถแทรกเข้ามา{ในจิต}ได้อย่างทันทีและโดยปราศจากการต่อต้าน ในกรณีของพวกคุณโอกาสที่จะป้องกันพวกเอเลี่ยนที่มีการพัฒนาสูงส่งกระแสจิตแทรกเข้ามานั้น,ไม่มีเลย พวกเขาสามารถที่จะปรับเปลี่ยนความถี่ได้เร็วกว่าพวกคุณ ฉันได้สาธิตให้คุณดูแล้วในครั้งก่อนแต่รู้สึกคุณจะรู้สึกหวาดกลัวและสับสน,ดังนั้นพวกเราจึงจบลงตรงคำอธิบายตรงนั้นเรื่องที่ฉันอธิบายให้คุณฟังนี้บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่ามันเหมือน- ตามคำพูดของคุณ - เรื่องที่ลึกลับหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ เหตุผลที่คุณรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่าคุณขาดความเข้าใจพื้นฐานในการมองสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างนั้นทุกเรื่องมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น ไม่มีเรื่องไหนซักเรื่องเลยที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเราเติบโตมาด้วยความรู้เหล่านี้, พวกเรารู้ว่าพวกเราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรและมันเกิดจากอะไร พวกเรามีทฤษฏีและมีการฝึกฝน แต่พวกคุณไม่มี ดังนั้นพวกคุณจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้-คุณเห็นแค่ด้านๆ เดียว แต่ไม่ได้เห็นอีกด้านนึง(ฉันหมายความว่าทั้งสองด้านที่เป็นด้านกายภาพเหมือนกัน) เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างมันเกิดขึ้นสองด้านควบคู่กันไป,มันเกิดขึ้นในที่ว่างที่วัตถุอยู่และเกิดขึ้นใน sphere of influence{Feldraum} ด้วย ในการอธิบายมันก็อธิบายได้ในรูปแบบของตัวอักษรเท่านั้น,เพราะว่า sphere of influence เป็นสิ่งพื้นฐาน ฉันคงจะจบการอธิบายคำถามนี้ไว้แค่นี้เพราะว่าคุณคงจะไม่สามารถเข้าใจมันมากไปกว่านี้แล้ว พวกเราจะเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ
นี่คือบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง
ยังมีอีกมาก แต่แค่นำข้อความที่เกี่ยวกับ UFO มาให้อ่านกันน่ะครับ
ยังมีอีกมาก เข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ
บทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง
ขออนุญาตเจ้าของลิ้งค์ด้วยนะครับ
เรื่องจริงเกี่ยวกับUFOและการที่จานบินตก
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย buschannarong, 20 พฤษภาคม 2011.