รออ่านเรื่อง ของคุณ raquaz....ด้วยใจ จดจ่อ...
(อ่านกระทู้นี้แล้ว เหมือนหลุดมาอีกโลกนึง)
เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.
หน้า 15 ของ 299
-
-
<!-- icon and title --> เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> <!-- ads code --> <table id="table1" width="250" bgcolor="#dfffbf" border="1" bordercolor="#b8ff71" cellpadding="7" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>จากเว็บมาสเตอร์
สวัสดีครับ สมาชิกทุกๆคน
ตอนนี้ Server เริ่มอืดต่อไป
คาดว่า จะอืดกว่านี้
ขอเชิญสมาชิกร่วมใจสามัคคีคนละนิดละหน่อย ช่วยกัน ซื้อ Server ตัวใหม่เพื่อให้เว็บโหลดได้เร็วและไม่ติดขัดก็เพื่อพวกเราเองและสมาชิกที่จะเข้ามาใหม่
Server คือ เครื่องที่เก็บข้อมูลเว็บในไซต์เป็นที่เก็บข้อมูลทางพุทธมากมายมหาศาล เป็นสุดยอดธรรมทานเผยแผ่พุทธศาสนา
เป็นสิ่งสำคัญที่เว็บขาดไม่ได้
สมมุติว่า
ถ้าเราเอามือกดปุ่มปิด Server เว็บพลังจิตก็จะไม่มีใครเข้าได้เลย กิจกรรมทุกอย่างบนเว็บก็จะไปไม่เกิดขึ้น
ใครที่สนใจร่วมซื้อ Server เผยแผ่พุทธศาสนาและร่วมสนับสุนเว็บพลังจิต
เชิญกดนี้เลยครับ
WebSnow
เว็บมาสเตอร์, ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต</td> </tr> </tbody></table>
ถ้าดูให้ดี..จะเห็นว่า ตามห้องต่างๆๆ.ถึงแม้จะมีผู้มาถาม และผู้ ตอบไปแล้ว
และอีกสักพักก็จะมีหน้า ใหม่โผล่ มาถาม คำถามเดิมๆๆ..จนซ้ำซาก..น่าเบื่อ
................................................................................
..คนที่ มาอ่านนานๆๆ..และเจอแต่ คำถามเก่าๆๆ..ถึงกับเซ๊งถามตอบ กันไม่เลิก
คำถาม เหล่า นี้ ได้ แก่..ผีมีจริงหรือ ?
มนุษย์ต่างดาวเป็นเรื้องจริง หรือ.?
.คนตาทิพย์ มีจริงหรือ
พญานาค มีจริงหรือ
.................................................................................
ดังนั้นกระทู้นี้ จึงตั้งขึ้นมาเพื่อให้ คนที่ มีตาทิพย์..มีหูทิพย์ ที่ มีประสบการณ์ต่างๆๆในการพบเห็น สิ่ง ที่ คนธรรมดา จะไม่เห็น..จะได้ เพิ่มความรู้ และได้ ประสบการณ์ ในการเล่า และการฟัง.
.......................................................................................................
.ผู้ใดมีประลบการณ์ ที่เกี่ยวอีกโลกมิติ..ก็ขอให้เ พลัดกันวนเวียนมาเล่า..ตามที่ใจอยาก..เพราะ ห้องนี้ เป็นห้องที่ คนที่ มีพลังจิตสูง..มีตาทิพย์ หูทิพย์ พากันมาชุมนุม เล่ากัน รู้เรื่องกัน. มากพอที่จะรับฟังเรื่องเล่าได้
.............................................................................................................
.คนที่ไม่มีตาทิพย์ และไม่เชื่อเรื่อง เหล่า นี้ ..อย่ามาอ่าน..แล้วก็จะ อดคันปากไม่ได้.ที่ จะบอกว่า.."กูไม่เชื่อ "..ให้ขัดกันไปเปล่าๆๆ
<!-- / message --> <!-- edit note --> <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย The Third Eyes : 12-11-2008 เมื่อ 09:13 PM....................................................................คงเข้าใจแล้วน้ะครับว่า ทำไม . อ. ตาที่สามจึงได้กล่าวเช่นนั้น ................บางเรื่อง เกินกว่าอายะตนะของคนธรรมดาจะรับรุ้ได้ครับ จะรับรู้ได้เฉพาะผู้ปฎิบิติทางจิต นั้นก็คือ ผู้ที่ฝึกขยายขอบเขตของการรับรุ้ครับ ..................คิดว่าเป็นนิทานก็แล้วกันครับ -
อนุโมทนาครับ ผมยังติดตามอยู่เสมอครับ update เรื่อยๆนะครับ
-
ก็...เกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจจริงๆนั่นแหละค่ะ...
ถามว่าเชื่อมั้ย...ก็คงตอบทั่วๆไปว่า เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนึง..
ตามอ่าน เรื่องราว แปลกๆ(สำหรับคนไม่มีตาทิพย์) สำหรับทิกเกอร์
เป็นเรื่องน่าอ่าน น่าติดตาม .. และสนใจที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่า ทำได้
อ่านๆไป บางทีเกิดกิเลสเหมือนกัน..อยากมีสามตาบ้าง
อ่านๆไป มากๆเข้า..ไม่มีดีกว่า....
อ่านไปอ่านมา...ถ้ามีก็ดีเหมือนกันนะ..เป็นความคิดที่ขัดแย้งกับตัวเองตลอดเวลา
มาอ่านบ่อย .. เพราะอยากพาตัวเอง เข้ามาอยู่ในโลกของคำว่า "สมาธิ"
ไม่เคยได้ปฏิบัติแบบจริงจัง..ซักที..
ทำได้ตอนนี้ แค่ศึกษา .. ต่อไปเรื่อยๆ .. ให้กาย กับ ใจ พร้อม..
ปล.แค่งึมงัม กับตัวเอง ออกมาเป็นตัวหนังสือ...ถ้ารกตา .. ขออภัยค่ะ!! -
การปฏิบัติ เราขอบารมีพระท่านเพื่อให้ท่านกรุณาเมตตา สอน ไม่ให้เราหลงทางครับ
เรื่องการปฏิบัติต้องอยู่ที่เราเองนั้นใช่ครับ แต่การขอบารมีท่านนั้น ดีแท้แน่นอนครับ
และการขอบารมีท่าน ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าบารมีท่านมีอยู่จริง ทำให้ศรัทธาเชื่อมั่น
ยิ่งเรายึดครูบาอาจารย์เท่าไหร่ ความมานะ ความถือมั่น ในตัวเราจะลดลง
เปรียบเหมือน เรามีรถยนต์ให้ขับพร้อมคนสอนขับ กับเดินไปเองแล้วพอหลงก็แวะถาม
คนข้างทางเอา
-
นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium
" อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ " นี่เป็นพุทธพจน์หรือไม่
ต้องดูสถานะการณ์ด้วย
ไม่ทราบว่าคุณมีลูกไหม
ถ้าลูกร้องขอให้เราช่วยทุกวัน
ตั้งแต่เล็กจนโต รู้สึกเช่นไร?
กับ การที่เราปล่อยเค้าอิสระ
แอบเป็นพี่เลี้ยงให้ แกล้งเฉย แต่ก็ใส่ใจถามสารทุกข์สุขดิบบ้าง
เพื่อให้เค้ารู้ว่าเรายังอยู่
พอเค้าจะเพลี่ยงพล้ำ เกินกำลัง จึงโผล่ออกไป
บารมี คือ กำลังใจ เราต้องทำให้เต็มเอง
บารมี ไม่ได้เต็มด้วยการขอ
ทั้งหมดที่ยกมา ......... ไม่ต้องจบด้วยการเห็นด้วยนะครับ
นานาจิตตัง
พระสาวกแต่ละองค์นิสัยการบำเพ็ญยังต่างกัน
บางองค์ต้องนั่งชมพระรูปโฉม จนท่านต้องไล่ ไม่ให้ติดรูป เช่นพระวักกลิ
บางองค์ต้องธุดงค์ นานๆ จะมากราบพระพุทธองค์ สมาทานธุดงควัตรเคร่งครัด เช่นพระมหากัสสป
บางองค์ต้องคอยตาม พระพุทธองค์ จนกว่าจะพ้นทุกข์ ฯลฯ
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
เพียงแต่ว่า วิถีของเรา การใช้ชีวิต การเดินทางของเรา
อาจต่างกัน
แม้มุ่งไปที่เดียวกัน -
ถ้าฝึกปฏิบัติห่วยแตกล่ะ! พระที่ไหนจะมาช่วย
มองมุมไหนก็ตาม เราต้องพึ่งตัวเองก่อนใช่ไหม
ความมานะ ความถือมั่นในตัวเอง จะลดลงได้อย่างไร
ตัวของตนยังมองไม่เห็น จะให้พระช่วยลดอัตตาหรือไร
ตัวเราคือคนขับรถ ผู้สอนคืออาจารย์ พอหัดได้แล้ว
ก็ต้องมาขับเอง ถ้าหลงทาง จะโทษใคร
-
อายะตนะ ที่แสนจะคับแคบของมนุษย์
อายะตนะ ก็คืออวัยวะที่ทำหน้าที่รับรู้สื่อสารกับสิ่งเร้าภายนอก
ของคนเราที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง
ซึ่งคนเรานั้นภูมิใจนักหนาว่าเรามีอายะตนะ
ที่สมบูรณ์กว่าสัตว์ทุกประเภท ...
......................แต่ความจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ครับ
ตาของเรานี่เราคิดว่ามีความสมบูรณ์พร้อม
แต่ความจริงแล้วตามองเห็นแค่ความถี่คลืนแสงสว่างเท่านั้นคร้บ
ต่ำกว่านี้ และสูงกว่านี้เราก็ไม่เห็นคลื่นพวกนั้นแล้วครับ
( แสงทำตัวเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาคครับ)
เช่น คลื่นอุลตร้าไวโอเลท (คลื่นเหนือม่วง)
คลื่น อินฟาเรท (คลื่นใต้แดง)ตาไม่มีความสามารถ
มองเห็นแล้วครับ.........ธรรมดา.
แค่ไม่มีแสงสว่างเราก็มองไม่เห็นอะไรแล้วครับ
.
.................หูยิ่งแล้วใหญ่ครับ
ขั้นตอนการทำงานของหูนี่ยิ่งล้าสมัยมากครับ
ต้องเอาแก้วหูรับการสั้นสะเทือนในอากาศแล้ว
จึงแปลสัญญาณให้จิตได้รับรู้เสียง
ซึ่งสามารถรับความถี่ได้แคบมาก
คือ 20 hz-20000 hz (เฮิร์ท) 20000 hz เท่ากับ 20 khz.
..... 20 กิโลเฮิร์ท นั่นเอง แล้วถามว่า
แล้วคลื่นเสียงที่สูงกว่า 20 กิโลเฮิร์ทมีไหม
คำตอบก็คือ มีมากมายมหาสาร แต่หูคนเรามั้นไม่ได้ยินเช่น
fm 95.00 mhz ที่ฟังเพลงลูกทุ่งกันทั่วประเทศ
คลื่นลอยอยู่ในอากาศนี่ล่ะครับ แต่หูเราไม่ได้ยิน
ต้องเอาเครื่องรับวิทยุมารับแล้วแปลงสัญญา๊ณความถี่
ให้อยู่ในช่วง 20 hz-20000 hz.....ส่งเสียงผ่านกรวยลำโพง
สั่นสะเทือนผ่านอากาศมาสู่แก้วหู.....
..จิตก็รับรู้เป็นตัวสุดท้าย................มีต่อครับ;aa36
-
ปูเสื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจ่ะท่านชยา อยู่หน้าคอมฯ
-
5 - 5 - 5
ถูกต้องครับในสมัยที่ผมปฏิบัติอย่างจริงจังใหม่ๆ ก็มีครูบาอาจารญ์หลายท่านมา
สอนทีทั้งดุบ้าง ใจดีบ้างตามลำดับ เหมือนเราเป็นนักเรียน พอจบชั้นหนึ่งได้
เลื่อนชั้นก็จะมีอีกท่านมารับช่วงแทน หลายท่าเหลือเกิน จนตาเปิดซักพักแล้ว
ท่านเหล่านั้นก็ไม่เคยมาอีกเลย ต่อนที่ท่านมาผมก็จะได้พระที่เป็นของท่าน
เหล่านั้นมาด้วยเยอะมาก พอเราหาแนวทางปฏิบัติที่ถูกกับเราได้เจอแล้วพอ
ตอนนี้พวกท่านเหล่านั้นก็ไม่ได้มาสอนอะไรอีกแล้วเหมือนกับเราจบหลังสูตร
เราต้องศึกษาหาเพิ่มเติมเอง มีอยู่คำนึงที่ท่านสอนครังสุดท้ายผมจำจนวันนี้
คือ ไม่มีใครเป็นครูที่ดีที่สุดเท่าตัวเราคนอื่นสอนให้เราคลานเราเดินและวิ้งได้
แล้วก็จะไม่มีใครมาสอนได้เก่งกว่านั้นถ้าเราอยากจะเก่งกว่านั้นคือเราต้องสอน
ตัวเราเอง
ผมจึงไม่เคยสอนใครนอกจากพื้นฐานเลยเพราะถ้าดีกับเราแต่ไม่ดีกับคนอื่นมันจะ
เป็นการไม่ดีกับตัวเขาเหมือนเค้าเก่งวาดรูป เราไปสอนร้องเพลงมันก็ไม่ใช่ แต่
การที่ท่านจะรู้จะทราบว่าท่าน ควรจะทำหรือปฏิบัติอย่างไร ต้องเริ่มเจริญญาณ
สมาธิถึงขั้นสูงพอประมาณสะก่อนไม่ใช่ไม่รู้อะไรมั่วแต่เลือกก็ไม่เกิดประโยชน์
การที่ดีที่สุดคือการเจริญสมาธิง่ายๆ คืออณาปณสติ ผมว่าดีที่สุดแล้ว ถ้ายังไง
ลองไปทบทวน อย่างเจ้าชายสิทธะทรงบำเพ็ดมาหลายรูปแบบยังต้องกลับคืน
สู่ทางสายกลางเลย เราไม่ได้เก่งหรือมีบุญญาธิการอย่างท่าน ก็ต้องไปเลื่อยๆ
ครับ -
นี่...นี่...น้องบาส (visnu) ไปบอกเว็บมาสเตอร์ธีรชัย หน่อยเถอะ
ขอปุ่มโมทนาคืน ที่โพสต์ข้างบน ถูกใจมาก ๆ เอ้ารับหน่อยดิ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
-
5-5-5
-
สมอง ไม่ใช่ที่เก็บความจำ
สมอง.............................คนเรามักจะเข้าใจว่า
เนื้อสมองและรอยยักในสมองคื่อที่เก็บความจำ
...เข้าใจผิดแล้ว ครับ..........ลองคิดดูครับ เทพ เทวดา
ล้วนแล้วแต่ไม่มีกายเนื้อแล้วทั้งสิ้น
นั่นคือไม่มีเนื้อสมองครับ ...แล้วท่านเหล่านั้น
จำเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไร.......
.........................จริง ๆ แล้วสมองแค่ทำหน้าที่
เชื่อมต่อระหว่างอายะตนะกับจิตเท่านั้นครับ
ความจำทั้งหมดจะทุกจดจำไว้ในจิต
รอยหยักในสมองทำหน้าที่เป็นmarker เท่านั้นครับ
คนที่ความจำดี คือคนที่มีสมาธิดี
สมาธิจะทำให้การบันทึกเหตุการณ์ลงในจิตได้อย่าง
ชัดเจน marker หรือรอยหยักในสมอง
ก็จะชัดเจน......เมื่อต้องการความจำ
ก็สามารถคิดถึงได้เร็ว โดยส่งสมาธิ ไปค้นที่
marker ก็คือสมองนั้นเอง ...............
....................
..............มาถึงตรงนี้ หลายคนก็จะบอกว่า อ้าว .......
..........แล้วเหตุการณ์ ของชาติที่แล้ว ล่ะ
เราไม่มี marker ที่จะค้นนี่.....อันนี้สงสัยได้ถูกต้อง.....
.............การใช้ marker หรือรอยหยักนี้
เป็นการใช้ความทรงจำอย่างรวดเร็ว ด้วยสมาธิธรรมดา
หรือเรียกว่า วิถีจิต เช่นเรา คิดเล่น ๆ ว่า เมื่อเช้า
เราทานข้าวกะอะไร อ้อ ข้าวไข่เจียว นั้น เอง
นี่คือ การใช้ความจำ วิถีจิต ทีนี้ลองคิดดูว่า...
....อาทิตย์ที่แล้วของวันนี้ ตอนเช้าทานข้าวกะอะไร .
.....นานหน่อย .....นานหน่อยก็ต้องใช้สมาธิมาขึ้น
.....ติ๊ก ต๊อก ๆๆๆ ฮ่า....ขนมจีน ก็ยังพอคิดได้
ก็พอคิดออกถ้าใช้สมาธิเพิ่มขั้น เรื่องราวในตอนเด็ก
4-5 ขวบ ก็ยังพอนีกออก เพราะ marker ยังอยู่
แต่ต้องใช้สมาธิระดับสูงขึ้นอีกนิดคือระดับ
ขนิกสมาธิ แต่ marker ก็เลือนลางหน้าดู
ก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง..เพราะถ้าไม่ได้ค้นนาน
.marker ก็จะเลือนและหายไปได้ แต่สิ่งที่จำไว้ในจิต
ไม่หายครับ......................แต่พอลองนึกดูซิว่า
ชาติที่แล้ว เป็นใคร ทำอะไร..................
ไม่มี marker แล้ว จะจำได้ไหม..
..ถ้าคิดกันแบบธรรมดา ก็คงบอกว่า ไม่ ...........
...เข้าใจผิดแล้วครับ ......สามารถที่จะเข้าไปค้นในจิตได้ครับ
.โดยไม่ใช้ marker .................
....แต่ไม่ใช่สมาธิระดับนี้ครับ...........................................
.....................มีต่อครับ;aa36
-
ผมก็เกือบแย่เหมือนกันครับ ดีที่รู้จักเว็บนี้และได้อ่านเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้เกิดกำลังใจ
แต่เท่าที่ผมมองดู คือคิดแบบนี้ครับ.....
เขาก็เป็นคนนี่แหล่ะ เหมือน ๆ กับเรา มีสองมือสองเท้า เขาฝึกเขาทำได้ จนมีญาณรู้เห็น
ผมกับท่านก็เป็นคน คนที่แอบอ่านก็เป็นคน ของแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากทำได้มั่ง
ผมไม่คิดว่าตัวผมแย่ครับ แต่คิดว่าต้องสู้ครับ จะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ได้
ส่วนใครทำได้แค่ไหน คงแล้วแต่วาสนาครับ -
การทำงานของจิต
.....................ในขณะที่เรา ทำงาน เดิน
ทานข้าว จิตของเราจะอยู่ในระดับ วิถีจิต
นั่นคือจิตจะกระจาย ไปตามอายะตนะ
น้อยใหญ่ในร่างกาย แม้แต่เซลล์รับสัมผัสเล็ก ๆ
จิตก็จะกระจายไปอยู่ เช่นคนที่ ฟังเพลงหูฟัง เดิน
และทานลูกชิ้น ไปด้วย จิตจะกระจายไปรับสัมผัส
เช่น ตาดูทาง เพื่อไม่เดินตกท่อ
หูก็ยังได้ยินเพลงอยู่ ลิ้น ก็รับรสอาหารอยู่
อายะตนะ ทำงาน ส่งคลื่นความถีต่าง ๆ
กันเข้าไปให้จิตรับรู้พร้อม ๆ กัน
จิตสามารถรับรู้พร้อมกันได้ทั้ง ๆ ที่ อายะตนะ ส่งมาคนล่ะความถี่กัน ............
...................นั่นหมายถึงว่า
จิตสามารถรับได้หลายความถี่ พร้อม ๆ กัน ....
......ท่านผู้อ่านเคยเป็นไหมครับ
เวลาอ่านหนังสือแล้ว มีสมาธิจนไม่ได้ยินเสียง
แม่เรียกไปกินข้าว หรือเพื่อนสะกิดเบา ๆ
ก็ไม่รู้ตัว...........ผมเป็นบ่อย ...........
.ทำไมเป็นเช่นนั้นครับ..........
.ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า
จิตสามารถ มารวมตัวกัน ณ อายะตนะใด
อายะตนะหนึ่งได้ไงครับ โดยที่ทิ้ง
อายะตนะที่ไม่ได้ทำงานในขณะนั้นมารวมตัวกันที่
อายะตนะทีำกำลังทำงานอยู่น่ะซิครับ..
..ตอนอ่านหนังสือ ก็มารวมที่ตา ทิ้งหู
และสัมผัสชั่วคราว.......
.....อ้าว นั่นก็หมายความว่า จิต สามารถปรับความถี่ในการรับคลื่นได้ยังไงล่ะครับ ...............
.........
............ในเมื่อจิต สามารถปรับความถี่
ในการรับคลื่นได้.....................อ้าว ...ลองคิดเล่น ๆ ซิครับ ว่า ..........ถ้าเกิดอยู่ ๆ เราสามารถปรับความถี่การรับรู้ของจิต ...ไปความถี่อื่น
ที่ไม่ใช่ความถี่ที่อายะตนะเคยส่งมา ได้ล่ะครับ ...........จะเป็นยังไง.........หมายความว่า
เราไม่เอาอายะตนะรับสัญญา๊ณภายนอก
แต่เราเอาจิตรับโดยตรง แล้วปรับคลื่นตัวรับของจิต
ไปรับความถี่อื่น....เราก็สามารถรับคลื่นทุกคลื่น
ที่มีอยู่ในอากาศได้น่ะซิครับ.....
...แล้วทำอย่างนั้นได้ไหมล่ะ จิตของเรา..
...............................................ได้ซิครับ.
.......การเข้าสมาธิไปยังสมาธิระดับต่าง ๆ นั่นล่ะคือการปรับคลื่นความถี่ในการรับรู้ของจิตครับ....................................เดี๋ยวมีต่อครับ.;aa36 -
สุดยอดมาก ๆ เลยครับท่านชยา ถ้าไม่มาต่อให้จบ
ผมโกรธท่านจริง ๆ อนุโมทนาในบุญครับ -
-
จะได้ช่วยท่านชยาพิมพ์..ดึกมากแล้ว..พรุ่งนี้มาปูเสื่อใหม่
ขอบคุณและอนุโมทนาอีกครั้งครับ -
ระดับของสมาธิ
......................ระดับ ของจิต ทางพระพุทธศาสนา แบ่งเอาไว้เป็นสามระดับ
1. ขนิกสมาธิ เป็นสมาิธิเพียงเล็กน้อย
2. อุปจาระสมาธิ เป็นสมาธิระดับกลาง
3. อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิระดับสูง
.
..............ระดับอัปปนาสมาธิ หรือที่เราเรียกว่า ระดับ ฌาณครับ ระดับฌาณ แ็บ่งได้อีก 4 ระดับ คื่อ ฌาณ 1 -2 - 3 - 4 ... และอรูปฌา๊ณ อีก 4 ระดับ
..................ถ้าเราพูดคุยกันในสภาวะปกติเรียกว่าเราอยู่ในวิถีจิตครับ ถ้าเรามีสมาธิ แนบแน่นขึ้นมาหน่อย แต่ทรงอยู่ได้ไม่นาน ก็คือ ขนิกะ ถ้ามีสมาธิแนบแน่น และทรงอยู่ ได้นาน 50 นาทีเป็นต้นไป เรียกว่า อุปจาระสมาธิ .เลยจากนี้ขึ้นไปเป้นระดับฌาณ
.........................การคิดค้นหาความจำในชีวิตประจำวันเราจะใช้จิตระดับ วิถีจิต แต่ถ้าจะใช้การค้นกาความระดับความคิดหรือระดับตรรก เช่น การ บวกลบคูณหาร ทำโ่จทย์เลข ใช้ความจำขณะสอบ จะใช้ระดับของจิำตที่ ขณิกสมาธิ มาถึงตรงนี้ เรายังใช้สมองเชื่อมต่อกะอายะตนะ 100 % อยู่ คือยังใช้ marker อยู่ มาถึง ระดับที่มีความสำคัญ คือระดับ อุปจารสมาธิ เราใช้สมองเชื่อมต่อกะอายะตนะ เพียง 50 % อยู่ คือยังใช้ marker อยู่ หรือไม่ใช้ก็ได้ เพราะจิิตมีความตั้งมั่นอยู่ระดับกลาง ความเร็วของจิต เข้าใกล้ความเร็วแสง นั่นคือเราสามารถเห็นแสงได้โดยไม่ต้องใช้ตา จิตสามารถเห็นแสงได้เลย ถ้ามีความแนบแน่นของสมาธิมากขึ้น ก็จะเห็นสิ่งที่มากะแสง ก็คือภาพครับ ตรงนี้ล่ะครับ ที่เราจะเอาสมาธิเข้าไปดูความจำของเราในอดีต เราก็จะสามารถเห็นภาพได้โดยไม่ต้องใช้สมองเป็น marker แต่เราจะใช้การกำหนดจิตเป็นmarker ว่าจะใช้จิตทำอะไร ตอนนี้ อายะตนะ เชื่อมต่อกับจิตผ่านสมองอยู่ แต่ทำงานเพียง 50 % เรายังคงได้ยิน แต่จะได้ยินแค่ ครึ่ง ๆ ครับ
.
................แต่ถ้า สมาธิแนบแน่นมั่งคง จนจิตเป็นเอกคัตตารมณ์ หรือ ฌาณ 4 แล้ว จิตจะตัดขาดจากอายะตนะทั้งหมด 100 % หมายความว่า ไม่มีส่วนใดเลยของจิตที่เกาะอยู่กับร่างกาย ........อ้าว งั้นจิตก็ลอยไปลอยมานอก ร่างกายได้น่ะซิ .
..............................ถูกแล้วครับ ก็ใช้วิธีเดิมคือ marker โดยไม่ผ่านสมอง ก็คือ กำหนดจิตไงครับ กำหนดให้จิตออกจากร่างมาอยู่ข้างนอกได้ครับ.ก็เรียกว่าการถอดกายทิพย์นั้นเองครับ.................................................พรุ่งนี้เดี๋ยวมาเขียนต่อว่า การใช้ .โทรจิต .เจโต จิตทำงานอย่างไรครับ ......นอนล่ะครับ;aa36
-
ตามนั้นครับ ปรกติตอนที่เลยระดับนี้ผมเรียก ฌาณ5 ไม่รู้ถูกเปล่าแต่ก่อนกว่าจะ
ทำได้ต้องนั่งเป็น ชั่วโมงๆ เดี๋ยวนี้กำหนดได้เลย ว่าจะเอาตอนไหน จนบางที่
เราไม่รู้จะทำอะไรก็หลุดไปดูที่นั้นที่นี่ แต่นานไปก็เบื่อไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
คงเหมือนคนที่เรียนจบแล้วไม่รู้จะเรียนอะไรมั้งครับ
หน้า 15 ของ 299