พอดี คุณวิษณุ เข้ามา ตอบ พอดี
เป็นการยืนยัน ว่า ดวงๆ ที่ เห็น นี้ เป็นอะไร อย่างหนึ่ง ที่ สัมผัสได้ด้วยพลัง
แล้ว เค้า ก็ไม่ ได้อยู่ นิ่งๆ เป็นหุ่น
ให้เรา เลือกถ่ายได้ตามชอบใจ
แบบว่า ตอนนี้ ถ่าย ได้ แล้ว วันหลังมาจะต้องถ่ายได้ อีก
คือ เขา ไม่ ได้อยุ่ คงที่ ไม่ได้อยู่นิ่ง ไปๆ มาๆ ได้
แล้ว ยังได้คำตอบ อีก อันหนึ่ง
ว่า ดวงๆ ที่ว่านี้ มองด้วยตาเปล่า ( ธรรมดา ) ไม่เห็น ก็ เค้าเป็นแสง ที่อยู่ สูงหรือต่ำ กว่า ย่ายความถึ่ ที่ตามนุษย์ ทั่วไป จะรับภาพได้
ส่วน กล้องถ่ายภาพ นี่ มัน รับ ย่านความถี่ ที่ กว้างกว่า ตามนุษย์
คือ ความถี่ ที่สูงกว่า หรือ ต่ำกว่า ตามนุษย์ เราจะเห็นได้
ผม ได้ อธิบาย ไว้แล้วในตอนต้น เรื้องในย่านความถี่ต่ำ ( ต่ำกว่าสีแดง ที่เรียกว่าอินฟราเรด ) ไว้แล้ว
ที่สูงกว่าสีม่วง หรือ อุลตร้าไวโอเลท นั้น กล้องดิจิตอล ก็ รับได้ คล้ายๆ กัน แม้นจะไม่ ว่องไวได้เท่า ย่านอินฟราเรด ก็ตาม
ในเรื่อง นี้ ก็ น่าจะหาคำอธิบาย ที่ ทำให้คนทั่วไป เข้าใจได้ ง่ายๆ
ผมเองก็ กำลังคิดอยู่เหมือน กันว่า น่าจะ หาวิธีการ หรือเครื่องมือ มาใช้ในการอธิบาย ปรากฏการ ของการเห็น ที่ เหนือธรรมชาติ เหล่านี้
คงต้อง รบกวน ให้ อ.สามตา หรือ คุณวิษณุ ช่วยกัน เสียแล้ว
เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.
หน้า 80 ของ 299
-
-
ต้องขอบคุณพี่ดาวทะเลทราย ได้ความรู้เรื่องกล้องในแง่นี้มากขึ้นเยอะเลย
ตานี้ก็พอคุยกับคนอื่นได้บ้างแล้ว ขอบคุณ คุณvisnuที่มาเล่าด้วยตาที่สาม
และเพื่อนๆที่เอารูปมาแบ่งกันดูนะคะ
สงสัยต้องไปแลกกล้องตัวนั้นกลับมาเสียแล้ว เป็นกล้องอัตโนมัติ
ความละเอียด5ล้าน (เหะๆ ได้มาอีกที) ตัวนี้เคยถ่ายได้เงาๆ ตอนไปวัดกบ นครสวรรค์ -
หยุดสงกรานต์ไปหลายวัน
กลับมาเห็น สนใจเรื่อง จุดสว่าง ในช่องประตู
เห็นผู้เชี่ยวชาญ คุณ ดาวทะเลทรายอธิบายไปแล้ว
อย่างละเอียด..ก็คงทราบกันไปแล้ว -
เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ต่อ (ทัวร์อิสานใต้)
....................................................
เมื่อจบจาก ทัวร์สุดท้ายที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง
เราก็เดินทางกลับ กทม..ก่อนกลับก็แวะทานอาหารเที่ยง
ที่ ตลาดนางรอง..ของดังของที่ นี่ คือ ขาหมู
.............................................................
กลับถึงกทม . รุ่งขึ้นก็มาเปิดบู๊ธ 042 แต่เช้า
พลพรรคก็มากันเต็ม เพื่อคุยกันต่อ
เรื่องที่ค้างกันอยู่ คือ องค์พระศิวะ ท่านประทานของมีพลัง
ให้ คุณ วิษณุเป็นการส่วนตัว..แต่เอาออกมานอกบริเวณไม่ได้
เพราะ พญานาคผู้ดูแล สถานที่ไม่ให้เอาออกมา
คุณ วิษณุ จึงต้องวางไว้ที่เดิม
.....................................................................
องค์พระศิวะ ทรงโกรธพญานาค ที่ตรงเกินไป
จึงทำลายต้นไม้ใหญ่ที่พญานาคอาศัย สถิตย์อยู่นอนราบลงพื้น
เป็นการทำลายทาง ออร่า หรือ ในอีกมิติ..แต่ถ้าไม่แก้ไข
ในอีกเจ็ดวัน ต้นไม้ใหญ่นั้นก็จะตายจริงๆๆ
......................................................................
เราก็มานั่งคิด ถึงเรื่องเก่า เรื่องหนึ่ง ที่ คล้ายเรื่องนี้
หลายสิบปีก่อน ในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี
วันหนึ่งท่านออกตรวจพื้นที่ ในกทม และ ฝั่งธนบุรี
เพราะท่านขยันมาก อยากให้บ้านเมือง สอาดเรียบร้อย
บ่ายวันนั้น ขณะที่ ขับผ่าน สี่แยก บ้านแขก ฝั่งธน
........................................................................
ไปแดงสี่แยกขึ้น..คนขับรถก็ยังฝ่าไปแดง เฉย
ตำรวจจราจร ก็ เป่านกหวีด..บังคับ รถให้หยุด เพราะ ทำผิดกฏจราจร
พอตำรวจเดินตรงมา ขอ ใบขับขี่..
คนขับก็ บอกให้ มอง มาที่ข้างหลัง ว่า ใครนั่งอยู่
ตำรวจจราจรผู้น่าสงสารก็มองและจำได้ ว่า เป็น นายกรัฐมนตรีคนดุ
...........................................................................
ความเคยชินกับงานก็บอกว่า ..ขับรถฝ่าไฟแดง..ผิดกฏจราจร ก็ขอจับ
จอมพลสฤษิดิ์ ธนะรัชต์ ก็บอกให้ คนขับให้เขาเอาใบขับขี่ไป
และขอชื่อ ตำรวจไว้ และบอกว่า อีกสามวัน ให้ไปหาที่ ทำเนียบ
..............................................................................
อีกสามวัน พลตำรวจจราจร ก็ไป ตามที่ สั่งไว้...
ในใจคิดว่า "แย่แล้วกู..ไปจับคนใหญ่คนโต..ตายแน่ๆๆ"
แต่พอ เจอ ท่านจอมพลสฤษดิ์ " ท่านกลับชมเชยที่
ทำตามหน้าที่ ไม่เกรงกลัวผู้ใด..และให้แหวนอัศวินเป็น รางวัล
..................................................................... -
นี่ก็เรื่องทำนองเดียวกัน..คนใหญ่ มีเรื่องกับ คนเล็กที่ ทำตามหน้าที่
เราจึงต้องเป็นคนกลาง แก้ไขเรื่องนี้..
ทำโดยให้ วิษณุ นั่งหงายมือซ้าย..
เพื่อเรียกของที่องค์พระศิวะให้ไว้.. วางไว้ที่ ปราสาทตาเมียนมาลงที่มือ
.............................................................................
กล่าวบทสวด อัญเชิญ ของมาลง ในสามนาที..มาลงที่มือ ซ้ายทันที
ของก็มา..แต่เราไม่เคยระวังมาก่อน ว่า ของ จะแรงแค่ไหน
พอของมาลง..พลังแรงมาก..จนวิษณุ ร้องลั่น..เหมือนมีอาการเจ็บปวด
ปากบิด หน้าบิด..เราก็เอะใจ พลัง ของ แรงเกิน นี่หว่า
.............................................................................
รีบหันเข้าหา ชั้นวางของ..จะเอามารับพลังแทนมือของวิษณู
วูบแรก ก็ คว้า เลย เป็น ก้อน ดำๆๆรี .เชิญพลังมาลง..ก็ไม่มาลง
ดูอีกที ..อ้าว.. นี่มัน เศษหินอุกาบาต..
คงไม่สะอาด..พลังจึงยังไม่ยอมย้าย
.................................................................
หันไปอีกที ก็เห็น แท่งแก้วใส แบบ ปริซืม หกเหลี่ยม
ก็เอามาวางตรงหน้า..อัญเชิญพลัง ให้ย้ายจากมือมาที่แท่งแก้วใส
พลังก็ย้ายมา..ทำให้แท่งแก้วมีพลังสูงมากๆๆ
อาการของ วิษณู ที่ ปากบิด ปากเบี้ยวก็ หายเป็น ปลิด ทิ้ง
..........................................................................
ตั้งแต่นั้นมา แท่งแก้ว ของ พระราชทานโดยตรงจากองค์พระศิวะ
ก็มาแขวนอยู่ที่ คอ ของ วิษณุ..ตลอดมาจนปัจจุบันนี้
..........................................................................
ดูในมิติ อีกที..ต้นไม้ใหญ่ ที่ สถิตย์ ของ พญานาค
ก็ กลับต้น ยืนขึ้นตรง เหมือนเดิม..แปลว่า รอดตายไปแล้ว
ก็แปลว่า ทุกอย่างลงตัว.ทุกคนมีแต่ได้
วิน วิน โซลูชั่น....Win Win Solution
ด้วยประการฉะนี้
................................................................. -
วงที่1ใกล้ประตูด้านซ้ายมือของเรา
จุดที่2สว่างขาวนวล
จุดที่3จางบางกว่าที่2บางจนเกือบใส
จุดที่4เป็นสีส้มอยู่บนสุดใหญ่สุด -
ขอแสดงความเห็นเรื่องจุดขาวๆกลมๆที่ปรากฏในภาพด้วยคนครับ
ผมก็เป็นคนที่ถ่ายภาพมามากคนหนึ่ง
ขอแสดงความเห็นดังนี้ครับ
ภาพจุดขายสามารถจำลองให้เกิดได้ ด้วย การถ่ายภาพด้วยแสงแฟลช ในสภาพที่มีฝุ่นลอยอยู่ แสงแฟลชจะสะท้อนเศษฝุ่นทำให้เกิดเป็นรูปขาวๆกลมๆครับ ดังนั้นภาพที่ถ่ายในสถานที่ที่มักจะเกิดรูปพวกนี้คือ
1.สถานที่ที่แสงน้อยทำให้เราต้องใช้แฟลชประกอบการถ่ายรูป
2.สองจะต้องมีฝุ่นลอยอยู่หน้ากล้องอาจจะใกล้หรือไกลแต่สะท้อนแฟลชมาเข้าจอภาพได้
เราจึงไม่เคยเห็นภาพถ่ายกลางวันที่แสงสว่างมากๆและไม่ได้ใช้แฟลชประกอบการถ่ายภาพปรากฏแสงกลมขาวนี้ และฝุ่นอาจจะเกิดได้หลายทางเช่น จากลมที่พัดไปมา และการเดินการเคลื่อนไหวของเราเองหรือแมลงในสถานที่เหล่านั้นก็ได้ที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งขึ้นมา
อันนี้คือความเห็น มีผู้อื่นเคยพูดไว้ผมเลยเอามาแนะนำครับ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าอ่านมาจากที่ไหน) และผมเคยทดลองทำแล้วก็ได้ภาพลักษณะนี้จริงๆ
แต่
แต่
แต่
กรณีที่ไม่ใช่ฝุ่นเช่นอาจจะเป็นดวงแสงหรือจิต หรือพลังงานใดๆก็ตาม ก็เป็นไปได้ที่จะสะท้อนแฟลชตามที่หลายๆท่านวิเคราะห์ไว้ หรืออาจจะเปล่งแสงได้ด้วยตัวเองก็ได้
ดังนั้นรูปที่เห็นแสงขาวๆกลมๆ ผมก็ยืนยันไม่ได้ชัดเจนว่าอาจจะเป็นก้อนพลังงานเหมือนที่หลายท่านพูดถึงก็ได้ และในเวลาเดียวกันบางรูปอาจจะมาจากฝุ่นประกอบแสงสะท้อนกับแฟลชก็เป็นได้ ต้องแยกแยะครับเหมารวมกันไม่ได้ -
เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ เรื่องที่ 35
ไหว้พระเก้าวัด ช่วงเทศกาล ปีใหม่ไทย 2552
..........................................................
ปีใหม่ไทย หรือ วันสงกรานต์..ที่คนไทยรู้จักกันดี
มักจะเป็น วันหยุดยาว เพราะ บวกกับ วัน ครอบ ครัว เข้าไปด้วย
ชมรมคนตาทิพย์ ก็มีความคิดที่จะไปไหว้พระ ให้ได้ 9 วัด
ถ้าจะไป ช่วงสงกรานต์ จริงๆๆ คงมีปัญหา เรื่อง ถนน และที่พัก
เดินไปๆๆมาๆๆ จะถูกสาดน้ำเอาด้วย
..................................................................
ก็เลย นัดกัน จะไป ช่วงวันหยุด ที่ จะมาก่อน คือ วันที่6 เมษายน 52
ซึ่งเป็นวันหยุด ราชการ เนื่องจากเป็นวัน"จักรี"
เรากลุ่มชมรมคนตาทิพย์ รวม 4คน ก็ ร่วมใจกันไป ตามโปรแกรม
เป็นการทัวร์ไหว้ วัด แบบ เช้าไป-เย็นกลับ..ไม่คิด ค้าง ตืน
..................................................................
เคยมองๆๆดูว่า ภาคใหน ที่ เราไม่ค่อยได้ ไป
และวัดที่ น่าจะมีสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ ประจำอยู่ ณ วัดนั้นๆ
เราไม่เลือกวัดที่ ใหญ่โต...ดังมีผู้คนไป ทำบุญกันมาก
เพราะ วัดได้ เงินมากมาย..จนไม่รู้จะเอาไป สร้างอะไร อีกแล้ว
เราไม่ไปวัดที่ เคยมีพระเกจิอาจารย์ ดัง..
พอท่านละสังขาร วัดก็จะร้าง..ผู้คนที่จะมาวัด
เราไม่ไป วัดที่มีวัตถุมงคลดัง
เพราะ เมื่อใดที่ วัตถุมงคล รุ่นที่ดัง หมด แล้ว..
วัดก็จะค่อยๆๆ ร้างเช่นกัน
......................................................
พอลองไล่ชื่อ วัด พบว่า วัดในแถบ ตะวันตก เช่น สุพรรณบุรี/ชัยนาท.
มีวัดที่ น่าจะเที่ยวชม และไหว้พระ ทำบุญ..หลายวัด
การเที่ยววัด..เราจะสัมผัส สิ่งศักดิ์ ที่เกี่ยวกับ ศาสนา พุทธ
ได้กระแสสัมผัส ที่ นิ่มๆๆ สบายใจ.โล่งๆๆ.
.ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะตัว..แล้วแต่ละวัด ที่ไม่เหมือนกัน
.............................................................
ต่างจาก การไปเที่ยวสัมผัส สถานโบราณ เก่า แก่ /หมู่ปราสาทขอม.
เพราะ พลังสัมผัส..จะซู่ซ่า..มาไว..ไปไว..โครมครามดี
เร้าใจได้ เป็นอย่างดี..คุยได้ สัมผัสได้/มองเห็นได้
กับเจ้าที่/ เทพที่ดูแล/ สัตว์ ประหลาด ดูแล พื้นที่
...................................................................
เราออกเดินทางตั้งแต่ ก่อน 7 โมงเช้าจากที่ ตั้งชมรม 042
บนสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน กำแพงเพชร..จตุจักร
วิ่งไป ตามเส้นทางถนนรัตนาธิเบตร์..เข้าถนนนครอินทร์
ผ่านบางใหญ่..เลี้ยวไป ทางไป สุพรรณบุรี
แวะทานอาหารเช้ากลางทางใกล้ ลาดหลุมแก้ว
..................................................
ประมาณ แปดโมงเช้า เราก็ มาเข้าเขตเมือง สุพรรณ
วิ่งไปตามริมฝั่งแม่น้ำน้อยที่ผ่านตัวเมือง
วัดแรกที่เราไปถึงเป็นวัดแรก ในการไป ครั้งนี้.คือ วัด "แค"
วิ่งมาได้ ประมาณ 10นาทีจากตัวเมืองสุพรรณ.เราก็มาถึงวัด
ตัววัดอยู่ทางขวามือ..เลี้ยวเข้าไป จอดในลานจอด ที่กว้างพอสมควร
มีรถของผู้มีจิตศรัทรา วัด..จอดอยู่ก่อนแล้ว ประมาณ 5-6 คัน.
.......................................................................... -
มองเห็นผู้คน เดินไปมา เป็นกลุ่มเล็กๆๆ มากันเป็น ครอบ ครัว
มีแผ่นป้ายบอกชี้ทาง.ว่าอะไร อยู่ ทางไหน
จุดแรกที่ ใกล้ที่ สุด จากลานจอด..คือ "คุ้มขุนแผน"
เราก็เดิน ตามคนอื่นๆๆไป...เข้าไปได้ ประมาณ 50 เมตร
ก็เห็น ตัวคุ้มบ้านขุนแผน..ตั้งตระหง่าน..เป็นบ้านทรงไทย
................................................................
มองด้วยตา พบว่า คุ้มค่อน ข้างใหม่.เป็นบ้านไม้.. สีทาไม้ยังสดใส
ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นคุ้ม..ก็กล่าวขออนุญาต เจ้าที่ เจ้าทางที่ มีอยู่
ตามธรรมเนียมและมารยาทที่อันควร
คุ้ม ..เป็นชานเรือน ยกพื้น..มีห้องเป็นกลุ่มๆๆ.ไม่มีฝาห้อง แบ่งแยก
พื้นกระดานค่อนข้างหนา...เดินได้ อย่างมั่นคง....
......................................................................
ทะยอยเข้าไปดู แต่ละกลุ่มของบ้าน..พบว่า ถึงแม้จะสร้างขึ้นใหม่
เพื่อ โปรโหมด การท่องเที่ยว ของจังหวัด.ก็ยังเป็นคุ้มหรือบ้านที่มีพลัง
ห้องด้านขวามือ เมื่อเดินเข้าไป..พบว่ามีพลัง วืด วาด
ก็มองด้วยตาใน เพื่อดูว่า พลังวืดวาดที่ ว่า..มาจากไหน
พบว่า เห็น ม้าสีขาวแบบหมอก...ยืนอยู่ที่ มุมห้อง
เป็นม้า ของ ขุนแผนในอดีต...และยังติดตามกันมา
............................................................. -
ก็ยืนมอง และ แผ่กุศลให้ ม้าขาวนั้นไป
ห้องกลางเป็นห้องโล่งๆๆเหมือนเป็นที่ พักผ่อน ของ ครอบครัว
มีคนบอกว่า "คุ้มขุนแผนนี้" มีพวก นัก สร้างภาพยนต์ เกี่ยวกับ เรื่อง เก่าๆ
หรือ จักรๆๆ วงศ์ๆๆ มายืมเป็น ฉาก ถ่ายภาพยนต์ บ่อยๆๆมาก
........................................................................
ห้องใหญ่ทางริมขวาสุด..กว้างพอ ควร..สัมผัสได้ พลังที่แรง
จึงต้องดูด้วยตาใน ว่า มีอะไร อยู่...พบว่ามีหญิงสาวแบบโบราณ
มานั่ง อยู่ ที่ มุมห้องด้านในสุด...หน้าเศร้า และ ไม่สดใส
จิตบอก ว่า "นี่..คือ นางพิม พิลาลัย...เมีย ขุนแผน นั่นเอง
เราก็ได้ แต่ยืนมอง ห่างๆๆ..ไม่อยากเข้าใกล้..จิตวิญญาณ ที่ มีทุกข์
......................................................................
พอหมดก็ค่อย พากัน ถอยออกมา..ที่ ชานเรือน
สงสัยว่า เป็นคุ้ม ขุนแผน..แล้วทำไม จึงไม่พบ ขุนแผน
ก็เก็บงำไว้ในใจ...ออกมายืน บนลานกว้าง หน้า คุ้ม..ถ่ายรูปไว้อ้างอิง
พอเสร็จ ก็เดินกลับออกมาที่ ทางเข้า เพื่อ จะดู อย่างอื่นต่อไป
............................................................................ -
ตรงใกล้ทางออกของคุ้ม..มองเห็น ต้นมะขามยักษ์ ที่ ใหญ่โตมาก
ขนาด 5-6 คนโอบเลยทีเดียว..ต้นมะขามนั้น สูง ปานกลาง
แต่แตกกิ่งออกไป จากโคนต้นอีก2 แขนง..
จึงทำให้ดูเป็น ต้นมะขามที่ ใหญ่มากๆๆ
..............................................................
.เคยได้ ยิน เรื่องกิตติศัพท์และอภินิหาร ของ หลวงปู่คง
ที่เคยเอาใบมะขามมาเสก ให้กลายเป็นตัวต่อ..ไปทำร้าย ศัตรู
อยากจะรู้ว่า ทำได้ จริง หรือ ไม่ ???????
ก็ขอทดลองดู ทันที...หยิบใบมะขามมา เพียงหนึ่งใบ
ขอให้พลัง ของ ตัวต่อ ที่มีอยู่..โดยอำนาจของหลวงปู่คง
มาเข้าใบมะขามนี้......และให้มีพลัง
ลองสั่งให้เข้าไป ต่อย สมาชิกของ ชมรม ที่ มายืนล้อมอยู่..
"เป็นไง"...ก็ได้ คำตอบออกมา
................................................................
(มีต่อ) -
ที่เอาใบมะขามมาเสก ให้กลายเป็นตัวต่อน่าจะเป็นหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเถ้า
หรือเปล่าครับ
-
เมื่อคืนนี้นอนหลับแล้วฝันไป ฝันเห็นอาจารย์สามตา น่าแปลกใจนัก ทั้งๆที่เคยเห็นภาพอาจารย์แว่บๆในภาพถ่ายที่ไปเที่ยว แต่กลับฝันเห็นอาจารย์อย่างชัดเจน ในฝันเจอหน้ากัน อาจารย์ไม่พูดไม่จา เดินตรงเข้ามาใช้นิ้วจิ้มลงไปตรงหน้าผากเหนือหว่างคิ้ว แล้วจากนั้นก็สะดุ้งตื่น ขอโทษค่ะที่มาเล่าความฝันในกระทู้อาจารย์ เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น
-
ขณะที่ดูรูปหลวงปู่ศุข ได้ ตั้งจิตนมัสการท่าน ได้รับพลังเมตตาจากท่านด้วย สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
-
แปลก แต่จริง จริงนะ รูปแทบทุกรูปที่ วิษณุ นำมาลง
เมื่อมองดูแล้วได้รับ ได้ สัมผัส พลังอยู่บ่อยๆ -
วัดมะขามเฒ่าครับพี่บาส....
หวัดดีปีใหม่ย้อนหลังครับ.. -
ปลานึกว่าขุนช้างขุนแผนเป็น เรื่องที่แต่งเสียอีกคะ
ในความคิดๆว่าพ่อขุนแผนพอจะทำไร แต่ไม่กล้าพิม
เดี่ยวจะไปว่าเขา เดี่ยวเขาไม่พอใจแย่เลย
แล้วอาจารย์ได้เจอพ่อขุนแผนไหมค่ะ
. -
จ ช ...
-
-
หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าผู้เป็นอาจารย์ของ เสด็จเตี่ย.มีความสามารถในการ รูดใบมะขามเสกให้เป็น ตัวต่อ ไป ต่อย ศัตรูได้...เป็นยุคช่วง ร.5 หรือ ประมาณ 100 กว่าปีมานี้เอง
...................................................................................................หลวงปู่คง แห่งวัดแค เก่งกาจ เรื่อง เสกใบมะขามเป็นตัวต่อ..สอนวิชานี้ให้แก่ ขุนแผน
ซึ่งเป็นศิษย์วัดป่าเลไลย์ ที่อยู่ห่างออกไป..จนเก่ง...บ้านนางพิมพิลาลัย อยู่ข้างวัดแค สุพรรณที่ ว่า..ขุนแผนจึงได้ พบ นางพิม ..เหมือนพระเอก เจอ นางเอก.แบบละครไทยๆๆทางทีวี...ยุคขุนแผน และหลวงปู่คง อยู่ในสมัยอยุธยา ช่วงต้นๆๆ หรือ นานกว่า 300 ปี
...นั่นคือ มาก่อน หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า..หลายชั่วอายุคน
..............................................................................................
ไม่แน่ นา หลวงปู่คง กับ ขุนแผน ในอดีต
กลับชาติมาเกิดเป็น หลวงปู่ศุข กับ เสด็จเตี่ย ก็ได้...ใครจะรู้
......................................................................
หน้า 80 ของ 299