ท่านรับมอบดูแลถือสิทธิขาด 3 โลกเพียงผู้เดียว นะครับ ตอนที่ทราบก็คิดอย่านั้นเหมือนกัน
เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.
หน้า 12 ของ 131
-
แต่เดิม ผมกลัวใจท่าน ถึงลูกถึงคน มากเกิน
กลัวว่าผู้ปฏิบัติการ จะต้องโทษไปตามๆกัน
แต่วันนี้รู้สึก ท่านสุขุมรอบคอบขึ้น เย็นมากขึ้น
ความจริง ตำแหน่ง ที่ศูนย์กลางของยา 7 มณี ควรเป็นตำแหน่งที่อำนาจท่าน(ท้าวชินะฯ)ลงสถิตย์
แต่ยังไม่กล้าเชิญ ไว้พร้อมแล้ว คงต้องขอเปลี่ยนตัวอีกครั้ง
ข้าน้อยน้อมคาระวะ มหาเทพทั้งแปด -
-
ฮิฮิ...สงกาสัยเนาะ ว่าจะเป็นท่านเดียวที่ข้าน้อยเรียกท่านว่า ปู่จ๋าแน่เลย
ท่านเป็นผู้สร้าง/เจ้าของ คอนโดทั้ง Hi-zone และ Low-zone ที่ผมเขียนถึง -
สงสัย ชยาต้องตั้ง กระทู้ เรื่องเล่าก่อนตื่นของคนตาทิพย์ มาสู้ ซะลาม๊างงงงงง เรื่องเล่ามากันหลายกระทู้เลย 5555 ( แซว อ. สุวิ ครับ 555 )
-
คิดถึงจ้า คิดถึงมากมาย
สงกาสัยนะ ตอนก่อนตื่นนี่ มันจามาเล่าอีท่าใหนนะ -
มหาเทพ ได้้เปลี่ยนองค์ประธานในยา 7 มณี จาก ท่านท้าวเวสสุวรรณ เป็นท่านท้าว ชินะปัญชระ ไปเรียบร้อย
ข้าน้อยน้อมรับด้วยความเคารพ -
บอกว่า ... ขอบุญนี้จงสำเร็จแด่ยา 7 มณี
และที่มาของยา คือมหาเทพทั้ง 7 พระองค์
ต้องเปลี่ยนเป็น มหาเทพทั้ง 8 พระองค์
ด้วยป่าวคะ หรือว่า เอา เซฟๆ บอก
ที่มาของยาเฉยๆ ดีอะคะ -
-
ยานี้จะป้องกันเราให้แคล้วคลาดจากอำนาจมืดด้วยหรือเปล่าคะ ท่านหมอ -
ไอ้อำนาจดำมืด ในมิตินะ แก้ได้กันได้แน่นอน(อธิษฐานเอา)
ส่วนอำนาจมืดในโลกมนุษย์นะ ไม่แน่ใจวุ้ย
ส่วน หน้ามืดนะ อันนี้กันไม่ได้แน่นอน ต้องเอาไฟส่องหน้าไว้รับรองหน้าสว่างแน่ -
ขอบุญนี้จงสำเร็จแด่ยา 7 มณี และที่มาแห่งยา ขอให้ท่านทั้งหลาย มีความสุข -
อำนาจมืดในโลกมนุษย์ก็ให้เขาเคลียร์กันเองก็แล้วกัน ชาวบ้านอย่างนู๋มะเกี่ยว
ระหว่าง 7 มณี กับ มิรู้อยู่ อันใหนจะแก้และกัน อำนาจดำมืดในมิติได้ตรงกว่ากันเจ้าคะ
-
ยามิรู้อยู่ เป็นฐานของยา 7 มณี
ยามิรู้อยู่เป็นที่สถิตย์ แห่งพลังของมหาทพทั้งเจ็ด และอาบชุ่มไปด้วยยา มณีอินทร(ทำจากแก้วกัลปพฤกษ์)
เคยเห็นเขาโฆษณายาอม ฮอลล์ ใหม๋๊
ไอ้ที่หยุดหงิดงุ่นง่านนะ
เขาเอาฮอลล์ที่ถูกจริต ใส่ปืนใหญ่ ยิงเข้าปากเลยนะ
เราก็เลยได้ไอเดียปิ๊งๅ เอามณีอินทร ใส่ปืนใหญ่ ยิงใส่ปากอีเลย
อยากรู้เหมือนกันอีจะหาย(หงุดหงิดงุ่นง่าน หน้ามืด ตาลายหรือไม่)หรือไม่ -
-
เล่านิทานต่อดีก่า
เรื่องของนาค ภาคที่ ๒และ ๓
เมื่อไอ้หมอมันเคลียกับนาคสองท่านเสร็จ และได้ดวงมณีแห่งนาคามาแล้ว ๒ ลูก
อีก็นั่งดูไปดูมา ทบทวนเรื่อง และที่มา อีรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไร หาเหตุไม่ได้
อีก็วางไว้ก่อน กาหมายเหตุไว้ แล้วศึกษาเรื่องอื่นๆต่อ
เรื่องของพิษนาค ที่ต้องกาย มันแสบร้อนสิ้นดี นี่ถ้าไม่มีมณีจินตนาละก็
ไอ้หมอเอ๋ย ดูไม่จืดแน่
มันหันมาถามทันทีว่า ไอ้ดูไม่จืดนะเป็นไง
มาม๊ะ...มาช่วยเป็นหนูตะเภา ทดลองดูหน่อยว่าเป็นไง
มันเกี่ยวอะไรกับตูด้วยฟ๊ะ เอาตูเป็นหนูตะเภาอีกแล๊ะ
โอ้ยๆ....ไอ้หมอทำตูเจ็บแสบอีกแล้ว
มันนะเอาพิษนาค ตนแรกนะ มาทาที่ตัวนะ แล้วนั่งดูนะ
ไอ้เราจะลองดิ้นพราดๆให้มันดูก็ไช่ที่ ก็เลยนั่งอยู่เฉยๆปล่อยไปตามะถาวริวะหากรรม แล้วมันก็บันทึก
แล้วมันก็เอามือลูบผ่านบอกว่ากลับสู่สภาพเดิมนะ
แล้วอีก็เอาพิษนาคตนที่ ๒ นะ มาทาที่ตัวอีก แล้วก็นั่งดู แล้วก็บันทึก
แล้วอีก็นั่งนึก เอ...นาคนี่มีสี่ตะกูลนะ สองตนที่รู้จัก นี่พวกใหนะ พิษนาคทั้งสี่ตะกูลนี่เหมือนกันไหมนะ
แล้วมันก็นึกขอรู้
นาคที่ให้ดวงมณี ขาวใสอมทองเป็นพวกใด คำตอบว่าเป็นนาคแม่น้ำ(วิรูปักษ์)
นาคที่ให้ดวงมณีสีเขียวคล้ำ เป็นนาคทะล(เอราปถ)
แล้วอีกสองตระกูลละเป็นไฉน
และเรื่องก็หยุดเพียงนี้ มีคนไข้มาหานะ -
กาลเวลาผ่านไป ครั้งหนึ่ง
ไอ้หมอมันมีโอกาสไปที่น้ำตกไทรโยคใหญ่
ไปสำนักปฏิบัตธรรมที่หนึ่ง ได้เข้าไปเที่ยวในถ้ำ นั่งสมาธิกัน
ในถ้ำมีโพลลึกอยู่ ดูๆแล้วไอ้หมอนึกคงมีนาคอยู่
ระหว่างนั่งสมาธิ นึกๆดู ก็มีนาคเอาดวงมณีมาให้อีก เป็นสีทองทึบอร่ามทั้งลูก
อ้อ...เป็นนาคภูเขาอาศัยในโพรงถ้ำ(กัณหาโคตะมะ)
มันก็ไม่นึกอะไร เอาเก็บไว้
กลับถึงบ้าน เอ.....ได้มณีแห่งนาคมแล้ว ๓ ลูกขาดอีก ๑
ตอนเช้า มาเลย มันกะลังเดินอยู่บนถนน ขนลูกซู พอบมือ มณีแห่งนาคลูกที่ ๔ ก็ปรากฏบนฝ่ามือสีฟ้าอมเขียวๆ
อ้อ...เป็นนาคบก(ฉัพพยาปุตตะ)อาศัยตามหว้ยหนอง ทุ่งนาป่่าเปลี่ยว
เห็นไอ้หมอมันก็รับเก็บไว้ หน้าตาเฉยเมย
เอะ..ยังไงกันหว่า ถ้าเป็นตูนะคงเต้นโห่ร้องในจังหวะ ชะ ช่า ซ่า ไปแล้ว -
จากบันทึก เรื่องพิษนาค และเทียบกัยคนไข้อาการแปลกที่มาหา
ในเคสที่คล้ายกัน สรุปได้ว่า
ผู้ที่ต้องพิษนาคทุกตะกูล จะมีอาการคล้ายๆกัน (แตกต่างในอาการปลีกย่อย)
๑. อาการของตุ่มหนอง ตกสะเก็ด คล้ายโรคสะเก็ดเงิน รักษาเท่าใดก็ไม่หาย(ถูกเพียงไอพิษจากนาค)
๒.อาการให้เป็นแผลตกสะเก็ดไปทั่วตัว บางคนมีแต่สะเก็ด บางคนเป็นแผลน้ำเหลืองไหลเฟะไปทั้งตัว
๓. มีแผลเป็นริ้วๆ เฉพาะที่บ้าง ทั้งตัวบ้าง รักษาท่าไดก็ไม่หาย
๔. อาการเป็นสะเก็ดแข็งคล้ายเกล็ดงู ที่ขาบ้าง ที่แขนบ้าง บางคนเป็นทั้งตัว
๕. อาการที่อยู่ๆ ผิวที่เคยขาวผ่องก็เปลี่ยนสีดำคล้ำไปทั้งตัว(เหมือนนิโกรเลย)
ฯลฯ
ปัญหาก็คือ แล้วคนป่วยเหล่าน้นไปต้องพิษนาค ได้ยังไง -
อิอิ เดาว่าน่าจะมาจาก อาหาร วัตถุที่นาคคายพิษทิ้งไว้
นี่แค่ไอพิษนะ โดนตรงๆคงตายทันที -
จากการเฝ้าดู และค้นตามตำรานะ พบว่า พวกนาคและงูใหญ่นะ
อยู่ๆไป พิษอี คงจะเต็มที่เก็บ จึงต้องคายพิษออกจากตัว
บ้างก็ว่า ถ้าอีไม่คายพิษทิ้งเสียบ้าง พิษนั้นจะล้นกลับมาทำร้ายตัวเอง
จากการเฝ้าสังเกตุนะ พบว่าพวกนาค ชอบคายพิษ และเช็ดปากไว้กับหินสีต่างๆ
พวกที่ผิวเรียบๆ พวกหินที่ถูกขัดสีจนนูนโค้งและเรียบ-เช่นหินน้ำตก
ถ้าหาหินที่ผิวเรียบไม่ได้ พวกเห็ดที่ดอกใหญ่พอเหมือนก้อนหิน สีออกขาวๆ อีก็ชอบไปคายใส่ไว้
หากหาไม่ได้ อีก็คายใส่ลงไปในบ่อน้ำแอ่งน้ำ(ใครลงไปอาบลงไปลุยก็เรียบร้อย)
พวกต้นไม้ใบหญ้า อีก็ยังไปใช้เช็ดปากเลย
เปลือกหอยตัวโตที่ดูคล้ายหิน อีก็ยังคายใส่เลย
ปกตินะเขาจะคายพิษไว้ในที่เร้นลับ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อใคร(พวกสัมมาทิฐิ)
แต่พวกมิจฉาทิฐินะ พวกจะคายพิษไปทั่ว
พวกทำไร่ทำนาตามป่าเขา พวกหาของป่า ก็ต้องพิษนาคกันมาก
พวกมนุษย์อีกพวกนะ ช้อบชอบไอ้หินสีสวยๆนะ ก็ไปเสาะหากันมา
ได้ไอ้พวกที่ไม่มีพิษ ก็ดีไป
หากได้ที่มีพิษติดมาก็ซวยหน่อย เป็นโรคโดยหาเหตุไม่พบ
หินบางก้อน ผู้มีพลัง พวกรู้วิธีการก็หาวิธีล้างพิษ หรืออาถรรณ์ต่างๆสิ่งที่ไม่ดี ออกจากหิน
ล้างได้หมดบ้างไม่หมดบ้าง
ที่ล้างไม่หมด ก็เหลือเศษซากของไอพิษติดอยู่
หินพวกนี้มีปัญหามาก เพราะพวกมีพลังก็ยังเช็คกันไม่ค่อยเจอสิ่งผิดปกติเลย
หน้า 12 ของ 131