หลวงพ่อปราโมทย์ สอน
"ดูใจตนเอง" นำไปเข้ากับ
พุทธวจนะ-พระศาสดาบทนี้...
## พุทธวจนะในธรรมบท ##
แปลโดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
=================
@@"ใจเป็นผู้นำทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเป็นใหญ่
ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าคนเรามีใจชั่วเสียแล้ว
การพูด การกระทำก็พลอยชั่วไปด้วย
เพราะการพูดชั่วทำชั่วนั้น ทุกข์ย่อมตามสนองเขา
เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโค"@@
Mind foreruns all mental conditions,
Mind is chief, mind-made are they;
If one speak or acts with a wicked mind,
Then suffering follows him
Even as the wheel the hoof of the ox.
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา.
มนสา เจ ปทุฏฺเฐน
ภาสติ วา กโรติ วา.
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ
จกฺกํ ว วหโต ปทํ. ฯ ๑ ฯ
เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wanwi, 11 ตุลาคม 2016.
หน้า 2421 ของ 3995
-
-
คู่กันในวันหยุดสบาย...
สวนร่มรื่น.......รับตื่นเช้า
คนคละเคล้า...เข้าเชิงศิลป์
กลิ่นมวลไม้....คล้ายโชยริน
หญ้าห่มดิน.....โสภิณขจี!
-
แต่จักสวยยิ่งด้วยมือเรา...
เดินเลาะหาด...กวาดกำจัด
ทิ้งสารพัด.......ขจัดเสีย
เคลียร์ขยะ......สวะเพลีย
ชื่นชมเชียร์......เชลียร์ชน!
หมายเหตุ...เชลียร์ = เชียร์+เลีย
........(สนับสนุน,ประจบประแจง)
-
ไปจบด้วยบุญโมทนาชื่นใจ ได้ครบ
ทุกกระบวนทั้งกาย วาจา ใจ ในวันนี้ -
เมืองไทยมีประชากรแผ่นดินใหญ่มาเยือนปีละ กว่าสิบล้าน และอาจพุ่งถึงยี่สิบล้านในเร็วๆนี้ หากเจอกฏไม้นวมของจีนก็พอทน แต่อย่างว่ารัฐบาลคอมฯจะออก"กฏเหล็ก"จริงจังเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรระวังเตรียมรับมือไว้บ้าง
และตามความจริง เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในเมืองจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง มีทั้งความอลังการ งดงาม สวยชวนตื่นตะลึงระดับ"เบอร์1ของโลก"มากมายยิ่งนัก ความไพศาลของแดนดิน มนุษย์ธรรมดาหน้าไหนก็ไม่มีทางท่องเที่ยวได้จบในชีวิตเดียว
เรื่อง"จีนเที่ยวจีน"จึงน่าห่วง...ก็พึงสังวรณ์กันไว้ จีนไม่เที่ยวไทยมากขึ้น เราก็อย่าบ้าเห่อไปเที่ยวจีนจนลืมเที่ยวไทยก็แล้วกัน -
สาธุ สาธุค่ะเป็นอย่างที่คุณอากล่าวเลยค่ะ มัวมองแต่เลขท้ายหลงลืมไปว่าเลขหน้าก็มีรางวัลให้ลุ้นอยู่เหมือนกัน^^ ลอตเตอรี่มีซื้อบ้างค่ะแต่ไม่บ่อย นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกรางวัลแถมได้นำมาร่วมบุญต่อสุขใจจริงๆค่ะ -
เหลือทางเดียวคือ ทำหวยใต้ดินเสียเองแข่งกับเจ้ามือหวยเถื่อน เมื่อนั้นแหละปัญหาสลากเกินราคาจะสาบสูญไปทันที เพราะคนขายสลากไม่ออก
แต่วิธีนี้ก็ทำเอารัฐแทบเจ๊งมาแล้ว ในยุคท่านหน้าเหลี่ยม และโดนฟ้องร้องติดคุกกันบานเบอะ บ้างก็หนีไม่มีแผ่นดินอยู่อย่างทุกวันนี้
สรุปง่ายๆ ก็ปล่อยเป็น"ปัญหาโลกแตก"ต่อไปดีฝ่า-ฮ่า -
บุญต้นน้ำ+ค่าเซิร์ฟเวอร์เว็ป
=================
พระชัยวัฒน์ "ตั๊กม้อ"-2แผ่นดิน
วัดกวางซิ่ว-วัดสุทัศน์ กล่องเดิม
~~~~~~~~~~~~~~~~~
ฮือฮากันมากในปี 37 เมื่อแผ่นดินใหญ่เริ่มผ่อนคลายกฏเหล็กการท่องเที่ยว-การนับถือศาสนา และการถ่ายเทวัฒนธรรมระหว่างประเทศที่เคยได้รับขนานนามว่า...ไทย-จีนพี่น้องกัน!
ศาสนาพุทธในผืนแผ่นดินใหญ่ฟื้นฟูรุนแรงและรวดเร็ว รูปแบบที่ดีจากเมืองไทยมากมายหลามไหลเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ เพราะในห้วงปฏิวัติวัฒนธรรมโดย"แก็งค์ 4 คน"นั้น ศาสนสถานถูกทำลายย่อยยับมากมาย โดยเฉพาะวัดเส้าหลินอันยิ่งใหญ่สุดของจีนและของโลก
เมื่อวัดเส้าหลินฟื้นตัวตนขึ้นสมบูรณ์ ผู้คนก็พลันรำลึกถึง ท่านปรมาจารย์"ตั๊กม้อ"หรือท่านพระโพธิธรรมผู้ทำให้วัดเส้าหลินกลับมาเกรียงไกรช่วงที่2เมื่ออดีต ดังนั้นชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย-จีน(ประเทศไทย) จึงดำเนินการจัดสร้าง"พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ 2แผ่นดิน"ขึ้นเป็นหนแรกในรอบพันปี
กริ่ง2แผ่นดินกำหนดพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรกที่วัดกวางซิ่วสำนักสงฆ์ตั๊กม้อ) เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้งประเทศจีนเดือนกันยายนปี37 ด้วยพระสงฆ์จีน ไทย ธิเบต มองโกเลีย และภิกษุมหายานหลายสำนักนับพันรูป
จากนั้นก็มาต่อที่เมืองไทย พิธีใหญ่ครบสูตรวัดสุทัศน์อันเป็นตัดศิลาแห่งวงการพระกริ่ง-พระชัยฯ ถูกฝาถูกตัวมิผิดเพี้ยน ในเดือนธันวาคม ก่อนนำออกให้บูชาเป็นวัตถุธรรมตัวแทน2ฝั่งมหานทีแห่งพระศาสนาเดียวกัน
จึงขอนำพระชัยวัฒน์"ตั๊กม้อ"เนื้อทองฝาบาตร หากเป็นพระกริ่งจะเรียก"เนื้อทองม้าฬ่อ"ให้ร่วมบุญเป็นที่ระลึก พระศักดิ์สิทธิ์ 2 แผ่นดิน ที่วันข้างหน้าอาจมีราคาแพงชนิดชวนตะลึงเหมือน"พระกริ่งใหญ่จีน"จากอดีตซึ่งปัจจุบันราคาหลักล้าน อะไรก็เป็นไปได้...พระกล่องเดิมไม่มีราคีด้วยมือใคร
=====800บาท=====
ชมภาพเพิ่มเติมโพสท์ถัดไป -
ขอร่วมบุญค่ะ
-
พระชัยฯตั๊กม้อ ขนาดใหญ่กว่าพระชัยฯทั่วไปเล็กน้อย
-
เน็ทชักรวน ส่งทีละหลายภาพแล้วแฮ็งค์เหมือนคนเมาค้าง ต้องส่งทีละภาพ ชมทีละมุม แต่ครบทุกมิติ
-
อีกภาพกับโค้ตด้านล่าง
-
-
วุ่นกับงานบุญ+ทาน หลายเพลา หน้ากระทู้วิ่งไวไปเกิน40หน้า ก็ยังดีเพราะมีบางช่วงไปเป็นร้อยหน้า
อย่ากระนั้นเลยก็ดังที่รับปากไว้ ถึงเวลาสลับสับเปลี่ยนฉาก เข้าป่าล่าช้าง...เอ้ย วิ่งหนีช้างยกต่อไป เพื่อความสุนทรีย์การอ่าน...ดู สนุกครบทุกรสชาติกระทู้ ที่มีแฟนนักอ่านนักท่องไพรรอบนอกติดตามมากที่สุด
โปรดรอการจิ้มชั่วครู่ตามธรรมเนียม -
-
(ต่อ)...อาถรรพ์"เหล็กไหล"-ประจันหน้า"เจ้าถ้ำ"!!!
=================
ความเดิม...หุบเขามรณะเริ่มสำแดงเดช ฉายแววแห่งเทือกเขา เงาไม้ ฉายาคน ล้วนมีที่มา ใช่ว่าจะตั้งให้กันชุ่ยๆ...!
~~~~~~~~~~~~~~~~~
แออัดสถานที่ อึดอัดใจ คับข้องเช่นปลาติดในข้อง ประดุจลูกไก่ในกำมือพระยายม...
หลังกระแทกฝาสาหัสสากรรจ์ "ดู ออร์ ดาย" วินาทีอยู่หรือตาย...ก็น่าใช่!
เงียบเข็มตกเล่มเดียวก็ได้ยิน..."โครงกระดูก เหล็กไหล ช้างสาร"
อาจารย์ทำลายความเงียบงันด้วยการพึมพัมน้ำเสียงราวกระซิบ แต่ทุกคนได้ยินชัดเต็มรูหู
"พระธุดงค์"...คุณเทพกระแอมเสริมแก้คำพูดให้ฟังรื่นหู จอมขมังเวทย์ร้อง "ฮื่อ"
"มีเหล็กไหล มีเทพเฝ้า มีเจ้าถ้ำ ต้องขอลองกันหน่อย"
อ้าว...อาจารย์ยังไม่เข็ดหรือนี่?...ผมใจหายวาบ ก่นในใจแต่ยังไม่โวยออกไป ที่ผ่านมารบกับเจ้าถ้ำรากเขียว รากเหลือง ลากสังขารชนิดคางเหลืองรอดมาได้ก็ถือเป็นที่สุดของชีวิต คงไม่มีโชคดีผีให้อภัยซ้ำสอง...
"ติดต่อท่านดูว่า พอจะแก้ไขอะไรได้บ้าง เราไม่ลบหลู่"...อาจารย์เลิศประกาศเสียงเบา ๆ ยังกับรู้ความในใจทุกคน เสียงพูดได้ยินแค่ในโพรงน้อยเหมือนกลัวเข้าหูใบตาลที่กำลังสะบัดพึ่บพับ แว่ว ๆ อยู่ข้างนอกไม่เกิน 20-30 เมตร
ผมส่ายตามองชาวคณะที่อัดแน่นน้อง ๆ ปลากระป๋องในโพรงน้อย เกือบไม่มีที่ให้เหยียดขา ทุกคนทำได้เพียงนั่งขัดสมาธิ ท้ายถ้ำเหลืออีกหน่อยเดียว เป็นหลืบแทรกคนตัวเล็กสุดได้อีกสักคน
ถ้ำนี้เพียงเจ้าคชสารน้องภูเขาขนาดย่อมตัวใดตัวหนึ่ง โถมกระแทกอัดปากถ้ำเข้ามาทั้งตัว มีหวังปากถ้ำถล่มปิดทางออก ขาดอากาศตายแหงแก๋ในไม่กี่อึดใจ!!!
"สม ยื่นหน้ามองด้านนอก ท่าไม่ดียิงก่อน ไม่ต้องถาม"
ฝากชีวิตวินิจฉัยไว้กับเจ้าน้องเล็ก ผมรู้ว่ามีภาระเป็นมือไม้ช่วยอาจารย์เลิศ
อาจารย์ขอที่ทางซึ่งเกือบไม่มี ให้ทุกคนร่นไปเบียดผนังตรงข้ามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการบิดตูดคนละเล็กละน้อย ลุงพรานมุดเข้าซอกหลืบท้ายถ้ำ คุณเทพก็ยืนที่เดียวกันไม่ยอมนั่ง เพื่อเผื่อที่ให้กว้างขึ้น คุณนงยืนพิงผนังให้คุณชาตินั่งพิงหน้าขา
จอมขมังเวทย์ขัดตะหมาดพิงแท่นหินมีโครงกระดูกนิรนามกองขาวโพลน หลังชนกับท่อนขาสีขาวหม่น ถ้ามีกล้องบันทึกภาพ อัดให้เจ้าตัวเห็นทีหลัง คงร้องลั่นว่า...ทำไปได้อย่างไร?
"น้องพราน เปิดหนังสือสวดชุมนุมเทวดา ให้ดวงว่าตาม"
วัวเคยขา ม้าเคยขี่ไม่มีอะไรยาก ว่าไงก็ว่าตามกัน ขอมีรูรอดไหลพ้นมัจจุราช ต่อให้เป็นรูเข็มก็ต้องลอง...
"สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัตราคัจฉันตุ เทวะตา,
สัmธัมมัง มุนิราชัสสะ,สุณันตุ สัคคะโมกขะทัง
* สัคเค กาเม จะ รูเป...ฯลฯ
อดีตเณรน้อยร่ายลูกคอเสนาะตามเบา ๆ ลำนำบทสวดช่างออดอ้อน น่าเสียดายเจ้าดวงไม่น่าสึก พรสวรรค์เยี่ยงนี้ครองผ้าเหลืองต่อมีสิทธิ์เป็นยอดพระนักแหล่ นักเทศน์นามระบือ...
ในท่าสมาธิขวาทับซ้าย สองมือประสานหน้าตัก นิ้วหัวแม่มือชนเบา ๆ อาจารย์เลิศ หลับตานิ่ง ลมหายใจแผ่วเบา ท่ามกลาง 8 ชีวิตเบียดเสียดรูถ้ำคับแคบ จอมขมังเวทย์ทำตัวเองเหมือนอยู่คนเดียว ลำพังชั่วอึดแห่งพญาช้างสารด้านนอกพลิกกระดิกใบหู ไม่ต้องมีงูแลบลิ้น ดวงจิตที่ผ่านเขตแดนมรณะหลายครา ดำดิ่งสู่สมาธิ ไร้ซึ่งความวอกแวก
สำเนียงอ้อยอิ่งบทสวดชุมนุมเทวดาแสนเพราะพริ้งจบประทับใจ คลื่นเสียงรื่นหูสะท้อนไปมาในถ้ำแทบจับสัมผัสได้ ลมหอบหนึ่งโชยแผ่วเบาแต่เย็นระรื่นเข้ามาทางปากรูถ้ำน้อย กลิ่นหอมอ่อน ๆ รวยริน กลิ่นเกสรดอกไม้ป่า กลิ่นป่าสดชื่น กลิ่นดินสะอาดคุ้นจมูก กลบกลิ่นตัวเหม็นหืน เหงื่อไคล กับกลิ่นที่ต่อมแห่งความกลัวขับหลั่ง...
เหล่าเรานั่งนิ่ง ที่ยืนก็เงียบงัน บรรยากาศโดนสะกด สิ่งลี้ลับบางอย่างสาปตรึง แต่ไม่ชวนสะพรึงเหมือนศึกนางถ้ำ
ถ้ำเล็กกระจ้อยร่อยกลางแดนความตาย ห้วงหุบมรณะส่งสัญญาณดีกว่ากันมาก พวกเราเผลอลืม ภูเขาเคลื่อนที่ 4 ตัวนอกถ้ำชั่วขณะ...!
(((ยังมีต่อ)))
*** เรื่องเล่า-นักขุดกรุฯ ทุกตอน มีลิขสิทธิ์ตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ ห้ามนำเผยแพร่ ก็อปปี้ ลอกเลียน ดัดแปลงทำซ้ำทุกกรณี มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุด *** -
(ต่อ)..."เหล็กไหล"ฯ
=============
"ครืน"...เสียงฟ้าคำรณแว่วด้านนอก แสงแดดสว่างจ้าที่สะท้อนเข้ารูถ้ำพอมองเห็นทุกอย่างกระจ่าง พลันหุบแสงหลุบหาย 9 ชีวิตตกอยู่ในความสลัวราง ไม่มืดต้องฉายไฟ เพราะมีบางอย่างก่อปฏิกิริยา...
"แปล็บ...แปล็บ...แปล็บ"!!!
เสียงไฟช็อตเหนือหัว ทุกสายตาแหงะมองปรากฏการณ์พิลึกกึกกือ บนผนังถ้ำขรุขระคล้ายมีคนนำสายไฟเปลือยไร้ฉนวนหุ้มคาดเอาไว้ แถมปล่อยกระแสไฟวิ่งผ่าน ก่อเกิดประกายแปลบปลาบ ดับ-ติด,ดับ-ติด ต่อเนื่องเกือบ 10 วิฯ
"อ้า...เกล้าฯ รับทราบขอรับ"...เสียงอาจารย์เลิศเบนความสนใจพวกเรากลับมา
ท่าเข้าฌานหรืออาจเป็นการเข้าทรงด้วยความเคยชิน อาจารย์เลิศคงหลับตาแต่ปากเผยออ้า ปล่อยเสียงครูดผ่านลำคอตะกุกตะกัก พูดกับบางอย่าง ร่างจอมขมังเวทย์ผู้แน่วแน่เลิกเดินวิถีไสยดำกำลังสั่นไหว ใบหน้ากระตุกบิดเบี้ยว ยิ้มไม่ใช่ ทรมานเจ็บปวดมิเชิง พยายามฝืนพลังบังคับอย่างรุนแรง
ในภวังค์จมลึกดิ่งสู่สมาธิระดับฌาน จิตอาจารย์เลิศสัมผัสพลังเหนือโลกยากต้านทาน มือสองข้างยกประสานจากหน้าตักขึ้นพนมจรดหน้าผาก โน้มตัวมาข้างหน้าหมอบกราบฟุบกับพื้นสั่นเทิ้ม...
ผมปลดกระติกข้างเอว เทน้ำผ่านองค์ปู่ราดกระหม่อมหนึ่งฝาร่างหมอบคู้ด้านหน้าทะลึ่งพรวด หายใจแรงพรืดระล่ำระลัก ดวงตาเบิกโพลงชั่วพริบตา ก่อนแปรกลับเป็นแววตาสดใสปกติ
"พระธุดงค์...ท่านโปรดสัตว์อยู่ถ้ำนี้ จิตเทพ วิญญาณสัมภเวสีมากมาย ไม่น่าเชื่อ"...!
พวกเราไม่ปริปาก ปล่อยจอมขมังเวทย์บรรยายเหตุการณ์อีกมิติที่จิตระดับฌาณ 4 ข้ามไปสัมผัสได้
"ดู...น้องพราน ดูท้ายถ้ำ มีบางอย่าง"...นิ้วชี้ผู้ได้ชื่อจอมคาถาอาคม ชี้ไปทางลุงพรานกับคุณเทพ นิ้วสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ทันจะขยับตัว...
"ตรงนี้มีรู...นายทหาร"...ลุงพรานสำนองเสียงแหบ ๆ เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินบ่อยนัก
สิ้นเสียง กลิ่นเหม็น กลิ่นศพแห้ง ๆ กลิ่นหนูเน่าตายซาก คลุ้งตลบทั่วถ้ำน้อย ทำทุกคนร้องโอ้กเกือบอ้วกรากแตก ผมกำองค์ปู่แน่นตรงหว่างอก...
"ใครตดว่ะ...ไอ้สม...เอ็งรึเปล่า?"
ผมแกล้งตะคอกไอ้น้องเล็ก มันเอาหน้าออกนอกถ้ำเล็กน้อยตูดโด่งอยู่ภายใน ตัวอยู่เหนือลม ถ้าปล่อยแก๊สพิษ-ตดจริงก็ไม่ใช่ใครอื่น
เจ้าคนโดนแกล้งกล่าวหา ผลุบหน้าหันมาตีหน้าปูเลี่ยน ๆ ทำเสียงแสนน่าเวทนา...
"ฮ่วย...ไผสิกล้าปล่อยตด ไอ้พี่บ้า"!
มุขนี้ทำให้ทุกคนได้อมยิ้ม แต่กลิ่นยังอยู่ ผมรีบแหวกเจ้ามะกับดวงไปทางพรานเฒ่าที่นั่งซุกในหลืบน่าสงสาร
นิ้วเล็ก ๆ ลุงเฒ่า จิ้มไปข้างหลังเบี่ยงตัวให้ผมดู นิ้วที่สั่นระริกตรงกับช่องกลมช่วงผนังถ้ำเชื่อมกับพื้นถ้ำ รูพิกลตรงนั้น ปากรูไม่กลมทีเดียว มันบิดเบี้ยวเอาหัวลอดได้ แต่ใครเล่าจะกล้า?
กลางแสงไฟฉาย รูทะแยงลาดลงใต้พื้นพิภพ เหมือนท่อต่อเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับพิภพบาดาล ไม่รู้มันสิ้นสุดตรงไหน ผมเคยเห็นแนวลาวาเมื่อแผ่นดินไหวในถ้ำผีกองกอย แต่รูนี้ไม่เหมือนกันสักนิดเดียว!
พอแสงไฟวาบผ่านบางอย่างคล้ายกลุ่มควัน เสียงครางฮือ คร่ำครวญ โหยหวน ถอนใจระงมเบา ๆ ในม่านหมอก เสียงที่สัมผัสส่งเส้นผมเส้นขนตรงท้ายทอยลุกเกรียว คลื่นสยองขวัญหวั่นกลัว ก่อตัววิ่งเป็นริ้วมาตามกลางกระดูกสันหลัง ต่างกับเสียงเสนาะบทสวดดวงดาว
ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าปรากฏร่างอสุรกายใต้ปฐพีคลานออกมาจากกลุ่มหมอกในรู!
คุณเทพขยับมาใกล้ กระซิบข้างหู...
"รูอะไร?"
ผมสั่นไฟฉาย ทำลำแสงพลิกไปพลิกมาให้คุณเทพดูแทนคำตอบ ยิ่งขยับแสง ก็ดูเหมือนหมอกในรูทวีความหนา
"อย่า...นายทหาร อย่ายุ่งกับมัน"...พรานเฒ่าว่าเสียงสั่น
"ประตูยมทูต"!!!
จู่ ๆ เสียงอาจารย์เลิศลอยมาจากท่านั่งที่เดิม ไม่ได้ขยับมาดูทางนี้ด้วยซ้ำ!
------------------------
*** เรื่องเล่า-นักขุดกรุฯ ทุกตอน มีลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ ห้ามนำเผยแพร่ ก็อปปี้ ลอกเลียน ดัดแปลงทำซ้ำทุกกรณี มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีสูงสุดตามกฏหมาย *** -
chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี
-
ขอบคุณมากๆครับคุณอา
สองท่อน
ยามฝนเทียม
สาดใส่แต่
เปียกจริง
เรื่องเล่า
คลายเหงา
ยามผู้คน
หลบฝน -
makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
สวัสดียามเช้าวันอาทิตย์ ตื่นเช้าแจ่มใส สดชื่นพักผ่อนต่อเนื่อง ให้เต็มที่ค่ะคุณอาและทุกท่านสมาชิก
หน้า 2421 ของ 3995