ขอส่งกำลังใจให้ท่านwanwiแบบเงียบๆครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิในการร้อยเรียงเรื่องเล่าขอรับ...:VO:VO:VO:VO
เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wanwi, 11 ตุลาคม 2016.
หน้า 39 ของ 4020
-
ติดตามอ่านทุกโพสต์ สุดยอดเหนือคำบรรยายจริง ๆ ใครที่เคยลุยถ้ำคงนึกถึงภาพและบรรยากาศในถ้ำลึกได้ว่าน่าระทึกใจเพียงใด ขอบคุณท่าน wanwi ด้วยความจริงใจครับ
-
กำลังลังเล เสี้ยววินาทีนั้น เสียงลอยมากระทบจิต มันกระทบชัดหาใช่
อุปทานจิตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่...
"อย่าทำเรา เรามาดี ช่วยพวกเราด้วย"!!
คุณพระช่วยอีกหน...ผีกองกอยส่งจิตพูดกับผม ผมผงะถอย ยกปืนในมือขู่
ทำนองมึงอย่าเข้ามา กูยิงจริง
มือเล็กเหี่ยวแห้งเหมือนกิ่งไม้แห้งอับเฉาใกล้หลุดจากต้น เป็นมือคนแก่
อายุเกินร้อยปีชัดๆ ยกขึ้นโบกช้าๆ ตาปีศาจแดงก่ำ เรียวเฉียงคู่ใหญ่
ลูกตาปูดโปนเกือบหลุดนอกเบ้า เส้นเลือดฝอยเห็นชัดกระทบแสงไฟ
ดวงตาคู่นั้นพยายามส่งอาการเป็นมิตร แต่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๋ย
ใครเล่าจะมัวจ้องหน้ามัน เห็นแล้วฝันร้ายไปเป็นชาติ...
ไอ้ผีในถ้ำนี่ก็พิลึก ส่งตัวแทนดีกว่านี้หน่อย มาคุยกับผมไม่ได้รึไง ?
หรือนี่คงเป็นเพราะผมเพี้ยน อยู่ป่าตะนาวศรีนานเกินไป ไม่ได้การแน่แล้ว
รอดจากนี่กลับไปได้ ผมขอเผ่นกลับบางกอกเสียที ก่อนสติแตกยิ่งกว่านี้
"ช่วยปลดปล่อยพวกเรา จากทุกข์ทรมาน ท่านผู้เดียวช่วยได้ ท่านผู้เจริญ"
เสียงก๋อย ก๋อย เจ้ากองกอยกรีดร้อง แต่มันไม่ได้คุกคามเป็นเสียง ก๋อย ก๋อย
คร่ำครวญมากกว่า ผมสัมผัสถึงความทุกขเวทนาสาหัสสะท้อนออกมากระทบจิต
ที่ไวของตัวเองหลังผ่านประสบการณ์เหนือตาย และเปิดโลกหลายครั้งจากปู่ฤาษี...
ผมกล้ำกลืนอาการผะอืดผะอม มาขนาดนี้แล้ว บ้าก็บ้ากัน แต่อย่าเอาไปเล่าใครฟังที่
โลกภายนอกเด็ดขาด ไม่งั้นถูกจับยัดหลังคาแดง
"ให้เราช่วยอะไร?"...
ผมบังคับตัวเองส่งความคิดถาม เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่องกัน
การสนทนาทางจิต ที่ประหลาดพิศดารที่สุดในโลกระหว่างมนุษย์กับผีกองกอย
จึงบังเกิด จะเป็นหนแรกของโลกหรือไม่ ไม่กล้ายืนยัน...แต่ถ้าใครเคยเจอ
ผีกองกอยก่อนผม ซึ่งน่าจะมีแน่ จะมายืนยันแล้วทวงตำแหน่งนี้ไป ผมยินดี
คืนให้อย่างเต็มใจ อาจจะแถมทองตะนาวศรีให้อีกก้อนด้วยเอ้า!
"เราคือเจ้าหญิงชาวไต ถูกจองจำที่นี่นานมาก ท่านต้องเผากระดูก
ทำพิธีศาสนา ให้เราพ้นมนต์มหากาฬ"...คุยทางจิตได้ใจความแบบนี้
"เผาอย่างไร ?บางตนไม่อยากให้พวกผมอยู่นี่"...ผมถามอับจนหนทาง
"บางร่างโดนมนต์บังคับหวงสมบัติ แต่ไม่มีแล้ว ท่านต้องถอนอาคม
ให้เป็นอิสระ"...จิตกองกอยส่งกระแสเข้าสู่ความคิดผมรวดเร็ว
เหมือนสายน้ำไม่สะดุดดังเกรงว่า ผมจะชิงปิดสวิทซ์ ยุติการสนทนา
"เราเห็นผู้ทรงศีลครอบท่านอยู่ จงอัญเชิญท่านช่วยเรา...
ช่วยด้วยเถิด...ช่วยด้วยเถิด" นั่นเป็นกระแสจิตสุดท้ายที่เจ้ากองกอย
ส่งกระทบ จากนั้นทั้งคู่ร้องก๋อย ก๋อย เสียงเศร้าสร้อย กระโจนหายไป
ไวดังสายลมพัด หายลับไปในความมืดเบื้องหน้า ผมแข็งใจเดินส่องไฟ
ไปที่จุดมันยืนคู่ พบกองฟืนหลายท่อนไม้ดีแห้งสนิท มีซากกระต่ายป่า
ตัวเขื่องยังอุ่นๆ และไก่ป่าผู้ตัวใหญ่อีก2ตัว -
เอาก็เอาว่ะ...ผีหาฟืน หาอาหารให้ ขืนปฏิเสธโอกาสนี้ ตายแล้วไปเล่า
ให้ยมบาลท่านฟัง ท่านคงด่า ไอ้โง่...ประสบการณ์สุดโต่ง บ้าทะลุโลก
แต่ไม่เป็นพิษภัย มันผ่านมาใหลิ้ม ก็ต้องลองชิมสักตั้ง ไม่เสียหาย!!!
ไก่ป่า..กระต่าย..ฟืนอย่างดี ..หลักฐานยืนยันเรื่องราวหลุดโลกเหมือนมี
คนบอกว่าไปดาวอังคารแล้วคนฟังจำใจต้องเชื่อ
ทุกคนแทบหายหิว แต่ยามนี้ขยอกพลังงานเข้าร่างกันก่อน เดี๋ยวค่อยคิดหาหนทาง...
คนจีนเจ้าปรัชญายังถือนักหนา... อย่าเจรจาธุรกิจยามท้องหิว
เราเติมฟืนใส่กองไฟใหญ่ขึ้น ปลาสดเนื้อหวานธารใต้ดิน กุ้งต้มน้ำร้อนหอมหวาน
แถมเนื้อกระต่ายนุ่มนวลที่บักสมย่างไม้หมุนใจเย็น กับไก่ย่างสองตัวย่างหนังเกรียม
กรอบนอกเนื้อสุกนุ่มในเพราะฟืนเพียงพอ มีน้ำเย็นรสออกหวานกร่อยๆ
จากธารใต้ผืนธรณี นี่ย่อมเป็นโมงยามหฤหรรษ ที่มิอาจใช้เงินตราเท่าใดซื้อหาได้
พวกเราสี่ชีวิตอิ่มท้องแล้วหนังตาหย่อน ใต้ถ้ำนี้ก็อบอุ่นสบายจากกองไฟ
กว้างขวางที่ทางเหมาะหย่อนกายา เราผลัดกันพักคนละช่วงอยู่เวรยามคู่-นอนเป็นคู่
ความสมดุลย์และสมดี เริ่มคืนสู่หมู่คณะ ไม่สนใจไอ้ช้างเกเรตัวเท่าภูเขา
ปากถ้ำด้านบน มันจะเฝ้าเราจนอดตายอยู่ตรงนั้น ก็ช่างหัวมันปะไร -
พักละครับ...พรุ่งนี้อาจเจอกันช้า
แต่จะพยายามเจอเพราะกำลังมันส์จริงๆ
ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีมีมงคล ทุกท่านครับ -
ขอบคุณครับคุณอา
เรื่องมันส์ๆ ตอนยาวๆ
อ่านได้แป๊บเดียว จบตอนอีกหล่ะ -
ติดตามผลงานตลอดเลยครับ พลาดไม่ได้สักวันเลย ผู้เขียนเก่งมากครับสามารถดึงคนอ่านเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องราวมีอรรถรสครบเครื่อง อ่านแล้วต้องติดตามเป็นอย่างยิ่ง และขอให้ผู้เขียนมีสุขภาพแข็งแรง ได้มีผลงานให้ผู้อ่านติดตามไปเรื่อยๆ นะครับ ขอบคุณมากครับ
-
แชมป์สาระที่หาฟังได้ยากจริงๆ ใครมีเรื่องราวแบบนี้เล่าให้ฟังบ้างอีกนะครับ เพราะหาไม่ได้ง่ายจริงๆ นึกว่าวรรณกรรมอมตะเป็นแค่นิทานจินตนาการอันสูงส่งของผู้อาวุโส ที่เขาว่ามาจากเรื่องจริง base on true story เจ้าของวรรณกรรมท่านไปได้ยินได้ฟังมาจากผู้มีประสบการณ์จริงๆ นี่เอง สมัยอีก 200 ปีข้างหน้าเมืองไทยจะมีแต่ป่าคอนกรีต ไม่มีป่าดงดิบแล้ว ผู้เขียนบรรจงถ้อยร้อยคำให้เป็นตำนาน legacy ว่าเป็นเรื่องจริงให้นอกจากคนไทยแล้ว ต่อไปชาวต่างประเทศก็จะรู้ด้วยว่าเรื่องเหล่านี้มีจริงเพราะเราเป็น AEC แล้ว ไชโยจริงๆ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ อนาคตอาจจะมีผู้นำเรื่องนี้ไปทำหนังหรือมีการจัดทัวร์เดินทางไปหาสถานที่จริงแบบซีรี่เกาหลีก็ได้ ไม่แน่นะใครจะไปรู้ ต่อไปจะต้องสอบหาคนเขียนว่าเป็นใคร เจ้าของประสบการณ์เป็นใคร ไม่ใช่อะไรเพราะตำนานตัวจริงมันหาได้ยากแล้วสมัยนี้ ผมคนหนึ่งละสมนับสนุนประสบการณ์ของชาวบ้านต่างๆ ที่เป็นตำนานให้นำมาถ่ายทอดต่อลูกหลานสืบไป เพราะตำนานบ้านๆ ของไทยมันขาดการสืบทอด เพราะคนมักดูถูกว่าเรื่องไม่มีสาระ ไร้แก่นสาร แต่มันเป็นตำนาน ณ มุมหนึ่งของประเทศไทย เป็นเรื่องลึกลับที่ทุกคนถวิลหาจริงๆ คนที่มีประสบการณ์ในระดับชาวบ้านหรือคนมีความรู้หน่อยไม่ได้ถ่ายทอดกันและล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
เป็นกำลังใจให้ท่านเจ้าของกระทู้ /อ่านมันดีกว่าดูนิยายน้ำเน่าไทย soap opera ตบตีแย่งสามีกันอีกนะ ถือว่าเรื่องนี้สร้างสรรค์ดี -
กระทู้ไปเร็วมากไม่ว่างเข้ามาอ่านวันเดียวเกือบตามไม่ทัน ขอบคุณครับคุณอาwanwi.
-
มาเป็นกำลังใจให้ครับ....:cool:
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
อ่านไปอ่านมา " เรื่องเล่ากลายเป็นเรื่องจริง เรื่องจริงกลายเป็นเรื่องเล่า " ทั้งสองด้านผนึกร่างเป็นหนึ่งเดียวกัน แนบเนียนไร้รอยต่อจนมีความเป็น realistic สูงมาก แยกแทบไม่ออก เหมือนเหตุการณ์เกิดและดับอยู่ตรงหน้า หากอ่านแบบเคี้ยวคำให้ละเอียด จะรับรู้แรงสั่นสะเทือนอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ลึกๆได้ เกิดความเศร้าสลดใจในชะตากรรมของเพื่อนร่วมโลก งานเขียนครั้งนี้ "รางวัล" คงไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่สำคัญอะไร การเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนเสพงานได้ เป็นสิ่งที่เหนือกว่าและมีคุณค่ากว่าโล่ห์ทองเหลืองจอมปลอมเหล่านั้นมากนัก.
-
เพียงไม่กี่บรรทัดที่ท่ายร่ายมนต์ ก็ซอกซอน
เข้สู่ก้นบึ้งหว่างกลางใจผู้เขียน ดังกับรู้ว่าบางครา
บางหน เขียนถ่ายทอดทั้งน้ำตาที่รื้นและคลอ...เป็น
เช่นนั้นจริงๆ มีหลายตอนที่ให้อารมณ์มาก ไม่ใช่แค่
สะเทือนเบาๆ แต่มันจับเขย่าสั่นไหวเลยเชียวล่ะ
ขอบคุณความอบอุ่นแห่งรังสีที่ส่องสว่างกระจ่างใจ
เสมอ และตลอดมา ขอบคุณจริงๆ -
แต่ก็อย่างว่า นักกวีชอบร่ายมนต์บทนี้...
"ยามไร้ เด็ดดอกหญ้าแซมผม" มีดีกว่าไม่มีครับ -
ก็เป็นกำลังใจสูง...ไปหลายหน้าก็ดีนะ
ได้อ่านทีเดียวมากจุใจ ขอบคุณท่านครับ -
ผมเป็นแฟนคลับ ตามติดอยู่นะครับ
ขอบคุณคุณอา ที่สละเวลา เพื่อมิตรรัก นักอ่านครับ -
แต่บางทีคำตอบก็อยู่ในสิ่งที่ท่านเขียนอยู่แล้ว...เล่าเรื่อง
เล่นๆละกันว่า วันหนึ่งผมกับเพื่อนอดีตตำรวจเกษียณไปเที่ยว
เมืองกาญจน์ฯ นั่งกินร้านอาหารป่าเล็กๆ ร้านบอกมีเนื้อเก้ง
เจ้าเพื่อนตำรวจปากไว สัพยอกไปว่า..."เก้งมีวีซ่ามั้ย ถ้าไม่มี
ถือว่าลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย"...พูดนะฮา แต่เจ้าของร้าน
ผู้หญิงไม่ฮาด้วย ค้อนหน้าคว่ำ....เธอคิดว่าเราอำว่าขายของ
ผิดกฏหมาย
เอามาเล่าเพื่อขยายความว่า คำว่าไร้พรมแดนยุคปัจจุบันแค่
คำพูดสวยๆ ที่แท้แล้ว เส้นขีดเขตแดนระหว่างชนชั้น เชื้อชาติ
มีเต็มรอบตัว ป่าก็เช่นกัน สัตว์ป่ายังไม่รู้เรื่องพรมแดน แต่มนุษย์
แต่ละชนชาติต้องรู้ครับ ข้ามแดนกันเป็นเรื่อง
ขอบคุณโพสท์ดีๆงามๆของท่านครับ -
ยิ่งเห็นโพสท์แล้ว จำได้แม่นครับ...
สมองผู้สว.อย่างผมยังทำงานเฉียบ
ขอบพระคุณจริงๆ -
บางที ผมเองเขียนไปก็"อิน"เช่นกันครับ เขียนให้
อ่านกันแล้วไม่อยากหยุด ถ้าไม่เมื่อยนิ้วหรือเจ็บตา
ขอบคุณอีกทีเรื่องสุขภาพ...เท็คแคร์เช่นกัน -
ผลักดันให้ผมเป็นยอดนักร่าย
ร่ายอักษรเพื่อให้ท่านจุใจ...ขอบคุณหลายๆ -
ความทรงจำดีๆ เก็บเอาไว้ อย่าเก็บแต่ความจำแย่ๆ
หากทุกคนจดจำแต่เรื่องดีมีคุณกับตนเอง โลกนี้
ความรุนแรงจะลดลงเกินกว่าครึ่งทันที...ขอบคุณมากจ้า
หน้า 39 ของ 4020