เรื่องใดที่ควรแก้ไขก่อนเพื่อให้เข้าถึงความเจริญ ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 31 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คนเรานั้นมีความเข้าใจ และสติปัญญาต่างกันอย่างไรก็ตามการจะเข้าถึงความเจริญก้าวหน้าของชีวิตคือ การเดินรอยตามอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น "ความเห็นผิด" หรือ มิจฉาทิฐิเป็นเรื่องแรกที่ต้องแก้ไข

    หากเราไม่แก้ไขเรื่องนี้ก่อนเสียแล้ว ทำอะไรก็จะผิดไปทั้งหมด คือเข้าใจผิดแต่ต้นก็ย่อมทำผิดแต่ต้น เหมือนคนจะเดินทางไปภาคเหนือ แต่กลับเข้าใจว่าทิศใต้คือทิศเหนือ เดินอย่างไรก็คงไม่มีวันถึง

    มีเจ้านครเสตัพยะผู้หนึ่ง นามว่า "ปายาสิ" หรือพระเจ้าปายาสิธิราช มีความเห็นผิดอันเป็นภัยร้ายกาจต่อพระศาสนาและระบบศีลธรรมจรรยา คือ พระองค์เชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง บุญบาปไม่มี ชาติก่อนชาติหน้าไม่มี

    ปายาสิธิราชเป็นกษัตริย์นักพูด มีวาทะคารมคมคาย จึงสามารถหักล้างทฤษฎีของสมณพราหมณ์ได้เป็นจำนวนมาก พระเถระอรหันต์หลายต่อหลายรูป ท่านก็หมดกิเลสไปเท่านั้นแต่ไม่มีปฏิภาณปัญญาจะไปโต้ตอบกับเธอได้ จึงถอยห่างออกไป

    พระกุมารกัสสปะ เป็นผู้เดียวที่มีความสามารถในการไขปัญหาได้ และท่านเป็นพระอรหันต์ จึงจำต้องไปโต้วาทะกับปายาสิราชันย์ ใช้เหตุใช้ผลอธิบายประกอบอุปมาอุปไมย ในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ของปายาสิธิราช

    เจ้าปายาสิเชื่อว่านรกไม่มี สวรรค์ไม่มี โดยทดสอบจากชีวิตจริงของคน คือสั่งนักโทษประหาร (ที่แน่ใจว่าตายแล้วต้องตกนรกแน่ เพราะทำกรรมชั่วไว้มากมาย ดังสมณพราหมณ์ทั้งหลายกล่าวสอนกัน) ว่า ถ้าตายไปตกนรกจริงก็ให้กลับมาบอก

    นักโทษคนนั้นรับปากแล้วก็ไม่เห็นกลับมาบอก จากนั้นก็ทดลองเช่นเดียวกันกับอุบาสกผู้มีศีลธรรมว่า หลังจากไปเกิดในสวรรค์แล้วให้กลับมาบอก ก็ไม่กลับมาบอกเช่นเดียวกัน

    โดยวิธีนี้เจ้าปายาสิจึงสรุปว่า นรกไม่มี สวรรค์ก็ไม่มี

    พระเถระอธิบายโดยยกอุปมาอุปไมยว่า

    เพียงแค่นักโทษประหารจะขออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปสั่งเสียลูกเมีย แล้วจะกลับมาให้ประหารทางการก็ไม่อนุญาต นักโทษประหารมีมีอิสระเสรีภาพจะไปไหนได้ตามชอบใจ สัตว์นรกยิ่งกว่านั้น หาโอกาสจะไปไหนไม่ได้ ถึงเขาไม่ลืมคำมั่นสัญญา เขาก็ไม่สามารถกลับมาบอกได้ฉันใด ฉันนั้น

    ครั้นถูกแย้งว่า สัตว์นรกไม่มีอิสระก็พอฟังขึ้น แต่คนที่ตายไปเกิดบนสวรรค์มีอิสรเสรีเต็มที่ แต่ทำไมยังไม่มาบอก

    เหตุผลที่พระเถระยกมากล่าวในข้อนี้ คือ กำหนดระยะเวลาบนสรวงสวรรค์นั้นช้ากว่าในโลกมนุษย์ (ว่ากันถึงขนาดว่า วันหนึ่งคืนหนึ่งของเทวดาเท่ากับหนึ่งร้อยปีของโลกมนุษย์) ถึงแม้เขาไม่ลืมคำมั่นสัญญา เพียงคิดว่า รอสักครู่ค่อยกลับไปบอก “สักครู่” ของเทวดา ก็เป็นสิบเป็นร้อยปี

    พระกุมารกัสสปะตอบคำถาม หักล้างความคิดเป็นของเจ้าปายาสิ ท่านใช้หลายวิธี เช่น อธิบายตรงๆ ยกอุปมาอุปไมย หรือใช้วิธีอนุมาน จึงสามารถทำให้คนอย่างเจ้าปายาสิยอมรับและถวายตนเป็นอุบาสกอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในเวลาต่อไป

    คนที่ไม่เชื่อบุญบาป นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี ตายแล้วสูญเสียแล้ว คิดว่าชีวิตเกิดหนเดียว ตายหนเดียวย่อมพยายามสร้างแต่ความสุขเพื่อตน เพราะเชื่อว่าโลกหน้าไม่มีให้ไป นั้นยังมีปรากฎอยู่ในพุทธประวัติและมหาชาดกอีกมากมาย

    พระพุทธเจ้าจึงทรงวาง "สัมมาทิฐิ" เอาไว้เป็นข้อแรกของอริยมรรคมีองค์ 8

    การจะมีสัมมาทิฐิได้นั้น ต้องเริ่มจากการศึกษาเรียนรู้ หาความรุ้จากทั้งตำรา การพูดคุย สอบถาม ฟังคิดถามเขียนให้ครบ แล้วลงมือปฏิบัติตาม หากไม่แน่ใจก็ต้องเข้าหาผุ้รู้จริง แล้วสัมผัสผลนั้นด้วยตนเอง

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้นล้วนเป็นความจริงเสมอ คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเหตุผลจริงที่เที่ยงแท้ยั่งยืน ขอเพียงเรามีสัมมาทิฐิก่อนแล้ว ย่อมน้อมนำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

    จงหมั่นสร้างบุญกุศลด้วย ทาน ศีล และภาวนาเสียแต่วันนี้ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้จะยังมีสำหรับเราหรือไม่

    โมทนาสาธุ

    ****
    ธ.ธรรมรักษ์
     

แชร์หน้านี้