เรื่่องเกี่ยวกับพญานาค

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 5 พฤศจิกายน 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ถาม : (ถามเรื่่องเกี่ยวกับพญานาค) อยากรู้ว่าทำไมพระที่ธุดงค์อย่างหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ทุก ๆ พระองค์ท่านบอกว่าท่าานต้องพบกับพญานาคด้วยล่ะครับ ?
    ตอบ : ก็เขามีอยู่ทั่ว ๆ ไป พญานาคเขาก็มีอยู่ทั่วไปในสถานที่ไหนที่เขาอยู่ทั่วไป ในสถานที่ ๆ เขาอยู่ถ้าเข้าไปโอกาสพบก็เยอะ
    ถาม : ในหนังสือบอกว่ามีพญานาคอยู่ตนหนึ่งเคยเป็นมนุษย์รักษาศีล ๕ แล้วพญานาคตนนั้นก็มาพบกับหลวงปู่องค์หนึ่ง หลวงปู่องค์นี้ท่านก็พยายามหนี แต่พญานาคตัวนี้ก็จะตามแต่ไม่ให้ตามในลักษณะของคน โดยหัวนี่จะเป็นพญานาคตามท่าน แต่ตัวนี่จะทอดยาวไปที่แม่น้ำโขง
    ตอบ : แล้วไงล่ะ ?
    ถาม : อย่างนี้จะต้องมีบุญมีกรรมร่วมกันหรือเปล่า ?
    ตอบ : มันก็ต้องมี งั้นจะตามให้เสียเวลาทำไม แล้วอีกอย่างหนึ่งบางทีท่านเห็นเป็นพระดีท่านก็อยากได้บุญ ในเมื่ออยากได้บุญท่านก็ตามมากราบมาไหว้
    ถาม : ในหนังสือบอกว่าท่านเคยทำผิดศีล ๕ ท่านจึงมาเกิดเป็นพญานาค ?
    ตอบ : นั่นแค่ศีล ๕ ศีล ๒๒๗ มาเกิดเป็นพญานาคในธรรมบทก็มี พระยาเอรกปัตตนาคราชบวชเป็นพระจำพรรษาอยู่ชายทะเล ๒ หมื่นปี สมัยต้นกัปนี่คนอายุเยอะนะ แสดงว่าตอนนั้นอายุต้องเกิน ๒ หมื่นปี เพราะแกจำพรรษาอยู่ ๒ หมื่นปีแล้วใช่มั้ย ? วันหนึ่งท่านลงไปสรงน้ำ ว่ายน้ำไปว่ายน้ำมา ไปดึงต้นตะไคร้น้ำหลุด ทีนี้การพรากของเขียวทำของที่เป็นต้นไม้ใบหญ้าหลุดออกจากที่นี่ ของพระเขาถือว่าผิดศีล
    ในเมื่อของพระนี่ผิดศีลแต่ท่านเองท่านก็ไม่มีโอกาสจะเปลื้องอาบัติคือความที่ศีลขาดนั้น เพราะว่าจำพรรษาอยู่องค์เดียวตายเสียก่อน จำพรรษาอยู่ ๒ หมื่นปีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โทษที่ผิดศีลทำให้ไปเกิดเป็นพญานาค ถึงจะมีความสุขที่มีทิพยสมบัติแต่พญานาคเป็นเดรัจฉาน ในเมื่อเป็นเดรัจฉานถึงจะอยู่ในภพของความเป็นทิพย์ก็จริงแต่โอกาสที่จะเข้ามรรคผลมันไม่มี แต่เนื่องจากว่าท่านเองเคยเป็นพระมาก่อนตั้งใจรักษาศีลมาถึง ๒ หมื่นปี ความดีเดิมมันอยู่ในใจมันก็นึกว่า เออ....เราเป็นพญานาคมาตั้งนานแล้ว ไม่ทราบว่าโลกนี้มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ท่านก็เลยแต่งปริศนาบทหนึ่งให้ลูกสาวคือนางนาควิกาแปลงกายเป็นมนุษย์แล้วยืนอยู่บนพังพาน คือท่านจะแผ่แม่เบี้ยแล้วให้ยืนอยู่ข้างบนแล้วร้องเพลง ถ้าหากว่าใครแก้ปริศนาเพลงนั้นได้จะยกนางนาควิกาและสมบัติให้ โอ้โห...หนุ่ม ๆ ไปแย่งกันแก้ปริศนาตรึมเลย แก้ไม่ได้
    พอดีว่ามีอุตรมาณพนี่ตามธรรมบทบอกว่าเป็นเนื้อคู่ของนางนาควิกาเขา เดินทางจะไปแก้ปัญหานี้เหมือนกัน ได้ยินอยากได้นี่ พญานาคถ้าเป็นคนมันลักษณะนางฟ้าดี ๆ สวยนี่ ก็อยากได้ก็จะไป พระพุทธเจ้าเสด็จไปขวางทางเพราะว่าเห็นถ้าโปรดอุตตรมาณพนี่แล้วจะเป็นพระโสดาบัน เสด็จไปขวางทางพระอุตตรมาณพเห็นพระพุทธเจ้าก็เข้าไปกราบ พระพุทธเจ้ารู้ก็ทำเป็นไม่รู้ก็ถามเธอจะไปไหนหรือ ? อุตตรมาณพก็เล่าเรื่องให้ฟังว่ามีพญานาคตัวใหญ่แบกหญิงสาวไว้บนพังพานมาร้องเพลงปริศนาธรรมอย่างนี้ ๆ ถ้าใครแก้ปริศนาธรรมได้จะได้หญิงสาวเป็นภรรยาและยังได้สมบัติจากพญานาคด้วย พระพุทธเจ้าพอได้ยินก็บอกว่าปริศนานี้พอแก้ได้ก็เลยสอนให้อุตตรมาณพพร้อมเพลงแก้ ตกลงพระพุทธเจ้าสอนร้องเพลงด้วยนะ ใครบอกว่าพระในพุทธศาสนาไม่ร้องเพลงนี่ไม่จริงนะ ว่าไปแล้วต้นตำรับด้วย คราวนี้อุตตรามาณพก็ไปร้องเพลงแก้ ร้องเพลงแก้ปุ๊บพญาเอรกปัตตนาคราชรู้เลยว่าพระพุทธเจ้ามาเกิดแล้ว เพราะว่าถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าจะไม่มีใครแก้ปริศนาธรรมนี้ได้
    คราวนี้ท่านดีใจท่านก็ฟาดหางเล่น ปรากฏว่ามันกลายเป็นคลื่นใหญ่ซัดเอาชาวบ้านตกน้ำไปจมเลย ต้องไปงมคืนทีละคน ๒ คนเสร็จแล้วท่านก็แปลงเป็นคนจูงมือนางนาควิกากับอุตตรมาณพไปหาพระพุทธเจ้า เพราะถามอุตตรมาณพแล้วว่าใครเป็นแก้ปัญหานี้ อุตตรมาณพก็สารภาพว่ามีพระสมณโคดมสอนมาก็ไปกราบกัน พระพุทธเจ้าก็เทศน์โปรดอุตตรมาณพกลายเป็นพระโสดาบัน นางนาควิกากับเอรกปัตตนาคราชได้ทิพยสมบัติมากขึ้น แต่ไม่ได้มรรคผลอะไรเข้าถึงไตรสรณคมเท่านั้น คราวนี้เราจะเห็นว่ามันไม่ใช่ศีล ๕ ที่ล่วงละเมิดแล้วทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ๒๒๗ ก็เจ๊งเหมือนกัน นั่นนิดเดียวด้วยนะ
    ถาม : เหตุจะเกิดจากการผิดศีลหรือไม่ผิดศีลก็สามารถมีสิทธิ์เกิดเป็นพญานาคได้ใช่มั้ยครับ ?
    ตอบ : ได้ คือทำบุญแล้วตั้งความหวังว่าจะเป็นก็เป็น
    ถาม : เป็นได้ใช่มั้ยครับ ?
    ตอบ : เป็นได้ เพราะจิตมันตั้งมั่นแน่วแน่อยู่ เอามั้ยแค่ดึงตะใคร่น้ำหลุดเท่านั้นนะ ศีลพระไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่สำหรับวัดท่าซุงถ้าพรากของเขียวน้อยกว่า ๑ ไร่นี่ปรับอาบัติศีลขาด แต่ถ้าทำมากกว่า ๑ ไร่นี่ไม่เป็นไร
    ถาม : อย่างนี้ก็ถางหญ้าไม่ได้ซิคะ ?
    ตอบ : ถางไปซิ แต่ถ้าถามว่าผิดมั้ย ผิด แต่ว่ารักษาวัดวาให้สะอาดเรียบร้อยคนเห็นแล้วเย็นตาเย็นใจ เกิดความศรัทธาขึ้นมา ส่วนเป็นบุญมันมากกว่าลงทุนได้ รู้ว่าลงทุนแล้วกำไรแน่ ๆ แต่ถ้าลงทุนแล้วขาดทุนอย่าไปแตะนะ ถึงได้บอกว่าของวัดท่าซุงสมัยหลวงพ่ออยู่พวกเราแซวกันเอง ว่าถ้าทำน้อยกว่า ๑ ไร่นี่ศีลขาด ต้องเอาให้เยอะกว่านั้น ๑๐๐ ไร่มันถางกันไม่หวาดไม่ไหว เล่นขับรถแทรกเตอร์ลุยกันเลย บางทับงูขาดเป็นท่อน ๆ ไปด้วย
    ถาม : อย่างนี้จิตของเราก็คิดตัวบุญอยู่ตลอด ?
    ตอบ : จิตของเรามันต้องเป็นกุศลอยู่ตลอด แต่ถามว่าผิดมั้ย ? ผิด ละเมิดสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามไม่ผิดนี่ไม่มี แต่บังเอิญว่าส่วนที่ทำเป็นบุญมากกว่า หลวงพ่อท่านถึงได้บอกว่าถ้าหากใครมาอ้างว่าทำแล้วผิดศีลข้อนี้แล้วไม่ทำท่านจะฟาดกะบาลให้ ไอ้นั่นมันขี้เกียจแล้ว
    ถาม : แล้วที่ผมอ่านเจอว่ามีหลวงปู่องค์หนึ่งท่านไปเจอกับฤๅษีดาบส องค์นั้นท่านบอกว่าท่านจำศีลภาวนามาก่อนพุทธกาล ๓,๐๐๐ ปี ?
    ตอบ : แล้วมีปัญหาตรงไหน ?
    ถาม : แล้วท่านจะอยู่ยังไง ?
    ตอบ : ถ้าทำไม่ได้อย่าไปสงสัย เรื่องของท่านพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้วว่าบุคคลผู้ชำนาญในอิทธิบาท ๔ อธิษฐานอยู่ได้เป็นกัป ๓,๐๐๐ ปี เสี้ยวเดียวเรื่องเล็ก
    ถาม : แต่ท่านบำเพ็ญอยู่ถ้ำในเขตพญานาค ?
    ตอบ : อยู่เป็นพัน ๆ ปียังอยู่ได้ แต่อยู่ในเขตพญานาคทำไมจะอยู่ไม่ได้ อยากรู้ว่าทำได้ยังไงก็ทำอภิญญาให้คล่องเดี๋ยวก็จะรู้เอง
    ถาม : แล้วจริง ๆ เป็นยังไง ?
    ตอบ : จริง ๆ คือเกิดใหม่ซะอีกรอบหนึ่งก็ได้เดี๋ยวก็รู้เอง ของพระเขาไม่เสียเวลาหรอกจ้า ย้อนอดีตก็ผิดไปอนาคตก็ผิด มันต้องหยุดกับปัจจุบันห้ามไปอดีตห้ามไปอนาคตวางกำลังใจผิดตายตอนนั้นเดี๋ยวซวย เรื่องของพระจำไว้ให้แม่น ๆ เลยนะ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าไปแล้วหมดปัญหาไป แต่ว่าท่านที่เป็นฌานโลกีย์นี่มันจะกดกิเลสไว้ชั่วคราวเท่านั้น การกดกิเลสไว้ได้ชั่วคราวนี่ถ้าประมาทกิเลสมันตีกลับเมื่อไหร่ จะหนักกว่าเดิมหลายเท่า เหมือนกับเก็บกดไว้นาน
    บรรดาครูบาอาจารย์ชื่อดัง ๆ อย่างอาจารย์นิกร อาจารย์ยันตระ หลวงพ่อภาวนาพุทโธ เหล่านี้น่าสงสารมาก เพราะว่าเมื่อท่านทำความดีไปถึงระดับหนึ่ง คนเริ่มเห็นแล้วก็นิมนต์กันหัวไม่วางทางไม่เว้นท่านไม่มีเวลามารักษาอารมณ์ใจของตนเองให้ทรงอยู่ได้เหมือนก่อน ถึงเวลากิเลสมันตีกลับมาก็เจ๊ง จริง ๆ แล้วน่าสงสารนะ เพราะฉะนั้นพระของเรามันต้องมีเวลาเฉพาะของตัวเองปฏิบัติอยู่ประมาทไม่ได้เลย ต้องทำอารมณ์ของตัวเองให้ต่อเนื่องอยู่ตลอด ยิ่งเป็นพระอริยเจ้าท่านยิ่งจำอารมณ์ต่อเนื่องไม่ยอมปล่อย ท่านจะไม่ยอมประมาทว่าได้แล้วอย่างเด็ดขาด มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะฉะนั้นว่าพระที่ดี ๆ อยู่ แล้วเสียไปนี่โอกาสให้ว่ากำลังใจของท่านมันย้อนกลับไปด้านเดิม เพราะฉะนั้นเป็นตัวอย่างมีอีกองค์ที่เห็นได้ชัด ๆ เห็นว่าตอนนี้นุ่งดำห่มดำไปแล้วไม่ใช่เหรอ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...