คือผมเลิกกระแฟนคนนี้ผมรักมากคบกันมา3ปีกว่าแล้วเลิกกันเพราะห่างไกล แต่ผมไม่หวั่นไหว ผมยังรอเค้ากลับมาทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรอุทิศให้แฟนให้ทุกคน และสวดมนก่อนนอนปล่อยนกปล่อยปลา
ตอนนี้ผมรอเค้ามา 8 เดือนแล้วไม่ทราบว่า ต้องอุทิศให้ใครความรักดี ๆ จะกลับมาอีกครั้ง ขอความกรุณาด้วยครับ:'(
เลิกกับแฟน...ควรอุทิศบุญให้ใคร แฟนจะกลับมา
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เปรมจะทำดี, 15 ธันวาคม 2009.
-
-
รู้ไม่ว่าความรักเป็นทุกข์.....
ความยึดมั่นความยึดถือ ความไม่สมหวังเป็นทุกข์.....
ยังจะทุกข์ต่อไปอีกนานใหม....กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ชาติ.... -
อย่าลืมอุทิศให้ตัวเองบ้างนะ
อธิฐานว่า ถ้าใช่คู่กันก็ขออย่าให้มีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้น ให้ความรักราบรื่น มีแต่ความรัก ความเข้าใจกัน แต่ถ้าไม่ใช่คู่กัน ก็ขอให้ไม่มีเวรต่อกันละกัน ขอให้จากกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย อย่าได้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเจ็ปซ้ำใจ ขอให้ลืมได้อย่างง่ายดาย
ลองดูนะคะ รับรองได้ผลดีมาก -
คือถ้าเราอยากให้แฟนกลับมา อยากให้เขาให้อภัยหลายสิ่งหลายอย่างและกลับมารักกันเหมือนเดิม สวดมนตักบาตร อุทิศบุญให้ เขาจะมีทางกลับมาใหมครับ
แล้วควรอุทิศให้ใครบ้างครับ ผมตักบาตรทุกวันเลยครับ -
ตั้งใจทำดี พูดดี คิดดี กับพระอรหันต์ในบ้าน เดี๋ยวคนดีๆก็เข้ามาเองครับ ถ้าเค้ากลับมาก็ดีไป แต่ถ้าไม่กลับมา ผู้หญิงดีๆเค้าก็จะเข้ามาหาคุณเองล่ะครับ
-
เป็นกำลังใจให้นะ
ตอนช่วงที่รอเค้าอยู่ ระหว่างที่รอ ก็เอาความรักความคิดถึงนั้นมาใส่กับพ่อแม่ของคุณแทนก็ได้นะคะ
จำได้ว่า เคยดูรายการของแม่ชีทศพร มีคนเค้ามีปัญหาเรื่องความรัก แม่ชีบอกว่า ไม่มีใครรักโยมจริงหรอก เพราะโยมไม่รักพ่อแม่ของตัวเอง
เราเลยคิดเหมือนคุณ kornwich ว่า ให้คุณดูแลพ่อแม่คุณอย่างเต็มที่นะคะ รักให้ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง แล้วแฟนเก่าคุณอาจจะกลับมา หรือถ้าไม่กลับมา คุณคงจะได้เจอผู้หญิงที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีก -
มีรักที่ใด มีทุกข์ที่นั่น ตัดใจเหอะ.. .(บอกแต่เขาเราก็ยังอิรุงตุงนังอูย่)
-
ถามท่านผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ท่านบอกว่าหาใหม่ดีกว่า...
สาธุ -
ขออ้างอิงจากโพสต์ของคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Pariyawit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2736559", true); </SCRIPT> ที่ผมลบไปเพราะโพสต์ error นะครับ
เห็นใจมาก และเข้าใจด้วย เพราะเคยผ่านเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน
ลองอ่าน ดูล่ะกันครับ
ดังตฤณ วิสัชนา : ฉบับ "รู้จักรัก" : อยากคืนดีกับแฟนเก่ามาก จะเอาเขากลับมาได้ด้วยการทำบุญชนิดไหน
ถาม -
เริ่มเข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากใช้ไสยศาสตร์เป็นทางลัดกัน ตอนนี้อยากคืนดีกับแฟนเก่ามาก เหมือนใจจะขาดให้ได้ พยายามเปิดใจรับคนอื่นก็ไม่สำเร็จ พอรู้สึกเกือบๆจะชอบใครขึ้นมา พอดูหน้าเขาอย่างคิดว่าตกลงเป็นแฟนดีไหม ก็รู้สึกห่อเหี่ยว หมดความไยดี ไม่อยากแม้แต่มองหน้า แถมเมื่อเจอหนังสือที่บอกวิธีทำคุณไสยให้คนหลงรัก ก็นึกถึงแฟนเก่าทันที แต่ก็กลัวเพราะเชื่อแล้วว่าวิบากกรรมมี เหมือนที่คุณดังตฤณเคยบอกว่าถ้าใช้ไสยศาสตร์จะทำให้อยู่กับโลกมืดอย่างเป็นทุกข์ แม้ข้างนอกดูเหมือนสุข ใจก็ดำอยู่ตลอด
คำถามคือถ้าเราอยากได้แฟนกลับมาจริงๆ จะมีกรรมอันเป็นกุศลแบบไหน ต้องไปทำบุญกับพระวัดใด จึงไม่ผิดกฎแห่งกรรม และได้ชื่อว่าเอาเขากลับมาด้วยบุญ ไม่ใช่ด้วยบาป? กรุณาอย่าบอกให้ทำใจ เพราะพยายามแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ
ถามตัวเองเป็นอันดับแรกนะครับ ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วเกิดไม่พอใจกันอีก ก็ต้องเจ็บปวดอีก จากกันอีก และจะต้องวนเวียนอยู่กับวงจรอยากได้เขาคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่ไหม?
ได้คำตอบอย่างไร ให้ถามตัวเองอีกข้อ ว่าถ้าได้เขากลับมาแล้ว คุณจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง ดีขึ้นชนิดที่เขาจะไม่ระอา และคุณก็จะเต็มใจทำไม่เลิก คุณนึกถึงวิธีการดีๆที่จะรักษาเขาไว้ได้กี่ข้อ?
ได้คำตอบอย่างไร ให้ถามตัวเองอีกนิด ว่าถ้าได้เขากลับมา แล้วคุณจะรักษาความรู้สึกของตัวเองท่าไหน แบบที่แน่ใจว่าคุณจะไม่กลับเหนื่อยหน่ายเสียเอง ด้วยเหตุที่ต้องเป็นฝ่ายออกแรงรักษาเขาไว้ ต้องเอาใจเขาตามต้องการทุกเรื่อง?
นึกวาดภาพไปเป็นข้อๆนะครับ ความคุ้นเคยในอดีตระหว่างกันคงทำให้จินตนาการของคุณแจ่มชัดพอ ที่ผมตั้งโจทย์ให้คุณถามใจตัวเองเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องของการ ‘ทำใจ’ แต่เป็นการ ‘ถามใจ’ ตัวเอง เพื่อสร้างจินตนาการหักลบหักล้างจินตนาการเดิมๆเสียบ้าง
คนที่โหยหาอาวรณ์คนรักเก่านะครับ เหตุผลเหมือนกันหมดแหละ คือโดนภาพความทรงจำด้านดีหลายๆฉาก หลายๆเหตุการณ์เล่นงานเอา ตามหลักธรรมชาติง่ายๆที่ว่า ถ้าไม่เป็นสุขบ้าง ใจคงไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ทำให้เป็นสุข คงอยากสลัดทิ้งกันหมด
ทีนี้เมื่อคุณสมมุติให้หลุดจากความฝักใฝ่เพ้อหา ถามใจตัวเองตามจริงว่าถ้าได้เขากลับมา จะเกิดอะไรขึ้น จินตนาการก็จะแตกต่างไป อย่างน้อยเรื่องเก่าๆที่เคยระหองระแหง เคยชินๆเบื่อๆ ก็ต้องย้อนกลับมาบ้าง ถึงตรงนั้นแม้ดวงจิตยังไม่สงบลง ก็คงลดความอยากได้คืนท่าเดียวไม่มากก็น้อย ตามหลักธรรมชาติที่ว่า ถ้าไม่เป็นทุกข์บ้าง ใจก็คงไม่อยากทิ้งขว้างสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์เลย คงหวงไว้หมด
สถานการณ์อย่างคุณนะครับ บุญข้อแรกที่ต้องระลึกถึงเลย ก็คือการพยายาม ‘ตั้งสติ’ ถ้าตั้งสติได้ขณะกำลังจะขาดสติอยู่ร่อแร่ ไม่แพ้กิเลส และเห็นกิเลสเป็นเพียงคลื่นรบกวนที่ต้องแปรปรวนไป ก็ขอให้จำไว้เถิดว่าเกิดบุญใหญ่เสียยิ่งกว่าทำสังฆทาน ๗ วัดด้วยจิตเศร้าหมองเป็นไหนๆ
อันที่จริงการที่คุณรู้จักธรรมะ กลัวบาปกลัวกรรม และยั้งคิดได้แม้เจอทางลัดอันดำมืด ก็สะท้อนในตัวเองว่าคุณมีสติอยู่กับตัว เท่านี้ก็แสดงแล้วว่า สติในธรรมนี้แหละสมบัติสำคัญสูงสุด ที่ฉุดรั้งคุณไว้ได้ขณะชีวิตกำลังทำท่าจะดิ่งลงเหว
ข่าวหน้าหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยคดีอ้อนวอนคนเก่าไม่สำเร็จแล้วลงเอยด้วยการประทุษร้ายกัน คนตายก็ตายด้วยความเกลียดกลัว คนอยู่ก็อยู่ด้วยความน้อยใจคร่ำเครียด นั่นเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ ‘ขาดสติ’ สติของคุณยังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าการเป็นเครื่องฉุดให้รอดจากก้นเหว เพราะสติที่มีกำลังมากพอแล้ว สามารถผลักดันให้คุณขึ้นฟ้าชั้นไหนก็สุดแต่จะปรารถนา
ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าจะเอาเขาคืนมาด้วยทางสว่าง ก่อนอื่นสติของคุณต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะตามธรรมชาติของกระแสจิตนะครับ ยิ่งคุณกระวนกระวายปั่นป่วน อยากได้คืนมากขึ้นเท่าไร ก็เท่ากับยิ่งส่งคลื่นรบกวนไปเบียดเบียนแฟนเก่ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะขณะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลัง
การที่คุณปั่นป่วนรัญจวนใจทั้งกลางวันกลางคืนอย่างนี้ คุณไม่รู้หรอกว่าส่งคลื่นกระทบอันเป็นลบออกไปมหาศาลปานไหน เอาเป็นว่าพอเขานึกถึงคุณขึ้นมาเมื่อใดนะครับ เขาจะนึกถึงความน่าอึดอัด ความน่ารำคาญ หรือไม่ก็ความเร่าร้อนที่ชวนให้เป็นทุกข์ ไม่น่านึกสนุกอยากกลับมาใกล้คุณเลย
นั่นแปลชัดครับว่า ความอยากดึงดูดเขากลับมา กลายเป็นแรงผลักไสเขาออกห่างไปอีกโดยคุณไม่ทันรู้ตัว
เมื่อใจคุณสงบลงได้ ก็ขอให้เริ่มตระเวนทำบุญแบบครบวงจร ตั้งต้นที่ไหนก็ได้อย่าไปเกี่ยง เช่น กินข้าวในร้านใดเสร็จเห็นเหลือกระดูกไก่ ก็เอาใส่ถุงไปหาหมาแมวข้างถนนให้พวกมันดีใจที่คุณให้แทะเล่น เปิดตู้เสื้อผ้ามาเห็นชุดไหนเก่าไม่ใช้แล้วก็อย่าหวงไว้ สถานที่รับบริจาคเสื้อผ้าเพื่อคนอนาถามีอยู่ทั่วไป เสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆก็อย่าปล่อยให้ใจเฉา ลุกจากที่นอนไปใส่บาตรแต่เช้าตรู่ หาเครื่องใช้สำหรับพระใส่ถังเพื่อถวายเป็นสังฆทานสักหน่อย
อะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินเยอะๆ แต่ลงทุนเป็นใจเต็มๆ แต่ละครั้งเมื่อทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ขอให้เช็คจิตของตัวเอง ว่าเป็นสุขแค่ไหน แล้วถามตัวเองทุกครั้งว่าถ้ามีแฟนเก่าอยู่ด้วยในขณะทำบุญด้วยกัน คุณจะเป็นสุขเท่าเดิมหรือมากขึ้นกว่านั้น
อ่านดีๆแล้วลองทำตามนะครับ ถ้าทำได้ก็คืออุปเท่ห์วิธีแผ่เมตตาไปถึงเขานั่นเอง ยิ่งคุณรู้สึกว่าเป็นสุขกับการทำบุญแล้วนึกถึงเขาในทางดีมากขึ้นเท่าใด กระแสจิตของคุณก็จะยิ่งแผ่ซ่านเป็นความเยือกเย็นไปถึงเขาได้มากขึ้นเท่านั้น
จิตนั่นแหละเป็นเครื่องเช็คความก้าวหน้าได้ หากสว่างออกมาจากกลางใจ ใจโล่งสบาย และขยายขอบเขตความโล่งสบายมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหลุดจากกรอบของความอยากอันคับแคบ ก็ขอให้เชื่อในระดับหนึ่งว่า ถ้าเขานึกถึงคุณ ตัวคุณที่ปรากฏต่อใจเขาจะสว่าง น่าคิดถึง และน่าอยู่ใกล้ขึ้นกว่าเดิมอย่างอักโขมโหฬาร
ที่เหลือเป็นเรื่องของความลงตัวแล้วนะครับ ถ้ามีเหตุปัจจัยสมควรกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็คงได้อยู่ แต่หากเหตุปัจจัยไม่พอ แม้ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ผมก็เชื่อว่าคุณคงเห็นทางสว่างกับการมีชีวิตใหม่อิ่มเต็ม พร้อมจะทิ้งชีวิตเก่าที่หิวโหยไปได้แล้ว
ที่มา : ดังตฤน http://dungtrin.com/mag/?11.prepare -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ความสุขที่เเท้จริงคือ การไม่ยึดมั่นถือมั่นในอะไรครับ เจริญในธรรมครับ