เล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงเรื่องเวรกรรมมีจริงค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tatar-cu, 30 มกราคม 2013.

  1. tatar-cu

    tatar-cu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +754
    เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ดิฉันยังเป็นวัยรุ่นเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย วันหนึ่งอาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มกันจัดทำโครงการวิทยาศาสตร์ขึ้น กลุ่มของดิฉันไม่รู้ว่าจะจัดทำโครงการฯ อะไร แต่อยู่ๆ ดิฉันนึกอย่างไรไม่่ทราบเสนอไปว่าให้ทำสัตว์สต๊าฟ ตอนแรกกะว่าจะทำกระต่ายสต๊าฟ แต่เห็นว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่น่ารักและก็กลัวว่าเลือดมันจะเยอะ เลยเปลี่ยนใจ จากนั้นไม่นาน เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งบอกว่าคนงานที่บ้านเค้าจับงูได้ จึงลงความเห็นกันว่าให้เอางูตัวนั้นมาทำเป็นสัตว์สต๊าฟ

    จากนั้น เพื่อนก็จัดเตรียมอุปกรณ์ เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเริ่มทำการสต๊าฟ โดยการนำงูใส่ถังปี๊บแล้วเพื่อนคนหนึ่งก็เทสารเคมีบางอย่างลงไป แล้วปิดฝา หลังจากนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงดังมากๆๆๆๆๆ นานมากๆๆๆๆๆ พอเสียงสงบลง เพือนๆ ก็ช่วยกันนำงูตัวนั้นมาเชือดคอปล่อยให้เลือดไหลออกมาจนหมด แล้วก็ใช้มีดกรีดด้านใต้ลำตัวส่วนหัวจากหัวไปทางหาง แล้วก็ทำการเลาะหนังออกโดยใช้มีดค่อยๆ แซะ จนเห็นแต่เนื้อขาวๆ ซึ่งตอนที่เลาะหนังของงูตัวนั้นดิฉันก็ได้ร่วมทำด้วย เพราะคิดว่าทุกคนควรจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดทำโครงการฯ แต่ก็ทำไปแค่นิดเดียว เพราะกลัวและก็ขยะแขยง จากนั้นก็นำส่วนหนังไปทำสต๊าฟ ส่วนซากที่เหลือก็ถูกกัดละลายโดยใช้สารเคมีเหลว

    เวลาล่วงเลยมานานมากจนจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้แล้ว จนเรียนจบมหาวิทยาลัย หลังจากทำงานได้ประมาณ 1 ปี ดิฉันได้เดินทางไปเมืองนอก ทำงานในร้านอาหารไทย วันหนึ่งที่ร้านฯ มีการปิดร้านเพื่อทำความสะอาด ดิฉันก็ร่วมด้วยเต็มที่ ลุยเต็มตัว ขัดพื้น เช็ดพื้น จัดโต๊ะ-เก้าอี้ ฯลฯ โดยตอนนั้นไม่ได้ใส่ถุงมือและรองเท้า เพื่อความสะดวกเวลาทำความสะอาด พอเลิกก็กลับห้องพัก ด้วยความเหนื่อยจึงไม่ได้อาบน้ำ เชื่อไหมคะว่า จากนั้นไม่นานฝ่ามือและฝ่าเท้าของดิฉันก็เริ่มแดง ปวดแสบปวดร้อน แข็งด้านเป็นไตๆ เริ่มหยิบจับและเดินไม่ได้ สุดท้ายต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัว ระหว่างนั้นดิฉันก็พยายามหายาหาครีมมาทาแต่ก็ไม่ดีขึ้น จนเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ ฝ่ามือและฝ่าเท้าของดิฉันเริ่มลอกออกมาเป็นเกล็ดๆ เป็นแผ่นๆ เจ็บมากๆๆๆๆๆ รวมแล้วเป็นเดือนกว่าจะหาย

    จนกลับมาอยู่เมืองไทย ดิฉันต้องแก้บนเรื่องที่ขอให้วีซ่าผ่าน ด้วยการไปบวชชีพราหมณ์ รักษาศีลที่วัด จนวันหนึ่ง ตอนที่ดิฉันกำลังนั่งสมาธิอยู่ที่วัดก็รู้สึกหายใจไม่ออก ทรมานเหมือนจะขาดใจ ดิฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าแรงๆ บีบหน้าอก กำมือทุบหน้าอกแรงๆ แต่ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่หาย สุดท้ายทนไม่ได้จนต้องออกจากสมาธิ จึงทำให้อาการนั้นหายไป เป็นอย่างนี้ติดต่อกันหลายวัน ดิฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไำร

    จนอยู่ๆ ดิฉันก็ระลึกขึ้นได้เองว่าการที่ดิฉันหายใจไม่ออกนั้นอาจจะเกิดขึ้น เพราะเวรกรรมที่ดิฉันได้เคยทำไว้กับงูที่ถูกทำสต๊าฟก็เป็นได้ เพราะจำได้ว่าตอนนั้นเสียงดังๆ ที่ได้ยินคงเป็นเพราะงูหายใจไม่ออก ทำให้ต้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานเป็นแน่แท้ เมื่อระลึกได้ดังนั้น ดิฉันก็พยายามแผ่เมตตา ขอให้งูตัวนั้นอโหสิกรรมให้ จากนั้น ดิฉันก็เริ่มนึกย้อนกลับไปและระลึกได้อีกว่าการที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าของดิฉันลอกตอนอยู่ที่เมืองนอกนั้นก็คงเป็นเพราะเวรกรรมนี้เช่นเดียวกัน

    ตั้งแต่นั้นดิฉันก็พยายามไม่เบียดเบียนรังแกสัตว์ เพราะรู้ว่ากฎแห่งกรรมนั้นมีจริงแท้แน่นอน ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าก็ตามทันแล้ว และกรรมนั้นจะตามเราไปทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ทำกรรมเช่นไรไว้ก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้นนั่นเอง

    หวังว่าเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของดิฉันจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ และ ขอให้ดวงวิญญาณของงูตัวนั้นได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ดิฉันและเพื่อนๆ ที่ได้สร้างกรรมชั่วในครั้งนั้นทุกท่านด้วย เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ดีใจจังเลย ที่คุณเพิ่งมารู้ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมาตั้ง2600ปีนั้น เป็นของจริง...ฮา
     
  3. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
    สาธุ สาธุ สาธุ


    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     
  4. Tingel

    Tingel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +184
    ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
     
  5. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,156
    ค่าพลัง:
    +14,155
    ต้องเร่งสร้างครุกรรมฝ่ายดีให้มากอย่างต่อเนื่องน้ำเค็มจะได้เจือจางลง

    (cry)แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป

    คำแนะนำในการแก้กรรมcatt19

    สำหรับท่านที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็อยากขอแนะนำหนทางแก้ไข วิบากกรรม เหล่านั้นให้บรรเทาลงไปหรือหมดไปในที่สุด ใช้ได้กับ กรรม ทุกประเภท มีข้อแนะนำดังนี้


    1. ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงและสำนึกในผลกรรมที่ได้กระทำลงไป เช่น การทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ถวายพระพุทธรูป ถวายผ้าไตร ไถ่ชีวิตสัตว์ ฯล แล้วตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวของเราเท่านั้น แต่ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่านี่เป็นเพียงทานกุศล เป็นกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ซึ่งอาจจะไม่พอเพียงสำหรับการไถ่โทษฑัณฑ์ที่ได้กระทำผิดไว้กับเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นก็ได้

    2. การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ตามเพสภาวะ ส่วนจะเป็นการบวชกี่วันย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เมื่อบวชแล้วควรสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้า-เย็น เจริญสมาธิภาวนาให้มาก เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดสูงกว่าการให้ทานข้างต้น เพราะการบวชชีพราหมณ์หรือการถือศีล 8 เป็นระดับของบุญที่สูงกว่าการให้ทาน นอกจากจะมีโอกาสทำวัตรเช้าเย็น ก็ยังได้นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่เป็นทิพย์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย หรือ ถ้าเป็นกรรมหนักและเป็นผู้ชายก็อาจบวชพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็ยิ่งดีมาก

    3. เจริญสมาธิภาวนา แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ เพราะบุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกดวงจิดดวงวิญญาณ เพราะผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียดย่อมอยากได้บุญที่ละเอียดเช่นกัน อีกประการหนึ่ง จะเป็นการคลายขันธ์หรือปรับปรุงธาตุขันธ์ให้ผ่อนคลายระงับ เบญจขันธ์อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กรรมเล็ก กรรมน้อย จะถูกขับผ่อนคลายออกจากขันธ์ได้บางส่วน ทำให้ดีขึ้นและเกิดปิติสุขตามมา พยายามให้จิตแน่วแน่มั่นคง จนจิตดิ่งวูบจนเกิดความสงบและสุขในใจ แล้วแผ่เมตตาให้ดวงจิตดวงวิญญาณนั้นมาอนุโมทนา และให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวว่า หากเราทำจิตให้นิ่งสงบได้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ย่อมสามารถปิดอบายภูมิได้ คือ ทำความดีหนีความชั่ว ดังนั้นแม้ไม่อาจจะไปบวชชีพราหมณ์ได้ ก็อยู่ปฏิบัติเอาเองที่บ้านก็ได้ แต่ขอให้ทำจริงเท่านั้น

    4. การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น ก็พึงประกาศขออโหสิกรรมกันทันที หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม กรรมนั้นก็ย่อมดำเนินการส่งผลต่อไป สุดแท้แต่ลักษณะแห่งกรรมที่กระทำกันมา ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแผ่เมตตา ระบุถึงเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า หรือ ที่ติดตามข้าพเจ้า ให้มาอนุโมทนาในส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้ และกรรมอันใดที่ได้กระทำไปโดย เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เขาจริง ๆ และด้วยความสำนึกผิด

    5. ขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้ ดังนั้น “พระสงฆ์”ผู้ทรงศีล จึงเป็นทางออกที่ดี เพราะท่านเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และมีศีล 227 ย่อมมีวิธีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ เพราะเราเป็นจำเลย แต่วิญญาณที่อาฆาตเป็นโจทก์ ดังนั้นถึงแม้เราจะพยามสร้างบุญสร้างกุศลทุกรูปแบบแล้ว เจ้ากรรมนายเวรอาจจะยังไม่ยอมก็ได้ เพราะความโกรธยังมีอยู่จึงไม่ยอมฟังเสียงร้องขอของเรา จึงจำเป็นต้องอาศัยคนกลางที่เป็นที่เคารพนับถือหรือเกรงใจกันไกล่เกลี่ยให้ โดยอาศัยจิตสำนึกในบาปบุญที่ได้กระทำมา และสร้างกุศลอยู่เสมอเป็นสำคัญ ประกอบด้วยพระสงฆ์ที่มีบุญฤทธิ์และเมตตาจิตที่แผ่เมตตาโปรดสัตว์ผู้ทุกข์ยากทั้งหลาย ให้เกิดปัญญาดวงตาเห็นธรรม จนยอมละวางและให้อโหสิกรรมต่อกัน


    หลักของการเผชิญกรรม


    ในเมื่อเรารู้จักความน่ากลัวของกรรมแล้ว ก็ควรใช้สติป้ญญาในการแก้ไขวิบากกรรมเหล่านั้นให้บรรเทาเบาบางลงไป เมื่อไม่รู้ก็หาผู้รู้ชี้แนะแนวทางให้ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาปล่อยให้กาลเวลาผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นจึงขอชี้แนะหนทางหรือแนวทางการแก้ไขวิบากกรรมดังนี้
    1. สติป้ญญา ในกรณีที่กรรมดีกำลังให้ผล ก็อย่าหลงระเริงจนตกอยู่ในความประมาท หมั่นทำบุญให้ทาน รักษาศึล ภาวนา อยู่เนืองนิตย์แต่ในขณะเดียวกันเมื่อตกอยู่ในวิบากกรรม ก็อย่าท้อแท้จนสิ้นหวัง คิดมากเกินไปจนเกิดความเครียดจนกลายเป็นโรคประสาท อาจทำให้ขาดสติและป้ญญา เพ้อคลั่งอารมณ์ฉุนเฉียวจนเกินเหตุ และแก้ไขโดยวิธีที่ผิด

    2. เจริญภาวนา การเจริญพระกรรมฐานก็เป็นหนทางหนึ่งในการสร้างบุญบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เหมือนทำดีหนีชั่ว เพราะถ้าผู้ใดปฏิบัติจนได้ฌาณสมาบัติ ร่างกายจะหยุดทำงานชั่วคราว เป็นการแยกกายกับจิตออกจากกัน จนเป็นเหตุให้กายระงับพ้นจากวิบากกรรมไปชั่วขณะ จนผ่านพ้นช่วงวิบากกรรมไปตามวาระ อีกทั้งเป็นการสร้างกรรมใหม่ที่ดี ยังให้เกิดกุศลกรรมเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้วิบากกรรมไม่อาจให้ผลได้ในช่วงขณะนี้ ดังนั้นวัดและสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายจึงเป็นแหล่งที่จะช่วยให้พ้นจากกรรมวิบัติที่เกิดขึ้นได้

    3.การแทรกแซงกรรม คือการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป โดยพิจารณาว่าอกุศลกรรมใดกำลังให้ผลเราอยู่ และควรแก้ไขโดยวิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม เพื่อคลายกรรมนั้น เช่น การถวายสังฆทาน ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ บวชชีพราหมณ์ สร้างพระพุทธรูป อุทิศส่วนกุศลแก้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังให้ผลเราอยู่ในขณะนั้น ดังนั้นการสร้างกุศลเป็นพิเศษในช่วงนี้ จึงเป็นการเข้าไปแทรกแซงผลของกรรม หรือขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ถ้าหากเจ้ากรรมนายเวรยอมรับก็จะคลายกรรมให้เราเอง
    เนื่องจากกรรมทั้งหลายมากันต่างกรรมต่างวาระ บางครั้งก็หนัก บางครั้งก็เบา และส่งผลไม่พร้อมเพรียงกัน ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้กระทำ และความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกระทำ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

    4. การคลายขันธ์ คือการปรับธาตุทั้ง 4 ในร่างกายให้เป็นปกติ ยามเมื่อเราเจริญสมาธิภาวนา เบญจขันธ์ อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะได้รับการผ่อนคลายระงับอยู่ในช่วงขณะหนึ่ง กรรมเล็กกรรมน้อยที่มีอยู่จะถูกขับออกจากขันธ์โดยการผ่อนคลายบางส่วนให้ แต่ก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด และจะเกิดปิติสุขติดตามมา

    ขุททกาปิติ
    คลายขันธ์ที่ระบบประสาททั้ง 5
    มีอาการน้ำตาไหล ขนลุกชูชัน

    ขณิกาปิติ
    คลายขันธ์ในเส้นประสาทภายใน
    รู้สึกแปลบ ๆ

    โอกันตปิติ
    คลายขันธ์ตามเซลล์
    รู้สึกซู่ซ่าแผ่ซ่านไปทั้งตัว

    อุเพ็งคาปิติ
    คลายขันธ์ในโครงสร้าง
    รู้สึกตัวลอยขึ้นจากพื้น

    พรรณาปิติ
    คลายขันธ์ตามอวัยวะต่าง ๆ
    รู้สึกเย็นเอิบอาบไปทั่วทั้งตัว


    5. ก้าวล่วงกรรม คนเราบางคนในอดีตเคยกระทำกรรมบางอย่างที่เป็นมโนกรรม โดยมีตนเองเป็นเจ้ากรรมนายเวร คิดถึงความผิดพลาดในอดีต แล้วเกิดทุกข์ใจ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทุกข์อยู่คนเดียว หากเราสำนึกผิดและคิดว่าจะไม่กระทำอีก พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้ใช้ การอธิษฐานจิตออกจากกรรมเอง โดยการให้สัจจะว่า จะไม่คิดทำกรรมชนิดนี้อีกต่อไป

    6. การอโหสิกรรม หรือการให้อภัยทาน เป็นผลให้กรรมนั้นเป็นโมฆะกรรม หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดมาก่อนปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น ก็พึงประกาศขออโหสิกรรม ให้อภัยซึ่งกันและกันถ้ายินยอมกรรมนั้นก็หลุดไป ถ้าไม่ยินยอมแม้เราซึ่งเป็นลูกกรรมจะขอแล้ว กรรมนั้นย่อมจะส่งผลต่อไป สุดแท้แต่ลักษณะกรรมที่กระทำกันมา

    http://www.watthamfad.com/WEB_THAI/Vi-Bak_Gum_TH/Kae_Gum_TH.htm

    อนุโมทนาสาธุการครับ
    -Happy Smile_
    อธิษฐานบารมีมุ่งสู่พระนิพพานครับcatt14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กุมภาพันธ์ 2013
  6. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    อุทิศบุญกุศลให้เขามาก ๆ เถอะนะคะ ตอนนั้นเขาคงเจ็บปวดและทรมานมากกว่าคุณหลายร้อยพันเท่า นึกถึงชีวิตเขาชีวิตเรา อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
     
  7. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    การสต๊าฟสัตว์นี่เขาต้องเอาสัตว์ที่ตายมาไม่ใช่รึ
    แล้วเพื่อนๆๆ คุณแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้างคะ ยังดีนะคะที่คุณระลึกได้
    และแผ่เมตตาให้เขาไป...
     
  8. tchaikovsky

    tchaikovsky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +360
    เวรกรรม ทุกวันนี้ทำงานต้องใช้หนูทดลอง ไม่รู้ว่าฆ่าหนูทดลองไปแล้วกี่ตัวอ่ะ
     
  9. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    ตอนสมัยเรียน คิดว่าต้องเคยทำโครงการวิทยาศาสตร์เหมือนกัน
    แต่จำไม่ได้แล้ว ว่าเคยผ่าสัตว์/ทดลองกับสัตว์ชนิดไหนรึป่าว

    ไม่รู้หลักสูตรสมัยใหม่ ยังต้องมีโครงการประเภทนี้อยู่อีกมั้ยเนี่ย??
     
  10. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ผมเคยแนะนำคนให้เอาตะขาบเป็นๆ มาแช่ในเหล้าขาวเพื่อนำมาเป็นยาทาแก้คัน มันคงทรมาณมาก ผมขออโหสิกรรมมันแล้วครับ แต่ปัจจุบันผมเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือประดงด้านนิดหน่อยแต่เวลาคันจะคันมาก ผมทานยาสมุนไพรไทยค่อยยังชั่ว ถ้าหายจะหายไปหลายปี แต่ก็กลับมาเป็นได้อีก ผมต้มไปให้เพื่อนๆที่คันตามตัวและเป็นปื้นหนาทานด้วย ดีขึ้นแล้วครับ
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ตอนนี้กำลังฝึกกำลังใจในการ"ให้อภัยทานยุง"อยู่ด้วยการเจตนาไม่ตบยุงเมื่อโดนกัด
    เจ็บ ยั๊วะเห็นซึ่งหน้าเว้นได้เเล้ว99%เเต่หากมากัดลับหลัง(1%เผลออยู่)
    ก็จะโดนเหวี่ยงไปโดนบ้าง พยายามอยู่ครับ
    เรื่องเล็กๆ เเต่มันเรื่องใหญ่หากต้องการทำจิตให้บริสุทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เมื่อหมดเจตนาในการฆ่า ก็ไม่ต้องคอยระวังในข้อนี้อีกต่อไป
     
  13. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ใช้กรรมไก่ชน

    กรรมนี่มันติดจรวดมาจริงๆนะ..

    พี่เขยเรา..ชอบชนไก่มากๆ ชนไก่มาตั้งแต่วัยรุ่นเลย....ตอนนี้จะ40ปีแล้วก็ยังเล่นอยู่.....แต่แกหารู้ไม่ กรรมมันกำลังตามมาเล่นงาน..

    ไก่บางตัวตาบอด..ขาหัก ขาเป็นแผล ฯลฯ ถ้าแกไม่พอใจ ก็จับเชือดคอใส่หม้ออย่างเดียว ไม่ได้รักษา บางตัวตายคาสังเวียน..

    ปัจจุบัน แกเป็นแผลที่หัวเข่า บวมขึ้นๆ ไปคลีนิค 2-3 ครั้ง กินยาฉีดยาก็ไม่หาย.....จนมันเริ่มโตขึ้นมากและเจ็บแบบนอนไม่ได้ เดินไม่ได้ทรมานมาก....เลยต้องเข้าโรงพยาบาล........หมอวินิจฉัยว่าน่าจะอักเสบมีหนองเพราะติดเชื้อ เลยต้องผ่า..

    ตอนนี้กำลังนอนอยู่โรงพยาบาลคืนที่2แล้วค่ะหลังจากผ่า......เค้าเริ่มนึกถึงกรรมที่ทำไว้กับไก่ชน...........แผลเค้าก็ดีขึ้น..เริ่มแห้งแล้ว..........รอดูต่อไป

    ขออนุโมทนาสาธุ...ในการสำนึกต่อบาปกรรมที่ทำไว้กับสัตว์เหล่านั้นและอโหสิกรรมให้ด้วยเถิด สาธุ..
     
  14. icekung1

    icekung1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +7
    อ่านละกลัวจังเพราะเมื่อก่อนทำไว้เยอะT_T
     
  15. tatar-cu

    tatar-cu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +754
    ขอบคุณมากค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  16. tatar-cu

    tatar-cu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +754
    เหมือนกันเลยค่ะ

    เหมือนกันเลยค่ะ ที่บ้านดิฉันเลี้ยงหมาพันธุ์พุดเดิ้ลไว้หลายตัว แต่เนื่องจากต้องเลี้ยงเค้าไว้นอกบ้านเลยมีหมัด เห็บ เต็มตัวเลยค่ะ พอถึงเวลาพาไปอาบน้ำทีก็ต้องดึงออกใส่น้ำบ้าง น้ำมัน บ้าง เพื่อฆ่าไม่ให้มันออกไข่เพิ่ม เลี้ยงมานานเป็นสิบๆ ปี ตั้งแต่ดิฉันยังเด็ก ไม่รู้ว่าฆ่าตายไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จนเมื่อระลึกได้ ขณะที่ไปบวชชีพราหมณ์ รักษาศีลที่วัด จ.อยุธยา เลยขอให้พวกเค้าอโหสิกรรมให้กับดิฉันและคุณแม่ โดยขอทนทุกข์ทรมานให้ยุงกัดในขณะเดินจงกรมที่สวนปฏิบัติธรรมในช่วงเย็นโดยไม่ปัดป้องหรือตีหรือตบเลยค่ะ เชื่อไหมคะว่าไม่รู้ยุงมาจากไหนมากมาย นับไม่ถ้วน ทั้งๆ ที่ปกติยุงไม่มากเท่าไร (ไม่เห็นตัวยุงนะคะ เพราะโดนกัดที่เท้า แต่รู้สึกเหมือนโดนยุึงกัดตลอดเวลาที่เดินจงกรม) เจ็บและคันมาก โดนกัดนับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ พอเดินจงกรมเสร็จมาดู โห มีเม็ดๆ ตุ่มๆ ผื่นแดงขึ้นเต็มขาเลยค่ะ ไม่รู้ว่าช่วยลดวิบากกรรมได้บ้างหรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2013
  17. tatar-cu

    tatar-cu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +754
    ค่ะ กรรมนี่ตามมาเร็วจริงๆ ขอให้พี่เขยของคุณอาการดีขึ้นไวๆ นะคะ
     
  18. tatar-cu

    tatar-cu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +754
    ขอให้คุณหายจากโรคโดยเร็วพลันนะคะ และก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ปฏิปทาของหลวงพ่อเปลื้อง

    “พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก” แห่งวัดป่าสุนันทวนาราม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เล่าว่า ครูบาอาจารย์ที่มีปฏิปทาน่าศึกษาก็มีองค์หนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์มิตซูโอะได้เคยไปกราบสนทนากับท่าน คือ “หลวงพ่อเปลื้อง ปัญญวันโต” วัดบางแก้วผดุงธรรม จังหวัดพัทลุง ประวัติท่านน่าสนใจน่าศรัทธา ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ 60 ปี ท่านอธิษฐานข้อวัตร 8 อย่าง หนึ่งใน 8 ข้อนี้คือ ไม่นอนกลางวันตลอดชีวิต หมายความว่า ท่านตั้งใจไม่ทำตามกิเลสความง่วงนอน ความขี้เกียจ อย่างน้อยกลางวันก็ไม่นอนตลอดชีวิต

    เมื่อท่านปฏิบัติใหม่ๆ บวชใหม่ๆ ท่านก็อายุ 60 ปีแล้ว ในพรรษาท่านอธิษฐานไม่นอนกลางคืนตลอด 3 เดือน หมายความว่าในพรรษานั้นท่านไม่นอนตลอดพรรษาทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่เนสัชชิกอุกฤษฏ์นี่แหละ ยืน เดิน นั่ง ไม่ให้นิวรณ์ครอบงำจิต ต่อสู้ อธิษฐานแล้ว ยืน เดิน นั่ง ไม่นอน ท่านก็ต่อสู้ ปฏิบัติอยู่อย่างนั้น

    เหลืออีก 7 วันจะออกพรรษา กล้ามเนื้อในท้องของท่านได้เกร็งขึ้นๆ ๆ หมอตรวจแล้วขอให้ท่านนอน ให้ท่านเอนกาย ท่านบอกว่าไม่นอน ตายดีกว่าเสียสัจจะ เพราะท่านได้ สมาทาน ไม่นอน ยืน เดิน นั่ง ตลอด 3 เดือน บัดนี้อีก 7 วันก็จะออกพรรษาแล้ว หมอก็เลยเกิดศรัทธาถวายนวดให้ นวดกล้ามเนื้อที่ท้องนี่แหละ ในที่สุดก็คลาย ท่านก็สามารถรักษาความตั้งใจจนออกพรรษา ตั้งแต่นั้นท่านก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆ

    ชีวิตของนักปฏิบัติก็ต้องกำจัดความง่วงนอนอยู่แล้ว ถ้าจะเจริญสมาธิ ก็ต้องกำจัดนิวรณ์ 5 อย่าง คือ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา กามฉันทะ คือ จิตคิดไปรักใคร่ในกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ พยาบาท คือ จิตคิดอาฆาตพยาบาท

    ถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน อุทธัจจะกุกกุจจะ คือ ความคิดฟุ้งซ่าน คิดนี่คิดโน่นคิดสารพัด คิดอย่างไม่มีระเบียบ วิจิกิจฉา คือ คิดลังเลสงสัย สงสัยในข้อวัตรปฏิบัติ สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สงสัยสารพัด 5 อย่าง นี้เรียกว่านิวรณ์ ถ้านิวรณ์ 5 อย่างนี้หายไป จิตก็สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ

    เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญสมาธิจึงต้องพยายามไม่ให้นิวรณ์เข้ามาในจิตใจ ถ้ามีต้องต่อสู้ ปฏิบัติอย่างนี้จึงจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถ้าเรามีความง่วงนอน เราต้องต้อสู้เต็มที่ หลวงพ่อเปลื้องตอนนี้เป็นหลวงปู่แล้ว เดี๋ยวนี้คง 80 ปีแล้ว ท่านได้อธิษฐานจิตตั้งแต่วันอุปสมบทว่า ท่านจะปฏิบัติเต็มที่ ต่อสู้เต็มที่กับความง่วงนอน ท่านก็ปฏิบัติเรื่อยๆ มา

    ท่านบอกว่าเดี๋ยวนี้ท่านนอนหลับวันละ 10 กว่านาทีทุกวัน เมื่อจะนอนท่านก็ค่อยๆ เอนกายลงนอน หลับ 10 กว่านาที แล้วก็รู้สึกตัวขึ้นมานอกจากนั้นก็ไม่นอน ท่านก็ไม่เป็นอะไร อาจารย์ศรัทธาในองค์ท่านช่วงที่บวชใหม่ๆ อ่านหนังสือพบประวัติของท่าน ท่านบอกว่าท่านไม่นอน

    ท่านปวารณากับทุกคน ใครอยากสนทนากับท่าน ขอเชิญมานิมนต์ได้ทุกเวลา ไม่ใช่เฉพาะกลางวัน 5 ทุ่มก็ยินดี ตี 1 ตี 2 ตี 3 ตี 5 ตลอดวันตลอดคืน ท่านปวารณา ใครสนใจจะกราบท่านหรือสนทนาธรรมกับท่าน ท่านเชิญทุกเวลา เพราะท่านบอกว่าท่านไม่นอน ท่านไม่จำเป็นต้องปิดประตูนอน ใครจะมาก็เชิญ

    พระอาจารย์มิตซูโอะสนใจท่านอยู่นานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสไปกราบท่านที่วัดเมื่อ 3 ปีก่อน ดูท่านผ่องใสดี หน้าตาร่างกายลักษณะผอม แต่ผิวพรรณผ่องใสดี นมัสการถามท่านว่า “ได้ยินว่าท่านไม่นอนจริงหรือเปล่า” ท่านบอกว่า ทุกวันนี้นอนเพราะไม่อยากนอนแล้ว ความอยากนอนไม่มี ท่านจึงนอนสบายๆ พูดง่ายๆ ก็คือ หมดความอยากนอนแล้ว ท่านนอนไม่กี่นาที องค์นี้เป็นองค์หนึ่งที่เอาชนะความง่วงนอนได้

    เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องกลัวว่านอนน้อยจะอันตรายต่อสุขภาพ บางทีเราก็วิตกกังวล กลัว..... สมัยก่อนเราเคยนอน 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง ถ้าเราไม่นอน กลัวสมองเสีย กลัวประสาทเสีย อันนี้เราค่อยๆ ทำไป ความจริง ความง่วงนอนก็เป็นกิเลสนิวรณ์ชนิดหนึ่งที่เราต้องกำจัดออกจากจิตใจ

    แต่บางทีใหม่ๆ ก็มีอาการหลายอย่างเกิดขึ้นเหมือนกัน เช่น บางคนก็ปวดหัว หรือมีความรู้สึกที่น่ากลัว ทำให้คิดว่าเรากำลังจะเป็นบ้า ไม่นอน อดนอนจะทำให้เราเป็นบ้า ทำให้เราเป็นโรคประสาท อันนี้ก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องชั่วคราวนะ ถ้าเราค่อยๆ ปฏิบัติไป ก็จะกลายเป็นธรรมดา ตอนแรกๆ เมื่อร่างกายยังไม่เคยชิน มีการฝืน ก็มีความรู้สึกต่างๆ เป็นธรรมดา เช่น ถ้าเราเลื่อยไม้ เราไม่เคยเลื่อยไม้ วันนี้เราเลื่อยไม้ 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง ก็จะปวดแขนไปหลายวัน เพราะเราไม่เคยใช้กล้ามเนื้อในการเลื่อยไม้มาก่อน หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่เราไม่เคยทำก็ปวดกล้ามเนื้อ

    ถ้าเราทำไปๆ เป็นปกติ ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ หายไป การปฏิบัติของเราก็เช่นเดียวกัน การอดนอนเนสัชชิก ช่วงแรกอาจจะเกิดความรู้สึกหลายอย่าง เกิดทุกขเวทนา ทำไปๆ ทำไปเรื่อยๆ เมื่อร่างกายชินแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไปเอง เราปฏิบัติจนหาย จนเป็นปกติปกติแล้วก็ไม่เป็นอะไร

    ไม่นอนกลางคืนเป็นปกติ ร่างกายก็เป็นปกติ จิตใจก็เป็นปกติ จิตไม่ง่วงเป็นปกติ กายก็สบาย จิตก็สบาย เป็นปกติ ปกติก็คือศีล ศีลสมบูรณ์ สมาธิก็เกิด

    พูดถึงการนอน หลายสำนักหลายครูบาอาจารย์ก็สอนหลายอย่าง ถ้าเราศึกษาดูจากพระพุทธเจ้าพระศาสดาของเรา ปกติท่านก็ให้ปฏิบัติกลางวัน กลางวันก็ให้ปฏิบัติ ตอนเย็นก็พยายามนั่งสมาธิเดินจงกรม 4 ทุ่มนอนพักผ่อน ตื่นนอนตี 2 คือให้นอน 4 ชั่วโมง 4 ทุ่มถึงตี 2 เรียกว่า มัชฌิมยาม เมื่อตื่นนอนตี 2 ก็ปรารภความเพียร นั่งสมาธิ เดินจงกรม กำจัดความง่วงนอน นั่นก็อธิบายในพระสูตรหลายครั้ง

    สำหรับพระพุทธเจ้าหรือพระอริยสาวก การนอนช่วง 4 ทุ่ม ถึงตี 2 ไม่ใช่นอนอย่างพวกเรา ท่านนอนสมาธิ นอนสมาธิให้ร่างกายพักผ่อน จิตก็อยู่ในสมาธิ อันนี้เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าหรือพระอริยสาวก ท่านมีสมาธิ ท่านก็นอนสมาธิ สำหรับผู้ที่ยังมีถีนมิทธะนิวรณ์ ยังนอนหลับอยู่ ก็นอนพักผ่อนประมาณ 4 ชั่วโมง หลายสำนักปฏิบัติกลางวัน มัชฌิมยามให้พักผ่อน 4 ทุ่ม ถึงตี 2 หลายสำนักก็ปฏิบัติอยู่อย่างนั้น

    คัดลอกบางตอนมาจาก ::
    หนังสือทุกขเวทนา โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=20113

    โห มีเม็ดๆ ตุ่มๆ ผื่นแดงขึ้นเต็มขาเลยค่ะ ไม่รู้ว่าช่วยลดวิบากกรรมได้บ้างหรือเปล่า[/quote]ยุงมันใช่นายเวรเราหรือเปล่าไม่รู้ใด้. มันอาจเจ้ากรรมที่เริ่มต้นมาเบียดเบียนเรา
    ก็เป็นได้ ทางที่ดีคือเราป้องกันด้วยการใช้เสปรย์กันยุงป้องกันไว้ก่อน เราจะได้
    ปฏิบัติธรรมได้ราบรื่นเเล้วอุทิๆให้นายเวรของเราเพื่อลดกรรมวิบาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2013
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    คิดทำไปได้เนอะ มีจิตใจเป็นมนุษย์หรือเปล่าทำไมเวล าทำไม่รู้สึสะทกสะท้านเลยหรือ? ถ้าเป็นเพราะงูมันฉกก็ว่าไปอย่าง นี้ยังเอาเขาทรมานในถัง แทนจะฆ่าให้ตายเสียทีเดียวไมเอาใจคุณไปใส่ว่า ถ้าตัวเองโดนแบบงูตัวนั้นมันจะเจ็บทรมาน แค่ไหน เดี้ยนจะบอกอะไรให้ว่ากรรมเวรมีจริง และตามสนองแรงกว่านั้น ลองไปถามพวกคนที่เป็นมะเร็งดูซิ ดูส่วนใหญ่ ตอนยังไม่ป่วย เป็นพวกชอบ ตกปลา ฆ่าสัตว์แบบ ไม่คิดอะไร รู้สึกเฉยๆกันทั้งนั้น หรือไม่ก็ก็ชอบดื่มน้ำเมา คนเราจะทำบุญ ห้ได้บุญต้องทำมาจากสัญชติญาณ ก้นบึ้งของหัวใจ ว่าคุณสงสารเขา อยากเห็นเขามีความสุข มิใช่ทำเพราะอยากจะผ่อนบาปให้เป็นบุญ ทำไปทั้งชาติ ก็ไม่ได้บุญหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2013

แชร์หน้านี้

Loading...