ตามหัวข้อเลย ครับ เวลาที่รู้สึกเหนื่อยใจ ท้อใจ หรือหมดกำลังใจ ท่านมีวิธีจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ยังไง ครับ
เวลารู้สึกเหนื่อยใจ ท้อใจ หรือหมดกำลังใจทำยังไง ครับ
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สุโขสุขี, 27 มิถุนายน 2012.
-
เวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยใจ ท้อแท้ หรือหมดกำลังใจ จะนั่งสมาธิแล้วปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ทำใจให้เป็นกลาง แล้วจะรู้สึกว่าใจเราจะสบาย สบาย
-
จิตกำลังฟุ้งซ่าน ก็กำหนดรู้ลมหายใจให้จิตสงบก่อน ค่อยคิดพิจารณาต่อไปครับ
-
ดิฉันจะสวดมนต์ค่ะ จะสวดทั้งๆที่ท้อใจค่ะ แต่เมื่อสวดไปสักพักกลับสงบลงไปได้ค่ะ
-
เวลาเหนื่อยใจ รีบดูลมหายใจเข้าออกไม่ว่าอยู่ในอิริยาบทใดก็ตาม ดูลมหายใจจนจิตนิ่งเป็นสมาธิ แล้วคิดไว้ว่าเราจะต้องตาย ตายเมื่อไรขอไปนิพพานที่เดียว งานทุกอย่างที่ทำก็ทำตามหน้าที่ หมดลมหายใจเมื่อไรก็จบกัน ทำทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน คิดไว้ว่าถ้าเรามีอารมณ์เศร้าหมองแบบนี้ ตายแล้วไปไหน..คิดไว้ว่า เรื่องแค่นี้ทนไม่ได้ก็ไปนิพพานไม่ได้ ถ้าอยากไปนิพพานต้องอดทนได้ทุกอย่างทุกสถานการณ์ งานใหญ่รออยู่ข้างหน้า เรื่องเล็กน้อยปล่อยวาง ช่างมัน ไม่ต้องเอามาคิด..คิดไว้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว ไปไหนเรามีพระไปด้วย พระอยู่ในใจเรา เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก
เคยฟังธรรมะจำได้ว่า อานาปานสติกรรมฐานเป็นกรรมฐานระงับความฟุ้งซ่านและระงับความเหนื่อยกายเหนื่อยใจได้ค่ะ เวลาเหนื่อยใจยังไม่ต้องภาวนาหรือพิจารณาอะไรให้เริ่มด้วยการดูลมหายใจเข้าออกจนจิตสบายก่อนแล้วค่อยใช้อารมณ์พิจารณาค่ะ -
ถ้าจะให้ตอบแบบภาพรวมก็ขอบอกว่า คนที่เขาเป็นยิ่งกว่านี้มีอีกเยอะเลยครับ เกิดเป็นคนต้องสู้ครับ ยิ่งเกิดเป็นชายแล้วต้องเข้มแข็งมากๆๆครับ -
ไม่ต้องทำอะไรค่ะ หายใจให้มีชีวิตรอดในวันต่อไปก็พอ......
มันไม่เที่ยงหรอกค่ะ แต่เดี๋ยวความท้อแท้ เบื่อหน่ายมันจะหายไป ช่วงเวลาที่เราหมดแรง ช่วงที่มีปัญหาสุมมากๆๆ แค่ไม่คิดสั้นก็พอคะ ช่วงนี้สวดมนต์ใด้ ทำบุญได้ก็ไปทำซะ ตั้งใจไม่ตั้งใจก็ทำซะ .......ช่วงที่จิตใจไม่เข้มแข็ง อ่อนแอมันท้อแท้ใครจะยกอะไรมาบอกมาสอนมาปลอบ ก็แค่เข้าใจตามแค่นั้นเอง แต่ใจจริงๆมันปั่นป่วนอยู่ข้างใน หมดแรง หมดสภาพล่ะค่ะ ไอ้คนรอบข้างมันปลอบเราได้ค่ะ ก็มันไม่ได้เป็นนี่คะ
เคยล้มตึงทั้งตัวเลยค่ะ ล้มแบบมันโดนน๊อคแถมมีกระโดดซ้ำ คงกะไม่ให้ลุกได้ล่ะ "จิตใจ" แหละคะ ก็มันเป็นนายของสังขารเรา โดนจุดอ่อนแทงใจ ก็เหมือนเมืองหลวงแตก
คนที่ท้อแท้มักจะอยู่กับความคิดตัวเอง แต่เราต้องคิดเป็นค่ะ ปล่อยอารมณ์ท้อนีิ้ไปสักพัก แต่อย่าให้นาน เอาประสปการณ์ทั้งหมดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาเป็นตัวแปร ... ส่วนตัวดิฉันจะเป็นคนเจ้าอารมณ์เจ้าคิดเจ้าแค้นแต่ไม่ใช่ไปแช่งอาฆาตใครข้ามภพชาตินะ(แต่อย่าเพิ่งให้เจอเดี๋ยววงแตก) เอาอารมณ์ตัวนี้ของเรามาผูก เช่น อ้อ...แบบนี้เรอะคอยดูนะจะ...(ที่เป็นทางบวกและตัวเองได้ดี) หากคุณท้อเรื่องงาน ก็เอาอารมณ์ทั้งหลายมาผลักผลงานคุณ หากคุณท้อเรื่องผู้หญิงก็เอาคนเก่ามาผลักให้คุณไปหาที่ดีกว่า
คุณโดนผลักลงเหวก็เอาก้นเหวเป็นตัวยันพุ่งตัวลุกขึ้น ถ้าคุณโดนผลักตกทะเลก็กินน้ำทะเลให้เต็มปอดเต็มพุงแล้วใช้พื้นทรายที่อยู่ใต้สุดดันตัวขึ้นมา ถ้าคุณโดนผลักตกนรกก็อย่าเพิ่งรีบออกมา อยู่ในนั้นให้มันรู้รสชาดความเจ็บปวดเร่าร้อนแถมขอน้ำกะทะทองแดงมาดื่มกินด้วยว่ารสชาดมันเป็นยังไง แฮ่ๆ ... เจ็บให้พอท้อให้สุดๆ จดและจำเอาไว้ ถ้าผ่านมันไปได้เราไม่ตาย ไอ้ที่ตายน่ะคือเรื่องราวและบุคคลที่ทำเราไว้ต่างหาก ....
สุดท้ายถ้าผ่านไปได้มันจะเป็นแค่ "ส่วนหนึ่ง".หรือแค่ "ครั้งหนึ่ง" ในชีวิตแค่นั้นเอง สักวันถ้าคุณแก่ตัวลงไปแล้วย้อนมาคิดมันแค่จิ๊บๆเอง
อ้อ...สวดมนต์แผ่เมตตาให้พวกเขาทั้งช่วงนี้ที่ยังไม่ผ่านและช่วงทั่ผ่านไปแล้วด้วย สุดท้ายต้องบอกว่ากรรมเก่าของเราแหละทั่ทำให้เป็นแบบนี้
อนุโมทนา สาธุค่ะ -
กลับไปจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมีการเหนื่อยใจท้อใจ สภาพก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร
นั่นคือสภาวะปกติ จิตใจที่ปรกติ ระลึกถึงสภาวะนั้นให้ได้ และทำความรู้จักกับสภาวะปกติ
อย่างแนบแน่น และจิตใจที่ผิดปกติอันมีสภาพท้อใจหดหู่ใจ ก็จะสลายตัวไปเอง -
ท้อเหมื่อนกัน ไม่รู้ จะทำอย่างไร กับชีวิต ที่ วุ่นวาย มีความโลภหันไปทางไหนก็เหมื่อนกัน จะเข้าทางเทวะมาร ทุกที่ ยิ่งศึกษาพระธรรมยิ่งรัด มีแต่ทิฐิยิ่งต้านหลงไปกับสมมุติมากขึ้น ไม่ใช่ปัญญาที่รู้โดยธรรมชาติ เป็นความจำที่อ่านได้ยิน ท้อมากๆ กลัวว่าจะหลงทางยิ่งภาวะนิ่งแห่งจิตมากเท่าไร รู้ว่าภาวะหลอกตัวเองยิ่งห่างไกลพระพุทธมากขึ้น สภาวะนั้น เป็น อย่างไร
-
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=0mnDneo36oo]Nick Vujicic with Thai Subtitle - YouTube[/ame]
-
ลองเขียนคำถามที่คุณไม่ได้รับคำตอบออกมา ว่ามีอะไรบ้าง เรียบเรียงสิ่งที่ทำ
ให้คุณหมดหวังท้อแท้ออกมาเป็นประเด็นคำถาม แล้วก็นอนไปพร้อมกับคำถาม
เหล่านั้น เวลาพักผ่อนจิตมันจะมีพลัง และบางทีมันก็ทำให้เรื่องหลายเรื่องเกิด
ความกระจ่างขึ้นมา -
ก็หาอะไรทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ลืม บางทีก็ลองพิจารณาดูว่าคุณท้อเรื่องอะไร หมดกำลังใจเพราะไม่ได้ดังใจ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเปล่า
ออกไปเดินเล่นสักพัก วางเรื่องราวต่างๆลง ไม่ต้องแบกไป แล้วก็ลงมือทำทีละเรื่อง
คิดเสียว่าคนเราเกิดมามีแต่ตัว กินข้าววันละ 2-3 มื้อ ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้
ส่วนใหญ่เป็นทุกข์เพราะความคิด ย้อนอดีต หรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป -
ผู้เข้าใจผ่อนเป็นผู้ห่างจากทุกข์
หากท้อใจหมดกำลังใจเมื่อใด เราจงถามตนเองว่าความท้อใจคือสิ่งใด นั่งทวนคิดหาคำตอบ เมื่อทราบแล้วว่าความท้อใจคือสิ่งใด คิดต่อไปว่าเกิดจาสิ่งใด เมื่อทราบแล้วว่าเหตุการเกิดความท้อใจคือสิ่งใดจงมองดูต่อไปว่า สิ่งนั้นคือสิ่งใด
หากตอบสิ่งเหล่านี้ได้นั้นคือธรรมะ (ธรรมะของเราเอง)
เช่น เราทุกใจเรื่องสมบัติ (บ้านช่องห้องหอเงินตราทุกสิ่งอย่าง จัดอยู่กลุ่มวัตถุสมบัติ)
เราก็มองดูว่าทุกข์ใจทำไม เช่น อยากได้สมบัติ
เราก็ต้องมองดูว่า บ้านคือสิ่งใด แท้จริงบ้านคือธาตุดิน ธาตุดินคือเกิดจากมวลมหาศพมหาศาลเผ่าพันธ์ตายไปย่อยสลายกลายเป็นธาตุดิน
เรามามองดูต่อว่าเงินคือสิ่งใด เงินคือกระดาษถูกสร้างจากใบไม้ ก่อนจะเป็นไม้ได้ต้นไม้ใบนั้นได้ดูซับธาตุทั้ง 4 หล่อเลี้ยงจนเกิดเป็นต้นมารวมเป็นใบได้
เป็นต้น แล้วให้ถามกลับตนเองว่าสิ่งที่เราต้องการแท้คืออะไร แล้วทำไมเราถึงต้องการ เมื่อนั้นส่วนมากทุกคนจะได้คำตอบว่าอยากได้สิ่งที่เป็นความสุข แล้วความสุขเล่าอยู่ที่ไหน คือสิ่งใด
ความสุขและความทุกข์คืออะไร
ทุกข้อความ ผู้อ่านจบย่อมได้ความรู้ ผู้คิดตามย่อมได้ปัญญา -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ดู vdo ข้างล่างนี่ก็ช่วยได้เช่นกันครับ