เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 มีนาคม 2024.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพทำโครงการอุปสมบทหมู่เพื่อถวายพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสเจริญพระชนมายุ ๙๒ พรรษา และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษาในปีนี้
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ที่กระผม/อาตมภาพกำหนดเวลาอุปสมบทหมู่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ก็คือตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ไปสิ้นโครงการวันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นเวลา ๑๘ วัน ก็คือครอบคลุมวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงไปด้วย
การทำโครงการแบบนี้นั้น ตอนแรกก็ตั้งใจไว้ว่า จะรับพระภิกษุเข้าอุปสมบทหมู่ไม่เกิน ๗๓ รูป ตามพระชนมายุของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ แต่แล้วก็คิดว่า ถ้าบุญพาวาสนาช่วย สามารถรับได้มากกว่านั้นก็จะเอาที่ ๙๓ รูป ตามพระชนมายุของสมเด็จพระพันปีหลวง
เพียงแต่ขอร้องอยู่อย่างหนึ่งว่า บรรดาผู้ที่สมัครอุปสมบทอยู่เข้ามานั้น อย่าได้เปลี่ยนใจเป็นอันขาด เนื่องเพราะว่าจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ถ้าท่านเปลี่ยนใจสักคนเดียวเท่านั้น บรรดาชุดการอุปสมบทหมู่ที่จัดเอาไว้ชุดละ ๓ รูป ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิด "พลิกฟ้าคว่ำดิน" ไปเลย เพราะว่าต้องเลื่อนคนอื่นขึ้นมาแทนเป็นลำดับ ๆ ไป ถ้าท่านอยู่ในชุดแรก ๆ ก็เป็นอันว่าเวรกรรมของคนชุดหลัง ๆ เนื่องเพราะว่าต้องเปลี่ยนแปลงกันทั้งหมด..!
ในขณะเดียวกัน เมื่อสมัครเข้ามาแล้ว ถ้าหากว่าท่านเคยอุปสมบทหมู่กับทางวัดท่าขนุน "แบบอุกาสะฯ" มาก่อน ทางวัดจะอนุญาตให้เข้าวัดได้ในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ คือก่อนบวช ๓ วัน เนื่องเพราะว่าเคยซักซ้อมกันมาแล้ว ไม่ต้องใช้เวลาทบทวนกันมาก แต่ถ้าใครไม่เคยอุปสมบทหมู่ "แบบอุกาสะฯ" กับวัดท่าขนุนมาก่อนเลย ต้องเข้าวัดตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เพื่อมาทำการซักซ้อมให้มีความคล่องตัว เพราะว่าทางวัดท่าขนุนนั้น ถ้าหากว่าท่านขานนาคด้วยตนเองไม่ได้ ทางเราก็จะไม่อนุญาตให้บรรพชาอุปสมบทอยู่แล้ว -
และขณะเดียวกัน ถ้าท่านเคยอุปสมบทกับทางวัดท่าขนุนมาก่อน ให้แจ้งฉายาของการบวชครั้งก่อนมาด้วย แม้ว่าทางเราจะมีข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ว่าถ้าต้องเสียเวลาไปค้นย้อนหลังเป็นสิบปี ซึ่งทำให้การจัดชุดอุปสมบทหมู่ค่อนข้างที่จะลำบาก ถ้าท่านแจ้งมาเลย เราเองแค่เปิดดูข้อมูลตามนั้น ก็จะรู้ว่าท่านเองเคยบวชอยู่รุ่นไหน ปีไหน แล้วก็สามารถที่จะลงข้อมูลในการบวชของท่านได้เลย เพียงแต่ว่าเปลี่ยนอายุในการบวชของท่านเท่านั้นเอง
สำหรับงานอุปสมบทหมู่ครั้งนี้ ถ้าหากว่ากันตามโครงการ ก็จะเป็นครั้งแรกที่บวชตามมติมหาเถรสมาคม ที่ระบุเอาไว้ว่า "การอุปสมบทนั้นต้องไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน" แต่กระผม/อาตมภาพไม่เคยปฏิบัติตามแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องเพราะว่าการอุปสมบทนั้นมีเหตุผลต่าง ๆ กันไป อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่า บ้างก็ "อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เอือมเจ้านาย ยายให้บวชแก้บน..!" เหล่านี้เป็นต้น เขาไม่สามารถที่จะหาเวลามาอุปสมบทได้นานขนาดนั้น
เพียงแต่ว่าทางวัดท่าขนุนนั้น ต้องเข้าวัดเพื่อที่จะมาฝึกซ้อมขานนาคก่อนล่วงหน้า ๗ วันอยู่แล้ว ถ้าหากว่าบังคับให้บวช ๑๕ วันอีก ก็เสียเวลาไปร่วมเดือน ขืนลางานนานขนาดนั้น มีหวังโดนเจ้านายไล่ออกจากงานเป็นแน่แท้..!
ดังนั้น..ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่กระผม/อาตมภาพเป็นเด็กดี ว่ากันตามที่ทางมหาเถรสมาคมมีมติไว้ โดนเขียนเป็นโครงการอุปสมบทหมู่ บอกวัตถุประสงค์ ตลอดจนกระทั่งสัมฤทธิผลและจำนวนงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ เอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ถ้าหากว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี หรือทางคณะสงฆ์ จะรายงานผลการอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ ก็สามารถที่จะนำไปรายงานได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ครบตามจำนวนที่ตั้งใจเอาไว้ ก็จะบวชให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
บรรดาญาติโยมทั้งหลาย ถ้าหากว่าตั้งใจที่จะร่วมบุญในการอุปสมบทครั้งนี้ ก็สามารถที่จะร่วมบุญกันได้ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ซึ่งคาดว่าต้องอุปสมบทกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะว่าถ้า ๙๓ รูป เราจัดชุด ก็ต้องถึง ๓๑ ชุด ชุดหนึ่งใช้เวลาประมาณ ๑๕ นาที เวลา ๑ ชั่วโมงจะได้แค่ ๔ ชุดเท่านั้น ๑๐ ชั่วโมงก็ทำการบวชได้แค่ ๔๐ ชุด ถ้าหากว่า ๓๑ ชุดก็จะใช้เวลาร่วม ๘ ชั่วโมง เกือบจะเช้ายันค่ำเลยทีเดียว..! -
เพียงแต่ว่าทางวัดท่าขนุนนั้น มีพระคู่สวดที่ฝึกซ้อมเอาไว้เป็นจำนวนมาก ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสวดได้ แต่ว่าพระอุปัชฌาย์อย่างกระผม/อาตมภาพ น่าจะต้องเข้าสมาธิกันยาว ๆ นับสิบชั่วโมง แต่ตอนคลายสมาธิออกมา อาจจะมีการครางโอย ๆ ถึงขนาดลุกไม่ไหวเลยก็เป็นได้ แต่ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ก่อนที่จะสิ้นชีวิต ขอทำงานใหญ่ ๆ ถวายแก่สถาบันหลักของประเทศของเราสักครั้งหนึ่ง ซึ่งงานแบบนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่าย ๆ
เนื่องเพราะว่าบุคคลที่มีโอกาสได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ เป็นบุรุษ มีอาการครบ ๓๒ อยู่มาจนอายุกาลผ่านวัยได้ ๒๐ ปีขึ้นไป มีศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ถึงขนาดเข้ามาขอบรรพชาอุปสมบทนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสั่งสมบุญกุศลมาในระดับที่มากมายมหาศาล กว่าที่จะมีสมัยโอกาสได้อย่างนี้ จึงเป็นเรื่องที่ถึงเวลาแล้ว ท่านใดจะร่วมบุญอุปสมบทก็เข้าไปดูในกระทู้ทำบุญอุปสมบทหมู่ฟรีปีละ ๔ ครั้งของวัดท่าขนุน สามารถที่จะโอนปัจจัยทำบุญร่วมกันได้ที่นั่น
หลังจากที่ฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปวัดเดิมบาง (คงคาราม) หมู่ที่ ๑ ตำบลเดิมบางนางบวช อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมพิธีเทวาภิเษกรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณหน้าทองคำ ซึ่งเจ้าพิธีในที่นี้คือครูบาวชิริล ภทฺทมุนี ซึ่งเป็นพระรุ่นใหม่ไฟแรง มาช่วยเหลืองานท่านอาจารย์ปุญญพัฒน์ (พระครูสุวรรณปุญญารักษ์) เจ้าคณะตำบลเดิมบาง เจ้าอาวาสวัดเดิมบางอยู่ในปัจจุบันนี้
เมื่อไปถึง ท่านก็มากราบรายงานตัว แถมยังยกย่องกระผม/อาตมภาพเสียจนเลิศลอย ต้องบอกกับท่านว่า "เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะหมั่นไส้เอา" แล้วก็ทักทายกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็คือหลวงพ่อบุญค้ำ (พระครูสุวรรณธรรมาภิรักษ์) วัดชัยเภรีย์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะบอกสมณศักดิ์ของท่านผิดพลาดหรือเปล่า ?
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็นิมนต์ไปถ่ายรูปหมู่เพื่อทำประชาสัมพันธ์ พอเหมาะพอดีกับหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระเทพประสิทธิมนต์ (โกศล มหาวีโร) หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์หลวงพ่อเณร วัดศรีสุดาราม เดินทางมาถึงพอดี กระผม/อาตมภาพถอดหน้ากาก กราบรายงานตัว ท่านก็จำได้ว่าเป็น "อาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน" เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เรียนปริญญาเอกสาขาการจัดการเชิงพุทธ ในนามห้องเรียนวัดศรีสุดารามของท่านนั่นเอง เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เข้าที่นั่ง หลวงพ่อเณรได้เมตตาเป็นประธานจุดเทียนชัย พวกเราทั้งหลายก็ภาวนากันตามอัธยาศัย -
แต่เนื่องจากว่าพระเกจิอาจารย์มีถึง ๖๒ รูปด้วยกัน จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ว่า แต่ละท่าน แต่ละองค์ เข้าตำราภาษิตจีนที่ว่า "แปดเซียนข้ามทะเล ต่างคนต่างแสดงฤทธิ์ของตนเอง"
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องอาราธนาหลวงปู่ใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรี คือหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา ตามมาด้วยหลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงปู่เนียม วัดน้อย เหตุที่อาราธนาหลวงปู่เนียมทีหลัง เนื่องเพราะท่านบอกว่าแถวนั้นอยู่ใกล้พื้นที่หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขามากกว่า แต่เมื่ออาราธนาไปแล้ว ก็เกรงใจครูบาอาจารย์ตัวเอง จึงมาอาราธนาครูบาอาจารย์ของตนไปด้วย
ตามมาด้วยครูบาอาจารย์สายสุพรรณอีกหลายต่อหลายรูป อย่างเช่นหลวงปู่เรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ หลวงปู่ครื้น วัดสังโฆ หลวงปู่มุ่ย วัดดอนไร่ เป็นต้น กราบขอบารมีท่านอนุเคราะห์สงเคราะห์ ช่วยจัดการสะสางสิ่งยุ่ง ๆ เต็มไปหมดทั้งพิธีกรรมให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสักหน่อย
เมื่อระดับครูบาอาจารย์ชั้น "อาจารย์ปู่" ทั้งหลายมาถึง ทุกอย่างที่ยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย ท่านเองแค่ชี้มือไปเท่านั้น กระแสที่สับสนวุ่นวาย ก็โดนจัดเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ กระผม/อาตมภาพเพลินจนไม่รู้ตัว ออกจากสมาธิมา หลวงพ่อบุญบุญค้ำที่นั่งอยู่ข้างกัน บ่นว่า "ร้อนฉิบหายเลย..!" กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งรู้สึกว่าอากาศรอบข้างร้อนเป็นเตาอบจริง ๆ..!
เมื่อพรมน้ำมนต์เสร็จเรียบร้อย หลวงพ่อบุญค้ำบอกว่า "รบกวนด้วยครับ ผมลุกไม่ไหว หัวเข่าไม่ดีแล้ว" กระผม/อาตมภาพก็นั่งหัวเราะ บอก "หลวงพ่อ..ผมย่าง ๖๖ แล้วนะ" เล่นเอาอีกฝ่ายหัวเราะแหะ ๆ เพราะอายุน้อยกว่าหลายปี
เมื่อทำการรับไทยธรรมจากครูบาวชิริล และทักทายบรรดาพระเกจิอาจารย์ ทั้งรุ่นครูบาอาจารย์ รุ่นเพื่อน และรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขออนุญาตเดินทางกลับที่พัก เพราะว่าพรุ่งนี้มีภารกิจแต่เช้ามืดอีกแล้ว จึงต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะเดินทางถึงที่พักกี่โมงกี่ยาม เนื่องเพราะว่ากว่าจะเข้าเขตของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็น่าจะเป็นช่วงรถติดสาหัสพอดี..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)