เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 กุมภาพันธ์ 2023.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ก่อนอื่นก็ขอให้ผู้แกะบันทึกเสียงนี้เป็นตัวอักษรระมัดระวังด้วย คนนำลงก็น่าจะพลาดเช่นกัน เพราะว่าไปลงของเมื่อวานเป็นเดือนมกราคม ด้านบนเป็นปี ๒๕๖๕ ด้านล่างเป็นเดือนมกราคม ๒๕๖๖ ของแบบนี้มีการพลาดกันได้ แต่ว่าควรที่จะระมัดระวังเพิ่มขึ้นสักนิดหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งก็คือของท่านสมพอน (พระสมพอน จิตฺตสํวโร) ด้วยความที่ท่านถือพาสปอร์ตมาจากประเทศลาว บวชแล้วไม่สามารถที่จะออกหนังสือสุทธิได้ เพราะว่าหนังสือสุทธิไทยต้องมีหมายเลขประจำตัว ๑๓ หลัก จึงออกให้ได้แค่หนังสือรับรองการบวชเท่านั้น ถ้าหากว่าท่านต้องการวีซ่าในลักษณะของการเรียนเพื่อที่จะได้อยู่บ้านเรานานขึ้น ก็ต้องไปขอจากฝั่งลาวมา เป็น Non-Immigrant Visa ซึ่งจะมีอายุ ๑ ปี ดีกว่าที่จะต้องไปต่อกันทุกเดือน
สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพต้องออกเดินทางตั้งแต่ตี ๔ เพื่อที่ไปร่วมงานวันบูรพาจารย์ของวัดชลธรารามหรือวัดท่าซิก ที่ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางไม่มากไม่มาย แค่ ๓๐๒ กิโลเมตรจากที่นี่ ไปกลับก็ ๖๐๔ กิโลเมตร คราวนี้จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะว่าทางด้านหลวงพ่อญา (พระครูวัชรชลธรรม) เจ้าอาวาสวัดท่าซิก เจ้าคณะอำเภอท่ายาง ท่านนิมนต์มา
งานวันบูรพาจารย์ก็เหมือนอย่างกับงานทำบุญครบรอบปีพ่อแม่ของเราเอง ในเมื่อเป็นพ่อแม่ของเพื่อน ไปได้ก็ควรที่จะไป ยังกราบเรียนพระเดชพระคุณพระเทพสิทธิวิมล (ละเอียด สุทนฺโต) หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกตามความคุ้นเคยด้วยความเคารพนับถือว่าหลวงพ่อเอียด เจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง กราบเรียนท่านว่า "ถ้าไม่รักกันจริง ไกลขนาดนี้ก็ไม่มาหรอกครับ " ก็คือวิ่งตั้งแต่ตี ๔ ไปถึงโน่นเกือบ ๙ โมงเช้า เพราะว่าท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี สมัยก่อนก็ป่าเสือป่าช้างดี ๆ นี่เอง เป็นดงใหญ่ติดกับป่าต้นน้ำเพชร ป่าแก่งกระจานไปเลย
ในเรื่องของการปฏิบัติตน ไม่ว่าจะต่อผู้บังคับบัญชา หรือว่าต่อเพื่อนฝูงอย่างไรก็ตาม จะต้องมีในส่วนของมารยาทในสังคม แล้วก็ในส่วนของความเป็นมิตรสหายสหธรรมิก ซึ่งน้ำหนักมากน้อยก็ต่างกันไปตามความสัมพันธ์ที่มีอยู่ คราวนี้หลวงพ่อญาท่านเป็นที่ปรึกษาขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ที่กระผม/อาตมภาพเป็นประธานรุ่นอยู่ ในเมื่อของท่านเองเป็นผู้ร่วมงาน จะไม่ไปให้ท่านก็ไม่ได้ ไกลแค่ไหนก็ต้องไป
แต่ก็ยังดีกว่าที่กระผม/อาตมภาพนิมนต์มาสุดเหนือสุดใต้อย่างสมัยก่อน อย่างเช่นว่าคณะของหลวงหว่าง (พระครูประโชติรัตนานุรักษ์) ท่านอยู่ถึงสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส หรือว่าครูบาเหนือชัย โฆสิโต ก็อยู่ยันอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พรรคพวกเพื่อนฝูงกัน ถึงเวลามีงาน ไกลแค่ไหนก็ต้องไป อยู่ในลักษณะของการร่วมงานกันตอนเป็น เห็นใจกันตอนตาย อะไรประมาณนั้น -
แต่ก็ไม่นึกว่าบรรดาเจ้าคณะปกครอง ไม่ว่าจะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสิทธิวิมล เจ้าคณะภาค ๑๕ ก็ดี พระเดชพระคุณพระราชรัตนวิสุทธิ์ (ชำนาญ เขมนนฺโท ป.ธ.๗) เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดกุยบุรีก็ตาม ท่านรู้จักวัดท่าขนุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านเคยมาเป็นกรรมการตรวจประเมินหมู่บ้านศีล ๕ ที่วัดท่าขนุนนี้ด้วย
กระผม/อาตมภาพยังเรียนถวายท่านว่า ยุคนั้นเป็นยุคยากเข็ญ คณะกรรมการมาตรวจก็ไม่บอกเราเลยว่าจะตรวจอะไรบ้าง ปล่อยให้เราจัดงานมั่วกันเองว่าท่านอยากจะเห็นเรื่องอะไร แต่ก็ยังดีที่ได้เป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบหมู่บ้านแรก ๆ ของประเทศเลย รุ่นหลัง ๆ พอเขาจะไปตรวจอะไร เขาจะมีรายละเอียดให้ไปว่าจะดูเรื่องอะไรบ้าง สมัยก่อนนี่เราต้องดำน้ำเอาเอง ท่านได้ยินก็ยังหัวเราะ เพราะว่าในรุ่นแรก ๆ รุ่นบุกเบิก กว่าที่ทุกอย่างจะลงตัวก็ต้องลำบากกว่าเขาหน่อย
แต่ก็เป็นที่น่าภูมิใจว่าของเราผ่านการตรวจประเมินด้วยคะแนนที่สูงมาก อาจจะเป็นเพราะว่ากระผม/อาตมภาพรายงานด้วยตัวเอง งานทุกอย่างที่เราทำเราย่อมรู้ เมื่อรายงานด้วยตัวเองก็คล่องตัว ไม่ติดขัด ทำให้ได้คะแนนสูงมาก กลายเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบไป รับรางวัลไปเมื่อหลายปีก่อนโน้น
เมื่อเสร็จจากที่นั่นแล้วก็วิ่งกลับมา แวะไปที่วัดลิ่นถิ่นพัฒนาราม เพื่อดูการจัดสถานที่เตรียมงานพระราชทานเพลิงศพพระครูเกษมกาญจนกิจ (หลวงพ่ออำนวย อนีโฆ) อดีตเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๑ อดีตเจ้าอาวาสวัดลิ่นถิ่นพัฒนาราม ซึ่งบรรดากองงานเลขานุการคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิร่วมกันไปจัดสถานที่อยู่ที่นั่น
ตรงจุดนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่คณะสงฆ์อำเภออื่น ต้องบอกว่าค่อนข้างจะอิจฉาและเลื่อมใสคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เพราะว่าคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น เจ้าคณะอำเภอ ๑ รูป รองเจ้าคณะอำเภอ ๒ รูป ถึงเวลาออกงานก็ไปด้วยกัน ไปพร้อมกัน ที่อื่นเขาไม่ค่อยจะไปด้วยกัน ต่างคนต่างไปบ้าง บางทีก็เจ้าคณะอำเภอไป รองเจ้าคณะอำเภอไม่ไป บางทีรองเจ้าคณะอำเภอไป เจ้าคณะอำเภอไม่ไป ยุ่งกันไปหมด หรือไม่ก็ไม่ไปทั้ง ๒ รูปเลย เขาก็ยังสงสัยกันว่า "ทำไมทองผาภูมิรักกันขนาดนั้น ?" ไปไหนไปกันตลอด
กระผม/อาตมภาพเคยเฉลยไปว่า "ถ้าไม่แย่งตำแหน่งกันก็รักกันได้ครับ" ก็คือกระผม/อาตมภาพเองเป็นคนที่บอกว่า ตำแหน่งมาพร้อมกับหน้าที่ ในเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วอยู่ ๆ ใครอยากจะแบกหน้าที่แทนคนอื่นทั้งอำเภอ แต่คนอื่นไม่ใช่เช่นนั้น คนอื่นส่วนใหญ่ต้องการตำแหน่ง เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศ เพื่อลาภผลเงินทอง แล้วก็ดิ้นรนอยากจะเป็นกัน -
ของทองผาภูมินี่ ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพจะเป็นก็เป็นไปนานแล้ว เพราะว่าตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) วัดราษฎร์ประชุมชนาราม ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ตอนแรกเลยก็จะให้ไปเป็นเจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย
ในเมื่อกระผม/อาตมภาพไม่รับ ท่านก็จะเอาท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ (อาจินต์ ธมฺมจิตฺโต) วัดท่าซุงไปแทน ยกวัดให้ยังไม่พอ ยกตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอให้ด้วย แต่หลวงพ่ออาจินต์ก็ไม่รับเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่พระปฏิบัติอย่างพวกเราไม่อยากที่จะมีภาระ
ตอนหลังพอตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ยว่างลง ท่านจะให้กระผม/อาตมภาพไปรักษาการ จึงเรียนถวายท่านว่า "เดี๋ยวปัญหายุ่ง ๆ ตรงนั้น กระผมจะแก้ไขให้เอง แล้วหลวงพ่อก็ตั้งหลวงพ่อรักษ์ ก็คือท่านพระครูกาญจนสารคุณ (สมรักษ์ ฐิตสาโร) วัดดอนสว่าง รักษาการ พอครบกำหนดก็ตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอไปก็แล้วกันครับ กระผมเองไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งอะไรก็ได้"
เมื่อมาอยู่ทองผาภูมิ ถึงเวลาตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ ก็มีคนถามว่า "อาจารย์เล็กทำไมไม่เอา ?" ก็คือทำไมให้หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ท่านไปก่อน กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ต่อให้หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ เป็นจนเกษียณ ก็คืออายุ ๘๐ ปี ผมยังอายุไม่เท่ากับท่านตอนนี้เลย แล้วผมจะรีบเป็นไปทำไม ?" แต่ท้ายสุดผู้บังคับบัญชาก็จับยัดมาให้จนได้ ในเมื่อเราไม่แย่งไม่ชิงกัน ก็อยู่ด้วยกัน รักใคร่กลมเกลียวกันได้
ส่วนของกองงานเลขานั้น เนื่องจากว่าหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ท่านเคยทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะอำเภอมาก่อน อยากจะเห็นกองงานเลขานุการประพฤติปฏิบัติแบบไหน ท่านก็พยายามที่จะฝึกหัดให้เป็นไปในทางนั้น เมื่อต้องการเห็นความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว ช่วยเหลืองานกัน ท่านก็พยายามที่จะผลักดันให้กองงานเลขานุการเป็นไปตามแบบที่ท่านอยากเห็น
คราวนี้ที่มาประสบความสำเร็จในยุคนี้ ก็เพราะว่าเลขานุการเจ้าคณะตำบลเกือบทั้งหมด จบมาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่สมัยยังเป็นห้องเรียนคณะพุทธศาสตร์ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ในเมื่อเรียนมาด้วยกัน รู้ใจกัน รู้ฝีมือกัน มีรุ่น มีความรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น พอถึงเวลาทำงานก็สะดวก
ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเคยเรียนครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยหลายท่าน บอกว่า "การเรียนนี่ประโยชน์อย่างอื่นกระผมยังเห็นไม่ชัด แต่ว่าในเรื่องของการทำงานร่วมกันนี่เห็นชัดเจนมาก เพราะว่า มจร.เหมือนกันคุยกันง่าย" ฉะนั้น..ในเรื่องของการปกครองคณะสงฆ์หรือกองงานเลขานุการของอำเภอทองผาภูมิ จึงเป็นที่อิจฉาและเลื่อมใสของอำเภออื่น ๆ เพราะว่าของเขายังขาดตรงนี้ -
ส่วนที่ต้องแวะไปดูก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองรับงานล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว ในเมื่อท่านมากำหนดงานพระราชทานเพลิงศพ วันที่ ๓-๔-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ทำให้ไม่สามารถที่จะไปร่วมงานได้ครบทั้ง ๓ วัน จึงต้องไปร่วมงานก่อนเวลา โดยเฉพาะเมื่อไปแล้ว เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาเหน็ดเหนื่อย ก็ไปสั่งน้ำสั่งอะไรถวายท่านไป กินกันเยอะเหมือนกัน โดนไป ๘๐๐ บาท..! แต่ว่าของอย่างนี้หมดเท่าไรก็ไม่ว่า เพราะว่าท่านทำงานออกมาได้อย่างใจของเรา
จากตรงนั้นก็วิ่งมางานเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่วัดปรังกาสี ซึ่งทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินอกจากที่จะจัดทุกเดือนแล้ว ทางอำเภอยังต้องจัดทุกวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่าน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องวิ่งกลับมาร่วมงาน แล้วก็นำในส่วนของการเจริญจิตภาวนา ซึ่งท่านชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้นำเอาหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ มาร่วมงานกัน เสร็จแล้วถึงได้วิ่งกลับมาให้ท่านเห็นหน้าที่ตรงนี้
ก็อย่างที่บอก พอกลับมาถึง น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) โชเฟอร์ที่โดนลากไป ๖๐๐ กว่ากิโลเมตร ตั้งแต่ตี ๔ ยัน ๕ โมงเย็น กลับมาก็สลบไสลไปพักใหญ่ ตรงนี้ถ้าหากว่าไม่ได้น้องเล็ก กระผม/อาตมภาพเองก็คงไม่ไหวเหมือนกัน ในเมื่ออีกฝ่ายขับรถ กระผม/อาตมภาพเองก็นั่งบ้าง นอนบ้าง ภาวนาไป
เรื่องของการภาวนาอย่าได้ทิ้งเป็นอันขาด ทิ้งเมื่อไร ถ้าหากว่าเผลอให้กิเลสเข้าแล้ว ท่านทั้งหลายจะฟุ้งซ่าน ถึงเวลาอาจจะรั้งไม่อยู่ ถ้าไม่ใช่หน้าด้านหน้าทน ทำผิดในผ้าเหลือง ก็อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย ตราบใดที่ยังรักผ้าเหลืองอยู่ อย่าทิ้งการภาวนา อย่างน้อย เราจะได้มีกำลังในการสู้กับกิเลสได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)