เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 เมษายน 2024.

  1. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ญาติโยมทั้งหลายอาจจะได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนช้าไปหน่อย เหตุเพราะว่ากระผม/อาตมภาพติดอยู่ในงานประจำปีและฉลองพระอุโบสถเก่าที่บูรณะใหม่ ของวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) โดยเฉพาะอยู่ในส่วนของการร่วมอธิษฐานจิต ปลุกเสกวัตถุมงคลในงาน

    ด้วยความที่วัดใต้ หรือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) นั้น สถานที่ค่อนข้างจะคับแคบมาก แล้วเสียงเครื่องเสียงต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งดนตรีก็เสียงดังอยู่รอบไปหมด ทำให้หาที่แอบบันทึกเสียงไม่ได้ จึงต้องรอจนกระทั่งปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อย เดินทางเข้าถึงที่พักแล้ว จึงได้มาบันทึกเสียงอยู่ในขณะนี้

    ในเรื่องของงานวัดต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีบรรดางานรื่นเริงต่าง ๆ ภาพยนตร์ ตลอดจนกระทั่งมหรสพอื่น ๆ อย่างเช่นลิเก ดนตรี ลำตัด หรือถ้าเป็นทางเหนือก็มีพวกฟ้อนเล็บ ลอยโคม เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อสารพัดงานสารพัดเสียงประเดประดังกันอยู่ งานนี้จึงเป็นเครื่องวัดอย่างชัดเจนว่า พระเกจิอาจารย์รูปใดที่สมาธิดี ก็สามารถที่จะเข้าสมาธิ ตัดเสียงรบกวนภายนอกไปได้เลย ถ้าหากว่าใครสมาธิไม่ดี ก็จะโดนเสียงภายนอกรบกวนอยู่ค่อนข้างจะมาก

    สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ให้อธิษฐานจิตในวันนี้ประกอบด้วย

    ๑) หลวงพ่อเจ้าคุณประสงค์ - พระเดชพระคุณพระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายธรรมยุต

    ๒) หลวงปู๋แอ๋ม - พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดน้ำตก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔

    ๓) พระครูสุภัทรกาญจนกิจ - หลวงพ่อสนองชาติ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทธรรมาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลลาดหญ้า

    แล้วก็กระผม/อาตมภาพ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒)

    ต้องบอกว่าอายุ ๖๕ ย่าง ๖๖ ปี อย่างกระผม/อาตมภาพนั้น ถือว่าเด็กที่สุดในจำนวนพระเกจิอาจารย์ทั้ง ๔ รูป แต่ว่าพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็โทรไปย้ำนักย้ำหนาว่า "ต้องมาให้ได้" จึงทำให้ต้องวางมือจากสามเณรภาคฤดูร้อน ให้บรรดาพระพี่เลี้ยงทำการดูแลอบรม แล้วก็วิ่งมาเพื่อที่จะร่วมงานในครั้งนี้
     
  3. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    ในเรื่องของงานวัดที่มีแต่เสียงวุ่นวายดังสนั่นหวั่นไหวไปหมดนั้น ตอนประมาณพรรษาที่ ๓ กระผม/อาตมภาพติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไปยังวัดโพธิ์เมืองปัก ของหลวงพี่พระมหาถวัลย์ ฐิติโก ที่จังหวัดนครราชสีมา วัดโพธิ์เมืองปักนั้นอเนจอนาถยิ่งกว่าวัดใต้อีก เพราะว่ามีที่อยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น สิ่งก่อสร้างเต็มแน่นไปหมด แล้วลำโพงก็หันไปทุกทิศ เสียงดังจนไม่มีที่ให้ไป สมัยนั้นก็ไม่มีปลั๊กอุดหูให้เสียด้วย..!

    กระผม/อาตมภาพจึงต้องเดินหาที่เงียบ ๆ เพื่อที่จะได้จำวัด ไม่เช่นนั้นก็เป็นอันว่าจะต้องดูหนังฟังเพลงไปทั้งคืน เพราะว่าถึงไม่อยากดูไม่อยากฟัง ก็จะโดนกรอกหูกรอกเข้าตามาเอง เมื่อเดินไปถึงป่าช้า ปรากฏว่าเขามี "คอนโดผี" อยู่ คำว่า "คอนโดผี" นี่ กระผม/อาตมภาพเรียกเอง ก็คือซองซีเมนต์ที่เขาเอาไว้บรรจุโลงที่ทางเจ้าภาพฝากเอาไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเผาหรือว่าจะฝัง

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพเห็น "คอนโดผี" ที่เขาทำเป็นซองซีเมนต์ พอที่จะสอดโลงเข้าไปจนสุดได้ แล้วก็สร้างซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อยู่ประมาณ ๔ ชั้น ก็ไปเที่ยวเดินส่องหาว่าห้องไหนที่ว่างบ้าง เมื่อเจอก็ตะกายปีนขึ้นไป เอาหัวซุกเข้าไปด้านใน เอาเท้ายื่นมาด้านนอก ช่วยให้ลดเสียงดังสนั่นภายในวัดลงไปได้ สามารถที่จะจำวัดได้อย่างสบาย

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายกลัวผี ก็คงไม่สามารถที่จะหลับลงเหมือนกระผม/อาตมภาพเป็นแน่ แต่เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้น โดนผีหลอกมาตั้งแต่เด็ก เคยชินเสียแล้ว จึงไม่คิดว่าจะมีการโดนผีหลอกที่ไหนน่ากลัวไปกว่านั้นอีก เพราะมารู้ทีหลังว่าบรรดาผีที่หลอกกระผม/อาตมภาพนั้น เป็นเทวดาที่ท่านท้าวมหาราชส่งมาให้รักษากระผม/อาตมภาพเอง
     
  4. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวถึงเรื่องของตลกรายหนึ่ง ซึ่งโดนติดป้ายทวงหนี้กลางห้าง แล้วก็บอกว่าจะไปบวช เพื่อที่จะอยู่ในลักษณะของการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ถ้าในลักษณะอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะบวชได้ เนื่องเพราะว่าไม่ผ่านอันตรายิกธรรม ของบุคคลผู้ที่มีสิทธิ์จะบวชได้

    เนื่องเพราะว่าพระคู่สวดท่านจะต้องถามว่า

    กุฏฐัง เป็นโรคเรื้อนหรือเปล่า ?

    คัณโฑ เป็นฝีหนองน่ารังเกียจหรือเปล่า ?

    กิลาโส เป็นกลากเกลื้อนที่ติดต่อได้ง่ายหรือเปล่า ?

    โสโส เป็นโรคหอบหืดหรือวัณโรคหรือเปล่า ?

    อะปะมาโร เป็นโรคลมชักหรือไม่ ?
    เหล่านี้เป็นต้น

    ตรงนี้ยังเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ว่าในส่วนที่สำคัญก็คือ

    มนุสโสสิ เป็นมนุษย์ใช่ไหม ?

    ปุริโสสิ เป็นบุรุษใช่ไหม ?

    ภุชชิสโสสิ ไม่เป็นทาสใช่ไหม ? คือไม่ใช่ทาสใช่ไหม ?

    อะณะโนสิ ไม่เป็นหนี้ใช่ไหม ?

    นะสิราชะภะโฏ ไม่ใช่ข้าราชการหนีมาบวชใช่ไหม ?

    อนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ พ่อแม่อนุญาตแล้วใช่ไหม ?

    ปริปุณณะวีสะติวัสโสสิ อายุครบ ๒๐ ปีถ้วนแล้วใช่ไหม ?

    ปริปุณันเตปัตตะจีวะรัง มีบาตรจีวรครบถ้วนแล้วใช่ไหม ?
    เหล่านี้เป็นต้น

    ดังนั้น..บุคคลที่เป็นหนี้จึงไม่สามารถที่จะบวชได้ ถ้าหากว่ายังเป็นหนี้อยู่แล้วจะบวชได้ มีวิธีเดียวก็คือ หาบุคคลอื่นมารับสภาพหนี้นั้นแทน ถ้าหากว่าเจ้าหนี้มาทวง จะได้ไปทวงกับบุคคลผู้รับสภาพหนี้นั้น ไม่ใช่มาทวงกับเรา เป็นต้น
     
  5. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    เรื่องพวกนี้ผู้ที่เป็นพระอุปัชฌาย์จึงควรที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ยกเว้นบางพวกที่เก็บอาการไว้ได้ ก่อนที่จะผ่านการอบรม เมื่อผ่านการอบรมไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาในการ "เมคมันนี่" ก็คือทำเงินจากการบวช ถ้าพระอุปัชฌาย์ประเภทนี้ก็จะบวชทิ้งบวชขว้าง ไม่ได้สนใจว่าลูกศิษย์ของตนเองจะมีสภาพเช่นไร หรือว่าเป็นบุคคลที่มีข้อห้ามอย่างไรมาบ้าง พูดง่าย ๆ ว่า "ใครมีเงินใส่ซองถวายก็บวชให้ทั้งสิ้น..!"

    สิ่งนี้แหละที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราส่วนหนึ่งต้องเศร้าหมองลงไป เนื่องเพราะว่าผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์นั้น ต้องเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่มาบวช จะต้องอบรมสั่งสอนให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นละอายชั่วกลัวบาป รักศีลของตน มีสมณสารูปที่น่าเลื่อมใส ช่วยกันยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ไม่ใช่มาอาศัยพระพุทธศาสนาหากิน

    ดังนั้น..เรื่องนี้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะติดตามจากข่าวคราวต่าง ๆ ว่าบุคคลผู้นั้นสามารถที่จะบวชได้หรือไม่ ? แล้วผู้ใดกันที่จะยอมเป็นเป้ากระสุนตก ทำตัวเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราก็จะสามารถที่จะเห็นได้ในระยะเวลาอันสั้น หรือไม่ก็บุคคลผู้นั้นก็แค่เพียงโพสต์ลงโซเชียล ในลักษณะเรียกร้องขอความเห็นใจเท่านั้น ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็อาจะจะเจอ "ทัวร์ลง" ชนิดที่รุมถล่มยับเยินไปอีกรอบหนึ่งเป็นแน่

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

     

แชร์หน้านี้