เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 กันยายน 2023.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งไปยังโรงเรียนอนุบาลนาคประสิทธิ์ ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อร่วมฉันเพลกับคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก่อนที่จะไปทำตรวจประเมินที่บ้านหัวอ่าว วัดบางช้างใต้
โดยเฉพาะโรงเรียนนาคประสิทธิ์นี้เป็นโรงเรียนของวัดบางช้างเหนือ วัดบางช้างเหนือในอดีตนั้น มีพระเกจิอาจารย์ผู้ที่โด่งดังมาก ๆ ก็คือหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ ซึ่งบางคนก็เรียกหลวงปู่เจ๊ก เพราะว่าท่านมีเชื้อสายจีน หลวงปู่จ้อยโด่งดังทางด้านเครื่องราง คือ ตะกรุดไม้ไผ่ และเครื่องรางรูปนักษัตรปีวอก หรือว่ารูปลิง
โดยเฉพาะประวัติที่เล่าขานก็คือ ท่านเองจะฉันน้ำตาลเมาทั้งวัน เมื่อพระสังฆาธิการจากกรุงเทพฯ ไปทำการสอบสวน ท่านก็เทน้ำชาถวายทั้งสองรูป หลังจากนั้นแล้วก็สอบถามว่า "มาด้วยธุระอะไร ?" ทั้งสองรูปบอกว่า "ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชามาให้สอบสวนหลวงพ่อ ถ้าหากว่าฉันน้ำตาลเมาจริงก็ต้องจับสึก..!"
หลวงปู่จ้อยท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นคุณสองก็ต้องสึกด้วย เหตุเพราะว่าเพิ่งจะฉันน้ำตาลเมาลงไปเช่นกัน..!" ทั้งสองรูปได้ฟังก็ตกใจ หลวงปู่จ้อยชี้ให้ดูถ้วยน้ำชาที่เพิ่งจะฉันไป เมื่อยกขึ้นมาดม กลายเป็นกลิ่นน้ำตาลเมา ทั้งสองรูปก็เลยก้มกราบ บอกว่า "เข้าใจแล้วครับ" แล้วก็ลากลับไป
เราจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของอภิญญาสมาบัตินั้น ถ้าหากว่าฝึกปรือจนคล่องตัวแล้ว เราคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ต้องบอกว่าหลวงปู่จ้อยท่านเบื่อที่มีแต่คนไปรบกวนอยู่ตลอดเวลา ก็เลยแกล้งแบกไหน้ำตาลเมาเดินโซซัดโซเซทั้งวัน แต่ความจริงตอนที่ท่านฉันก็คือน้ำชา แต่พอคนอื่นไปเมื่อไร ก็กลายเป็นน้ำตาลเมา
วัดบางช้างเหนือนั้นมีหลวงพ่อเจ้าคุณแก้ว - พระพิพัฒน์ศึกษากร (พนม รตนาโภ) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณแก้วนั้น เป็นเพื่อนร่วมเรียนกับกระผม/อาตมภาพมาตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีสาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโทสาขาการจัดการเชิงพุทธ
แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่ารุ่นนี้เพื่อนฝูงรุ่นนี้เป็นเจ้าคณะจังหวัดไปแล้วสองรูป ก็คือหลวงพ่อเจ้าคุณแก้วเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม แล้วท่านเจ้าคุณประไพ อดีตพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) ปัจจุบันก็คือพระสุพรรณวชิราภรณ์ เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องบอกว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงล้วนเจริญก้าวหน้า ทั้งทางด้านสมณศักดิ์และตำแหน่งการปกครอง จึงพลอยเป็นเกียรติเป็นศรีให้พวกกระผม/อาตมภาพไปด้วย -
เมื่อไปถึงก็ได้เดินดูกิจการของโรงเรียนอนุบาลนาคประสิทธิ์ ซึ่งแค่ส่วนของโรงเรียนอนุบาลเท่านั้น มีพื้นที่ถึง ๔๓ ไร่ แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอเวลาฉันเพลอยู่ที่ชั้น ๔ โดยมีพระเถรานุเถระ พระผู้ใหญ่อีกหลายรูป ที่หลวงพ่อเจ้าคุณแก้วกำหนดให้ฉันอยู่ชั้นล่าง โดยที่ท่านบอกว่าพวกกระผม/อาตมภาพนั้นยังอายุน้อยอยู่ ให้ขึ้นไปฉันที่ชั้นบน ฟังแล้วก็เป็นที่หัวเราะ เนื่องเพราะว่าที่นั่งคุยกันอยู่นั้น กระผม/อาตมภาพ พระครูวิลาศกาญจนธรรม ๖๔ ปีเต็ม พระครูหริภูมิรักษ์ (ชันยา) ๖๗ ปี ส่วนหลวงพ่อแก้ว ๖๙ ปี ก็เป็นอันว่าพวกเรายังหนุ่มอยู่ ก็เลยปล่อยให้คนแก่เขาฉันกันอยู่ที่ชั้นล่าง..!
เมื่ออิ่มหนำสำราญเรียบร้อยแล้ว พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ในฐานะประธานกรรมการดำเนินงานหนกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็เรียกพวกเราทั้งหมดให้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่โรงเรียนอนุบาลนาคประสิทธิ์ แล้วออกรถวิ่งเป็นขบวนตามกันไปจนถึงวัดบางช้างใต้ ซึ่งวันนี้เราไปประเมินหมู่บ้านหัวอ่าว
ต้องบอกว่าหมู่บ้านหัวอ่าวนี้เป็นหมู่บ้านที่โชคดีมาก ๆ เพราะว่ามีวัดอยู่ถึง ๓ วัดด้วยกัน ก็คือวัดบางช้างใต้ วัดเชิงเลน และอีกวัดหนึ่งก็คือวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ซึ่งเป็นวัดของอนัมนิกาย
บ้านหัวอ่าวนี้อยู่ หมู่ที่ ๕ ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อไปถึงก็เป็นธรรมเนียมในทุกที่ ก็คือเข้าไปกราบพระในโบสถ์ และเจริญพระพุทธมนต์ถวายกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากอธิษฐานและถ่ายรูปหมู่กันแล้ว ก็เดินดูนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งทางด้านนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางช้าง ต้องบอกว่าวันนี้เป็น "วัน แมน โชว์" เพราะว่าถามอะไรก็ตอบอยู่คนเดียว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้แต่เดินตามเฉย ๆ
จนกระทั่งพระเดชพระคุณพระเทพเสนาบดี (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ.๔) รองประธานอำนวยการกลางล้อเล่นว่า "ดูท่าว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น" เล่นเอาท่านนายกยิ้มแหย ๆ ลูกน้องต้องแก้ตัวให้ว่า "เป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน" -
อีกสักครู่หนึ่ง พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) รองประธานคณะกรรมการอำนวยการกลางก็เดินทางมาถึง จึงทำหน้าที่เป็นผู้แจกรางวัลแก่เด็กนักเรียนที่มาร่วมงานในวันนี้ แล้วพวกเราก็เข้าไปสู่ศาลาเอนกประสงค์ ในการที่จะตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านหัวอ่าวขึ้นเป็นหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ
หลังจากที่ได้ทำการบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล ให้ศีลเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเข้าสู่การประเมิน ส่วนที่ประทับใจก็คือ ที่นี่ให้เด็กนักเรียนปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะและอาราธนาศีล ต้องบอกว่าช่วยในเรื่องของคะแนนสูงมาก
กระผม/อาตมภาพถามผู้ใหญ่บ้านว่า "ในการปฏิบัติธรรมทุกวันพระนั้น มี ๒๔ ครั้งต่อปี ก็แปลว่าเฉลี่ยเฉพาะวันพระใหญ่ ขึ้น - แรม ๑๕ ค่ำ หรือว่าแรม ๑๔ ค่ำ เท่านั้น ดูจากยอดเฉลี่ย ๖๐๐ คน ดูเหมือนว่ามาก แต่ถ้าเอา ๒๔ หาร เหลือแค่ครั้งละ ๒๕ คนเท่านั้น..! ท่านผู้ใหญ่บ้านมีแนวทางอย่างไร ในการที่จะเพิ่มจำนวนประชากรที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมให้มากกว่านี้ ?" เนื่องเพราะว่าบ้านหัวอ่าวนั้นเศรษฐกิจดีมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของผักผลไม้เกษตรอินทรีย์ ซึ่งทำเพื่อส่งต่างประเทศเท่านั้น จึงไม่น่าจะเกิดจากการทำมาหากินจนไม่มีเวลาเข้าวัด
ปรากฏว่าท่านนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางช้าง เป็นผู้ตอบแทนอีกตามเคย ว่ามีแนวโน้มในการที่จะยกหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าวัดปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะเข้าวัดเพื่อสวดมนต์ไหว้พระ
แม้กระทั่งท่านนายอำเภอสามพรานก็ยืนยันว่า บรรดาหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการในสังกัดของอำเภอสามพรานนั้น ในแต่ละเดือนอย่างน้อยทุกคนต้องเข้าวัด สวดมนต์ ไหว้พระ และส่งรายงานถึงท่านนายอำเภอ ๑ วันพระ
กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือว่าพระภิกษุสามเณรก็ตาม ถ้าผู้นำเป็นคนลงไม้ลงมือทำด้วยตนเอง ผู้ตามก็ย่อมจะตามมาโดยปริยาย แต่ถ้าหากว่า "หัวไม่ส่าย หางก็มักจะไม่กระดิก..!"
สิ่งของที่ถวายแก่คณะกรรมการในการตรวจประเมินครั้งนี้ ก็คือแชมพูและน้ำยาล้างจาน ซึ่งผลิตโดยชาวบ้านหัวอ่าวนี้เอง นอกจากจะขายเป็นสินค้า โดยการส่งตามบ้านในลักษณะเดลิเวรี่แล้ว ยังมีการไลฟ์สด ขายสินค้าออกอากาศผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ ด้วย ต้องบอกว่ารู้จักอาศัยเทคโนโลยีในการทำมาหากิน เป็นที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก -
โดยเฉพาะคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ซึ่งนำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ, ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี) นั้น นอกจาก ๔ หมวดมาตรฐานที่กำหนดขึ้นมา ในการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ แล้ว เฉพาะของหนกลาง ยังกำหนดหมวดที่ ๕ ก็คือการจัดนิทรรศการต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนที่ใช้งานในชีวิตจริง ซึ่งเป็นคะแนนพิศวาส ให้โดยที่เรียกว่าบวกเข้าไปในหมวดอื่นแบบไม่ต้องยั้ง..!
เนื่องเพราะว่าถ้าจัดนิทรรศการได้ประทับใจนั้น แปลว่าต้องมีค่าใช้จ่ายด้วย แล้วทุกคนก็ควักกระเป๋าจ่ายด้วยความเต็มใจ อย่างเช่นถ้าเป็นของวัดท่าขนุน ก็เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายให้ทุกเต็นท์ทุกแห่งที่มาร่วมงาน แต่ว่าที่นี่ทุกคนควักกระเป๋าจ่ายในการจัดนิทรรศการเอง บางแห่งบางที่ก็จัดในลักษณะที่พร้อมจะเป็นนิทรรศการถาวร ต้องเรียกว่าลงทุนกันหนักมาก แต่ว่าได้ใช้ประโยชน์ยาวนานหลายปี
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้แสดงออกถึงความรักใคร่ สามัคคี และปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งไม่สามารถจะทำบุคคลคนเดียวได้ หากแต่ว่าต้องเป็นบุคคลทั้งหมด หรือว่าหน่วยงานราชการอื่น ๆ มาร่วมกับทางวัดและบ้าน จึงจะเป็นพลังบวร ที่ขับเคลื่อนให้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของเรา เป็นโครงการพื้นฐานที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติต่อไป
โดยเฉพาะทางกระทรวงมหาดไทย ปัจจุบันนี้ก็มีโครงการหมู่บ้านยั่งยืน ในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เข้ามาร่วมด้วย จึงเป็นการบูรณาการทั้งทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกัน ทำให้โครงการทั้งหลายเหล่านี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถที่จะช่วยกันค้ำจุนประเทศชาติและพระศาสนาของเราให้มั่นคงสืบไปชั่วกาลนาน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)