เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า วัดใหญ่ จึงทำให้ต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนตอนตี ๓ ครึ่งแบบนี้ เมื่อบันทึกเสร็จ ก็จะได้เตรียมตัวเดินทางไปงาน

สำหรับวันนี้ สิ่งที่อยากจะบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายก็คือว่า ให้ระวังในเรื่องของข้าวยากหมากแพง ซึ่งได้เคยย้ำไปแล้วว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อโรคครั้งใหญ่ก็ดี หลังสงครามก็ดี ส่วนที่หายากก็คือปัจจัย ๔ ซึ่งประกอบไปด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค

แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ในเรื่องของเครื่องนุ่งห่มนั้น โดยเฉพาะสุภาพสตรีทั้งหลาย มั่นใจว่าท่านมีพอใช้ไปหลายปี เหตุเป็นเพราะว่า เมื่อถึงเวลาเลือกเสื้อผ้าทั้งตู้แล้ว หาใส่ไม่ได้อย่างที่ต้องการ ท่านก็บอกว่าไม่มีเสื้อผ้าจะใส่..!

ในเรื่องของที่อยู่อาศัยนั้น เมื่อมีเรือนชานบ้านช่องแล้ว ก็ใช้ไปหลายสิบปี หรือว่าใช้ไปตลอดชีวิต

เรื่องของยารักษาโรคนั้น ท่านพอที่จะหายาสามัญประจำบ้านเก็บเอาไว้ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะว่าคนเราไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยทุกวัน

แต่ว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของอาหาร เพราะว่าเราต้องกินทุกวัน อย่างน้อยที่สุดก็ ๑ มื้อ อย่างกลางก็ ๒ มื้อ อย่างมากก็ ๓ มื้อ แต่ว่ามีหลายท่านที่กินเกิน ๓ มื้อ..! ประมาณว่ากินล้นกินเกิน แถมยังกินของแพงอีกต่างหาก อย่างเช่นว่าไวน์ขวดหนึ่งราคาเป็นแสน เป็นต้น

เรื่องเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้จักระมัดระวัง กินแต่พอยังอัตภาพร่างกายให้อยู่ เพื่อประกอบกิจการงานต่าง ๆ ก็ดี หรือว่ากินอย่างนักปฏิบัติธรรม เพื่อยังอัตภาพนี้เอาไว้สำหรับปฏิบัติธรรมก็ตาม เรียกว่าเป็นการกินที่ถูกต้องและเหมาะสม แต่ถ้าหากว่ากินล้น กินเกิน รังแต่จะพาโรคภัยมาหาท่านทั้งหลาย

 

ในระยะนี้เราจะเห็นชัดเจนว่า ในเรื่องของสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น ทำให้เกิดความยากลำบากไปทั่วทั้งยุโรป และเดือดร้อนไปถึงอเมริกา เนื่องเพราะว่ารัสเซียนั้นเป็นผู้ส่งออกทั้งพลังงานและอาหารรายใหญ่ของโลก

ในเมื่อทางด้านอเมริกา ซึ่งต้องบอกว่าประเมินรัสเซียผิด คิดว่ารัสเซียจะไม่บุกยูเครน เนื่องเพราะว่าเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป ในเมื่อประเมินผิด รัสเซียบุกยูเครนจริง ๆ สิ่งที่เดือดร้อนไปหมดเลย อันดับแรกก็คือเศรษฐกิจ เราจะเห็นความผันผวนของบรรดาสกุลเงินต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่ามีการกล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าหากว่าครองอาหารก็สามารถครองประเทศ ถ้าหากว่าครองเงินตรา ก็สามารถครองโลก"

ตรงส่วนนี้นั้นในอดีตนั้นเป็นความจริง แต่ในปัจจุบันเราเห็นแล้วว่าไม่น่าจะจริง เพราะว่าแค่รัสเซียประกาศว่าจะขายพลังงานต่าง ๆ ให้ทางยุโรป หรือว่าทางเอเซียด้วยเงินรูเบิล ก็เดือดร้อนกันไปหมด ตรงจุดนี้จะไปตำหนิรัสเซียโดยตรงก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายนั้นไปเล่นแง่ ไปบีบคั้นเขาก่อน

โดยเฉพาะในเรื่องของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่าง ๆ นั้น ไม่ได้มีความยุติธรรมเลย มีแค่ไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่อยู่ในลักษณะของการควบคุมเงินเอาไว้ เพื่อที่จะได้ปกครองโลกตามความต้องการของตนเอง โดยที่เงินรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก

แต่ว่าในการแลกเปลี่ยนเงินตรานั้น ประเทศรัสเซียไปตกอยู่อันดับที่ ๑๗ ของโลก ส่วนประเทศจีนซึ่งมีประชากรเป็นพันล้าน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจัดอยู่เป็นอันดับที่ ๘ ของโลก ทำให้ดอลลาร์ ซึ่งปราศจากค่าของทองคำมาสนับสนุน สามารถพิมพ์ได้ตามใจ ต้องการจะพิมพ์เมื่อไร จะพิมพ์เท่าไรก็ได้ แต่ขึ้นไปอยู่ที่อันดับ ๑ ของโลก

ตรงจุดนี้ทำให้อเมริกาสามารถใช้วิธีการที่เรียกว่า "โกง" ก็ได้ ก็คือพิมพ์เงินขึ้นมาแล้วไปซื้อสินค้าของประเทศนั้นประเทศนี้ ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ของประเทศนั้นประเทศนี้ ไปลงทุนในประเทศนั้นประเทศนี้ โดยการเอากระดาษไปแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของเขาเฉย ๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้บรรดาท่านทั้งหลายที่ผูกติดอยู่กับดอลลาร์นั้น เกิดความเดือดร้อนได้ง่าย เมื่อถึงเวลาอเมริกันทำการ "แซงก์ชั่น" ทำการยึดเงิน ท่านทั้งหลายก็เดือดร้อนมากกว่าที่คิด

 

รัสเซียได้พยามยามแก้เกมมาตลอดเวลาหลายปีแล้ว และในปัจจุบันนี้ก็แก้เกมด้วยการที่ผูกเงินรูเบิลเอาไว้กับพลังงานและทองคำ ทำให้อัตราเงินแข็งค่าขึ้นมามาก และหลายประเทศก็เห็นว่าดอลลาร์นั้นปราศจากสิ่งมีค่าหนุนหลัง เป็นแค่กระดาษที่พิมพ์ขึ้นมาใช้งานโดยปราศจากคุณค่าอย่างแท้จริง ก็เริ่มเททิ้งดอลลาร์ แล้วก็หันไปค้าขายกับรัสเซียด้วยเงินรูเบิลบ้าง ด้วยทองคำบ้าง ทำให้อัตราเงินของรูเบิลสูงค่าขึ้นมามาก

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ประกาศตนในการบอยคอตรัสเซีย อย่างเช่นออสเตรเลีย ซึ่งการแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นอยู่ในอันดับที่ ๕ สวิตเซอร์แลนด์อยู่ในอันดับที่ ๗ นิวซีแลนด์อยู่ในอันดับที่ ๑๐ สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ ๑๒ ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีประเทศทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่เดือดร้อนอะไร พูดง่าย ๆ ก็คือว่าประเทศเหล่านี้โดนลบออกไปจากโลกเฉย ๆ ก็ได้ แต่ว่าถ้าหากว่าไม่มีรัสเซีย ยุโรปก็เดือดร้อนกันไปทั่ว และขณะเดียวกันอเมริกาก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย ถึงขนาดต้องขนเอาน้ำมันสำรองออกมาใช้..!

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า น้ำมันสำรองของแต่ละประเทศส่วนใหญ่มีเอาไว้ในการศึกการสงคราม เนื่องเพราะว่าถ้าเครื่องบิน รถถัง ยานพาหนะช่วยรบต่าง ๆ ไม่มีน้ำมัน ก็กลายเป็นเศษขยะดี ๆ นี่เอง แต่ว่าอเมริกันนั้นใช้วิธีเอาเปรียบด้วยการพิมพ์เงินโดยที่ไม่มีทองคำสำรองในการหนุนหลัง ไปเที่ยวกอบโกยซื้อเอาน้ำมันจากตะวันออกกลางและประเทศอื่น ๆ มากักตุนเอาไว้ โดยที่ตนเองนั้นไม่ยอมขุดน้ำมันที่ตนเองมีอยู่ ก็เพื่อที่จะเก็บสำรองเอาไว้ในเวลาที่ไปรุกรานประเทศอื่น

แล้วประเทศไหนก็ตาม ถ้าหากว่าไม่ยอมเป็นลูกไล่ ไม่ยอมทำตาม ก็จะไปยุยงให้ฝ่ายค้าน หรือว่ากลุ่มกำลังใด ๆ ที่พอจะมีศักยภาพ ทำการป่วนรัฐบาล หรือว่าล้มรัฐบาล แล้วนำเอาบุคคลที่ตนเองสั่งการได้ขึ้นมาครองประเทศนั้นแทน ทำให้เดือดร้อนกันไปหมดทั้งโลก

ปัจจุบันนี้ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน อินเดีย ปากีสถานซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ได้ย้ายฝั่งไปเข้าข้างรัสเซียหมดแล้ว เพราะเห็นความเจ้าเล่ห์ ความต้องการจะเป็นเจ้าโลกของอเมริกัน ก็เลยทำให้ต้องผนึกกำลังกันในการต่อต้านโดยไม่ได้เจตนา

ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ยังเป็นเรื่องไกลตัวของเรา จะใกล้ก็เฉพาะรัฐบาล ที่ทำอย่างไรจะยืนหยัดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ และทำอย่างไรที่จะให้ราคาพลังงานและพืชผลการเกษตรของบ้านเรา อยู่ในระดับที่ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปสามารถรับได้

 

ถ้าหากว่าพืชผลการเกษตรนั้นราคาแพงขึ้น เราสามารถที่จะส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ติดกับดักสงคราม ก็จะทำให้เราจำหน่ายสินค้าการเกษตรได้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าหลัก อย่างเช่น ข้าว น้ำมัน ยางพารา เป็นต้น

ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายที่เป็นเกษตรกร สามารถคงกำลังการผลิตเอาไว้ได้ และรัฐบาลของเราพอจะมีฝีมือในการค้าขายอยู่บ้าง ก็จะทำให้เงินทองสามารถตกถึงมือเกษตรกรในบ้านของเรา สามารถที่จะหาซื้ออาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในราคาที่ไม่แพงนัก ก็อย่างนั้นเพียงพอที่จะประคับประคองประเทศของเรา ให้อยู่ในระดับที่ไม่เดือดร้อนกันมากนัก

โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงาน อินเดียซื้อจากรัสเซียในราคาที่ลดแลกแจกแถมเป็นพิเศษ ประเทศของเราก็ถือว่าเป็นมิตรกับรัสเซียมายาวนาน ถ้าเราสามารถเปลี่ยนไปซื้อพลังงานจากรัสเซีย ก็จะบรรเทาอาการเดือดร้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศของเราได้

เพียงแต่ว่าประเทศของเรานั้น โดนครอบงำด้วยรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนที่ควบคุมพลังงาน แล้วขึ้นราคาเอาตามใจชอบ ไม่เป็นไปตามกลไลตลาด อ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย เพื่อขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้าน ตรงจุดนี้เท่ากับว่าท่านหากินอยู่บนเลือดเนื้อของชาวบ้าน ที่ต้องเดือดร้อนในการที่จะหาเงิน ในการที่จะผลิตสินค้า เพื่อมาแลกกับพลังงานในราคาที่ไม่ยุติธรรม

ถ้าหากว่าความอดทนของชาวบ้านหมดลงไป ก็จะทำให้รัฐบาลต้องเดือดร้อน กลายเป็นว่ารัฐวิสาหกิจคุมรัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลคุมรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่กลับหัวกลับหาง ถือว่าไม่ถูกต้อง

สำหรับญาติโยมทั้งหลายนั้น ถ้าหากว่ามีที่ดินพอที่จะเหลืออยู่ ก็ให้ปลูกพืชผลการเกษตร ที่เราจำเป็นต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวันเอาไว้ เพราะว่าสงครามครั้งนี้นั้น ต่อให้รัสเซียไม่คิดที่จะลากให้ยาวนานขึ้นไป ทางด้านอเมริกาและนาโตก็ต้องการที่จะลากให้ยาวขึ้น เพื่อที่จะจำหน่ายอาวุธ หาความร่ำรวยใส่ตัวเอง

 

ดังนั้น...รัสเซียจึงแก้เกมด้วยการที่ไม่ได้บุกยูเครนอย่างจริง ๆ จัง ๆ หากแต่ยึดเมืองท่าสำคัญ และทำลายส่วนที่เป็นกองกำลังทหารเท่านั้น ปล่อยให้ความอดอยากครอบงำไปทั่วยุโรปและอเมริกา ทำให้ประเทศทั้งหลายเหล่านั้นหูตาสว่างขึ้นมา และท้ายที่สุดก็ต้องหันไปคบหาสมาคมกับรัสเซีย เพื่อที่จะขอซื้อพลังงานและอาหาร ไม่ปล่อยให้ประเทศของตนเองขาดแคลน

ในปัจจุบันนี้ บ้านเราก็ผลิตพลังงานได้มาก ผลิตอาหารได้มาก ทำอย่างไรที่รัฐบาลของเราจะระดมความคิด ระดมกำลังของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ในการจำหน่ายอาหารและพลังงานเหล่านี้ให้แก่ต่างประเทศในราคาที่สูงขึ้น ตรงจุดนี้ก็ปล่อยให้เป็นภาระของรัฐบาลเขาดำเนินการไป

ญาติโยมทั้งหลายก็มีหน้าที่ปลูกผัก ปลูกหญ้า บรรเทาความเดือดร้อนของตนเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ พยายามที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อความคล่องตัวและเพื่อความมั่นคงในจิตใจของเรา จะได้ประคับประคองจนผ่านวาระที่ยากลำบากเหล่านี้ไปด้วยกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)