เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 มิถุนายน 2023.

  1. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อร่วมในพิธีปลุกเสกพระพุทธชินราชมิ่งมงคลสยาม ๖๖๖ ปี ซึ่งในพิธีกรรมนั้น ทางเจ้าภาพได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์จำนวน ๔๐ รูป โดยมีพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรานุวัตร (อาทร อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๙) วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร เป็นประธาน

    ทางด้านเจ้าภาพนั้นจัดพิธีกรรมค่อนข้างที่จะรัดกุม จึงทำให้เชื่องช้าไปโดยใช่เหตุ หลวงพ่อรวย (พระครูสุขุมธรรมธาดา) วัดมาบตาพุด บ่นแล้วบ่นอีกจนกระบุงโกยไม่ไหว ประมาณว่าถ้ารู้ว่าพิธีกรรมยาว ก็ควรที่จะเริ่มกันแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่มากินเวลาช่วงหลัง เนื่องเพราะว่าท่านต้องเดินทางกลับไปยังวัดมาบตาพุดที่ไกลมาก

    กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ยิ้มอยู่ในใจ เพราะว่าตนเองนั้นมาไกลกว่าหลวงพ่อท่านเสียอีก ก็คือถ้าออกจากวัดท่าขนุนมาก็ประมาณ ๕๐๐ กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่ง เติมน้ำมัน และเข้าห้องน้ำ รวมกันแล้วก็ราว ๆ ๙ ชั่วโมง จนกระทั่งต้องตัดสินใจว่า ในเมื่อพิธีกรรมเขาช้าอย่างนี้ เราก็เช่าโรงแรมนอนไปก็แล้วกัน

    สำหรับในพิธีกรรมเหล่านี้นั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะกล่าวถึง อย่างเช่นว่าในวาระสำคัญ ๖๖๖ ปีนั้น เรื่องของเลข ๖ ถ้าเป็นโหราศาสตร์จีนก็ถือว่าเป็นเลขมงคล เพราะหมายถึงกำลัง ถ้าหากว่าเป็นเลขเจ็ดตัวของไทย เลข ๖ หมายถึงเรื่องของลาภผลเงินทอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

    แต่เลข ๖ สามตัวซ้อนกันนี่ ถ้าเป็นพี่น้องคริสต์ศาสนิกชนก็เป็นอันว่าขนหัวลุก เนื่องเพราะว่าเป็นเครื่องหมายของ Antichrist หรือว่าซาตานนั่นเอง ดังนั้น...ในเรื่องที่ก้ำกึ่งกัน ว่าในส่วนที่ดีก็มีคนเชื่อถือ ในส่วนที่ไม่ดีก็มีคนเชื่อถือ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงทำ เนื่องเพราะไม่แน่ว่าจะออกหัวหรือว่าออกก้อย

    ลำดับต่อไปก็คือในเรื่องของพิธีกรรมนั้น เมื่อพระมหานาคเริ่มสวดพุทธาภิเษก ทางด้านพิธีกรก็มีการประกาศให้ท่านเจ้าภาพแต่ละท่าน ไปจุดเทียนน้ำมนต์หน้าพระเกจิอาจารย์ทีละรูป กว่าจะครบ ๔๐ รูป ก็ใช้ระยะเวลาที่นานมาก ซึ่งขั้นตอนนี้ควรที่จะทำให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยอาราธนาพระมหานาคสวดพุทธาภิเษก จะได้ไม่เป็นการรบกวนกัน

    แต่ว่าเสียงของพิธีกรก็ดัง เพื่อที่จะเชิญท่านผู้มีเกียรติไปจุดเทียนน้ำมนต์ เสียงของพระมหานาคก็ดัง เพราะว่าต้องสวดพุทธาภิเษก แล้วส่วนใหญ่พระมหานาคก็เสียงดังเป็นปกติอยู่แล้ว เสียงจึงไปประดังแข่งกันอยู่ ทำให้ฟังดูแล้วสับสนวุ่นวายไปหมด
     
  3. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,366
    แล้วที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้ว พระเกจิอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งองค์ประธาน ได้ทำการประพรมน้ำพระพุทธมนต์แล้วก็โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา พิธีกรรมทุกอย่างควรที่จะจบแค่นี้ แต่ปรากฏว่ามีการเชิญประธานฝ่ายฆราวาสไปโปรยดอกไม้ทับทางด้านประธานฝ่ายสงฆ์เสียนี่ ก็เลยทำให้ดูแล้วลักลั่นกันพิกล

    เนื่องเพราะว่าถ้าจะเชิญประธานฝ่ายฆราวาส ก็ควรที่จะก่อนพระสงฆ์จะทำการประพรมน้ำพระพุทธมนต์และโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ ถ้าสภาพจิตของเราไม่ละเอียดอ่อนพอ ก็จะไม่ได้สังเกต และไม่ได้คิดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพิธีกรรมอย่างไรบ้าง

    แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านแนะนำว่า เมื่อถึงเวลาจะทำการต่อน้ำมนต์ ก็ต้องใส่น้ำมนต์ใหม่ลงไปให้เกือบเต็มภาชนะ แล้วเอาน้ำมนต์เก่าเททับ ไม่เช่นนั้นแล้วของใหม่ที่ไม่ได้ผ่านการปลุกเสก ทับลงไปในของที่ปลุกเสก ก็เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยโดยตรง ทำให้การต่อน้ำมนต์ เติมน้ำมนต์นั้นจะไม่เกิดผล เนื่องเพราะว่าเราขาดความเคารพในพระรัตนตรัย

    เรื่องนี้นั้นจะว่าไปแล้ว หลายท่านก็ไม่ทราบ ดังนั้น...เมื่อเห็นประธานฝ่ายสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์และโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ก็เชิญประธายฝ่ายฆราวาสโปรยทับลงไป ดูอย่างไรเสียก็ไม่น่าจะใช่

    อีกประการหนึ่งที่อยากจะทักท้วงมากก็คือ ญาติโยมที่มาร่วมพิธีแทบจะไม่ได้สนใจเลยว่านี่เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดอยู่ในวัด โดยเฉพาะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดประจำเมืองพิษณุโลกในสมัยนั้น เป็นวัดที่มีพระพุทธชินราช พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประเทศไทย แต่ว่าท่านทั้งหลายแต่งตัวกันมาตามสบาย นุ่งกางเกงขาสั้นบ้าง นุ่งกระโปรงสั้นบ้าง ที่หนักกว่านั้น ก็คือใส่เกาะอกมา

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ท่านตั้งใจมา ก็ต้องรู้ว่านี่คือพิธีกรรมที่สำคัญ ซึ่งเราควรจะต้องให้ความเคารพในพระรัตนตรัย เคารพในสถานที่ และเคารพต่อบุคคลผู้เป็นประธานทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ถ้าอยากแต่งตัวตามสบายของตนก็อย่าได้มาร่วมพิธี ตั้งใจอยู่บ้านของเรา แล้วส่งกำลังใจมายังจะไม่เกิดโทษอะไร

    แต่นี่ท่านทั้งหลายแต่งตัวเฉิดฉายอยู่ในวัด โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเลยว่า ถึงเวลาเราก็บังคับให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องใส่กางเกงขายาว ต้องนุ่งกระโปรงยาว หรือว่ากางเกง ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องเอาผ้าซิ่นไปผูกเอวทับให้เขา
     
  4. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เรื่องเหล่านี้เราบังคับชาวต่างชาติให้ทำ ให้เขาเคารพในพระพุทธศาสนา เคารพในพุทธสถาน เคารพในองค์พระพุทธรูปสำคัญของเรา ทั้ง ๆ ที่เขาอาจจะไม่ใช่พุทธศาสนิกชน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวคริสต์ ในเมื่อเขาเป็นต่างชาติ ต่างศาสนา เราบังคับเขาให้เคารพ แล้วตัวเราเองที่เป็นพุทธศาสนิกชน เรากลับไม่ได้แสดงความเคารพตามสมควร ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

    คำว่าน่าเสียดายก็คือ เสียทีที่ท่านได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เข้าสู่วัดวาอารามที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่ว่าท่านไม่ได้มีความเคารพในพระรัตนตรัยเลย ที่น่าเสียใจก็คือ ท่านทั้งหลายน่าจะเป็นพุทธศาสนิกชน ตั้งแต่บรรพบุรุษมาก็เป็นอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็คงไม่เข้าวัดมาร่วมพิธี แต่ว่าทำไมท่านถึงไม่ได้คำนึงถึงกาลเทศะเลย

    กาละคือเวลาที่เหมาะสม เทศะคือสถานที่อันเหมาะสม ในเมื่อที่ที่สมควรแก่การเคารพ เวลาที่สมควรต้องแสดงออกซึ่งความเคารพ แล้วเราไม่ได้ทำ ซ้ำยังไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า ท่านอาจจะต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกนานมาก กว่าที่สภาพจิตของท่านจะละเอียดเพียงพอ ที่จะรู้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะกระทำ หรือว่าสมควรที่จะทำในสิ่งที่ให้ความเคารพมากกว่านี้

    ท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ก็จะรู้จักน้องลิซ่า (นางสาวลลิษา มโนบาล) นักร้องเคป๊อปชื่อเสียงก้องโลก ซึ่งทำสถิติโลกถึง ๗ อย่างด้วยกัน โดยเฉพาะเป็นนักร้องเคป๊อบที่มีผู้ติดตามทางอินสตาแกรมมากที่สุดในโลก น้องลิซ่าเป็นเด็กลูกครึ่ง พ่อเป็นฝรั่ง แต่น้องลิซ่าไปเที่ยวพระนครศรีอยุธยา น้องลิซ่านุ่งผ้าถุงไป ใส่เสื้อขาว ท่านทั้งหลายต้องคิดว่า น้องลิซ่านั้นจะว่าไปแล้วเป็นฝรั่งครึ่งหนึ่ง แต่มีความเป็นไทยล้นหัวใจ ผู้ใหญ่แนะนำสั่งสอนอะไรในสิ่งที่ดีที่ควร น้องลิซ่าเอามาทำหมด นั่นคือบุคคลที่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นตัวอย่าง หรือว่าเป็นไอดอลของคนในปัจจุบันนี้

    เราอาจจะเห็นว่าในเวลาเต้น เวลาร้อง เวลารำ น้องลิซ่าเต็มที่ทุกอย่าง อาจจะมีการใส่ชุดที่ดูชะเวิบชะวาบหวาดเสียวบ้าง อันนั้นเป็นเรื่องของวัยรุ่น เป็นเรื่องของค่านิยมในปัจจุบัน แต่ในกาลเทศะซึ่งต้องการความเรียบร้อย ความงดงาม น้องลิซ่าก็แสดงออกมาได้ชนิดที่สมควรจะได้รับคำชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
     
  5. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,366
    กระผม/อาตมภาพขำก็ขำ เนื่องจากว่าเขาถ่ายรูปมาแล้วบรรยายว่า กรุงศรีอยุธยาน่าจะแตกเป็นครั้งที่ ๓ เพราะว่าลิซ่านุ่งผ้าถุงไปไหว้พระ คำว่า กรุงศรีอยุธยาแตก ก็คือ ในเมื่อไอดอลหรือบุคคลในดวงใจทำสิ่งหนึ่งประการใด บรรดา FC หรือแฟนคลับ หรือว่าบรรดาด้อมต่าง ๆ ก็จะแห่กันทำตาม ก็คงจะมีผู้ไปไหว้พระที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากันล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อพนัญเชิง หรือว่าหลวงพ่อวัดหน้าพระเมรุ เป็นต้น แล้วยังมีวัดวาอารามสำคัญต่าง ๆ อีกมาก

    เมื่อท่านทั้งหลายไปแล้ว ท่านได้แต่เลียนแบบบุคคลในดวงใจ ก็คือไปไหว้พระที่พระนครศรีอยุธยา หรือว่าท่านได้ทำตนเลียนแบบ คือแสดงออกซึ่งความเคารพในสถานที่ตามโอกาสที่เหมาะสมแบบน้องลิซ่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะอยู่ในสายตาของประชาชน ทุกคนจะเห็นว่าท่านทั้งหลายได้ทำตามบุคคลในดวงใจของท่าน หรือว่าท่านทั้งหลายสักแต่ว่าไป เพราะบุคคลในดวงใจของท่านไป

    แต่ไม่ได้สังเกตดูว่า บุคคลในดวงใจของท่านนั้นได้กระทำสิ่งที่เหมาะสม สมกับเป็นพุทธศาสนิกชนยิ่งกว่าเราท่านทั้งหลายที่เป็นคนไทย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ขึ้นอยู่กับการอบรมบ่มเพาะของผู้ปกครอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพต้องขอชื่นชม ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง และญาติพี่น้องผู้ใหญ่ ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ของน้องลิซ่าก็ดี และตัวของน้องลิซ่าเอง ซึ่งเก็บเอาเรื่องทั้งหลายที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ตลอดจนครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ทำได้งดงามเหลือเกิน สิ่งนี้จึงสมควรกับสารพัดรางวัลที่น้องลิซ่าควรที่จะได้รับ

    เมื่อเห็นงานในวันนี้ กับเห็นในสิ่งที่น้องลิซ่าทำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าแตกต่างกันเหลือเกิน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิด ว่าท่านทั้งหลายเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว ได้ทำตนสมควรแก่การเป็นพุทธศาสนิกชนแล้วหรือยัง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     

แชร์หน้านี้