เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 เมษายน 2024.

  1. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดสาลี หมู่ที่ ๒ ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมงานวันบูรพาจารย์และทำบุญอายุวัฒนมงคล ๗๐ ปีพระครูโสภณคุณาธาร หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกง่าย ๆ ว่า"หลวงพ่อสิงห์โต" เจ้าอาวาสวัดสาลี รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี

    หลวงพ่อสิงห์โตนั้น ท่านก็คือครูบาอาจารย์รูปหนึ่งในสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในงานพุทธาภิเษกต่าง ๆ ได้พบเห็นกันอยู่เสมอ จนกระทั่งท่านทราบว่ากระผม/อาตมภาพเคยบวชอยู่ที่วัดท่าซุงของหลวงพ่อฤๅษีฯ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น เป็นคนบ้านสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรีนั่นเอง จึงเมตตาให้ความสนิทสนม และท้ายที่สุดเมื่อมีงานก็นิมนต์ให้มาร่วมงานด้วยกัน

    กระผม/อาตมภาพได้นำเอาเบี้ยแก้ตัวครูของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม ไปถวายหลวงพ่อสิงห์โตท่าน ๑ คู่ ซึ่งหลวงพ่อสิงห์โตท่านดีใจมาก ๆ เนื่องเพราะว่าท่านเองไม่ได้ครอบครูสายเบี้ยแก้มาเลย เมื่อได้เบี้ยแก้ตัวครูไป เท่ากับว่าเมื่อถึงเวลาสามารถที่จะหาตำราของสายนี้มาศึกษา แล้วเมื่อปฏิบัติตาม ก็สามารถที่จะสร้างเบี้ยแก้ได้ เพราะเท่ากับว่าได้รับการครอบครูไปแล้ว

    ดังนั้น..บรรดาวัตถุมงคลที่เป็น "ตัวครู" หรือเป็นชิ้นที่ครูท่านทำเอาไว้ให้ บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายพึงสังวรเอาไว้ให้มาก ว่าเราท่านทั้งหลายถ้ามีโอกาสต้องรีบหามาครอบครองเอาไว้ เท่ากับว่าท่านมีโอกาสได้สืบสายวิชานั้น ๆ ด้วย ขอให้ศึกษาความรู้นั้นจนกระทั่งเข้าถึง นำเอาเบี้ยแก้ตัวครูใส่พานขึ้นที่บูชา จัดขันครู ที่เรียกว่า "ขันห้า" ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ ๕ ดอกหรือว่า ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เงินบูชาครู ๕ บาท ธูป ๕ ดอก เทียนขาว ๕ ต้น ทำการไหว้ครู ขอเรียนในสายวิชาการนั้น ๆ แล้วท่านเองก็มีสิทธิ์ในการที่จะสร้างเสริมวัตถุมงคลตามสายนั้น ๆ ได้ในทันที

    ถ้าถามว่าเหตุใดกระผม/อาตมภาพจึงนำเอาเบี้ยแก้ไปถวายหลวงพ่อสิงห์โต ? ก็เพราะว่าอันดับแรก นอกจากท่านจะได้สืบสายครูเบี้ยแก้เพิ่มมาอีกวิชาหนึ่งแล้ว
    เบี้ยแก้ยังเป็นวัตถุมงคล ที่จะช่วยป้องกันช่วยเหลือเราได้ดีที่สุดอีกประการหนึ่ง
     
  3. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    จะยกตัวอย่างก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ ญาติโยมท่านหนึ่งที่รู้จักสนิทสนมกัน ถามกระผม/อาตมภาพว่า "ต้องไปงานศพ แต่ว่ารู้สึกสังหรณ์ใจผิดปกติ ควรที่จะติดวัตถุมงคลอะไรไปดี ?" ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะว่าหนักใจก็หนักใจ จะว่าฉิวก็ฉิว เนื่องเพราะว่าโยมท่านนี้ลางสังหรณ์ หรือว่าทิพจักขุญาณนั้นดีมาก แต่ว่าเป็นคนที่ไม่นิยมพกวัตถุมงคลติดตัว เนื่องจากว่าเป็นบุคคลสมัยใหม่ โดยเฉพาะเดินทางไปต่างประเทศมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้ว จึงมีความเป็นคน "หัวนอก" อยู่บ้าง แต่ด้วยความที่ว่าลางสังหรณ์ดี "เกิดทีไรก็เป็นเรื่องทุกที" จึงได้สอบถามมา

    กระผม/อาตมภาพถามว่า "มีมีดหมอหรือไม่ ? ถ้าหากว่าไม่มีมีดหมอ ก็ต้องมีเบี้ยแก้" ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเคยให้ไว้ทั้งมีดหมอชาตรีวัดท่าซุงเล่มเล็ก หรือที่เรียกว่า "มีดปากกา" แล้วก็เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางในธัมมิการาม จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นสุดยอดเบี้ยแก้อีกสำนักหนึ่ง เมื่อญาติโยมท่านนั้นพกเอามีดหมอและเบี้ยแก้ไป ก็ปรากฏว่าผ่านงานนั้นมาได้ด้วยความปกติอย่างยิ่ง แต่ว่าเรื่องไม่ดีไม่งาม ไปเกิดกับใครบ้าง ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้..!

    ถ้าถามว่า "ทำไมต้องเป็นมีดหมอหรือว่าเบี้ยแก้ ?" ก็ต้องบอกว่า มีดหมอนั้น สิ่งที่เป็นคู่ปรับ ก็คือเป็นคู่ปรับกับสิ่งลี้ลับ โดยเฉพาะพวกผีสางนางไม้โดยตรง แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านแนะนำว่า "อย่าเอาไปรังแกใคร" พูดง่าย ๆ ก็คือถ้ามีอยู่ ก็ให้อธิษฐานป้องกันตัว ป้องกันบุคคลผู้ร่วมเดินทาง อย่างเช่นว่าติดไว้ในรถยนต์

    หรือว่าป้องกันครอบครัว อย่างเช่นว่าอาราธนาขึ้นหิ้ง แล้วก็เลื่อนใบมีดออกจากฝักสักประมาณ ๑ เซนติเมตร ในลักษณะพร้อมใช้งาน ว่าคาถาอาราธนา ขอบารมีครูบาอาจารย์ และพรหมเทวดา ตลอดจนเจ้าที่เจ้าทาง ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ป้องกันภัยให้ ถ้าอย่างนี้ก็จะปลอดภัยจากบรรดาคุณผี ตลอดจนกระทั่งผีและสัมภเวสีต่าง ๆ

    ส่วนเบี้ยแก้นั้น ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่กลับร้ายกลายดี เหตุการณ์ใด ๆ ถ้าจะมาในด้านร้าย เรามีการอาราธนาเบี้ยแก้อยู่ ก็จะกลับกลายเป็นดี และโดยเฉพาะเบี้ยแก้นั้นได้บรรจุปรอท ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ในอีกภพภูมิหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเปรต อสุรกาย สัมภเวสี หรือผีเร่ร่อนต่าง ๆ นานา ถ้าหากว่าพลังงานต่ำกว่า ก็จะโดนปรอทดูดกลืนไปเลย พูดง่าย ๆ ว่าปรอทนั้นกิน "ปราณ" เป็นอาหาร คำว่า "ปราณ" ในที่นี้จะเรียกว่าพลังชีวิตก็ได้ แต่ว่าเป็นพลังฝ่ายต่ำ โดยเฉพาะบรรดาปราณที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นพวกผีสางต่าง ๆ
     
  4. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าใครพกเบี้ยแก้อยู่ พวกบรรดาผีสางนางไม้ ก็จะพยายามเลี่ยงห่างไป แต่ถ้าหากว่าเข้าสิงแล้วก็ดี หรือว่ามารังแกก็ตาม ก็ต้องว่ากันด้วยมีดหมอ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเรามีทั้งสองอย่างนี้ติดตัวอยู่ ก็แทบจะประกันความเสี่ยงได้ว่า เราจะปลอดภัยจากสิ่งลี้ลับต่าง ๆ เหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง

    แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็ยังอาราธนาเบี้ยแก้ตัวครูของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว เอาไว้ในศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดหนัก ๆ แล้วตนเองก็ไม่เคยลืมที่จะอาราธนาทุกครั้ง จึงเป็นบุคคลเดียวในวัดที่อยู่รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ซึ่งตอนนี้นับว่าเป็นระลอกที่ ๑๑ แล้ว เนื่องจากว่ากำลังระบาดอย่างหนักอยู่ที่ทางทองผาภูมิ เพราะว่าบรรดานักท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง บรรดาผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างหนึ่ง นำเอามาแจกจ่ายให้กับคนทองผาภูมิ โดยเฉพาะตำรวจของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ แทบจะติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ กันทั้งสถานี..! กระผม/อาตมภาพยังอยู่รอดปลอดภัยดีทุกประการ

    ท่านทั้งหลายที่ศึกษาเรื่องเครื่องรางของขลัง และติดตามการที่กระผม/อาตมภาพนำเอาบรรดาเครื่องรางต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งวัตถุมงคลที่เป็นพระเครื่อง มาออกให้บูชาในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้น ท่านอาจจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพมีตั้งแต่สุดยอดเบี้ยแก้ซึ่งเป็นที่นิยมในท้องตลาด ก็คือเบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรงก็ดี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็ดี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วก็ดี หลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำก็ดี ตลอดจนกระทั่ง หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ก็ดี ซึ่งที่เอ่ยนามมานี้ ต้องบอกว่าเป็น ๑ ในเบญจภาคีเบี้ยแก้เมืองไทย ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป แล้วทำไมกระผม/อาตมภาพจึงมาเน้นเบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ?

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอันดับแรกเลย กระผม/อาตมภาพนั้นทันหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหลวงปู่เพิ่มท่านทำการบรรจุปรอทลงเบี้ยแก้ แต่เมื่อทันหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว กลับมีโอกาสที่เห็นหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ท่านบรรจุปรอทลงเบี้ยแก้ โดยที่ท่านเทปรอทใส่ฝ่ามือขวา ถือหอยเบี้ยไว้ด้วยมือซ้าย หลังจากที่บริกรรมคาถา ปรากฏว่าปรอทนั้นวิ่งจากฝ่ามือขาว ลงไปสู่หอยเบี้ยในฝ่ามือซ้ายต่อหน้าต่อตา..!
     
  5. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    แล้วอีกประการหนึ่งก็คือ ได้ประสบการณ์จากเบี้ยแก้ที่สั่นเตือนเมื่อเวลามีอันตรายเข้ามาใกล้ โดยเฉพาะเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งกระผม/อาตมภาพตอนนั้นยังคิดว่าแผ่นดินไหว แต่ปรากฏว่าเมื่อลองคลำดู กลายเป็นเบี้ยแก้สั่นเตือน ถ้าเป็นสมัยนี้ใครพกโทรศัพท์ระบบสั่นอยู่ อาจจะคิดว่าเป็นโทรศัพท์สั่นเตือนก็เป็นไปได้..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้ให้ความเชื่อมั่นในเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว สูงมาก ครูบาอาจารย์ท่านเก่งฉกาจขนาดไหน กระผม/อาตมภาพยกเอาไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วจะใช้เบี้ยแก้หลวงปู่เจือเป็นหลัก

    โดยเฉพาะเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ ราคายังไม่แรงมาก ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจะเล่นเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ กระผม/อาตมภาพขอแนะนำว่า อันดับแรก ให้หาเบี้ยแก้หลวงปู่เจือที่ชุบรักหนา เนื่องเพราะว่าเป็นเบี้ยแก้ยุคต้นของท่าน ท่านยังมีเวลามากในการทำ ค่อย ๆ บรรจงชุบอย่างละเอียด ทำให้เบี้ยแก้นั้นเรียบลื่น เงาวับ ปลอมยากสุด ๆ ประการที่สองก็คือ ให้หาเบี้ยแก้ที่ถักด้วยดิ้นเงินดิ้นทอง นั่นก็เป็นเบี้ยแก้ในยุคแรก ๆ เช่นกัน

    ส่วนเบี้ยแก้ในยุคหลังนั้น กรุณาเถอะ..ไม่ว่าจะหุ้มตะกั่วเฉย ๆ หรือว่าถักเป็นลายธงชาติก็ดี โอกาสที่จะ "โดน" มีสูงมาก เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพ แม้ว่าจะไปหาหลวงปู่เจือมานานแล้วก็ตาม แต่ว่าพอไปถึง ด้วยความที่เป็นคนไม่นิยมการรบกวนครูบาอาจารย์ จึงไปยืน "ส่อง" วัตถุมงคลในตู้ของทางวัด ซึ่งตู้ก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรเลย อยู่หน้ากุฏิหลวงปู่นั่นเอง..! ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านคงจะเห็น ออกมากวักมือเรียก บอกว่า "ท่าน..ถ้าอยากได้เบี้ยแก้มาเอาที่ผมนี่" พอได้ยินแค่นั้น กระผม/อาตมภาพก็เข้าใจทันทีว่า หลวงปู่ท่านเมตตาเตือนว่า "อย่าไปเอาจากที่ตรงนั้นเลย"

    เนื่องเพราะว่าบริเวณนั้น ก็คือบุคคลที่ทำเบี้ยแก้ โดยการบรรจุปรอทเอง หุ้มเอง แล้วก็ถักเอง พร้อมกับจำหน่ายเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นโอกาสที่จะขลัง จะศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มี เนื่องเพราะว่าทำแบบ "ครูพักลักจำ" ไม่ว่าการ "กรึง" เบี้ย การลงจาร การเสก แม้กระทั่งคาถาในการบรรจุ ตัวเขาก็ไม่รู้
     
  6. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,362
    ดังนั้น..ในส่วนนี้จึงอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากว่ามีเบี้ยแก้หลวงปู่เจือที่มั่นใจในที่มาจริง ๆ อย่างเช่นว่า เบี้ยแก้ที่ชุบรักหนาในยุคต้นก็ดี เบี้ยแก้ที่ถักด้วยดิ้นเงินดิ้นทองแล้วเราดูออกก็ดี ตลอดจนกระทั่งเบี้ยจิ๋ว ที่เรียกว่า "เบี้ยจั่น" ซึ่งทำออกมาหุ้มเงิน แล้วท่านมีจารหลังให้ก็ตาม

    อีกรุ่นหนึ่งที่ค่อนข้างจะเสี่ยง แต่ว่าถ้าตาดีตาถึงก็ได้ของดีไป ก็คือรุ่นที่ทำบุญอายุ ๘๐ ปีของท่าน มีเคล็ดลับอยู่ที่ว่า พยายามเล็งดูที่ห่วง จะมีตัวเลข ๘๐ จิ๋ว ๆ ติดอยู่ ซึ่งโอกาสที่จะบังเอิญ
    ไปได้ของดีแบบนั้นยากมาก ๆ

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้นำเอาเบี้ยแก้ตัวครู หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ไปถวายหลวงพ่อสิงห์โต ในฐานะศิษย์รุ่นพี่ เนื่องเพราะว่าท่านอายุมากกว่า ๕ ปี แล้วขณะเดียวกัน ก็เคารพครูบาอาจารย์คนเดียวกัน ก็คือหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

    เมื่อถวายท่านไป ท่านเองก็ดีอกดีใจ รีบนำขึ้นที่สมควรไว้ก่อนทันที เป็นเรื่องที่ชื่นใจทั้งผู้ให้ และชื่นใจทั้งผู้รับ ถ้าหากว่าวันดีคืนดี ท่านศึกษาวิชาการด้านนี้ แล้วสร้างเบี้ยแก้ออกมา เราก็จะมีเบี้ยแก้อีกสำนักหนึ่งที่จะพึ่งได้เลยทีเดียว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     

แชร์หน้านี้