เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 ตุลาคม 2024.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ หลังจากเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ได้ออกบิณฑบาต แต่ทำการขอสัตตาหะฯ ในท่ามกลางสงฆ์แล้วไปฉันเช้าที่โรงครัว จากนั้นก็เดินทางไปยังวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เพื่อร่วมในการทอดผ้าป่าสมทบทุนการศึกษาของทางวิทยาลัยสงฆ์
แต่เมื่อไปถึงวิทยาลัยสงฆ์ตอน ๘ นาฬิกาเศษ ปรากฏว่าเงียบสนิท มีแต่หมา ๓ - ๔ ตัวนอนกระดิกหางดูอยู่ว่าใครมา ? จึงต้องดูในแบนเนอร์โฆษณาของทางวิทยาลัยสงฆ์ว่า กระผม/อาตมภาพมาผิดวันหรือเปล่า ? สรุปว่าไม่ได้ผิดวัน แต่แบนเนอร์โฆษณานั้นใช้คำว่า ทอดผ้าป่าทุนการศึกษาวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ตัวใหญ่มาก แล้วก็ไปมีตัวเล็ก ๆ ทางด้านล่างว่า ณ ศาลาการเปรียญวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)
กระผม/อาตมภาพต้องยอมรับว่าตนเองไม่รอบคอบ แต่ว่าก็ได้กำไรมา ๒๐ กิโลเมตร ไปกลับวันนี้ได้กำไรไป ๔๐ กิโลเมตร..! ครั้นวิ่งย้อนกลับไปยังวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ก็เจอบรรดาเจ้าหน้าที่รอต้อนรับอยู่ที่นี่ จึงได้นำแคชเชียร์เช็คจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เข้าไปร่วมสมทบในการทอดผ้าป่าทุนการศึกษาครั้งนี้ แล้วรับเกียรติบัตรจากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี
หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดหรือว่าหลวงพ่อผู้อำนวยการฯ ท่านให้ถ่ายรูปเสีย ๓ มุม ๔ มุม อยู่ในลักษณะเผื่อว่าใช้งานอื่นด้วย กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็ยังขำอยู่ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่ตอนถวายปัจจัยให้ก็ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ แล้วยังถวายปีละหลายครั้ง บางทีเขาจะเอาไปลงในเว็บไซต์ของทางวิทยาสงฆ์ก็ไม่มีภาพ วันนี้ก็เลยช่วยสร้างภาพไปเสีย ๓ - ๔ มุม..!
เสร็จแล้วกระผม/อาตมภาพก็กลับไปพักรอเวลาที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) เพื่อรองานหล่อรูปหลวงปู่ช้าง - หลวงปู่เปลี่ยน อดีตเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) เพื่อที่จะบรรจุไว้ในพระเจดีย์ที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่
หลวงปู่ช้างท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาส อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แต่สมัยนั้นไม่ได้เรียกว่าเจ้าคณะจังหวัด แล้วท่านก็ยังเป็นอาจารย์คู่สวดให้กับหลวงปู่ม่วง (พระครูสิงคิคุณธาดา) วัดบ้านทวน แล้วก็น่าจะเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับหลวงปู่เปลี่ยน (พระวิสุทธิรังษี) วัดใต้ด้วย
แต่ด้วยความที่ว่าในสมัยนั้นข้อมูลต่าง ๆ ไม่ค่อยจะมีการบันทึกเอาไว้ชัดเจน นอกจากข้อมูลที่ระบุเอาไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ว่า "แต่งตั้งให้พระอธิการช้างเป็นพระครูวิสุทธิรังษี สังฆปาโมกข์" คำว่าสังฆปาโมกข์ในที่นี้ก็คือเจ้าคณะจังหวัดนั่นเอง
-
เนื่องเพราะว่าตำแหน่งพระครู ๗ ตำแหน่ง สมัยก่อนนั้นจำเพาะเจาะจงให้เฉพาะพระเถระในจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น ก็คือ พระครูวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูลย์ พระครูอดุลสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร และ พระครูวัตตสารโสภณ มาภายหลังในยุคหลวงปู่เปลี่ยนเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้รับการปรับเลื่อนขึ้นเป็นท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิรังษี ดังนั้น..ตำแหน่งพระครูวิสุทธิรังษีจึงหายไป เหลือแต่ตำแหน่งท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิรังษีเท่านั้น
งานหล่อรูปหลวงปู่ช้าง - หลวงปู่เปลี่ยนในครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพเป็น ๑ ใน ๙ พระเถระที่ต้องมานั่งปรกคุมธาตุอธิษฐานจิตในการหล่อรูปครั้งนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
พระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ วัดระฆังโฆสิตาราม
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี
พระเดชพระคุณพระสมณานัมราชวชิราจารย์ (เดชาธร เกวิ๊กซัน) หรือ หลวงพ่อเจ้าคุณวัดญวน ปลัดซ้ายของเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย
พระวชิรรัตนรังษี (หลวงพ่อสมบูรณ์ รตนญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม
หลวงปู่พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดน้ำตก
หลวงปู่พระครูกาญจนประภัสสร ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลศรีมงคล เจ้าอาวาสวัดถ้ำมะเดื่อ
หลวงพ่อสนองชาติ (พระครูสุภัทรกาญจนกิจ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลลาดหญ้า เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทธรรมาราม
กระผม/อาตมภาพ พระครูวิลาศกาญจนธรรม รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
และพระครูประทีปกาญจนธรรม (หลวงพ่อเต้) เจ้าคณะจังหวัดทวาย ประเทศพม่า เจ้าอาวาสวัดพุน้ำร้อนรัตนคีรี ซึ่งเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกันมานาน ๓๐ ปีแล้ว ที่น่าขำที่สุดก็คืออยู่ประเทศไทยท่านเป็นแค่เจ้าอาวาส แต่ว่าข้ามไปฝั่งพม่า ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดใหญ่ ๆ โต ๆ เดินไปทางไหนคนก็ต้องหลีกให้เป็นทาง..! -
ปรากฏว่าวันนี้แดดดีเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่กาญจนบุรีนั้นฝนตกทุกวัน ทำให้แสงแดดส่องเข้ามาในบริเวณที่พระเถราจารย์นั่งอธิษฐานจิตอยู่ บรรดาเจ้าหน้าที่มาเลื่อนเก้าอี้ให้กับทุกรูป แต่เสียงหลวงปู่เปลี่ยนท่านบอกว่า "แดดไม่ถึงเอ็งหรอก" กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกกับเจ้าหน้าที่เขาว่า "ไม่เป็นไร เพราะว่าแดดไม่ถึง"
แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ วนมา ๒ รอบ ๓ รอบ จนพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะใหญ่หนกลางมาถึง เริ่มพิธีแล้วแดดก็ยังมาไม่ถึง และโดยเฉพาะเมื่อเริ่มหล่อพระ ปรากฏว่าฟ้าปิดให้ชั่วขณะหนึ่ง ร่มเย็นเป็นพิเศษ
แต่น่าเสียดายที่ว่าทางโรงหล่อนั้นน่าจะนำเอาโลหะลงเบ้าช้าไปนิดหนึ่ง เพราะหลวงปู่เปลี่ยนท่านบอกว่า "รูปหลวงปู่ช้างกับข้าต้องแต่งเยอะทีเดียว" กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเป็นภาระของทางโรงหล่อเขา แต่ถ้าหากว่าต้องแต่งมาก ๆ บางทีทางโรงหล่อก็อาจจะต้องตัดสินใจปั้นหุ่นหล่อใหม่ไปเลยก็มี เพราะว่าแต่งไปแล้วก็ไม่คุ้ม..!
เมื่อรับไทยธรรมแล้ว กระผม/อาตมภาพขออนุญาตเดินทางกลับเลย หลวงพ่อเจ้าคุณสมบูรณ์ยังแซวว่า "เล็ก..จะรีบไปไหน ? วัดอยู่แค่เมืองกาญจน์นี่เอง" กระผม/อาตมภาพยังกราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อกลับกรุงเทพฯ แค่ ๑๒๖ กิโลเมตร แต่ถ้ากระผมกลับท่าขนุนนี่ ๑๔๐ กิโลเมตรนะครับ แถมยังขึ้นเขาอีกด้วย" แล้วก็หัวเราะกันใหญ่
จนกระทั่งเดินย่องออกมาทางด้านหน้าได้ ปรากฏว่ามีรถของทางคณะพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จหนกลางจอดขวางหน้าอยู่ แต่คนขับรถอัธยาศัยดีมาก รีบมาเลื่อนรถให้ออกได้ โดยที่กระผม/อาตมภาพเองยังชื่นชมว่า สมแล้วที่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพระเถระผู้ใหญ่ระดับนั้น เพราะว่าทำอะไรด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่ได้คิดว่าเจ้านายของตนเองตำแหน่งใหญ่ ๆ โต ๆ ทำไมต้องไปเลื่อนรถให้พระครูออกด้วย ก็ต้องเจริญพรขอบคุณท่านเอาไว้ ณ ที่นี้
สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพยังมีภารกิจที่จะต้องไปตรวจรับวัตถุมงคลบางส่วน ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาเข้าพิธีในช่วงเจริญพระกรรมฐาน ๓ วัน แต่ว่าขอเจริญพรบอกกับญาติโยมทุกท่าน และเรียนถวายบรรดาพระเถรานุเถระทั้งหลายว่า ท่านที่คิดจะฝากวัตถุมงคลเข้าพิธีนี้ โปรดเลิกคิดได้เลย เพราะว่าทางวัดท่าขนุนของเรารับผิดชอบไม่ไหว -
เนื่องเพราะว่าเมื่อท่านเอาวัตถุมงคลมาเข้าพิธีแล้ว ก็ไม่ได้แจ้งให้กับญาติโยมอย่างชัดเจน ทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งโทรศัพท์มาที่วัดท่าขนุนไม่เว้นแต่ละวัน จะเอาวัตถุมงคลรุ่นนั้น จะเอาวัตถุมงคลรุ่นรุ่นนี้ ซึ่งทางวัดก็ไม่มีให้ ครั้นบอกไปว่าไม่ได้สร้าง เขาก็ยืนยันว่า "ท่านต้องสร้างแน่นอน เพราะเขาลงประกาศว่าปลุกเสกที่วัดท่าขนุน" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนหายใจ
ท้ายที่สุดก็ต้องตัดสินใจว่าไม่รับวัตถุมงคลของใครมาเข้าพิธีที่วัดท่าขนุนอีก เพราะว่าเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ไม่สามารถที่จะสู้ศรัทธาของญาติโยมไหว เนื่องเพราะว่าโยมไม่นอน ดึกดื่นค่อนคืนก็โทรมา แต่เจ้าหน้าที่ของวัดต้องรีบนอน เพราะว่าตี ๓ ครึ่งก็ต้องตื่นไปเจริญพระกรรมฐานกันแล้ว ถ้าไม่ตัดปัญหาด้วยวิธีนี้ ญาติโยมทั้งหลายก็จะโทรมาไม่เว้นแต่ละวัน
แม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพก็เลิกรับโทรศัพท์ด้วยตนเองมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว เหตุก็เพราะว่าญาติโยมไม่มีความเกรงใจ ถึงเวลาตนเองไม่นอน ตี ๑ ตี ๒ ก็โทรมา คิดว่าคนอื่นก็ไม่นอนเหมือนกัน และที่แสบไปยิ่งกว่านั้น ก็คือเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา กระผม/อาตมภาพรับแล้ว ปรากฏว่าเป็นเสียงผู้หญิง ครั้นบอกไปว่า "โยมน่าจะโทรผิด" เขาบอกว่า "ไม่เป็นไร ขอคุยด้วย กำลังเหงา..!" กระผม/อาตมภาพจึงต้องตัดสายแล้วก็บล็อคทิ้งไปเลย เพราะไม่มีอารมณ์ที่จะมาต่อปากต่อคำกับคนทั้งหลายเหล่านี้
ญาติโยมที่โทรศัพท์มาหวังที่จะได้คุยกับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ขอได้โปรดทราบว่าไม่มีโอกาสได้คุยอย่างแน่นอน เพราะว่าอาตมภาพไม่ได้รับโทรศัพท์ด้วยตนเองมานานมากแล้ว และถ้าเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่มีรายชื่อบันทึกอยู่แต่ดั้งเดิม ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพจะดีดทิ้งแล้วก็บล็อคไปเลย เพราะเกรงว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า จึงต้องขออภัยท่านทั้งหลายด้วยที่ไม่ได้รับความสะดวก
เมื่อออกจากมณฑลพิธีที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) แล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องรีบเดินทางไปยังจุดหมาย แล้วขณะเดียวกันก็บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ไว้ เพื่อส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ไปอัพลงในยูทูบต่อไป
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)