เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๗
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 มีนาคม 2024.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับบรรดามหาเปรียญของวัดเรา ที่สอบผ่านประโยค ๓ ในปีนี้ ถือว่าท่านทั้งหลายหาสมณศักดิ์ให้กับตัวเอง ด้วยความสามารถของตนเองอย่างแท้จริง
เนื่องเพราะว่าประกาศนียบัตรเปรียญธรรมตั้งแต่ ๓ ประโยคขึ้นไป ก็ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นกัน และโดยเฉพาะมีราคาเหนือกว่าพระฐานานุกรมของเจ้าคุณชั้นสามัญเสียอีก แล้วถ้าหากว่าเป็นประโยค ๔ ขึ้นไป เราก็ยังนั่งเหนือบรรดาพระครูสังฆรักษ์ พระครูสมุห์ พระครูใบฎีกาเหล่านั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ฐานานุกรมไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไป ยกเว้นระดับพระครูปลัดของชั้นราชขึ้นไป ถึงพอจะมีราคาบ้าง
เรื่องของการเรียนนั้น ถ้าหากว่ายังมีไฟอยู่ ขอให้รีบเรียนไว้ก่อน กระผม/อาตมภาพเองต่อต้านในเรื่องของการเรียนมาตั้งแต่ต้น เนื่องเพราะว่าอันดับแรกเลย การเรียนนักธรรมแค่ชั้นตรี ก็ปฏิเสธเรื่องของพรหมของเทวดาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เนื้อหามีอยู่เต็มพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะเป็นในเทวตาสังยุตต์ พรหมสังยุตต์ของสังยุตตนิกาย หรือว่าในวิมานวัตถุ ในเปตวัตถุของขุททกนิกาย
แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็พยายามที่จะอ้างว่าเป็นบุคลาธิษฐาน คือเรื่องที่บุคคลที่ยกขึ้นมาเปรียบเทียบ อย่างเช่นว่าพรหมน่าจะเป็นศาสดาเจ้าลัทธิ ลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่สำเร็จฌานสมาบัติ เพราะว่าฌานสมาบัติเป็นคุณสมบัติของพรหม ฟังเขาตีความแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ว่า "มันบ้า..!" ก็ในเมื่อฌานสมาบัติเป็นคุณสมบัติของพรหม ก็แปลว่าพรหมต้องมี แต่มึงดันบอกว่าไม่มี..!
แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า "แกไปเรียนไว้หน่อย เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพระปริยัติ หรือพระนักเรียนมักจะดูถูกพระปฏิบัติว่าโง่ แกไปเรียนให้เขารู้ว่าแกเก่งกว่า..!" กระผม/อาตมภาพเอง พอจบนักธรรมชั้นเอก ท่านก็ถามว่าจะไปเรียนที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ท่านจะได้ส่งไปสำนักของเพื่อน กระผม/อาตมภาพกราบเรียนว่า "ถ้าผมห่างหลวงพ่อ ผมต้องเลวแน่เลยครับ เพราะฉะนั้น..ขอไม่ไปก่อนครับ"
เพราะว่าตอนนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) วัดพิชยญาติการาม ท่านยังเป็นพระราชปริยัติโมลีใหม่ ๆ ท่านเดินทางไปหาพระนักเรียนเพื่อจะเอาไปเข้าสำนัก ตอนนั้นท่านยังอยู่วัดชนะสงคราม แล้วเห็นผลการสอบนักธรรมชั้นเอกของกระผม/อาตมภาพ ท่านก็มาขอตัวกับหลวงพ่อฤๅษีฯ แล้วกระผม/อาตมภาพปฏิเสธไป
จนกระทั่งมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ เขากำหนดว่าต้องไปเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ก็เลยต้องไปเรียนตามคำสั่งและตามหน้าที่ มาเจอตอนนั้น ท่านเป็นเจ้าคุณพระธรรมโมลีอยู่วัดพิชยญาติการามแล้ว ท่านก็หัวเราะ บอกว่า "ท้ายที่สุดก็ต้องมาเป็นลูกศิษย์ผมจนได้" -
กระผม/อาตมภาพก็ซาบซึ้งตอนนั้นเองว่า การเรียนตอนแก่นี่ลำบากจริง ๆ ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า ตอนกระผม/อาตมภาพเรียนปริญญาเอกนั้นอายุ ๕๐ กว่าแล้ว หนังสือที่เคยอ่านรวดเดียวก็จดจำได้ทะลุปรุโปร่ง ต้องมาอ่านถึง ๗ - ๘ เที่ยว เพราะฉะนั้น..ถ้าใครยังอายุน้อยอยู่ หรืออายุมาก แต่มีความพยายาม ให้เรียนเอาไว้ก่อน
อันดับแรกเลยก็คือ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับตนเอง เนื่องเพราะว่าหลายต่อหลายท่านที่เป็นเปรียญธรรมชั้นสูง แปลพระไตรปิฎกผิด อย่างพรหมชาลสูตรในทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก เป็นพระสูตรแรกเลย เขาตีความว่า คำว่า พรหมชาล ก็คือ ข่ายอันประเสริฐ ได้แก่พระญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงสามารถรับทราบได้ว่ามีศาสดาเจ้าลัทธิอยู่ถึง ๖๒ ลัทธิ เป็นปุพพันตกัปปิกทิฏฐิ ๑๘ ลัทธิ และอปรันตกัปปิกทิฏฐิอีก ๔๔ ลัทธิ ซึ่งความจริงคำว่า พรหมชาล ในที่นี้ก็คือ ตาข่ายดักพรหม คุณศึกษาทั้ง ๖๒ ลัทธิให้ตายก็ไปได้แค่นั้น ไม่เกินไปจากนั้น ติดอยู่แค่นั้น..!
ดังนั้น..ในเรื่องของบาลี ถ้าเราปฏิบัติธรรมไปด้วย เรียนไปด้วย เราจะเข้าใจลึกซึ้งกว่ามาก เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างต้องยืนยันด้วยผลการปฏิบัติ แล้วการเรียนบาลีในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้วถ้าคนไม่มีสมาธิก็จะไม่สู้ เนื่องเพราะว่าเมื่อกำลังสมาธิไม่พอ ก็ทนแรงเสียดทานไม่ได้ มักจะท้อถอยเสียก่อน
สำหรับปีนี้ก็เป็นที่น่าปลื้มใจมากว่า ทางด้านเปรียญธรรม ๙ ประโยคนั้น มีผู้สอบได้ถึง ๖๗ รูปด้วยกัน แล้วสำนักที่มาเป็นอันดับ ๑ ก็คือสำนักวัดโมลีโลกยาราม ของหลวงพ่อเจ้าคุณสุทัศน์ - พระธรรมราชานุวัตร ,ดร. (สุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.๙, ดร.)
ส่วนที่น่าปลื้มใจมากกว่านั้นก็คือมีสามเณรอายุแค่ ๑๗ ปี สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ ถือเป็นการทำลายสถิติในรอบหลายร้อยปี เนื่องเพราะว่าสถิติสูงสุดนั้น เคยทำไว้ในอดีตประมาณพุทธศักราช ๒๓๖๗ ก็คือสามเณรสา สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ตอนอายุ ๑๘ ปี ยืนยงมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพิ่งจะโดนทำลายได้ในการสอบครั้งนี้เอง..! -
สามเณรสา ภายหลังก็คือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทวมหาเถร) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ท่านสอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้แล้ว เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ มาก ทรงรับอุปถัมภ์บวชให้ด้วยพระองค์เอง เรียกว่าเป็น "นาคหลวง"
แต่ด้วยความที่ท่านสอบได้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เมื่อบวชเป็นพระก็อยากจะสึกหาลาเพศเป็นธรรมดา ปกติแล้วถ้าได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ จะสึกหาลาเพศ ต้องทำหนังสือทูลเกล้าขออนุญาตลาสิกขา พระสา ป.ธ.๙ ถือว่าไม่ใช่พระราชาคณะ แอบสึก..! ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทราบความเข้าสั่งจับเข้าคุก เอาพานแว่นฟ้าตั้งผ้าไตรเอาไว้หน้าประตู ตรัสว่า "ถ้าอยากออกมาก็ต้องบวช" จะลองเสี่ยงดูไหม ?
ในที่สุดทิดสาก็คงคิดว่าอยู่ในคุกสู้ข้างนอกไม่ได้ ต่อให้ติดคุกในลักษณะของการบวชก็ยังไปไหนมาไหนได้ จึงยอมออกมาบวชใหม่ ด้วยความที่ไม่มั่นใจว่าความรู้ยังเต็มที่อยู่หรือเปล่า ? ก็เลยสมัครเข้าสอบบาลีอีกรอบหนึ่ง แล้วก็เข้าสอบได้ประโยค ๙ อีก คนเขาก็เลยเรียกกันว่า "มหาสา ๑๘ ประโยค" มีรูปเดียวในประวัติศาสตร์ กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่า ปัจจุบันนี้ไม่มีประโยค ๙ รูปไหนกล้าไปสอบรอบสองอย่างแน่นอน..!
แต่ว่าจังหวัดกาญจนบุรีของเราไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไล่สถิตินี้ทันหรือไม่ เพราะว่าสามเณรปลื้ม (สามเณรปฏิภาณ ดอกรัก) วัดเทวสังฆาราม ปีนี้สอบประโยค ๖ ได้ อายุเพิ่งจะ ๑๕ ปี ซึ่งสามเณรปลื้มนี้ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙, ดร.) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี บอกกับกระผม/อาตมภาพเอาไว้ ๓ ปีแล้วว่า ให้ช่วยกันสนับสนุนให้จบประโยค ๙ ให้ได้ เพราะดูแล้ว "มีแวว" มาก ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าเด็กอายุ ๑๕ สอบเปรียญโทผ่านแล้ว เตรียมเข้าเปรียญเอกต่อ ส่วนพวกเราต้องใช้ความเพียรมากกว่าเด็กอย่างท่านหลายเท่า..!
ถ้าหากว่าหลายท่านเรียนหนังสืออยู่ เกรงว่าจะไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม กระผม/อาตมภาพขอบอกว่ามี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน ถ้าจำไม่ผิด ท่านเป็นเจ้าคุณที่พระราชสังวรญาณ กระผม/อาตมภาพไปกราบขอความรู้การปฏิบัติจากท่านหลายครั้ง ท่านบอกว่าท่านท่องบาลีอยู่ ท่องไปท่องมาก็สงสัย "ตัวกูอยู่ตรงนี้ แล้วไอ้นั่นเป็นใครวะ ? หน้าตาเหมือนกูเปี๊ยบเลย" ก็คือท่านท่องบาลีจนกายในหลุดออกไป ก็แปลว่าในเรื่องของการเรียนบาลี เราสามารถใช้เป็นคำภาวนาได้เลย ลักษณะแบบเดียวกับการสวดมนต์ทำวัตร ก็คือท่องหนังสือเป็นการสร้างสมาธิ ท่องหนังสือเป็นคำภาวนา -
กระผม/อาตมภาพปรารภหลายครั้งว่า "ลุ้นพวกท่านสอบ เหนื่อยกว่าสอบเองเยอะเลย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพสอบเมื่อไร ลุ้นอยู่อย่างเดียวว่าจะได้ที่ ๑ หรือเปล่า ? แต่พวกท่านทั้งหลายสอบแล้วต้องลุ้นว่าจะผ่านหรือเปล่า ?"
กำลังรออยู่ว่าเมื่อไรประเทศไทยเราจะมีสุดยอดอัจฉริยะแบบ "๓ พรหม" ในปัจจุบัน ซึ่งสมัยนั้นก็คือสามเณรประกอบ สามเณรประยูร และสามเณรสุชาติ สอบประโยค ๓ เสร็จ ดูหนังสือประโยค ๔ ต่อเลย เพื่อนถามว่า "เฮ้ย..ไม่รอดูก่อนหรือว่าผลสอบเป็นอย่างไร ?" พวกตอบได้ชื่นใจมากว่า "กูไม่เห็นมีอะไรที่จะทำให้กูตกได้เลย..!"
ปัจจุบันนี้สามเณรประกอบเปลี่ยนชื่อเป็นพงศ์สันต์ก็คือ พระเดชพระคุณพระพรหมกวี (พงศ์สันต์ ธมฺมเสฏฺโฐ, ป.ธ.๙, ดร.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๓ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร
สามเณรประยูรก็คือ พระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต ประธานศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร
สามเณรสุชาติก็คือ พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ.๙) รักษาการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าคณะภาค ๕ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และที่แน่ ๆ เป็นแม่กองบาลีสนามหลวงอีกด้วย -
ขอให้ทุกท่านรู้ว่า หลวงพ่อสุชาติของเราพิมพ์ข้อสอบบาลีด้วยตัวเอง ออกข้อสอบเอง พิมพ์เอง ใส่ซองเอง ปิดซองเอง ไม่มีใครทุจริตได้ เพราะว่าท่านเกรงว่าถ้าให้คนอื่นทำ เดี๋ยวจะรั่ว ถ้าท่านทำเอง ข้อสอบไม่รั่วแน่นอน ทั้ง ๆ ที่สุขภาพก็ชำรุด แต่ยังทำเองทุกอย่าง
ปัจจุบันนี้ใน "๓ พรหม" ทั้งหมด รู้สึกว่าสุขภาพท่านจะย่ำแย่ที่สุด อาจจะเป็นเพราะภาระงานหนักมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ท่านก็รับตำแหน่งแม่กองบาลีมาแล้ว
คราวนี้อัจฉริยะแบบนี้ กระผม/อาตมภาพรอดูอยู่ว่า "ชีวิตนี้จะได้เห็นอีกไหม ?" เท่าที่ผ่านมาที่ได้เห็นก็คือสามเณรประยูร โยมพ่อเห็นพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) วัดญาณเวศกวัน สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคตั้งแต่เป็นสามเณร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นนาคหลวง อุปสมบทในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โยมพ่อตั้งใจเลยว่า ถ้ามีลูกก็ต้องให้ได้อย่างนี้ ขนาดลูกชายเกิดมายังต้องชื่อว่าประยูร คล้าย ๆ กับประยุทธ์เลย พ่อตั้งใจแล้วลูกทำได้อีกด้วย..!
เรื่องพวกนี้ในวงการศึกษาของคณะสงฆ์เราเป็นเรื่องมุขปาฐะ บอกเล่ากันมาปากต่อปาก แต่ว่าปัจจุบันนี้ดีตรงที่ว่าเล่าแล้วมีการบันทึกเป็นหลักฐานไว้ได้ กระผม/อาตมภาพก็จะรอดูต่อไปว่า จะมีสถิติประหลาด ๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีกเมื่อไร
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)