"เสี้ยววินาทีเฉียดตาย"ของ..."วุธ" อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 13 พฤษภาคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"เสี้ยววินาทีเฉียดตาย"ของ..."วุธ" อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร</TD></TR><TR><TD vAlign=top>11 พฤษภาคม 2550 22:06 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] ดวงชะตา หรือ ฟ้าลิขิต ให้โชคชะตาของคนเราแต่ละคนแตกต่างกันไป หมายความว่า การคาดคะเนว่า มีดวงสูงส่ง หรือต่ำต้อย ดีร้าย หรืออายุสั้น อายุยืนหรือไม่ ถ้าคิดอยากจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า บางคนก็ต้องยึดหลักตามวิธีที่พยากรณ์ หรือโหราศาสตร์นั่นเอง

    ตรงนี้เป็นความเชื่อของแต่ละคน ว่าจะเชื่อสิ่งที่เป็นอนาคต หรือเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นได้แค่ไหน "วุธ" อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร พระเอกละครชื่อดัง เป็นอีกหนึ่งคนที่มีคนทักว่า ดวงชะตาถึงคราวเคราะห์ ถึงขั้นเสียชีวิต หากไม่มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ตัวเอง
    อัษฎาวุธ เล่าว่า เมื่อครั้งไปบวงสรวงเปิดกล้องงานละครของอาหลอง (ฉลอง ภักดีวิจิตร) มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เคยทำงานกับอาหลอง สมัยที่แกทำหนัง ท่านก็ไม่ได้เจออาหลองมานานเหมือนกัน ระหว่างนั้นท่านเดินเข้ามาทักทายตามปกติ วันต่อมามีโทรศัพท์เข้ามาหา โดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนรับ
    ท่านอาจารย์ท่านนี้ก็ถามถึงตนว่า อยู่ไหม บอกมันนะ ให้มันไปทำบุญ เพราะมันมีเคราะห์ถึงขั้นเสียชีวิต พอเขาบอกชื่อมา ก็จำได้ว่า เคยเจอที่งานบวงสรวงละครของอาหลอง
    ผู้จัดการก็โทรศัพท์ไปถามอาหลองถึงความเป็นมาของอาจารย์ท่านนี้ อาหลองก็บอกว่า เคยให้เขามาตั้งหิ้งพระ แต่ในเรื่องที่เขาทักแบบนี้ อาหลองไม่ยืนยันว่า จะเป็นไปได้แค่ไหน
    อาหลองก็บอกว่า ไปทำบุญก่อนก็แล้วกัน เพราะคนทักถ้าเราทำอะไรแล้วไม่เดือดร้อนใครก็ทำไปเถอะ เพราะถือว่าเราทำบุญ แต่ถ้าจากนี้ไปมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะเป็นการฟาดเคราะห์
    เชื่อไหมว่า พอทำบุญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตกกลางคืนขับรถกลับบ้านหลังถ่ายละครเสร็จประมาณตuสาม รถยนต์เกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ล้างถนนเพิ่งเสร็จ จึงเป็นเหตุให้ถนนลื่น
    ระหว่างที่ขับรถยนต์ลงจากทางด่วน แถวสี่แยกพงษ์เพชร งามวงศ์วาน ก็ไม่ได้ใช้ความเร็วมาก จังหวะที่แตะเบรกนิดเดียว ประกอบกับถนนเพิ่งล้างเสร็จใหม่ รถก็เกิดสะบัดอย่างแรงไปชน เรียกว่าเละทั้งคัน ถึงกับต้องขายรถทิ้ง แต่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
    วันรุ่งขึ้น ยืมรถยนต์ของพี่ที่รู้จัก ไปถ่ายละครต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขนาดไปบอกคนในกองถ่ายว่า เมื่อคืนตอนกลับบ้านรถเกิดอุบัติเหตุ หลายคนมองหน้าก็พยายามคิดว่าเราโกหก เพราะสีหน้าเป็นปกติ สีหน้าไม่ได้ตกใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
    "วันที่รถเกิดอุบัติเหตุ นึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์คนนั้นขึ้นมาทันที ความรู้สึกของเรามันอึ้งๆ อยู่เหมือนกันว่า เป็นไปตามคำทักของท่านจริงๆ แต่ตรงนี้เราก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องบังเอิญพอดีหรือเปล่า หรืออีกนัยหนึ่งเราประมาทไหม ผมคิดว่าถ้าเราคิดในแง่ของความประมาทมันก็จริง เพราะว่าทำไมเราถึงไม่ดูว่า ถนนเพิ่งล้างใหม่ๆ ถนนมันจะลื่น ทำไมเราไม่ระวัง ประกอบกับเราถ่ายละครมาก จึงไม่มีเวลาไปตรวจสภาพรถ ผมต้องเดินทางไปกาญจนบุรี สระบุรี ไปโคราช กลับมากรุงเทพฯ แล้วต้องไปเมืองกาญจน์อีก รถใช้งานทุกวัน เป็นเหตุทำให้รถขาดการบำรุงที่ดีมันก็พิสูจน์กันลำบาก" วุธ อธิบายถึงความเป็นไปได้ของการเกิดอุบัติเหตุ
    พระเอกละครชื่อดัง กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีความเชื่อในเรื่องของการทำบุญ ว่าการทำบุญเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงคิดว่ามันเป็นเคราะห์กรรม บุญกรรม ใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา ทำดีก็ได้สิ่งดีๆ กลับมา ทำชั่วก็จะได้ความชั่วกลับมา สังเกตได้ชัดๆ เลยว่าถ้าเราทำชั่วใครไม่รู้แต่ใจเรานั่นแหละที่จะรู้ เป็นการกระตุ้นเตือนเราตลอดเวลา มันก็คือกรรมชั่วที่จะคอยมาหลอกหลอนเราอยู่ร่ำไป แต่ถ้าเราทำความดีสีหน้าของคนเราก็จะดูสดใสทั้งข้างนอกและข้างในใจของเรา ทำดีได้ผลดีกรรมเร็วคนนั้นจะต้องไม่มีวิบากกรรมอะไรมาก และทุกวันนี้จะต้องซื้อสังฆทานไว้ในรถตลอด เมื่อเห็นว่าชื่อวัดบางแห่งดีก็จะเข้าไปทำ เช่น วัดลอยเคราะห์ หรือวัดหมื่นล้าน ดูแล้วชื่อดีมากส่งผลให้เราสนุกกับการทำบุญ
    สำหรับพระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำคือ จี้หัวใจพระพุทธเจ้า เนื่องจากเป็นคนแสดงละครจะต้องใส่เครื่องประดับของกองถ่าย จึงไม่ค่อยสะดวกที่จะแขวนพระเครื่องของผู้ใหญ่ที่ให้เอาไว้มากมาย ความรู้สึกของการแขวนจี้องค์นี้คิดว่าไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลัง ทำให้เรานึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น คนเราจะแขวนอะไรก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องแขวนพระของหลวงพ่อดังๆ
    อัษฎาวุธ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลักธรรมที่พอจำได้คือ การทำให้จิตสงบ ทำให้จิตนิ่ง ทำให้จิตว่างสอนให้เราไม่คิดไม่หวังกับสิ่งเราทำ และเราจะว่างเบาสบายในที่สุดมันก็จะเกิดปัญญา
    0 เรื่อง / ภาพ สุทธิคุณ กองทอง 0

    -->[​IMG]
    ดวงชะตา หรือ ฟ้าลิขิต ให้โชคชะตาของคนเราแต่ละคนแตกต่างกันไป หมายความว่า การคาดคะเนว่า มีดวงสูงส่ง หรือต่ำต้อย ดีร้าย หรืออายุสั้น อายุยืนหรือไม่ ถ้าคิดอยากจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า บางคนก็ต้องยึดหลักตามวิธีที่พยากรณ์ หรือโหราศาสตร์นั่นเอง
    ตรงนี้เป็นความเชื่อของแต่ละคน ว่าจะเชื่อสิ่งที่เป็นอนาคต หรือเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นได้แค่ไหน "วุธ" อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร พระเอกละครชื่อดัง เป็นอีกหนึ่งคนที่มีคนทักว่า ดวงชะตาถึงคราวเคราะห์ ถึงขั้นเสียชีวิต หากไม่มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ตัวเอง
    อัษฎาวุธ เล่าว่า เมื่อครั้งไปบวงสรวงเปิดกล้องงานละครของอาหลอง (ฉลอง ภักดีวิจิตร) มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เคยทำงานกับอาหลอง สมัยที่แกทำหนัง ท่านก็ไม่ได้เจออาหลองมานานเหมือนกัน ระหว่างนั้นท่านเดินเข้ามาทักทายตามปกติ วันต่อมามีโทรศัพท์เข้ามาหา โดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนรับ

    [​IMG]
    ท่านอาจารย์ท่านนี้ก็ถามถึงตนว่า อยู่ไหม บอกมันนะ ให้มันไปทำบุญ เพราะมันมีเคราะห์ถึงขั้นเสียชีวิต พอเขาบอกชื่อมา ก็จำได้ว่า เคยเจอที่งานบวงสรวงละครของอาหลอง
    ผู้จัดการก็โทรศัพท์ไปถามอาหลองถึงความเป็นมาของอาจารย์ท่านนี้ อาหลองก็บอกว่า เคยให้เขามาตั้งหิ้งพระ แต่ในเรื่องที่เขาทักแบบนี้ อาหลองไม่ยืนยันว่า จะเป็นไปได้แค่ไหน
    อาหลองก็บอกว่า ไปทำบุญก่อนก็แล้วกัน เพราะคนทักถ้าเราทำอะไรแล้วไม่เดือดร้อนใครก็ทำไปเถอะ เพราะถือว่าเราทำบุญ แต่ถ้าจากนี้ไปมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะเป็นการฟาดเคราะห์
    เชื่อไหมว่า พอทำบุญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตกกลางคืนขับรถกลับบ้านหลังถ่ายละครเสร็จประมาณตuสาม รถยนต์เกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ล้างถนนเพิ่งเสร็จ จึงเป็นเหตุให้ถนนลื่น
    ระหว่างที่ขับรถยนต์ลงจากทางด่วน แถวสี่แยกพงษ์เพชร งามวงศ์วาน ก็ไม่ได้ใช้ความเร็วมาก จังหวะที่แตะเบรกนิดเดียว ประกอบกับถนนเพิ่งล้างเสร็จใหม่ รถก็เกิดสะบัดอย่างแรงไปชน เรียกว่าเละทั้งคัน ถึงกับต้องขายรถทิ้ง แต่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
    วันรุ่งขึ้น ยืมรถยนต์ของพี่ที่รู้จัก ไปถ่ายละครต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขนาดไปบอกคนในกองถ่ายว่า เมื่อคืนตอนกลับบ้านรถเกิดอุบัติเหตุ หลายคนมองหน้าก็พยายามคิดว่าเราโกหก เพราะสีหน้าเป็นปกติ สีหน้าไม่ได้ตกใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
    "วันที่รถเกิดอุบัติเหตุ นึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์คนนั้นขึ้นมาทันที ความรู้สึกของเรามันอึ้งๆ อยู่เหมือนกันว่า เป็นไปตามคำทักของท่านจริงๆ แต่ตรงนี้เราก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องบังเอิญพอดีหรือเปล่า หรืออีกนัยหนึ่งเราประมาทไหม ผมคิดว่าถ้าเราคิดในแง่ของความประมาทมันก็จริง เพราะว่าทำไมเราถึงไม่ดูว่า ถนนเพิ่งล้างใหม่ๆ ถนนมันจะลื่น ทำไมเราไม่ระวัง ประกอบกับเราถ่ายละครมาก จึงไม่มีเวลาไปตรวจสภาพรถ ผมต้องเดินทางไปกาญจนบุรี สระบุรี ไปโคราช กลับมากรุงเทพฯ แล้วต้องไปเมืองกาญจน์อีก รถใช้งานทุกวัน เป็นเหตุทำให้รถขาดการบำรุงที่ดีมันก็พิสูจน์กันลำบาก" วุธ อธิบายถึงความเป็นไปได้ของการเกิดอุบัติเหตุ
    พระเอกละครชื่อดัง กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีความเชื่อในเรื่องของการทำบุญ ว่าการทำบุญเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงคิดว่ามันเป็นเคราะห์กรรม บุญกรรม ใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา ทำดีก็ได้สิ่งดีๆ กลับมา ทำชั่วก็จะได้ความชั่วกลับมา สังเกตได้ชัดๆ เลยว่าถ้าเราทำชั่วใครไม่รู้แต่ใจเรานั่นแหละที่จะรู้ เป็นการกระตุ้นเตือนเราตลอดเวลา มันก็คือกรรมชั่วที่จะคอยมาหลอกหลอนเราอยู่ร่ำไป แต่ถ้าเราทำความดีสีหน้าของคนเราก็จะดูสดใสทั้งข้างนอกและข้างในใจของเรา ทำดีได้ผลดีกรรมเร็วคนนั้นจะต้องไม่มีวิบากกรรมอะไรมาก และทุกวันนี้จะต้องซื้อสังฆทานไว้ในรถตลอด เมื่อเห็นว่าชื่อวัดบางแห่งดีก็จะเข้าไปทำ เช่น วัดลอยเคราะห์ หรือวัดหมื่นล้าน ดูแล้วชื่อดีมากส่งผลให้เราสนุกกับการทำบุญ
    สำหรับพระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำคือ จี้หัวใจพระพุทธเจ้า เนื่องจากเป็นคนแสดงละครจะต้องใส่เครื่องประดับของกองถ่าย จึงไม่ค่อยสะดวกที่จะแขวนพระเครื่องของผู้ใหญ่ที่ให้เอาไว้มากมาย ความรู้สึกของการแขวนจี้องค์นี้คิดว่าไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลัง ทำให้เรานึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น คนเราจะแขวนอะไรก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องแขวนพระของหลวงพ่อดังๆ
    อัษฎาวุธ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลักธรรมที่พอจำได้คือ การทำให้จิตสงบ ทำให้จิตนิ่ง ทำให้จิตว่างสอนให้เราไม่คิดไม่หวังกับสิ่งเราทำ และเราจะว่างเบาสบายในที่สุดมันก็จะเกิดปัญญา 0 เรื่อง / ภาพ สุทธิคุณ กองทอง 0

    ----------------
    Ref.
    http://www.komchadluek.net/2007/05/13/j001_115514.php?news_id=115514

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...