เหตุการณ์ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 8 มิถุนายน 2017.

  1. supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047

    เกร็ดประวัติ และ ปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ๓


    จากหนังสือ "รำลึกวันวาน"


    หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ


    โพสท์ในลานธรรมเสวนา หมวดบันเทิงธรรม กระทู้ 19153 โดย: ภิเนษกรมณ์ 08 มี.ค. 49


    เหตุการณ์ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
    ท่านพระอาจารย์เล่าว่า ครานั้นท่านพักอยู่ดอยอะไรจำไม่ได้ แต่เป็นชาวลีซอ ท่านมิได้สนใจเรื่องภายนอก มีแต่พิจารณาธรรมภายใน เช้าวันหนึ่งไปบิณฑบาต สังเกตเห็นชาวบ้านจับกลุ่มสนทนากัน มีท่าทางตื่นเต้น ฟังไม่ค่อยรู้ภาษา จำได้แต่ว่า ยาปาน ยาปาน พอกลับถึงวัด ท่านเลยถามเป็นภาษาคำเมืองว่า "เขาพูดอะไรกัน"


    ได้ความว่า ทหารยาปาน (ญี่ปุ่น) บุกขึ้นประเทศไทย ที่เมืองสงขลา การรบได้เป็นไปอย่างหนักหน่วง มีแม่ค้าขายของเป็นประจำในตอนเช้าเข้าร่วมรบด้วย มีหัวหน้าชื่อนางสาวกอบกุล พร้อมนักรบแม่ลูกอ่อน มีทั้งแม่ลูกหนึ่งลูกสอง



    ท่านได้ฟังแล้วก็ยิ้มกับชาวบ้าน ถามว่า "
    นักรบแม่ลูกอ่อนก็มีด้วยหรือ"


    ต่อมาได้มีคำสั่งจากรัฐบาลถึงกองทัพ ให้ทหารไทยหยุดยิง โดยอ้างว่าญี่ปุ่นไม่ต้องการรบกับไทย ขอผ่านเฉยๆ แต่ทหารไทยประจำแนวหน้า พร้อมนักรบแม่ลูกอ่อนก็ไม่หยุดยิง ไม่ถอย ทหารญี่ปุ่นขึ้นบกไม่ได้ ตายเขียวไปทั้งทะเล ว่าอย่างนั้น จนรัฐบาลต้องส่งกองทหารอื่นเข้าไป สั่งให้ทหารญี่ปุ่นหยุดยิง ขอสับเปลี่ยนกองทหาร ทัพแนวหน้าและนักรบแม่ลูกอ่อน จึงได้หยุดยิงถอยเข้ากรมกอง ฝ่ายกองทัพญี่ปุ่นจึงขึ้นบกได้



    ท่านก็ไม่ได้ถือเอาเป็นอารมณ์ คิดว่าเป็นกรรมของสัตว์ เจริญสมณธรรมตามปกติ วันรุ่งขึ้นพอจวนจะสว่าง ท่านวิตกขึ้นว่า "
    ชะตากรรมประเทศไทยจะเป็นอย่างไรกันหนอ"


    ปรากฏนิมิตว่า



    "
    ประเทศไทยคล้ายภูเขาสูง บนยอดมีธงไทย 3 สี ปลิวสะบัดอยู่ และมีพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่เหนือธงไทย มองดูตีนเขาลูกนั้น มีธงชาติต่างๆ ปักล้อมรอบเป็นแถวๆ "


    ท่านพิจารณาได้ความว่า



    "
    ประเทศไทยไม่เป็นอะไรมาก นอกจากผู้มีกรรมเท่านั้น และต่อไปนานาประเทศจะยอมรับนับถือ เพราะประเทศไทย พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เบียดเบียน รังแกข่มเหงเพื่อนมนุษย์และสัตว์ และประเทศไทยก็ไม่เคยข่มเหงประเทศใด นอกจากป้องกันตัวเท่านั้น ชาติต่างๆ จึงยอมรับนับถือเป็นกัลยาณมิตร"


    ผ้ายันต์
    นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา

    อีกคราวหนึ่ง ท่านพักที่ดอยมูเซอ วันหนึ่งพระสยามเทวาธิราชพร้อมเทพบริวารได้พากันมากราบนมัสการ ท่านกำลังเดินจงกรมอยู่ พอรายงานตัวเสร็จ ท่านถามวัตถุประสงค์

    พระสยามเทวาธิราชตอบว่า "เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดที่กรุงเทพฯ อย่างหนักหน่วง พวกข้าพเจ้าป้องกันเต็มที่"

    หลวงปู่มั่น ถามว่า "มีคนบาดเจ็บล้มตายไหม"

    พระสยามเทวาธิราช ตอบว่า "มี"

    หลวงปู่มั่น ถามว่า"ทำไมไม่ช่วย"

    ตอบว่า "ช่วยไม่ได้ เพราะเขามีกรรมเวรกับฝ่ายข้าศึก จะช่วยได้แต่ผู้ไม่มีกรรม สถานที่สำคัญ และพระพุทธศาสนาเท่านั้น"

    หลวงปู่มั่น ถามว่า "มานี้ประสงค์อะไร"

    ตอบว่า "ขอให้ท่านบอกคาถาปัดเป่าลูกระเบิดไม่ให้ตกถูกที่สำคัญด้วย"

    หลวงปู่มั่นจึงกำหนดพิจารณาหน่อยหนึ่งได้ความว่า

    "นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา"

    เมื่อบอกแล้ว เทพคณะนั้นก็อนุโมทนาสาธุการ แล้วลากลับไป

    (นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา คือ ส่วนหนึ่งของคาถายูงทอง หรือ โมรปริตร นั่นเอง คำนี้หลวงปู่มั่นใช้เขียนเป็นบนผ้าเป็นคล้ายผ้ายันต์มอบให้แก่โยมบางคน ปรากฏผลเป็นที่น่าอัศจรรย์หลายประการ - ภิเนษกรมณ์)

    ขอบพระคุณที่มา :- http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-mun/lp-mun-hist-06-03.htm
     
  2. ra_15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +116
    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้