เหตุแห่งการเกิดเป็นชาย เป็นหญิง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย lionking2512, 16 มีนาคม 2013.

  1. lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ตามหลักฐาณทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า เคยตรัสว่า คนที่ท่องเที่ยวในสังสารวัฏนั้น เคยเกิดเป็นชายเป็นหญิงมาบ้างแล้วอย่างนับไม่ถ้วน บางชาติเป็นชาย บางชาติเป็นหญิง ความสัมพันธุ์ของบุคคลหรือวิญญาณที่ท่องเที่ยวในสังสารวัฏด้วยกันนั้นมีอยู่แทบทุกแบบ คือเคยเป็นสามีภรรยากันบ้าง เคยเป็นบุตรธิดามารดากันบ้าง เคยเป็นมิตรเป็นศัตรูกันบ้าง สายใยชีวิตแห่งมนุษย์จึงดูยุ่งยากที่จะสะสางได้ คนที่เคยรักกันอย่างดูดดื่มก็จะถูกชักนำให้มาพบกันชาติแล้วชาติเล่าในลักษณะต่างๆ เช่น พ่อแม่ พี่น้อง คนรัก ทั้งนี้เพื่อให้ความรักขึ้นสู่ขั้นสมบูรณ์ในทุกๆด้าน

    อนึ่ง ที่ต้องเกิดเป็นชายบ้างหญิงบ้าง ก็เพื่อหาประสบการณ์ให้กับวิญญาณ อุปนิสัยของเราจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ ได้เป็นเพศต่างๆมาแล้วสลับกัน เมื่อใดเราถึงขั้นสูงสุดของวิวัฒนาการของมนุษย์ เมื่อนั้นอุปนิสัยของเราจะเป็นแบบสมบูรณ์ คือมีพร้อมทั้งลักษณะของหญิงและชาย ถ้าสังเกตุจะเห็นว่า คนที่ทำประโยชน์มากๆให้แก่โลกนั้น ล้วนมีลักษณะทั้ง 2 คือ มีลักษณะของหญิงและชายผสมกลมกลืนในคนคนเดียวกัน เช่น ความอ่อนโยน ( ลักษณะของหญิง ) ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ( ลักษณะของชาย ) ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ( ลักษณะของหญิง ) ความยุติธรรม ( ลักษณะของชาย ) การต้องมีอะไรทำอยู่เสมอ ( ลักษณะของหญิง ) การทำจริง ทำอย่างทุ่มเททนทาน ( ลักษณะของชาย )

    ลักษณะเหล่านี้เมื่อแยกกันอยู่จะไม่ให้ประโยชน์มากนัก แต่เมื่ออยู่รวมกันในคนคนเดียว ก็จะได้ส่วนที่พอดี ไม่หย่อนเกิน ไม่ตึงเกิน ทำให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่ได้

    ยกตัวอย่างเช่นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเพียงอย่างเดียว มักทำอะไรลงไปโดยเสียความยุติธรรม เพราะความเห็นอกเห็นใจจูงให้กระทำ ส่วนคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างเดียวไม่แลเหลียวถึงสภาพแวดล้อมบ้างเลย ก็จะขาดความเห็นอกเห็นใจ กลายเป็นคนแข็งกร้าวไป มุ่งรักษาแต่หลักการโดยไม่คำนึงถึงความจำเป็นส่วนบุคคลบ้างเลย

    แต่เมื่อคุณธรรมทั้งสองมารวมในคนคนเดียว คนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยดีเลิศ คือมีความยุติธรรมโดยไม่ขาดความเห็นอกเห็นใจ หรือมีความยุติธรรมโดยไม่ให้เสียความยุติธรรม

    คนที่มีอุปนิสัยดีเลิศ จึงต้องมีลักษณะของชายและลักษณะของหญิงรวมกัน การจะเป็นอย่างนั้นได้ ก็โดยเขาต้องเกิดเป็นชายเพื่อบ่มลักษณะชาย และเคยเกิดเป็นหญิงเพื่อบ่มลักษณะของหญิง หรือเพื่อหาประสบการณ์ในเพศนั้นๆ แล้วกำจัดส่วนเสียออก รักษาและเพิ่มพูนส่วนที่ดีไว้

    ที่มา : หนังสือหลักกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด โดย อาจารย์วศิน อินทสระ
     
  2. firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ด้วยความเคารพ
    อ่านแล้วสงสัยว่าอ.วศิน เขียนมาจากข้อมูลพื้นฐานใด
    เนื่องด้วยย่อหน้าแรกอ้างอิงถึงพระพุทธเจ้า แต่ที่เหลือได้อ้างอิงถึงพุทธพจน์อื่นไว้บ้างมั้ยครับ
     
  3. lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ขอบคุณที่ท้วงติง ขอกลับไปทำการบ้านเพิ่มนะครับ
     
  4. J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ผมอ่านดู อ.วศิน ก็อธิบายความหมายของวรรคแรกอ้างอิงถึงพระพุทธเจ้า นิครับ
     
  5. ไจโกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ขอโอกาสนะครับ

    สาเหตุที่ได้ความเป็นหญิง

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
    ก็หญิงย่อมสนใจสภาพแห่งหญิงในภายใน
    กิริยา ท่าทาง ความไว้ตัว ความ
    พอใจเสียง และเครื่องประดับของหญิง
    เขาย่อมยินดี พอใจ ในสภาพของตนนั้นๆเขายินดี
    พอใจในสภาพของตนนั้นๆ
    แล้ว ย่อมสนใจถึงสภาพของชายในภายนอก
    กิริยา ท่าทาง ความ
    ไว้ตัว ความพอใจ เสียง
    และเครื่องประดับของชาย ย่อมยินดี
    พอใจในสภาพของชายนั้นๆ
    เขายินดี พอใจในสภาพของชายนั้นๆ
    แล้ว ย่อมมุ่งหวังการสมาคมกับชาย
    และสุขโสมนัสที่เกิดเพราะการสมาคมกับชายเป็นเหตุ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
    สัตว์ผู้พอใจในภาวะแห่งหญิงก็ถึงควาวเกี่ยวข้องในชาย
    ด้วยอาการอย่างนี้แล
    หญิงจึงไม่ล่วงพ้นภาวะแห่งหญิงไปได้
    (พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต)



    สาเหตุที่พ้นจากความเป็นหญิง

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
    ส่วนความไม่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    หญิงย่อม ไม่สนใจในสภาพของหญิงในภายใน
    กิริยา ท่าทาง ความไว้ตัว ความพอใจ
    เสียงและเครื่องประดับของหญิง
    เขาไม่ยินดี ไม่พอใจในสภาพแห่งหญิง
    ย่อมไม่สนใจถึงสภาพแห่งชาย
    ในภายนอก กิริยา ท่าทาง
    ความไว้ตัว ความพอใจ
    เสียงและเครื่องประดับแห่งชาย
    เขาไม่ยินดี ไม่พอใจในสภาพแห่งชายนั้นๆ แล้ว
    ย่อมไม่มุ่งหวังการสมาคมกับชายในภายนอก
    และสุขโสมนัสที่เกิดเพราะการสมาคมกับชาย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    สัตว์ผู้ไม่พอใจในสภาพแห่ง
    หญิงก็ถึงความไม่เกี่ยวข้องในชาย
    ด้วยอาการอย่างนี้แล
    หญิงจึงล่วงพ้นสภาพแห่งหญิงไปได้ ฯ
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต


    ในกรณีของฝ่ายชายพระองค์ก็ทรงตรัสในลักษณะเดียวกันแต่กลับกัน​
     

แชร์หน้านี้