ผมทันครับพี่พี ไม้มะยมนี่สุดฤทธิ์ เมื่อตอนเด็กๆจำได้ ยายปลูกไว้หน้าบ้านเลย ตอนนี้เกลี้ยง โดนตัดไปแล้ว...
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 1004 ของ 3280
-
แสดงว่าไม้มะยมธิปไตย ยังคงอยู่รอดมาได้ ยังคงอยู่คู่ไทยไปจนตราบฟ้าดินสลาย -
สวัสดีตอนบ่ายครับ วันนี้ได้ไปพบพี่โจสุดหล่อ นัดเจอที่แกรนไฮเอด เอราวัณ เข้าไปรอพี่โจนำรูปหล่อหลวงปู่บุญศรีมาให้ ช่วงที่รอเดินดูนาฬิกาเพลิน พอดูราคาแทบล้มคว่ำอย่างต่ำเรือนละแสน พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เลยได้แต่มอง พอพี่โจสุดหล่อมาก็ไปรับรูปบูชามาสมใจรอคอยครับ งานนี้ต้องขอขอบคุณพี่โจและอนุโมทนาบุญเป็นอย่างสูงนะครับ พี่โจใจบุญจริงๆ ครับ (แถมแกทักผมว่าหุ่นเดียวกับป๋าก่อ ผมเลยบอกว่าผมกับป๋าแข่งกันอ้วนครับ อิอิ)
-
พี่พีครับรบกวนเปรียบเทียบรูปหล่อฉีดรุนที่โรงเรียนส้รางปี42กับ49ว่าแตกต่างกันอย่างไร ผมหาโพสเก่าไม่เจอครับ ขอบคุณครับ
-
อยู่ในหน้า 33 ลงมา ครับพี่ เคพีเอ็น -
ก้านมะยมเด็กๆ ผมก็โดนบ่อยครับ แบบว่าเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ค่อยซน กรั่กๆๆๆๆ (deejai)
เวลาจะตีคุณแม่ ท่านให้ไปเด็ดก้านมะยมเองด้วย เลือกเอาเลยตามความพอใจ แห่ะๆๆ หวดสามที่ก้านหักเหมือนกันครับ
เรื่องที่คุณแม่จะตีหนักและแรงที่สุดคือ ทะเลาะกับน้องครับ ท่านว่า พี่น้องกัน ให้รักกันมากๆ หมดพ่อแม่ไป ก็เหลือกันแต่พี่น้อง ต้องรักกันไว้ -
สวัสดีพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่าน
ผมยินดีมากๆ ครับ ที่ได้รับใช้เพื่อนสมาชิกบ้าง
ช่วงนี้ผมลดน้ำหนักไปได้ สอง กิโล แล้ว
ถ้าเจอกันก่อนหน้านี้ ผมละเดิน ตัวพองมาเลย -
-
ก้านมะยมนี่เคยโดนครั้งนึงครับ แค่ 3 ก้าน พ่อตีกลับบ้านดึก เลือดซิบเลยที่ข้อพับขา เพราะที่บ้านปลุกมะยมไว้หน้าบ้าน ยังจำรสชาติได้อยู่เลยครับ ...อิอิอิ
เดี๋ยวค่ำๆมาเล่าครับว่าที่โรงเรียนใหม่ของแรงแบบไหน ... -
ปี ๔๒ องค์ใหญ่กว่า ๔๙ ครับ -
ก้านมะยมไม่เคยโดนเหมือนกันครับพี่โจ เจอแต่ไม้ปัดขนไก่ด้ามหวาย ตีทีเดียว 3 รอยจำตลอดชีวิตเลย อิอิ
-
-
เกล็ดไม้มะยม
รากมะยมกินแล้วเมา กลิ้ง
เม็ดมะยม กินแล้วอร่อย โดยเฉพาะมะยมดอง เยี่ยม
ใบมะยม กินกับข้าวมัน ส้มตำไทย แซ่บ ชอบมาก
ไม้มะยม ทำของดี พวก ปลัด รักยม กุมารทองเยี่ยม โดยเฉพาะพวก ตายพราย
ตายพราย ยืนแห้งตายไปเองทั้งต้น เป็นทนสิทธิ์ ตามตำราว่ามีเทวดาสถิตย์อยู่ -
เรื่องมีอยู่ว่า ในสัปดาห์ที่ 2 หลังจากที่ผมได้มาประจำที่โรงเรียนใหม่ที่ชุมพร ด้วยการบรรจุมาเป็นครูดนตรีคนแรกและคนเดียวของที่นี่ ที่นี่ขาดครูดนตรีไทยมานับสิบปีแล้ว เครื่องดนตรีต่างๆก็เก่าชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก อีกทั้งมาแล้วผมก็ไม่ได้รับรู้เพราะไม่มีคนบอกเลยว่าเครื่องดนตรีที่เก่าๆพังๆชำรุดๆเหล่านั้นอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนรู้แต่เครื่องดนตรีสากลเท่าที่เห็นก็เสียและพังเหมือนกัน เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ผมก็ถามไถ่ว่าเครื่องดนตรีไทยอยู่ที่ไหน ก็ยังไม่รู้ที่อยู่อย่างแน่ชัด จนวันหนึ่งประมาณวันอังคารที่แล้วตอนพักเที่ยงผมกำลังนั่งคุยกับบรรดาครูที่ห้องพักครู ก็มีนักเรียนวิ่งมาบอกว่า เพื่อนเป็นอะไรไม่รู้ ตัวสั่น ตัวเย็น และร้องให้ พวกครูที่อยู่ก็บอกว่าให้ผมไปดูหน่อยว่านักเรียนเป็นอะไร เมื่อเดินไปถึง นักเรียนก็มุงกันหลายคน พอเข้าไปดูก้เห้นนักเรียนสองคน ตัวสั่น ตัวเย้นร้องให้แบบกลัวอะไรสักอย่าง ผมจึงจะพาไปห้องพักครู แต่ก็ไม่ยอมไป ปากก็บอกว่าหนูกลัวๆๆๆๆ ถามนักเรียนรอบๆก็บอกเพียงว่าเห็นผีบ้าง เห้นเสื้อลอยได้บ้าง ผมจึงปลอบใจให้ไปนั่งห้องพักครูเพราะครุคนอื่นและนักเรียนตอนพักเที่ยงเริ่มมากขึ้นแล้ว พอไปห้องพักครูได้ก็สอบถามว่าเป็นอะไร ยังไง ได้ความแบบสับสนประติดประต่อ แบบ งง งง ได้ความว่า...
ตรงหลังห้อง ป.4 เค้ากั้นห้องไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเห็นของที่เป้นซากของทางราชการ และพวกเครื่องดนตรีไทยที่ร้างรามานานแสนนานแล้ว เด็กที่ร้องให้คนหนึ่งเล่าว่า เห็นเสื้อลอยมาแวบๆอยู่ในห้องนั้นจากร่องประตูจึงเกิดอาการกลัวมากๆแล้วเห้นคนนั่งอยู่ในห้องนั้นแต่เห้นเป้นเสื้อผ้าไม่มีตัวตนจากช่องแคบของร่องประตู(อาจจะตาฝาด)อีกคนก็เห็นตอนทานข้างเสร็จแล้วขึ้นมาบนห้อง เห้นผู้หญิงใส่ชุดสีแดง ผมแดงมีผ้าพาดนั่งอยู่บนโต๊ะครูในห้องเรียน จึงเกิดอาการกลัว และประกอบกับมีเพื่อนนักเรียนพูดไปต่างๆนาๆก็กลัวและตัวสั่น ตัวเย็นร้องให้ ผมจึงปลอบใจให้นั่งนิ่งๆแล้วผมจึงไปขอกุญแจห้องนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าอะไรกันแน่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกับเพื่อนครูด้วยหัน ในห้องก็มีความรกมากพอสมควร เก็บพิมพ์ดีด คอม โต๊ะพังๆไว้มากมายรวมทั้งพวกระนาด ตะโพนแตก กลองยาว อังกะลุงดีบ้างเสียบ้าง ทับๆซ้อนๆกันไว้ ไม่เป็นสัดส่วน แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ ตอนนั้นก็มองเครื่องดนตรีไทยพังกๆว่าเดี่ยวมาเอาออกนะครับ แล้วล๊อคห้องตามเดิม ไปบอกนักเรียนว่าไม่มีอะไรในห้องให้พัก แต่นักเรียนไม่หยุดร้องผมก็ยืนดูอยู่เช่นนั้นไม่พูดเพราะกลัวพูดแล้วจะเพิ่มความกลัวเลยให้นั่งสงบสติก่อนแล้วก็ปล่อยกลับบ้าน วันอังคารเหตุการณ์มีเพียงเท่านี้...
วันต่อมาผมจึงซื้อพวงมาลัย และธูปเทียนมาไหว้เจ้าที่เจ้าทางฝากฝังมาเป็นครูที่นี่ โยไปกับเพื่อนที่มาบรรจุด้วยกันแต่เช้า ก็บอกกล่าวฝากฝังเสร็จเดินกลับเข้าโรงเรียนมา ก็เห็นนักเรียนมุงกันอีกที่ห้องพยาบาล ผมจึงเดินเข้าไป เห้นเด็กสองคนเดิมอีกครับคราวนี้ นอนชักดิ้นชักงอร้องให้อยู่บนเตียง ผมจึงเดินเข้าไปดูลูบหัวถามว่าเป็นอะไรอีกครูมาแล้วเป้นอะไรว่ามา เด็กบอกว่าหนูปวดท้องมากๆ อีกคนบอกว่ามือหนูมันถูกันเองจนร้อนไปหมดแล้วก็ร้องให้ต่อ ผมจึงดูทีท่าก่อนที่จะทำไอไรลงไปในทางความเชื่อส่วนตัวของผม...ค้างไว้เท่านี้ก่อนนะครับง่วงขอตัวไปนอนก่อนครับ พรุ้งนี้ไปโรงเรียนแต่เช้า และจะมาเล่าต่ออีกหลายชอตครับ -
-
อ่านไปขนลุกไป...
-
คนเล่าไปนอน คนรอฟังนอนไม่หลับ เหอ ๆๆ -
กราบหลวงพ่อทรง... ครับ
เข้ามารายงานตัวยามค่ำ... วันนี้ช่วง 6 โมงเย็น น้องโฟสต์ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ตอนนี้เหลือแต่เรื่องแผลที่ปะ และแผลที่เอาหนังไปปะครับ คุณหมอได้ดูแผลผ่าตัดเมื่อวันอาทิตย์แล้ว ก็บอกว่าแผลติดดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนแผลที่เกิดจากเอาหนังไปปะนั้น จะเปิดดูอีกที วันจันทร์ที่ 21 พร้อมกับดูแผลที่นำหนังไปปะที่ข้อเท้าพร้อมกัน.... เรื่องที่ต้องระวังก็คืออย่าลงน้ำหนักขาข้างที่ผ่าตัด และระวังน้ำอย่าให้ถูกแผล.... คุณหมอก็เลยให้ไปพักที่บ้านได้ น้องโฟสต์อยากไปพักที่บ้านคุณยาย ผมก็เลยไปส่งมาครับ.... วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างสบายใจหน่อย จะห่วงก็เรื่องการเรียนที่ต้องตามเรื่องงาน การบ้าน และการเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียนในแต่ล่ะวิชา.... -
-
เข้ามาเป็นกำลังให้เหมือนเดิมค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
หน้า 1004 ของ 3280