กราบหลวงพ่อทรงครับ
สวัสดีพี่ ๆ ลุง ๆ ทุกท่าน
ผมอยากได้พระนักธรรมหลวงพ่อทรงมาบูชามาก หากท่านไหนเมตตาสงสารเด็กคนนี้ ก็ช่วยอนุเคราะห์ให้บูชาสักองค์เถอะครับ ผมเรียนอยู่เอกสาธารณสุขศาตร์ เรียนก็ไม่ค่อยเก่ง อยากบูชาพระก็ไม่มีตังค์ เงินที่แม่ให้แต่ละอาทิตย์ก็จำกัดจริง ๆ ท่านใดบ้างพอเมตตาผม จะไม่ลืมพระคุณเลย
ที่อยู่ผมคับ
นายอนุวัธ สายบุญผ่อง
40 หมู่ 8 ต.ศรีเมืองชุม
อ.แม่สาย จ.เชียงราย
57130
หวังไว้สักวัน คงได้พระนักธรรมมาบูชา ด้วยศรัทธาที่หมดใจ
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 1233 ของ 3280
-
กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
สวัสดีครับ พี่พี พี่น้องบ้านเหรียญบินทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end --> -
กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
สวัสดีวันอาทิตย์ ครับทุกๆท่าน
ขอให้เป็นวันที่มีแต่ความสุขกาย สุขใจนะครับ -
เดือนหน้าจะสอบภาษา ใจยังตุ๊บๆต๊อมๆอยู่เลยครับ แหะๆๆ -
สวัสดีพี่พี และ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านด้วยคัรบ
ขออนุญาต แจกพระนักธรรมให้ หนึ่งองค์นะครับ
ด้วยศรัทธาที่ตั้งมั่น ขอให้บารมีหลวงปู่บันดาลให้สำเร็จดังใจปรารถนานะคัรบ -
ขออนุโมทนากับคุณก่อด้วยครับ -
กราบหลวงปู่ทรง กราบหลวงปู่อั๊บครับ
และสวัสดีพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านครับ
-
แหม ท่านก็เอาของดีของสุดยอดหลวงพ่อทรงมาฝากผมเหมือนกัมแหละครับของที่ให้ไปไม่รู้ว่าจะเท่าของที่ท่านให้ผมหรือเปล่าเนอะ คริคริคริ
กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ -
ขออนุโมทนากับพี่ก่อด้วยครับที่แจกพระนักธรรมแก่ผู้ศรัทธา สาธุ..
วันนี้ท้องทุ่งบ้านหมี่เต็มไปด้วยพลังศรัทธาในองค์หลวงพ่อเพี้ยน สานุศิษย์ทั้งหลายทั้งใกล้และไกล ต่างมุ่งหน้าเข้าสู่วัดเล็กๆกลางทุ่งนา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าวัดเล็กแต่ศรัทธาไม่เล็กเลย วันนี้เลยมีผู้คนมาร่วมทอดกฐินเพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมและทำนุบำรุงพระศาสนา สร้างและพัฒนาถาวรวัตถุต่างๆ ได้ยอดกฐิน 20 ล้านเศษ (จำได้ว่า 3 ตัวท้าย 975) ซึ่งคณะของผมพร้อมครอบครัวและเพื่อนๆร่วมทำบุญกฐินในครั้งนี้ด้วย
จึงขอนำผลบุญที่เกิดจากอานิสงส์ของการทอดกฐินในครั้งนี้ อุทิศถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกนาม ลูกหลาน เหลน ทั้งหลาย ญาติสนิท มิตรสหายทั้งหลาย คู่แข่ง คู่รัก คู่แค้น คู่บุญ คู่กรรม ทั้งหลาย ศัตรู หมู่มิตร ทั้งหลาย เพื่อนร่วมงานทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เทพดา เทพาอารักษ์ ทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย พระพรหม พระพิคเนศ พระภูมิ เจ้าที่ พระยาครุฑ พระยานาค พระแม่คงคา พระแม่โพสพ พระแม่ธรณี ผีบ้านผีเรือน ภูติผี ปีศาจ ทั้งหลาน เปรต อสูรกาย วิญญาณเร่ร่อนทั้งหลาย ขอให้มาอนุโมทนากับผลบุญในครั้งนี้ด้วยเถิด
และขออุทิศแด่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ข้าเจ้าเคยเบียดเบียน ให้มีทุกข์ทั้งทั้งกายและทางใจ ซึ่งโดยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ขอให้มารับส่วนบุญกุศลในครั้งนี้ ขอให้อย่ามีเวรต่อกันและกัน ซึ่งท่านที่มีความทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ที่มีความสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป
และขอให้อานิสงส์ผลบุญนี้ อำนวยผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว พร้อมด้วยพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่าน มัความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม คิดสิ่งใดให้สมปรารถนา ขอให้เกิดในบวรพระพุทธศาสนา มีโอกาสพบปะกัลยาณมิตรและพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ได้รับความเมตตา แนะนำสั่งสอน ให้พ้นจากความทุกข์ทั้งสิ้นจนถึงพระนิพพานด้วยเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ....
(อาจจะยาวไป แต่เป็นคำอธิษฐานที่ผมใช้สวดทุกวัน วันนี้พิเศษเพิ่มให้พี่น้องบ้านเหรียญบินครับ) -
สองท่านนี่แจกอะไรครับ ขอดูบ้าง แห่ะๆๆ -
ขออนุโมทนาบุญด้วยคัรบ -
-
กราบหลวงพ่อทรง...ครับ
แวะเข้ามาทักทายเพื่อนๆสมาชิกบ้านเหรียญบินก่อนไปพักผ่อนครับ.... -
ไหนก้ไปทั้งทีเก็บภาพสวยๆมาฝากครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เอทำไม ? เมืองสมุทร ถึงเปลี่ยนเป็นสมาชิกธรรมดาหายละนิ พรีเมี่ยมหายไปไหนแล้วละ
(deejai)(deejai)(deejai) -
ก่อนไปพักผ่อนขอฝากธรรมะ มาให้อ่านกัน น่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มาก ก็น้อย.... ไม่แน่ใจว่าเคยเอามาลงแล้วหรือยัง ถ้าลงแล้วก็ขออภัยด้วยครับ ( ราตรีสวัสดิ์ )
"หญ้า แม้เป็นพืชต้นเล็กๆ แต่เพราะมีความทนทรหด จึงสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วโลกฉันใด คนเราแม้กำลังทรัพย์ กำลังความรู้ ความสามารถจะยังน้อย แต่ถ้ามีความอดทนแล้ว ย่อมสามารถฝึกฝนตนเอง ให้ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตได้ฉันนั้น"
ความอดทนคืออะไร ?
ความ อดทน มาจากคำว่า ขันติ หมายถึง การรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนา หรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม มีความมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ซึ่งไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะมีคนเทอะไรลงไป ของเสีย ของหอม ของสกปรกหรือของดีงามก็ตาม
งาน ทุกชิ้นในโลกไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานใหญ่ ที่สำเร็จขึ้นมาได้นอกจากจะอาศัยปัญญาเป็นตัวนำแล้ว ล้วนต้องอาศัยคุณธรรมอันหนึ่งเป็นพื้นฐานจึงสำเร็จได้ คุณธรรมอันนั้นคือ ขันติ
ถ้าขาดขันติเสียแล้ว จะไม่มีงานชิ้นใดสำเร็จได้เลย เพราะขันติเป็นคุณธรราสำหรับทั้งต่อต้านความท้อถอยหดหู่ ขับเคลื่อนเร่งเร้าให้เกิดความขยัน และทำให้เห็นอุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องท้าทายความสามารถ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของงานทุกชิ้น ทั้งทางโลกและทางธรรม คืออนุสาวรีย์ของขันติทั้งสิ้น
โดยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ยกเว้นปัญญาแล้ว เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง” ลักษณะความอดทนที่ถูกต้อง
๑.มีความอดกลั้น คือ เมื่อถูกคนพาลด่า ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน ทำหูเหมือนหูกระทะ เมื่อเห็นอาการยั่วยุ ก็ทำราวกับว่าไม่ได้เห็น ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ ไม่สนใจใยดี ไม่ปล่อยใจให้เศร้าหมองไปด้วย ใส่ใจ สนใจ แต่ในเรื่องที่จะทำความเจริญให้แก่ตนเอง เช่น เจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
๒.เป็นผู้ไม่ดุร้าย คือ สามารถข่มความโกรธไว้ได้ ไม่โกรธ ไม่ทำร้ายทำอันตรายด้วยอำนาจแห่งความโกธนั้น ผู้ที่โกรธง่ายแสดงว่ายังขาดความอดทน มีคำตรัสของท้าวสักกะ เป็นข้อเตือนใจอยู่ว่า “ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธก่อนแล้ว ผู้นั้นกลับเป็นคนเลวกว่า ผู้ที่โกรธก่อน ผู้ที่ไม่โกรธต่อบุคคลผู้กำลังโกรธอยู่ ย่อมชื่อว่า เป็นผู้ชนะสงครามอันชนะได้ยากยิ่ง”
๓.ไม่ปลูกน้ำตาให้แก่ใครๆ คือ ไม่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือเจ็บแค้นใจจนน้ำตาไหลด้วยอำนาจความเกรี้ยวกราดของเรา
๔.มีใจเบิกบานแจ่มใสอยู่เป็นนิตย์ คือ มีปีติอิ่มเอิบใจเสมอๆ ไม่พยาบาท ไม่โทษฟ้า โทษฝน โทษเทวดา โทษโชคชะตา หรือโทษใครๆ ทั้งนั้น พยายามอดทนทำการงานทุกอย่างด้วยใจเบิกบาน
ลักษณะความอดทนนั้น โบราณท่านสอนลูกหลานไว้ย่อๆ ว่า “ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย” คน บางคนขี้เกียจทำงาน บางคนขี้เกียจเรียนหนังสือ บางคนเกะกะเกเร พอมีผู้ว่ากล่าวตักเตือนก็เฉยเสีย แล้วบอกว่าตนเองกำลังบำเพ็ญขันติบารมี อย่างนี้เป็นการเข้าใจผิด ตีความหมายของขันติผิดไป ขันติไม่ได้หมายถึงการตกอยู่ในสภาพใดก็ทนอยู่อย่างนั้น
“พวกที่จน ก็ทนจนต่อไป ไม่ขวนขวายทำมาหากิน จัดเป็นพวกตายด้าน”
“พวกที่โง่ ก็ทนโง่ไป ใครสอนให้ก็ไม่เอา จัดเป็นพวก ดื้อด้าน”
“พวกที่ชั่ว แล้วก็ชั่วอีก ใครห้ามก็ไม่ฟัง จัดเป็นพวก ดื้อดึง”
ลักษณะที่สำคัญยิ่งของขันติ คือ ตลอดเวลาที่อดทนอยู่นั้น จะต้องมีใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง
เราสรุปลักษณะของขันติโดยย่อ ได้ดังนี้
๑.อดทนถอนตัวหรือหลีกเลี่ยงจากความชั่วให้ได้
๒.อดทนทำความดีต่อไป
๓.อดทนรักษาใจไว้ไม่ให้เศร้าหมอง
ประเภทของความอดทน
ความอดทนแบ่งตามเหตุที่มากระทบได้เป็น ๔ประเภทคือ
๑.อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เป็นการอดทนต่อสภาพธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ ความหนาว ความร้อน ฝนตก แดดออก ฯลฯ ก็อดทนทำงานเรื่อยไป ไม่ใช่เอาแต่โทษเทวดาฟ้าดิน หรืออ้างเหตุเหล่านี้แล้วไม่ทำงาน
๒.อดทนต่อทุกขเวทนา เป็นการอดทนต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยความไม่สบายกายของเราเอง ความปวด ความเมื่อย ผู้ที่ขาดความอดทนประเภทนี้ เวลาเจ็บป่วย จะร้องครวญคราง พร่ำเพ้อรำพัน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ผู้รักษาพยาบาลทำอะไรไม่ทันใจหรือไม่ถูกใจ ก็โกรธง่ายพวกนี้จึงต้องป่วยเป็น ๒ เท่า คือ นอกจากจะป่วยกายที่เป็นอยู่แล้ว ยังต้องป่วยใจแถมเข้าไปด้วย ทำตัวเป็นที่น่าเบื่อหน่ายแก่ชนทั้งหลาย
๓.อดทนต่อความเจ็บใจ เป็นการอดทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ ความขัดใจ อันเกิดจากคำพูดที่ไม่ชอบใจ กิริยามารยาทที่ไม่งาม การบีบคั้นทั้งจากผู้บังคับบัญชาและลูกน้อง ความอยุติธรรมต่างๆ ในสังคม ระบบงานต่างๆ ที่ไม่คล่องตัว ฯลฯ
คนทั้ง หลายในโลกแตกต่างกันมากโดยอัธยาสัยใจคอ โอกาสที่จะได้อย่างใจเรานั้นอย่าพึงคิด เพราะฉะนั้น เมื่อเริ่มเข้าหมู่คนหรือมีคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้เตรียมขันติไว้ต่อต้านความเจ็บใจ
๔.อดทนต่ออำนาจกิเลส เป็นการอดทนต่ออารมณ์อันน่าใคร่น่าเพลิดเพลินใจ อดทนต่อสิ่งที่เราอยากทำ แต่ไม่สมควรทำ เช่น อดทน ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพย์ติด ไม่รับสินบน ไม่คอรัปชั่น ไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่เห่อยศ ไม่บ้าอำนาจ ไม่ขี้โอ่ ไม่ขี้อวด เป็นต้น
การอดทนข้อนี้ทำได้ยากที่สุด โบราณเปรียบไว้ว่า “เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า”
วิธีฝึกให้มีความอดทน
๑.ต้อง คำนึงถึงหิริโอตตัปปะให้มาก เมื่อมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปอย่างเต็มที่ ความอดทนย่อมจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่างในเรื่องของพระเตมีย์ใบ้
เมื่อ ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ มีอยู่ชาติหนึ่ง พระองค์เกิดเป็นโอรสกษัตริย์นามว่าพระเตมีย์ ขณะอายุได้ ๖-๗ ขวบ ได้เห็นพระราชบิดาสั่งประหารโจรโดยใช้ไฟครอกให้ตาย ด้วยบุญบารมีที่ทำมาดีแล้ว ทำให้พระเตมีย์ระลึกชาติได้ว่าภพในอดีตพระองค์ก็เคยเป็นกษัตริย์ และก็เคยสั่งประหารโจร ทำให้ต้องตกนรกอยู่ช้านาน จึงคิดว่า ถ้าชาตินี้เราต้องเป็นกษัตริย์อีก ก็ต้องฆ่าโจรอีก แล้วก็จะตกนรกอีก
ตั้งแต่ วันนั้นมา พระเตมีย์จึงแกล้งทำเป็นใบ้ ทำเป็นอ่อนเปลี้ยเสียขาไม่ขยับเขื้อนร่างกายพระราชบิดาจะเอาขนมเอาของเล่นมา ล่อ ก็ไม่สนใจ จะเอามดมาไต่ ไรมากัด เอาไฟมาเผารอบตัวให้ร้อน เอาช้างมาทำท่าจะแทงก็เฉย ครั้งถึงวัยหนุ่ม จะเอาสาวๆ สวยๆ มาล่อ ก็เฉยเพราะคำนึงถึงภัยในนรก หิริโอตตัปปะเกิดขึ้นเต็มที่ จึงมีความอดทนอยู่ได้
นานวันเข้าพระราชบิดาเห็นว่า ถ้าเอาพระเตมีย์ไว้ก็จะเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง จึงสั่งให้คนนำไปประหารเสียนอกเมือง เมื่อออกมาพ้นเมืองแล้ว พระเตมีย์ก็แสดงตัวว่าไม่ได้พิการแต่อย่างใด มีพละกำลังสมบูรณ์พร้อม แล้วก็ออกบวช ต่อมาพระราชบิดา ญาติพี่น้อง ประชาชนก็ได้ออกบวชตามไปด้วยและได้สำเร็จฌานสมาบัติกันเป็นจำนวนมาก
๒.ต้อง รู้จักเชิดอารมณ์ที่มากระทบนั้นให้สูงขึ้น คือ นึกเสียว่า ที่เขาทำแก่เราอย่างนั้นน่ะดีแล้ว เช่น เขาด่า ก็นึกเสียว่าดีกว่าเขาตี เขาตีก็นึกเสียว่าดีกว่าเขาฆ่า เมียที่มีชู้ยังดีกว่าเมียที่ฆ่าผัว ผัวมีเมียน้อยก็ยังดีกว่าผัวที่ฆ่าเมียเพราะเห็นแก่หญิงอื่น ถ้าเปรียบกับการชกมวย การสู้แบบนี้ก็คือการหลบหมัดของคู่ต่อสู้ โดยวิธีหมอบลงต่ำให้หมัดเขาคร่อมหัวเราไปเสีย เราไม่เจ็บตัว ตัวอย่างในเรื่องนี้ ดูได้จากพระปุณณะเถระ
พระปุณณะเดิมเป็นชาวสุนาปรันตะ ไปค้าขายที่เมืองสาวัตถีได้ฟังเทศน์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงออกบวช
ครั้น บวชแล้วการทำสมาธิภาวนาไม่ได้ผล เพราะไม่คุ้นกับสถานที่ ท่านคิดว่าภูมิอากาศที่บ้านเดิมของท่านเหมาะกับตัวท่านมากกว่า จึงทูลลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รับสั่งถามว่า
“เธอแน่ใจหรือ ปุณณะ, คนชาวสุนาปรันตะนั้นดุร้ายมากนักทั้งหยาบคายด้วย เธอจะทนไหวหรือ”
“ไหวพระเจ้าข้า”
“นี่ปุณณะ ถ้าคนพวกนั้นเขาด่าเธอ เธอจะมีอุบายอย่างไร”
“ข้าพเจ้าก็จะคิดว่าถึงเขาจะด่าก็ยังดีกว่าเขาตบต่อยด้วยมือพระเจ้าข้า”
“ถ้าเผื่อเขาต่อยเอาล่ะ ปุณณะ”
“ก็ยังดีพระเจ้าข้า ดีกว่าเขาเอาก้อนดินข้วางเอา”
“ก็ถ้าเขาเอาก้อนดินขว้างเอาล่ะ”
“ข้าพระองค์ก็จะคิดว่า ก็ยังดีพระเจ้าข้า ดีกว่าเขาเอาไม้ตะพดตีเอา”
“เออ ถ้าเผื่อเขาหวดด้วยตะพดล่ะ”
“ก็ยังดีพระเจ้าค่ะ ดีกว่าถูกเขาแทงหรือฟันด้วยหอกดาบ”
“เอาล่ะ ถ้าเผื่อคนพวกนั้นเขาจะฆ่าเธอด้วยหอกด้วยดาบล่ะ ปุณณะ”
“ข้าพระองค์ก็จะคิดว่า มันก็เป็นการดีเหมือนกัน พระเจ้าข้า”
“ดีอย่างไร ปุณณะ”
“ก็ คนบางพวกที่คิดอยากตาย ยังต้องเสียเวลาเที่ยวแสวงหาศัสตราวุธมาฆ่าตัวเอง แต่ข้าพระองค์ มีโชคดีกว่าคนพวกนั้น ไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวหาศัสตราวุธอย่างเขา”
“ดีมาก ปุณณะ เธอคิดได้ดีมาก เป็นอันตกลง เราอนุญาตให้เธอไปพำนักทำความเพียร ที่ตำบลสุนาปรันตะได้”
พระปุณณะกลับไปเมืองสุนาปรันตะแล้ว ทำความเพียร ในไม่ช้าใจก็หยุดนิ่ง เข้าถึงพระธรรมกายไปตามลำดับ จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
นี่คือเรื่องของพระปุณณะ นักอดทนตัวอย่าง ซึ่งอดทนได้โดยวิธีเชิดอารมณ์ที่มากระทบนั้นให้สูงขึ้น
๓.ต้อง ฝึกสมาธิมากๆ เพราะทั้งขันติและสมาธิเป็นคุณธรรมที่เกื้อหนุนกัน ขันติจะหนักแน่นก็ต้องมีสมาธิมารองรับ สมาธิจะก้าวหน้าก็ต้องมีขันติเป็นพื้นฐาน ขันติอุปมาเหมือนมือซ้าย สมาธิอุปมาเหมือนมือขวา จะล้างมือ มือทั้งสองข้างจะต้องช่วยกันล้าง จึงจะสะอาดดี
มีตัวอย่างของผู้มีความอดทนเป็นเลิศอีกท่านหนึ่ง คือ พระโสมสนาคเถระ
พระ โสมสนาคเถระ เป็นพระที่ทำสมาธิจนสามารถระลึกชาติได้แต่ยังไม่หมดกิเลส วันหนึ่งท่านนั่งสมาธิอยู่กลางแจ้ง พอถึงตอนเที่ยงแดดส่องเหงื่อไหลท่วมตัวท่าน พวก
ลูกศิษย์จึงเรียนท่าน ว่า “ท่านขอรับ นิมนต์ท่านนั่งในที่ร่มเถิด อากาศเย็นดี” พระเถระกล่าวตอบว่า “คุณ ฉันนั่งในที่นี้ เพราะกลัวต่อความร้อนนั่นเอง” แล้วมานั่งพิจารณาอเวจีมหานรกเรื่อยไป เพราะเคยได้ตกนรกมาหลายชาติ เห็นว่าความร้อนในอเวจีที่เคยตก ร้อนกว่านี้หลายร้อยหลายพันเท่า ท่านจึงไม่ลุกหนี ตั้งใจทำสมาธิต่อไป จนในที่สุดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
พวกเราก็มีข้อคิดเตือนใจอยู่ว่า
“ที่อ้างร้อนนัก หนาวนัก ขี้เกียจภาวนา ระวัง จะไปร้อนหมกไหม้ในอเวจี หนาวเสียดกระดูกในโลกันต์”
อานิสงส์การมีความอดทน
๑.ทำให้กุศลธรรมทุกชนิดเจริญขึ้นได้
๒.ทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
๓.ทำให้ตัดรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งหลายได้
๔.ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ทุกอิริยาบท
๕.ชื่อว่าได้เครื่องประดับอันประเสริฐของนักปราชญ์
๖.ทำให้ศีลและสมาธิตั้งมั่น
๗.ทำให้ได้พรหมวิหารโดยง่าย
๘.ทำ ให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย “บุคคลอดทนต่อคำของผู้สูงกว่าได้ เพราะความกลัว อดทนถ้อยคำของผู้เสมอกันได้ เพราะเหตุแห่งความแข่งดี ส่วนผู้ใดในโลกนี้ อดทนต่อคำของคนเลวกว่าได้ สัตบุรุษทั้งหลายกล่าวว่า ความอดทนนั้นสูงสุด”
(พุทธพจน์) มีความอดทน
“เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า" -
แห่ะๆๆ ตอนนั้นสมัครพรีเมี่ยม เพราะเอานกคุ้ม วัดพระยาญาติ มาบอกบุญน่ะคัรบ จริงๆ ที่วัดยังเหลือ พระผงรุ่นเก่า ที่หลวงพ่อใจท่านสร้าง และพระเกจิเก่งๆ แห่งเมืองแม่กลองเมตตามาเสก อาทิ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆษิตาราม หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ ฯลฯ โดยในพิธีนี้มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีมาด้วย หลวงพ่อเนื่องท่านเชิญมา พระผงรุ่นนี้หลวงพ่อใจและลูกวัด ช่วยกันทำเองทั้งหมด โดยใช่ผงเก่าๆ ของสายแม่กลอง และผงของหลวงพ่อเองครับ ขอแอบประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ แห่ะๆ
สมเด็จรุ่นแรก เนื้อมีตั้งแต่สีชมพูไปจนถึงสีแดง เนื่องจากผสมผงสีแดงที่กระเทาะออกมาจากตรงอก พระประธานในโบสถ์ครับ
สมเด็จใบมะนาว ถือเป็นพระที่เป็นเอกลักษณ์ ของหลวงพ่อท่านเลยครับ
ใบมะนาวพิมพ์นี้หลวงพ่อท่านเรียก ใบเดี่ยวครับ
พระผงชุดนี้ท่านใดสนใจ บูชาได้ที่วัดพระญาญาติ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยตรงเลยครับ หลวงพ่อท่านกำลัง ดีด และปรับปรุงกุฏิสงฆ์อยู่ครับ พุทธคุณด้านแคล้วคลาด เมตตาค้าขาย หลวงพ่อท่านเป็นที่เชื่อถือของชาวบ้านมากนะครับ
ได้บอกบุญนกคุ้มไปอย่างเดียว เผลอแป๊บเดียวพรีเมียมหมดแล้ว
เดี๋ยวตอนแจกเหรียญน้ำมนต์จะสมัครใหม่ครับ (deejai)ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
(ก็ถ่ายรูปออกมาสวยขนาดนี้) (deejai) -
สุดยอดนะคับพระนักธรรมสำหรับเรื่องเรียนผมการันตรีได้เลยคับแถมยังแควคลาดปลอดภัยนะคับ
-
ผมเคยไปกราบหลวงพ่อเพี้ยน ครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้ว จำได้ว่าหลัง จำได้ว่าหลังนายพลตำรวจคนดัง ไปทอดกฐินที่วัด
ครั้งแรก ที่เห็น ก็ประทับใจ หลวงพ่อเพี้ยน ท่านเป็นคนผิวคล้ำ แต่หน้าแดง เปล่งปลั่งมาก ลักษณะเป็นคนมี วิชาอาคมสูง
หน้า 1233 ของ 3280