ทรงพระเจริญ
วันนี้คงจะว่าง จะได้เขียนเรื่องหลวงพ่อ เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ดี ผมคงไม่ออกไปเล่นกอล์ฟ นอนอยู่บ้านดีกว่า
ในอายุเกินกว่าครึ่งศตวรรษของผม ผมพอจะเห็นเหตุการณ์มาเยอะพอสมควร เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ผมเรียนอยู่ปีสอง ที่จุฬาฯ ผมอยู่ในเหตุการณ์ ทั้งที่เดือนสิงหา ( ถ้าจำไม่ผิด ) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตอนไล่ท่านอธิการบดี รามคำแหง ( ไม่เอ่ยชื่อ แต่ชีวิตนี้ไม่มีวันลืมชื่อนี้เป็นอันขาด ) เหตุการณ์นั้น อันเป็นการจุดชนวนประวัติศาสตร์มาจนต่อถึงเดือนตุลาคม ที่ชุมนุมที่ธรรมศาสตร์และที่ถนนราชดำเนิน
จะไม่เล่ายาวเพราะอดีตมันนานมาแล้ว และยาวมาก แต่ที่เขาออกมาเล่าๆกันนี้เป็นเรื่องไม่จริงก็เยอะน่ะครับ เช่น บอกไม่มีการยิงปืนกลหนักจาก ฮ. มายังฝูงชน โดยผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาออกตัวพูดเอง เป็นเรื่องโกหกคำโตทั้งสิ้น เพราะผมก็อยู่ในกลุ่มที่วิ่งหลบ กระสุนปืน ที่บริเวณสนามหลวง และรู้ด้วยว่าใครเป็นคนยิงลงมายังประชาชนที่บริสุทธิ์และมือเปล่า
และแม้ผมจะไม่ใช่พวกกลุ่มแกนนำ แค่หางแถว แต่รู้จักกลุ่มนั้นหลายคน ที่เป็นรุ่นเดียวกัน และเห็นเหตุการณ์มาตลอดเพราะโตแล้ว จำได้ดี ติดใจครับ
ตอน ๖ ตุลา ไปเรียนที่ต่างประเทศ คุณแม่ผม กลัวผมจะตายซ่ะก่อนโต จะได้บวชให้ท่าน เพราะเข้าร่วมกิจกรรม นอกห้องเรียนเยอะ เลยกัดฟันส่งผมไปอยู่กับพี่ชายที่อเมริกา ผมเลยน่าจะรอดมาได้ จากเหตุการณ์ที่ธรรมศาสตร์ แต่จากเหตุการณ์นั้น พวกที่เข้าป่าหลายคน ทั้ง เรียนหมอ เรียน science เป็นพวกเดียวกัน รู้จักกัน ตอนนี้ พวกเขากลับบ้านกันมานานแล้ว น่าจะหายบ้ากันไปแล้วหลายคน
ส่วนเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ น่ะโตมากแล้ว ไม่ได้เข้าร่วมเพราะเริ่มจะแก่ ทำงานอยู่ แต่ฟังข่าวตลอด ร่วมบริจาดเงินอัดฉีด และเอาใจช่วยข้างประชาชน และจนผมต้องไปหาซื้อ walkie talkie มาเครื่องเพื่อมาฟัง ไอ้คุณแหลม...แหะๆ ( คิดถึงน่ะตัวเอง ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ผมเลื่อมใสคนกล้าที่มีสติดีๆแบบท่าน ) เพราะจะได้ฟังข่าวอีกด้านน่ะ คนล่ะเรื่องจากวิทยุ และ ทีวี และฟังจากพวกวิทยุสมัครเล่น เพื่อเช็คข่าว ว่าข่าวจริงๆเป็นอย่างไร
แม้จะใส่เครื่องแบบ ด้วยความสมัครใจ ได้รับยศพระราชทาน ได้รับกระบี่พระราชทาน แต่ไม่ได้อยู่หน่วยรบ เพราะผมเป็นช่าง ผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ทำลาย แต่ก็เคยต้องนอนกอดปืนเฝ้า บ.ก. เพื่อป้องกัน บ.ก. จากพวกขุนส่าซึ่งแตกทัพผ่านมายังหน่วยผม ก่ะว่าต้องยิงกันแน่ๆ เป็นทหารนี่หนีไม่ได้น่ะครับ ศักดิ์ศรี และ คำสั่งผู้บังคับบัญชา คือ สิ่งที่ต้องปฏิบัติ แต่จากข่าวทีหลัง พวกกองกำลังขุนส่า พอมาถึงหน่วยผมก็หลบหลีกเข้าป่า ไปออก ชายแดน พม่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ถ้าไม่หนี เกิดปะทะกัน ผมอาจจะไม่ได้มานั่งเขียนเรื่องตรงนี้..แหะๆ
พอมาถึงวันนี้ ผมก็ได้เห็นเหตุการณ์ บันทึกหน้าแรกของประเทศไทยอีกบท ผมไม่อยากพูดมาก เพียงแต่อยากจะบอกพวกท่าน จากมุมมองของผมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในอดีต และทำให้ถึงจุดเปลี่ยนประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้นในด้านเสรีภาพ แม้จะมีความเห็นขัดแย้งอย่างรุนแรง เช่น ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา พฤษภาทมิฬ ซึ่งเกิดขึ้นจากการขัดแย้ง ที่มีอุดมการณ์เป็นตัวขับ ชัดเจนน่ะครับ ทำให้มีเงื่อนไข ที่แยกออกจากการชัดเจนเป็นสองฝ่าย และประชาชน เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ จะเป็นตัวแปรหลักที่ชัดเจนเสมอ เมื่อพวกประชาชน คำนามธรรม ประกอบจาก นาย ก. นาง ข. อีมี ไอ้มา ตาสี ยายสา และโดยเฉพาะชนชั้นกลาง มาเข้าร่วมกับข้างไหน ข้างนั้นก็เป็นฝ่ายชนะในที่สุด แบบหมดข้อสงสัย
แต่เหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่น่ะครับ คนล่ะเงื่อนไข อย่าหลงประเด็นครับ คิดให้ทันเขา
ผมจะไม่วิจารณ์ว่าอะไรถูกผิด เพราะผมไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ และไม่มีความสามารถพอในการสรุป แต่เหตุการณ์ในอดีต มีแรงจากอุดมการณ์ ผลักดัน แม้จะเป็นความเชื่อ ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านเจ้าหน้าที่ ด้านบน ด้านล่าง ด้านอะไรก็ตาม มีมาจากความเชื่อด้านอุดมการณ์มากกว่า และมีมวลชนที่บริสุทธิ์ เช่นนักศึกษา ลูกหลาน อีมี ไอ้มา ที่ไม่มีใครว่าจ้างได้ในอดีตให้ประท้วงหรือทำอะไร และกระทำตามความคิดอุดมการณ์ แม้จะมีแรงขับด้านผลประโยชน์เข้ามาหนุน ในส่วนลึกๆ แต่ไม่ชัดเจน เพราะแต่ล่ะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง และไม่ออกนอกหน้ามากแบบปัจจุบันมากนัก
แต่เหตุการณ์ปัจจุบัน ไม่น่าจะเป็นผลมาจากความเชื่อ เรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตยจริงจัง เพราะอย่างไรเราก็มีประชาธิปไตยอยู่ในปัจจุบัน มีการเลือกตั้ง สามารถพูดและวิจารณ์ได้อย่างเสรี บางอย่างเกินขอบเขตซ่ะด้วย
เพราะถ้าเป็นเมื่อ สามสิบปีที่แล้วขึ้นไป พูดยังไม่ได้เลยครับ อย่าว่าแต่เขียนเลย ท่านจะถูกจับ ถูกยัดข้อหา คอมมิวนิสต์ ไม่เว้นแม้พระภิกษุสงฆ์ พวกที่พูด ที่เขียน ที่ประท้วงบางท่าน ยังหาศพไม่เจอก็มีหลายท่าน บางท่านไปนอนคุกก็หลายปี เช่น ท่าน สนิท เอกชัย ผู้ล่วงลับไปแล้ว นักหนังสือพิมพ์ใหญ่ ที่ผมนับถือ และอีกหลายท่าน ผมเองตอนเป็นนักศึกษา ก็เคยอยู่ในกลุ่มที่ถูก มองว่าเป็นพวกแนวซ้าย
จนมาใส่เครื่องแบบมาอยู่ด้านขวา ผมก็เป็นทหารที่ดีได้ อยู่รับราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีโอกาศรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท แบบปลายหางแถวสุดๆ อยู่หลังเขา มาถึงหกปี แม้ว่าเงินเดือนจะน้อยนิด กว่าที่ผมสามารถหาได้ตอนนี้อย่างมากมาย แต่ผมก็ภุมิใจทุกครั้งที่ได้แต่งเครื่องแบบ ที่ได้ประดับยศพระราชทานจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีประกาศใว้และลงพระปรมาภิไทยในพระราชกิจจานุเบกษา และแม้จะลาออกมาแล้วจากเป็นทหารในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว แต่หลวงได้เลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดีต่อมาอีกหลายสิบปี จนผมปลดประจำการ จากทหารกองหนุน เมื่ออายุ ๔๕ ปี
ในปัจจุบันการต่อสู้ทางด้านการเมืองสามารถทำได้ อย่างสงบดีกว่าครับ สามารถ พูด เขียน ผลักดัน ความเชื่อของพวกท่าน สามารถต่อสู้ในสภา หรือนอกสภาแบบสงบ ความได้เปรียบ เสียเปรียบก็แล้วแต่เหตุการณ์ แต่พวกท่านก็ต้องต่อสู้ตามกติกาครับ ....เรามากันไกลแล้ว แล้วโตกันมากแล้วน่ะครับ
การสร้างความไม่สงบ การสร้างความเดือดร้อน แก่ชาวบ้านที่เป็นกลาง การสร้างความเสียหาย แก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง การกระทำโดยเจตนาเพื่อให้เป็นการระคายเคือง ต่อเบื้องพระยุคลบาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้จะอ้างว่าเพื่อประชาธิบไตย ไม่มีความจำเป็นต้องทำเลยครับ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดนี้ จะจบลงแบบไม่นานหรอกครับ เพราะไม่ได้มาจากอุดมการณ์ล้วนๆแบบในอตีด ...ผมมั่นใจจากประสบการณ์ชีวิตที่เห็นมา
การต่อสู้สามารถทำได้ด้วยความสงบครับ ด้วยความคิด และสติปัญญาตามความสามารถครับ ชาวบ้านเขาฉลาดกันมากแล้ว โลกมันแคบด้วยการติดต่อที่สดวกหลายรูปแบบ เสนอรูปแบบใหม่ที่ เกิดประโยชน์ แก่ประชาชน และชาติบ้านเมือง แย่งกันทำความดี ความเจริญ ดีกว่าครับ คนเข้าเห็น เขามองออก เขาจะได้นับถือ เลื่อมใส ให้โอกาศแก่คนที่ยังไม่มีโอกาสดีกว่า ดีกว่าไปทำลายโอกาศที่มีอยู่อย่างน้อยนิดอยู่แล้ว ให้หมดลงไปเรื่อยๆ เราจะโงหัวกันขึ้นยาก
เลิกความรุนแรง การทะเลาะ และทำลายล้างกันดีกว่า มาแข่งกันสร้างความเจริญดีกว่า สร้างงาน สร้างชาติ สร้างคน ดีกว่า มาพิสูจน์กันว่าใครทำงานเก่งกว่ากัน ขอให้ยุติวิธี การสร้างเงื่อนไขด้วยการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์เสียที เอาแต่ประชาชนเป็นตัวประกันในการต่อรองเพื่อความต้องการของท่าน เหมือนพวกผู้ก่อการร้ายทำ เรื่องแบบนี้ น่าเบื่อหน่ายมาก และพวกเราจะต้องทนไปอีกกี่ครั้งครับ
ที่เพียงอยากจะสรุป และ สรุปได้แบบเต็มหัวใจของผม คือ ขอให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ผมเคารพรักอย่างสุดหัวใจ และสามารถปกป้องพระองค์ท่าน ด้วยสุดกำลังที่ผมมีเท่าที่ชายวัยกลางคนจะทำได้ ไม่ให้ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ได้ด้วยชีวิตของผมแบบไม่ต้องคิด ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัย ที่สมบูรณ์ แข็งแรง และขอให้เหตุการณ์นี้สงบลงได้อย่างรวดเร็วด้วยพระบารมีที่มากมายเหลือล้น เหมือนอย่างที่แล้วมาในอดีต
แข่งอะไรมาแข่งได้ แต่อย่ามาแข่งบุญญาวาสนา พวกท่านจะแพ้ภัย ของแบบนี้มีจริง และ แพ้ภัยตัวเองไปหลายผู้คนแล้ว ผมเตือน คุณ น่ะครับ
ไปทำมาหากิน สร้างชาติ สร้างบ้านเมืองให้รุ่นลูก รุ่นหลานของเราต่อไปดีกว่าครับ เพราะพวกนั้น เป็นสายเลือดของพวกเรา จะเป็นเจ้าของประเทศตัวจริงในวันข้างหน้าต่อไป สร้างทุนไว้ให้พวกเขาใช้ อย่าไปทำลายมันให้ติดลบ พวกเราอยู่กันไม่ถึง ร้อยปีหรอกครับ เชื่อผมเถอะ
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 144 ของ 3280
-
-
แหวนหลวงพ่อทรง
ของที่มีต่อไปนี่ก็เป็นของส่วนตัวน่ะครับ ประเภทของแปลก
เป็นของดูแปลกๆหน่อย เป็นของหมอดูฝรั่งครับ ที่เผอิญเจอกันในเน็ต ผมชอบโหราศาสตร์อยู่แล้ว คือเคยเรียนแบบเอาจริงกับท่าน อาจารย์ พลตรี ประยูร พลอารีย์ ปรมาจารย์โหรยูเรเนี่ยน ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่พอท่านเสีย แล้วงานผมยุ่งๆ ผมก็เลิกค้นคว้าไป เพราะไม่ว่าง
หมอดูคนนี้เป็นผู้หญิงน่ะครับ ชื่อ ซาร่า เฟดเดอร์ อาจจะมีคนไทยเป็นลูกค้าของเขาอีกหลายคน
หลังจากคุยกันไปคุยกันมา ทางเน็ตน่ะครับ ดูการทำนายหลายครั้งหลายรอบ การทำนาย ใกล้เคียง มีความชำนาญพอใช้ได้ ที่พูดแบบนี้ เพราะใช้ เมลล์คุย ไม่เคยเห็นตัว เลยตอบชัดๆยาก
ต่อมาคุณเธอมาทักว่า ลาภผลที่จะเกิด มีอุปสรรคขัดขวางอยู่บ้าง แกมีของที่ระลึกที่ทำตามหลักโหราศาสตร์ที่แกเรียนมา เป็นผลึกจากหิน และ แหวนที่ทำตามหลักโหราศาตร์ magnetized ด้วยพลังจิตของแกเอง ผมไม่เคยเจอไสยศาสตร์ฝรั่งมาก่อน เลยลองดู ราคาพอรับได้ ผมน่ะชอบเก็บของแปลกๆอยู่แล้ว เลยส่งเงินไป ตามบัตรเครดิต ( ชาร์จในเน็ตน่ะครับ ) แกเลยส่งมาให้ผม ผมได้รับแล้ว เรามีอาจารย์ดี ผมเลยเอาผลึกและแหวนไปให้หลวงพ่อท่านเมตตา เสกซ้ำให้
แหวนเสกแล้ว ผมไปหาท่านก็เอาไปเสกซ้ำหลายที เอาใส่ติดตัว ก็ดีเหมือนกัน ก่ะจะไปเลี่ยมทองหุ้มไว้ เพราะชักจะสึก แต่ยังไม่ว่าง เลยยังไม่ได้ไป
ส่วนผลึก เอาไปฝากหลวงพ่อพร้อมกับตะโพนรุ่นแรก มีดสาริกา ตะโพนงา หลวงพ่อ เสกอยู่กว่าหนึ่งพรรษา จึงคืนให้ผม
จากรูปจะเห็นตัวแหวน เป็นตุ่มเหลี่ยมๆ เหมือนกำแพงหลายชั้น ที่ป้องกันความชั่วร้าย วางตามแนว แหวน มีหัวศร ทั้งในและนอกแหวน เล็งไปที่รูที่ ปลายแหวน เป็นการแก้เคล็ด โชคร้ายตามหลักไสยศาสตร์แบบตะวันตก คมธนู ความแหลมคม ถือว่า จะแหวก และทำลายสิ่งชั่วร้าย ต่างๆได้ครับ ผสมสานกับพลังจิต ของท่านผู้เหนือโลกแบบหลวงพ่อทรง จัดว่าครบเครื่องน่ะครับ -
ชันนะโรงจะมี ลักษณะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ -
ปรอทเอามาจากเบี้ยแก้เก่าๆที่ผมเคยแกะดู มีของหลวงปู่เจือลูกนึงกับอีกสองลูกไม่รู้ที่ครับผม เก็บปรอทได้นิดเดียวครับผม
แบ่งใส่เบี้ยจั่นได้ ๑๐ ตัว
อุดด้วยชันโรงที่มาจากเบี้ยตัวเดิม และชันโรงธรรมชาติที่ผมแคะๆเอาจากปากรังชันโรงในวัดป่าหนองสละ โดยไม่ได้ทำอันตรายอะไรกับตัวชัน
เข้าพิธีอธิษฐานจิตเรียบร้อยครับผม โดยหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อำเภอแม่แตง ในพิธีอธิษฐานจิตวัตถุมงคลของวัดป่าหนองสละครับผม -
จะซื้อรักดำที่เอาชุบเครื่องรางได้ที่ไหนบ้างครับ ผมอยู่แถวลาดพร้าว หาตามร้านสังฆพันมีไหมครับ หรือต้องไปย่านเสาชิงช้าอย่างเดียว
-
ที่พันทิพย์ งามวงวาน มีครับ ขวดล่ะ หนึ่งร้อยบาท ลองไปถามๆดูน่ะครับ -
แหะ ๆ พี่ครับ ข้อความกับภาพประกอบไม่ตรงกันมั้งครับ -
-
ขอพรนั้นกลับไปยังท่าน และครอบครัว เป็นร้อยเท่าพันทวี โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยๆสองคนนั่นน่ะครับ -
แหวนหัวเสือ หลวงพ่อทรง
เครื่องรางรูปเสือ ทำออกมาบ้างเหมือนกัน คือ เหรียญหัวเสือ เครื่องรางรูปเสือเต็มตัว อันนี้ทั้งสองรายการ ศูนย์ทำมา ดังพอสมควร เพราะมีอยู่ที่วัดเกลี้ยงเลย นอกนั้นเป็นของแบบอื่น เช่น ตะกรุดหนังเสือไฟ เขี้ยวเสือ และอาจจะมีเครื่องราง มีมาจากเสือ อีกหลายชิ้นที่ทำเฉพาะตัว เอาไว้ใช้ แล้วผมไม่เคยเห็น เพราะหลวงพ่อมีลูกศิษย์เยอะน่ะครับ
มีการพูดคุยเรื่องวิชาเสือ หลังจากหลวงพ่อทรงท่านมรณะภาพไปแล้ว อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ การพูดคุยนี้ไปยาวมากขนาดว่าผมไม่กล้าเล่าน่ะที่นี้ เพราะฟังดูแล้วขนลุก ส่วนว่าหลวงพ่อท่านมีหรือเรียนมาจากใคร ต้องเดากันไป ที่วิเศษฯ มีวิชาเสือสมิงอยู่จากพระคณาจารย์รุ่นเก่า จะมีใครถ่ายทอดมา ผมก็ไม่ทราบจริงๆครับ แต่ถ้าหลวงพ่อท่านปลุกเสกเครื่องรางรูปเสือ มั่นใจว่าเสือมาแน่ครับ
แหวนที่เห็นทำจากเสี่ย ศ ตามที่ผมทราบ ท่านทำให้หลวงพ่อฟรีๆ ถุงใหญ่ จะเป็นแหวนฉีดสำเร็จรูปมา มีเนื้อเงินด้วย แต่ผมไม่มีน่ะครับ มีเนื้อทองแดง วงนี้วงเดียว เขาให้มา ของฟรีๆแบบเดิม...แหะๆ ยืนยันของฟรีขลังเสมอ ของเสริม ยังไม่เห็น ของปลอม ยังไม่น่ามี หายากพอสมควร และแหวนนี้ดังมากน่ะครับ ไม่แน่ใจว่ามาจากสาเหตุอะไร อาจจะมีใครมีประสบการณ์ แล้วปิดเงียบ เพื่อแอบเก็บก็ได้ กลัวราคาจะขึ้น ส่วนผมไม่กลัวราคาขึ้น เพราะมีแค่วงเดียว ขึ้นราคามามากๆ ผมก็คงแค่ดู...แหะๆ
ยันต์ ห้า
คาถา มะอะอุ
คาถา นะ ชา ลี ติ
อักษร ย่อ ท. แล ศ. และ นะ โม
ตัว ท น่าจะมากจาก ทรง
ส่วน ศ น่าจะมาจาก ชื่อ เสี่ย ศ ท่านน่ะครับ
คาถาต่อจนครบ พุท ธา ยะ
แหวนนี้น่าจะยังพอหาได้ ผมนำมาเปิดเผยเลย ใครอยากได้ ตัวใครตัวมันน่ะครับ อย่ามาถามซื้อที่ผม ผมมีแค่วงเดียว เอาไว้ระลึกถึงหลวงพ่อก็แล้วกันน่ะครับ -
สมเด็จจิตรลดาด้านหลังติดผงอะไรและเกศาของใครครับ ถ้าให้เดา(จากการที่ติดตามผลงานการเขียนของพี่พีมานาน)ผมว่าใช่ผงชันเพชรบุษบกของพระแก้วมรกต และเส้นพระเจ้าของผู้มีบุญแห่งสยามประเทศแน่ๆ
สาธุ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอสยามประเทศจงพ้นภัย -
-
-
วันนี้ออกแนวบู๊ แฮะ
(มีเสือ มาขู่..เอ๊ย มาโชว์ด้วย อิอิ) -
-
ชอบมากครับโดยเฉพาะหัวเสือ เดอะลอร์ดออฟเดอะริง จริงๆ
-
-
วันนี้ผมไปช่วยครอบครัวขายของวันสงกรานแถวบ้านครับ ก่อนขายผมบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อทรงและพระเดชพระคุณหลวงปู่บุญศรี ให้ท่านช่วยเรียกคนมาซื้อของพร้อมกำชับกับคุณแม่ว่าให้จุดธูปบอกท่าน ให้ท่านช่วย ผลปรากฏว่า แหมค้าขายดีจริงๆครับ เล่นเอาผมเมื่อยขาเพราะแทบไม่ได้นั่ง คุณแม่บ่นปวดไหล่ด้วยรอยยิ้ม ทุกคนมีความสุขครับวันนี้ เพราะปีนี้ มีกำไร อนาคตสดใสในการค้าขาย ตั้งแต่วันแรก( งานมีสามวันตามกำหนดเขา)
ทั่งๆเมื่อหลายๆปีก่อน หรือแทบทุกปี ที่ขายของจะต้องขาดทุน คนไม่ซื้อของ ขายได้น้อยบ้าง ด้วยสาเหตุอะไรผมก็ไม่ทราบได้ แต่ปีนี้ผมมีหลวงพ่อทรงและหลวงปู่บุญศรีขอให้ท่านช่วย
ช่วงที่คนพอซ่าๆผมเลยแวะไปให้อาหารปลาอุทิศบุญไปยังครูบาอาจารย์ ครูตำรา เจ้าของวิชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง พระเดชพระคุณหลวงปู่บุญศรี เป็นที่สุด (แม้จะเป็นบุญกระจี้ริด แต่ผมก็ทำด้วยความตั้งใจและเต็มใจที่อยากจะตอบแทนท่านได้ในขณะนั้นได้ คิดว่าพรุ้งนี้คงต้องปลีกตัวไปใส่บาตรให้ท่านให้ได้ครับ)
แฮ่ๆค้าขายดี มีกำไร วันนี้คุณแม่ใจดี ขอกินช๊อกโกแล๊ดราคาแพงๆ(39บาท ปกติผมอด)ยังได้ ผมล่ะปลื้มใจครับ แฮ่ๆ... -
มีดปากกา เหล็กน้ำพี้ ด้ามงา
วันนี้มีคนแซว ว่ามาเรื่องบู้ๆมาลง ที่จริงกำลังจะค้นแหวนหลวงพ่อมาลงต่อ มาเจอมีด เลยเอามีดดีกว่า ไปโน่นที ไปนี่ที ตามสไตล์ สบายๆแบบ พี เสาวภาก็แล้วกันน่ะครับ
เรื่องมีดลงไปทีแล้ว แต่รวมๆ ไม่ได้เจาะละเอียด คราวนี้เจาะอีกหน่อย แต่ไม่ลงมาก เพราะกลัวคนจะปลอม แต่ผมก็เอาตับของผม มาลงโชว์เลยครับ
เอามาวางเทียบกันสองด้าม ทำโดยช่างเดียวกัน แต่ระยะเวลาห่างกันประมาณ ๖ ปี
ด้ามบนเป็นมีดสามกษัตริย์ ของหลวงปู่พระครูบุญศรี พระอาจารย์ของผม เป็นมีด ที่ผมไปขอหลวงปู่ เสกให้พิเศษ เพราะผมชอบเรื่องมีด เนื้อเหล็กเล่มนี้เป็นเหล็กพิเศษ เป็นเหล็กที่เรียกว่า F6MN เป็นเหล็กสแตนเลสพิเศษ ที่ตี force มาอย่างดี ไม่มีฟองอากาศ ป้องกันการขึ้นสนิมแบบเป็นเยี่ยม เพราะออกแบบมาใช้ในกิจการปิโตรเลี่ยม สามารถเอามาทำหัวบ่อน้ำมัน หรือ หัวบ่อแก็ส ตั้งตากแดด ตากฝนได้ ๒๐ ปี สนิมไม่ได้แอ้มสบายๆ ...แหะๆ
อย่าถามว่าผมได้มาอย่างไร ผมได้เหล็ก ชนิดนี้ ตัดเป็นแท่งมา แบบพิเศษ ผมเอามาให้หลวงปู่เสก และลงให้ก่อน แล้วไปขอให้ช่างทำ เป็นช่างเดียวกับที่ หกปีให้หลัง หลวงปู่ผมจากไปแล้ว ช่างคนนี้ก็มาทำมีดให้หลวงพ่อทรงต่อ โดยผมไม่ได้ไปว่าจ้างเอง แต่มีลูกศิษย์คนอื่นทำให้
ผมเอามีดหลวงปู่บุญศรี มาลงเรียกน้ำย่อย น่ะครับ ผมสัญญาว่าถ้างานผมเข้าที่เมื่อไหร่ ผมจะเขียนเรื่องหลวงปู่พระครูบุญศรีให้พวกท่านอ่าน ผมรู้จักหลวงปู่มาก่อนหลวงพ่อทรงหลายปี ผมรักและเคารพ หลวงปู่เหมือนกับเป็นคุณแม่ คุณพ่อของผม ยิ่งกว่าเป็นญาติสนิทในสายเลือด ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ผมไปหาท่านเป็นหลายร้อยครั้งในหลายๆปี ที่เขาเรียก และเขียนถึงท่าน ยังไม่มีใครเรียกถูก เขียนถูก มากนัก ยังมีข้อคลาดเคลื่อน ผมจะเขียนให้ท่านอ่านเอง เพราะอาจารย์ของผม ผมรู้จักท่านดี
ถ้าพวกท่านรู้ และฟังแล้วจะทึ่งในองค์หลวงปู่บุญศรีครับ ท่านเป็นพระป่า อยู่สันโดษ และด้านอภิญญา ท่านเป็นหนึ่งไม่มีสองในปฐพีนี้ครับ อย่างน้อยในใจของผม หลวงปู่ท่านจะอยู่ตลอดไป
ในใบมีด ลงชื่อและฉายาท่านน่ะครับ ฉายาท่าน อินทวณฺโณ ( ผู้มีวรรณะ ผิวกายผ่องใสเหมือนพระอินทร์ ) ท่านมีความเกี่ยวข้องกับท่านท้าวสักกะเทวราชด้วยแบบปึ้กๆ ฟังแล้วเหมือนนวนิยายลิเก แต่เรื่องนี้ยาวครับ ทำให้ผมไม่อยากจะเล่ามาก กลัวคนจิตตกจะไปปรามาสท่าน แล้วจะซวยไปเองครับ
เล่มล่างเป็นของดี เป็นมีดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อทรง ผมจะเจาะพอเอามันส์ เพราะของนี้ปลอมได้น่ะครับ เลยไม่แนะนำลึกลงไป เพราะมีดนี้หายาก ราคาไปไกลแล้ว ของก็ไม่มีให้เล่น ใครมีก็เก็บเงียบ มีดของหลวงพ่อที่เก่ากว่ายังหาได้ถ้ามีเงิน แต่ของหลวงพ่อทรงมีเงินก็ไม่แน่ว่าจะหาได้
ผมชอบมีดมากๆๆๆๆๆๆถึงมากที่สุด เก็บไว้หลายเล่ม ผมพกติดตัวตลอดเวลา มาเป็น สิบๆปี จนหลังๆ เอาขึ้นเครื่องบินยาก เขาเข้มงวดมาก แบบเอาจริง จนขี้เกียจมาทะเลาะกัน จนต้องลดขนาดมีดลง และ เลิกพก เพราะเขาจะยึดไม่ให้ติดตัว กลัวผมจะเอามีดไปปล้นเครื่องบิน...อิอิ และผมไม่อยากให้ใครมายึดเอามีดผมไป เพราะเป็นของประจำตัว ไม่อยากให้จับ และให้โดนโดยเฉพาะคุณผู้หญิง เพราะโบราณเขาห้ามไว้ หญิงมีประจำเดือน จับต้องไม่ได้ ด้ามงาจะแตก อาคมจะหนีไป
มีดขนาดนี้ เรียกกันง่ายๆว่ามีดปากกา แบบปากกาปาร์คเก้อร์น่ะครับ แบบเชฟเฟ่อร์ก็มี แต่ไม่นิยม เพราะต้องเจาะด้ามงา ฝังตัวแหนบ และหลุดง่าย เลยหายากหน่อย มีดแบบเชฟเฟ่อร์ของหลวงพ่อเดิมก็มีน่ะครับ วันหลังจะเล่าให้ฟัง
มีดมีขนาดง่ายตามช่างเรียกคือ สองนิ้วครึ่งเป็นความยาวของใบมีด ใหญ่กว่านี่ก็มี เล็กกว่านี่ก็มีน่ะครับ แต่ขนาดนี้กำลังดี เลยเป็นที่นิยม พกไปตำรวจท่านก็อนุโลมไม่จับ ยกเว้นไปเข้าตาท่าน พวกมีดเก่าๆ หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อกัน ท่านอาจจะแกล้งยึดเอาไว้ใช้เอง...แหะๆ
หลวงพ่อท่านลงให้เพียบ เพราะผมเอาไปให้ท่านเสกหลายครั้ง
ตัวฝักเป็นงา และลงแหม ทองคำ ปลอกนาค และ เงิน
ลงพุทธะสังมิ ที่ฝักงา หลวงพ่อลงเบามากครับ ถ่ายรูปยากมาก
ลง มะอะอุ ที่ฝัก อีกข้าง ก็ถ่ายยากเหมือนกันครับ
ลงพุทธะสังมิ ที่ใบเหล็กน้ำพี้
ลงมะอะอุ ที่ใบเหล็กน้ำพี้
ที่ปลอกมีด ก็มีสามกษัตริย์น่ะครับ
มีดด้ามงาของหลวงพ่อทรง หายาก และ มีอภินิหารชัดเจนด้านคุ้มครองป้องกันจากพวกอมนุษย์ ฟังจากหลายปาก มีอยู่ท่าน โทรมาหาผมจากบางปะหัน ท่านมีสามเล่ม ตัวเองพกเล่ม ภรรยาพกเล่ม ส่วนอีกเล่มให้น้องชายพกครับ...แหะๆ
ผีไม่เข้าบ้านแน่นอน ไปนอนโรงแรมไหนผีดุๆ คงจะเงียบเลยครับ...อิอิ -
พี่พีคงจบวิดวะมาสินะครับ
หน้า 144 ของ 3280