เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 2215 ของ 3280
-
ไม่เกิด said: ↑วันนี้ขอตัวเร็วหน่อยครับ.... คุณลูกจะใช้คอมยาวเลย ... ก่อนไปก็ฝากข้อความสั้นๆ เอาไว้อ่านเพื่อหลักและเป็นกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต... ( ราตรีสวัสดิ์ )
เมื่อเราท้อ ให้คิดไว้เสมอว่า “ไม่เป็นไร”
ขอให้นึกถึงสิ่งหนึ่งไว้ว่า “เราจะไม่เป็นไร” สิ่งที่เราเป็นไปนั้นเป็น “เรื่องธรรมดา” เรื่องธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นกับทุกคนได้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา
และเมื่อถึงในวันที่ใจอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรง สักแค่ไหน ขอเพียงอย่าเพิ่งหมด “กำลังใจ” ทำใจให้ดีแล้วพยายามสร้างพลังใจขึ้นมาใหม่ ต่อสู้และแก้ปัญหา ต่อไปอย่าได้ท้อถอย แล้วค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้า
ก้าวช้า ช้าอย่างสุขุมและรอบคอบกว่าเดิม ถือเสียว่าสิ่งที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ชีวิต สอนให้เรารู้จักคิด รู้จักใช้ปัญญา
อย่า ให้ปัญหามาบั่นทอนจิตใจ ต้องคิดให้ได้ว่าชีวิตต้องดำเนินไป ถึงจะยากเย็นเพียงไรก็ต้อง “อดทน” ไว้อย่าได้ยอมแพ้และขอให้อย่าลืมคำ คำนี้ไว้ว่า “เราจะไม่เป็นไร”
สักวันทุกอย่างที่เป็นมา มันก็จะผ่านไป แล้วชีวิตก็จะพบกับสิ่งใหม่ๆอีกครั้ง ความสุขก็ยังรอเราอยู่เช่นเดิม
อย่าลืมว่า การจะอยู่อย่างมีความสุขนั้น มันเริ่มจากที่จิตใจ ของเราเองClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 941103
นะ เศรษฐี
นะตัวนี้เรียกนะ เศรษฐี จะเน้นหนักไปในทางโภคทรัพย์ จึงเรียกว่า นะ เศรษฐี
ใครยังไม่ได้เป็นเศรษฐี แต่ต้องการ ทรัยพ์สินเนืองทอง เงินทองไหลมา เรื่อยๆ แนะนำว่าไปขอให้ท่านพระอาจารย์แม้นลงให้ จะบนหัว บนกระเป๋าสตางค์ บนแบงค์ เอามาบูชา จิตมั่นขยันหา แล้ว รับรองผล ๑๐๐ % นะตัวนี้ พระอาจารย์แม้นท่านชำนาญมาก น่าจะลงมาหลายหมื่นตัว หลายสิบปี ยังไม่มีใครกลับมาต่อว่า
พระท่านพูดไม่ได้เพราะอวดอุตริ พระท่านห้าม แต่ผมเป็นฆราวาสพูดได้ เพราะเจอประสบการณ์มา ไม่ละเมิดศีลมุสา จึงแน่ะนำให้ ไม่มีค่าครู ไม่เรียกร้องเงิน ของฟรี จึงขลังสุดๆ บอกให้แค่นี้ยังเฉย ก็ตัวใครตัวมันน่ะจ้ะ...แฮ่ๆๆๆClick to expand...ก้องครับ said: ↑แหะๆๆๆ ระหว่างที่พี่ๆน้องๆ กำลังเลือกเบี้ยกัน
ผมก็ขอท่านจารกระหม่อมด้วย นะเศรษฐีเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ อิอิClick to expand... -
ไม่เกิด said: ↑กว่าคุณลูกจะเล่นเสร็จ หลับไปตื่นหนึ่ง... ขอตัวไปหลับต่อ ( กำลังเพลิน ) ขอฝากข้อความดีๆ มีประโยชน์ เอาไว้สักหน่อย.... ( ราตรีสวัสดิ์ )
ช่วงนี้บ้านเราอากาศร้อน และแดดร้อนแรงมาก จนทำให้ร่างกายมีอาการเพลียแดดไปตามๆ กัน แม้จะพยายามดื่มน้ำหรือเป่าลมกันแล้ว ดูเหมือนเจ้าความร้อนในร่างกายเราดูไม่ยอมลดลงไปด้วย แต่ดูท่าจะสะสมในร่างกายเหมือนคนจะเป็นไข้ ยิ่งคนที่ทำงานท่ามกลางแดดร้อนต้องระวัง ไม่ควรดื่มน้ำเย็นทันทีเพื่อดับร้อน ควรใช้เป็นน้ำขวดที่ไม่แช่เย็นจะดีกว่า และพยายามใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาก็จะช่วยบรรเทาได้ค่ะ
สำหรับคนทำงาน ในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจนัก เพราะเมื่อออกนอกอาคารก็จะปะทะกับอากาศและลมร้อน จะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นเหตุให้มีอาการเหมือนจะเป็นไข้ได้เช่นกัน ที่แม้ดูแล้วไม่น่าหนักหนาอะไรแต่ก็ไม่ยอมหายซักที ทำให้บั่นทอนประสิทธิภาพของร่างกายเรา ยิ่งร่างกายอ่อนแอลงภูมิต้านทานต่างๆ จะลดลง โอกาสติดโรคหรือติดเชื้อต่างๆ จะเพิ่มมากขึ้น กินยาลดไข้แล้วไม่หายซักที
ลองสังเกตดูนะคะว่า อากาศร้อนช่วงนี้เพื่อนๆ ไปตากแดดตากลมร้อนมา แล้วมีอาการเหล่านี้หรือไม่
1. มีอาการไข้รุมๆ ริมฝีปากแห้งแข็ง (แต่ไม่แตกลอกเหมือนหน้าหนาวนะคะ)
2. ปากคอแห้ง แสบคอ (ไม่ใช่เจ็บคอนะคะ)
3. ปวดศีรษะ (แบบรำคาญ) แต่บางท่านที่ร้อนจัด อาจจะรู้สึกคล้ายถูกกระตุก
4. การรับรู้รสอาหาร หรือการทานอาหารแล้วรู้สึกขมปาก ดูไม่อร่อยกับอาหารที่ทาน เหมือนเบื่ออาหาร
5. กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ (หลับๆ ตื่นๆ)
6. รู้สึกว่าระบบขับถ่ายไม่ปกติ ถ่ายยากขึ้น ไม่เป็นเวลา กะปริบกะปรอย เวลาเบาจะรู้สึกมีความร้อนสูงตามมาด้วย
7. บางคนที่มีร่างกายเป็นธาตุเย็น ความร้อนจะสะสมจนรู้สึกปวดแสบกระบอกตา เหมือนน้ำตาแห้ง อันนี้ต้องระวังค่ะ แสดงว่าความร้อนเริ่มสะสมมากขึ้น จนร่างกายเริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะคนที่ธาตุเย็นจะเริ่มรู้สึกตอนที่เป็นมาก ซึ่งที่จริงแล้วจะเรียกว่าเป็นไข้ก็ไม่เชิง เพราะจะไม่มีอาการไข้สูงแบบเป็นไข้ คือร่างกายดูเหมือนหรือคล้ายปกติ แต่ความคล่องตัวดูถดถอย ปวดเมื่อย เนือยๆ อยากนอน ซึ่งทางแพทย์แผนจีนเรียกว่า "พิษความร้อนสะสม" หรือมีการสะสมความร้อน ที่ร่างกายระบายได้ไม่หมด
ถ้ามีลักษณะอาการข้างต้นดังว่า เพื่อนๆ กำลังมีอาการที่เรียกว่า "ไข้แดด" ค่ะ ซึ่งซินแสจีนบางท่านจะเรียกว่า "ร้อนใน" เพียงแต่ร้อนในที่เป็นในช่วงอากาศร้อนและแดดจัด เมื่อเป็นแล้วจะดื่มแค่น้ำจับเลี้ยง น้ำขม หรือน้ำเก็กฮวย คงช่วยไม่ไหว (ถ้า ใครที่ปกติอยู่จะดื่มแก้ร้อนใน ในช่วงแดดร้อนนี้ยังได้นะคะ แต่ไม่แนะนำให้ทานแบบใส่น้ำแข็งและมีรสหวานจัด เพราะนั่นทานไปแล้วไม่เป็นยาค่ะ) เพราะร่างกายได้สะสมพิษไอร้อนไปในทุกระบบของร่างกาย ที่ ต้องมีการทานยาช่วยในการระบายหรือขับออก และแตงกวาเชื่อว่าหลายท่านที่รู้สึกจะมีไข้ เพราะตากแดดในช่วงนี้ คงทานยาพาราเซตามอลกันแล้ว แต่รู้สึกว่าไม่ดีขึ้น ก็ไม่ต้องไปทานต่อแล้วค่ะ
h3มาลองวิธีแบบแตงกวาดูค่ะ ให้ไปที่ร้านขายยาสมุนไพรจีน บอกอาการให้เขาจัดยาแก้ไข้แดด (บางร้านเรียกว่า "ยาแก้ร้อนใน") มาทานซัก 2 ห่อ ( 1 ห่อ น้ำหนัก 160 กรัม ราคาประมาณไม่เกิน 120.- บาท ซึ่งตัวอย่างนี้มีตัวยาประมาณ 14-16 ชนิด ร้านนี้จัดมาซะเพียบเลยค่ะ) หรือบางร้านอาจจะมีตัวยาน้อยกว่านี้ แล้วแต่สูตรยาของแต่ละร้าน ดังรูปที่แตงกวานำมาให้ชมนี่น่าจะมากสุดแล้วค่ะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องยา จะขม ทำให้ดื่มลำบาก เพราะในตัวยามีเซ็กตี่ (แผ่นกลมสีดำ) ที่มีรสหวาน และดอกเก็กฮวยผสมอยู่ เด็กก็ทานได้ เพราะเป็นยาขับพิษร้อนหรือไอร้อนที่สะสมในร่างกาย เพื่อให้ความร้อนที่ตกค้างอยู่ได้ระบายออก ลักษณะของยาจะเป็นเหมือนยาระบาย ซึ่งถ้าใครท้องผูกก็ทานได้เช่นกันค่ะ กรรมวิธีการต้มก็ไม่ยุ่งยาก เพี่ยงแต่ต้องคอยเฝ้าดูสักหน่อยนะคะ ถ้าเผลอต้มๆ ไปแล้วลืม...ยาไหม้ไม่รู้ด้วยอ่ะ
วิธีต้มยา
1. ใช้หม้อเคลือบดีที่สุด หรือจะใช้หม้อสเตนเลสก็ได้ แต่ระวังเรื่องร้อนเร็วค่ะจะไหม้ ขนาดเบอร์ 20 หรือความกว้างของหม้อ 20 เซนติเมตร (ไม่ใช้หม้ออลูมิเนียมนะคะ)
2. เทยา 1 ห่อลงไปในหม้อ
3. เติมน้ำลงไปประมาณ 3 ชาม (ชามขนาดความกว้างปากชาม 6 นิ้ว หรือ 15 เซนติเมตร) ปิดฝาหม้อ ต้มเหลือเพียง 1 ชาม
4. ใช้ไฟปานกลาง ต้มจนเดือดประมาณ 15 นาที พอเริ่มเดือดให้หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อนๆ ต้มต่อไปจนครบ 1 ชั่วโมง เปิดฝาหม้อดู น้ำงวดเหลือ 3/4 ของหม้อ... ให้ต้มต่อไปอีก 1 ชั่วโมง พอเห็นเลาๆ ว่าใกล้จะใช้ได้แล้ว... ให้ต้มต่ออีกประมาณ 15 นาที ปิดเตา ยกเทใส่ชาม จะได้ 1 ชามเท่ากับที่เติมลงไปพอดี แต่ถ้ายังไม่ได้ 1 ชามหรือเกินกว่านั้น อาจเทน้ำกลับเข้าไปในหม้อ แล้วต้มต่ออีกสักแป๊ปเดียว จะได้ 1 ชามพอดิบพอดี
5. ยาที่ต้มเสร็จแล้วควรดื่มขณะอุ่นๆ ก่อนอาหาร 1/2 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง แล้วแต่สะดวก ในตอนเช้าและก่อนอาหารในตอนเย็น
6. ยา 1 ห่อต้มได้ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและตอนเย็น
ข้อห้ามในช่วงที่ทานยาจีน คือ
1. ไม่ทานน้ำเย็น น้ำอัดลม น้ำแข็ง น้ำแกงจืดที่มีส่วนผสมของหัวไช้ท้าว ไม่ทานอาหารรสจัด หรือแกงเผ็ดที่มีส่วนผสมของกะทิ
2. ไม่ทานข้าวเหนียว หน่อไม้ไทยและจีน อาหารรสจัด ผลไม้รสหวาน เช่น ขนุน มะม่วงน้ำดอกไม้สุก (ใครชอบข้าวเหนียวมะม่วง อดแน่คราวนี้) ทุเรียน หรือผลไม้ที่หวานจัดจนแสบคอ
3. ไม่ทานของหมักดอง
4. ไม่ทานของทอดๆ ในหน้าร้อน และโดยเฉพาะของทอดที่บีบแล้วมีน้ำมันติดเยิ้มๆ
หลัง จากทานยาแล้วจะรู้สึกระบายดีขึ้น อาจจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะโดยพื้นฐานเป็นยาระบาย เพื่อไล่ไอร้อนในร่างกาย ลองดูนะคะควรทานติดต่อกัน 2 วันก็พอค่ะ (2 ห่อ) หลังจากนั้นก็ควรดูแลเรื่องการรับประทานอาหารในช่วงอากาศร้อนนี้ ซึ่งถ้าไม่แน่ใจจะยึดหลักข้อห้ามของยาจีนก็ดีนะคะClick to expand... -
ไม่เกิด said: ↑ดึกๆ ชักเงียบ ขอตัวไปพักผ่อน .... ก็หาอะไรดีๆ มาให้อ่านและได้คิดพิเคราะห์กันครับ... ( ราตรีสวัสดิ์ )
ทุกข์ กับ สุข ทำอย่างไร
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>เมื่อคุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่ง
หลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก
ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไร
คุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุด
แล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ %
คุณตัดสินใจควักเงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้าน
ด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง
แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ
แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น
คุณจะรู้สึกอย่างไร ? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ?
ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป
อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ?
แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเอง
เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่?
คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ แต่ทันทีที่คุณไปเปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่น
ความรู้สึกไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่ คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีก็เพราะเหตุนี้
จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์
เคยสังเกตหรือไม่ว่า
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคนอื่นดีกว่ารถของตัว
แฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)กว่าแฟนของตัว
ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัว
และอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัว
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ชีวิตจะหาความสุขได้ยาก
แม้จะได้มามากเท่าไร ก็ไม่พอใจเสียที
อย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย แม้ของที่เราได้มาฟรี ๆ
เช่น ได้โทรศัพท์มือ ถือมาฟรี ๆ ๑ เครื่อง
ที่จริงน่าจะดีใจ แต่เมื่อรู้ว่าคนอื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่า
จากเดิมที่เคยยิ้มจะหุบทันที
แถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับแจกด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นใช่ไหม ?
ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่น
ความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนให ญ่เกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป
เราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใด
ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สลวย ผิวคล้ำไป
แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดารา
แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี
มองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่
ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันที
จิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะหายเหนื่อย
เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องวิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ มากมาย
เพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขา
พอใจในสิ่งที่เรามี
ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น
เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัว
นี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็น
</TD></TR></TBODY></TABLE>Click to expand...พี เสาวภา said: ↑หลวงพ่อทรงท่านมีบารมีทางท่องพระปาฏิโมกข์สูงน่ะครับ สามารถท่องได้ตั้งแต่ยังหนุ่มๆ
การท่องพระปาฏิโมกข์ ท่านที่ท่องได้ดี จะมีสติปัญญา ความจำดี จำและบอกอักขระพระวินัยได้ไม่วิบัติ บอกได้แม่น มีความกล้า สติแจ่มใสในการท่องพระปาฏิโมกข์ หรือ พระวินัยสงฆ์ ไม่ใช่ไม่กล้าท่องหรือ บอกผิดๆถูกๆ กลัวๆกล้าๆ ก็จะไปไม่รอด แล้วจะเข้าตัวเองอีก เพราะการบอกพระปาฏิโมกข์ถือว่ามีบารมีสูงมาก ถือเป็นตัวแทนองค์สมเด็จพระทศพล เหมือนการบวชกุลบุตรทีเดียว
ทหารที่ไม่มีวินัยก็ไม่ใช่ทหาร พระที่ไม่มีวินัย ไม่รู้จักวินัยของพระ ก็ไม่ใช่พระน่ะครับ...ฟันธง การจะเป็นพระต้องผ่านการกลั่นกรอง มาทางความเคร่งครัดทางพระวินัย ในครั้งแรก และ ยี่สิบพรรษา แรก องค์สมเด็จพระทศพล จะแสดงพระปาฏิโมกข์เอง เพราะมีความสำคัญมาก หลังจากนั้นทรงมีพระชนย์มายุมากขึ้นจึงมอบหมายให้พระอาวุโสองค์อื่นทำแทน
การแสดงครั้งแรกเฉพาะในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3) หลังจากตรัสรู้แล้ว 9 เดือน เป็นการแสดงปาติโมกข์ที่ประกอบด้วยองค์ 4 เรียก "จาตุรงคสันนิบาต" คือ- พระภิกษุสงฆ์ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
- พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือเป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงประทานการบรรพชาอุปสมบทให้ทั้งสิ้น
- พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้ได้ อภิญญา 6 ทั้งสิ้น
- เป็นเวลาที่ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ คือตรงกับ วันเพ็ญเดือน 3
หลวงพ่อทรงท่านก็นับแนวทางครูบาอาจารย์ลงมา การบอกพระปาฏิโมกข์ท่านจะบอก ชัดเจน อักขระไม่วิบัติ ตามคำบอกเล่าของพระสหธรรมมิกของท่าน ว่าฟังเพลินทีเดียว ๓๐ - ๔๐ กว่านาทีจึงจบ แคล่วคล่องชัดเจน ส่วนท่านจะเป็นพระอภิญญา ๖ หรือไม่ และ บรรลุเป็นพระอริยบุคคลหรือไม่นั้น โง่ๆแบบผมไม่มีทางทราบ แต่ให้พวกท่านเดากันเอง
บารมีนี้ ได้ถ่ายทอดลงมาสู่ที่พระนักธรรมชัดเจน ประสบการณ์เล่ากันมาชัดเจนไม่ตกหล่น คนที่ครองครองที่เป็น เด็กๆ จะกล้าพูด กล้าแสดงออก เรียนหนังสือจะเรียนชัดเจน อักขระ หนังสือ เลข จะไม่วิบัติ ไม่แตกแถว จริงเท็จอย่างไร พวกท่าน พิสูจน์กันได้เองน่ะครับClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑ของหลวงพ่อทรงดีทุกอย่าง จริงๆ ผมเขียนเชียร์มาสามปี จนเขานึกกันว่าผมเขียนเชียร์ขายของหลวงพ่อทรง...แหะๆ แบบว่า เสี่ยทำขายเอง อะไรประเภทนั้น ...เหอๆๆ
ท่านที่เชื่อเรืองแบบนี้ อ่านแล้วข้ามไป ไม่หาไว้สักองค์สององค์ให้ตัวท่าน หรือ คนที่ท่านรัก ท่านปล่อยผ่านไป วันหนึ่งท่านจะเสียใจ
พวกขายของหลวงพ่อ ตอนนี้ วันหนึ่งจะสะอึก เมื่อในอนาคตต้องซื้อกลับ ในราคาแพงกว่าที่เคยขายได้มาก
จนบางทีเลือกแขวนไม่ถูก
ผมแขวนเบี้ยจั่นตัวเล็ก เพราะหลวงพ่อสั่งไว้ และแขวนรูปหล่อโบราณติดอังสะของท่าน แขวนปลัดและตะกรุดบัวบาน ( หลวงพ่อสั่งให้เอาตะกรุดม้วน แล้วติดตัวเหมือนกัน )
ยังอยากแขวนเหรียญบิน เหรียญเศรษฐีใหม่ พระชัย พระกริ่ง วิสาขาห์ ๔๙ เหรียญรุ่น ๒ รูปเหมือน แหวกม่าน นักธรรม ตะกรุดมหาจักร ตะกรุดเทพรัญจวนทั้งสองเนื้อ ตะโพนงา ตะโพนทอง รูปเหมือนงาช้าง ล็อกเก็ตเต็มองค์ ปลัด เขี้ยวสิงห์โต ตะกรุดลูกปืน ฯลฯ
แขวนไม่หมดครับ เลยเอาแค่เนี้ย...แหะๆ และกรุณาอย่าเนียนมาขอแขวนต่อน่ะครับ หวงก้าบบบบบบClick to expand... -
peach123 said: ↑หายไปนานเลยครับผม
กราบหลวงพ่อทรง
สวัสดีพี่พีและทุกท่าน
ว่าแต่จะชวนสาวเหนือมาแอ่วสุพรรณจริงเร๊อ..อ
งานนี้สงสัยหมูไม่กลัวน้ำร้อนซะแล้ว อิ..อิ
อย่ากังวลไปครับ คนเราเกิดมาตายหนเดียวเท่ากัน
กังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เครียดไปเปล่าๆ
ทำบุญทำทานกันให้มากๆครับ ชีวิตในมนุษย์โลกอยู่กันไม่ถึงร้อยปี
ที่เหลือไปวนเวียนใช้กรรม ใช้บุญกันยาวนานมากกว่าหลายเท่านัก
ทำบุญทำทานไว้มาก ชาติหน้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามีเราจะได้ไม่ขาดทุน บุญทานที่ทำไว้จะส่งผลในชาติต่อๆไป
เกิดใหม่มีบุญมากก็เกิดมาเจอสิ่งดีๆทำทานมากก็มีทรัพย์มาก
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าให้อยู่ในความไม่ประมาท
ความตายมาถึงแม้กระทั่งทารก เราอยู่กันมาถึงป่านนี้ได้ โชคดีแล้วครับ
เวลาที่เหลือสะสมสร้างบุญทานบารมีไว้ให้มากๆ ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้
ชีวิตเรานั้นตาย ง่ายกว่าอยู่ครับ แล้วจะเห็นว่าความตายเป็นเรื่องเล็ก
แต่การมีเมตตากับทุกคน, ให้อภัย, มองโลกในแง่ดี
รักษาความสุขในชีวิตให้ได้ทุกวันนี่เรื่องใหญ่กว่าClick to expand...cc5922 said: ↑มีแนวคิดดีดีมาฝากเสมอเลยครับ สาธุ...Click to expand... -
ไม่เกิด said: ↑สัญญากับพี่ พี ไว้... ว่าจะนำเหรียญหลวงพ่อเคลือบมาให้ชมเพิ่งถ่ายรูปมาสดๆร้อน แต่ขอบอกก่อนว่าถ่ายอยากมาก เพราะเป็นเหรียญอัลปาก้า หรือ ทองแดงชุบนิเกิลก็ไม่ทราบ ทำให้เห็นหน้าตาท่านได้ไม่ชัดนัก... แต่ก่อนจะลงรูปมาให้ชมก็เอาประวัติคร่าวๆมาให้ชมกันเผื่อบางท่านจะได้ทราบข้อมูลกันบ้าง.....
หลวงพ่อเคลือบเป็นคนเชื้อสายจีน สัญชาติไทย เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2432 ที่บ้านคลองชะโด ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี นามมารดา บิดา ยังไม่ทราบหลักฐาน มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 8 คน บรรพชาอุปสมบท นายเคลือบเมื่ออายุครบบวชแล้ว ก็ได้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท เมื่อปี พุทธศักราช 2453 ที่พัทธสีมาวัดหนองเต่า ตำบลโนนเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โดยมีพระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เป็นพระอุปัชฌาย์พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ไม่ทราบนาม แล้วท่านก็ได้นามว่าพระเคลือบ สาวรธมโม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อเคลือบท่านได้อยู่จำพรรษาเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อสินที่วัดหนองเต่าเป็นเวลา 3 พรรษาได้วิชาวาจาสิทธิ์และวิชาคงกระพันชาตรีจากหลวงพ่อสิน สมัยนั้นพระภิกษุสามเณรวัดหนองเต่ามีจำนวนมากไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต และหลวงพ่อสินท่านพูดอยู่เสมอว่า ถ้าจะให้วิชาขลังนั้น ต้องไปหาที่สงบฝึกจิต หลวงพ่อเคลือบสนทนาธรรมกับหลวงพ่อสินแล้วก็ขอลาไปฝึกจิตเรียนวิชาเพิ่มเติม หลวงพ่อสินบอกว่ามีพระเก่งวิชาเพ่งกสินอยู่แถบลพบุรี ท่านก็ลาไปโดยมีพระร่วมเดินทางไป 3 รูป ท่านก็ไปพบอาจารย์ ซึ่งจากการสอบถามคนเก่าหลายคนบอกว่า เป็นหลวงพ่อวัดเขาสาลิกา ซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ในสมัยนั้น โดยเฉพาะ กสินไฟ ท่านเพ่งเทียนจนไฟลุกได้เมื่อหลวงพ่อเดินทางไปถึงแล้วก็เข้าไปกราบพร้อมฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนคาถาพระอาจารย์พูดว่า ถ้าไม่สึกก็จะสอนวิชาให้ ถ้าสึกก็จะไม่สอนหลวงพ่อเคลือบก็ปฏิญาณ แน่วแน่ว่าชาตินี้จะไม่ขอสึก ส่วนพระที่ไปด้วยไม่รับปากจึงไม่ได้เรียนวิชาด้วย ท่านเรียนกรรมฐานทำสมาธิ จนจิตเป็นหนึ่งเดียวและเรียนวิชา กสินไฟและเรียนอักษรขอมที่ใช้เขียนยันต์ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อกบอีกเป็นเวลาถึง 6 ปี เต็มท่านก็ลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายปีไม่ทราบว่าไปที่ใดบ้างแล้วท่านก็กลับมาที่อุทัยอีกมาอยู่วัดหนองเต่า แต่อยู่ได้ ไม่กี่วันทางญาติโยมวัดหนองหญ้านางก็มานิมนต์หลวงพ่อเคลือบไปอยู่ เมื่อหลวงพ่อมาอยู่ท่านก็ได้สร้างพระอุโบสถขึ้นมาหนึ่งหลัง แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดีก็เกิดเรื่องกับบรรดามักทายกวัดขึ้นเสียก่อน หลวงพ่อเคลือบจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าอยู่ใครก็มาอยู่ไม่ได้” ต่อมาก็หาพระมาอยู่ได้ยาก แล้วหลวงพ่อเคลือบก็กลับมาที่วัดหนองเต่า พอดีทางวัดหนองแกขาดพระ หลวงพ่อเคลือบจึงมาจำพรรษาอยู่ที่นี่หนึ่งพรรษาแล้วย้ายมาอยู่ที่วัดทัพทันอีกสามพรรษาพอดีทางวัดหนองกระดี่ไม่มีเจ้าอาวาส พวกญาติโยมจึงนิมนต์หลวงพ่อเคลือบมาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเคลือบท่านอยู่ที่วัดหนองกระดี่จนมรณภาพในปี พ.ศ.2497 นั่นเอง ที่มาจาก:หนังสือประวัติหลวงพ่อเคลือบ เนื่องในงานเททองหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อเคลือบ
การบนบานศาลกล่าว "หลวงพ่อเคลือบ" หลวงพ่อเคลือบเป็นชาวหมู่บ้านหนองเต่า อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อครบ อุปสมบท ก็ได้อุปสมบทที่วัดหนองเต่าโดยมีหลวงพ่อสินเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อจำพรรษาได้ ๓ พรรษา ได้กราบลาพระอาจารย์ไปเรียนพระเวทที่ จ.ลพบุรี โดยเดินทางด้วยเท้าเปล่าครึ่งเดือน ท่านมีความมานะ ได้เรียนอยู่ ๖ ปีเต็มท่านเป็นผู้มีกรรมคือท่านเป็นโรคริดสีดวง จึงต้องทานยา ผสมสุรา ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงถูกชาวบ้านมองท่านในแง่ไม่ดีแม้แต่พระสงฆ์ด้วยกันก็ตาม จนเจ้าคณะจังหวัดสั่งไม่ไห้ใครยุ่งเกี่ยวกับหลวงพ่อเคลือบ ท่านมีความขยันในการเล่าเรียนคาถาอาคมจนเก่งกล้า ท่านจึงกลับวัดหนองเต่า อยู่ได้ไม่นานทางวัดหนองกระดี่นิมนต์ท่านกลับมาเป็นเจ้าอาวาส ความสำคัญ หลวงพ่อเคลือบท่านได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านจะบนบานศาล กล่าวด้วยธูป ๓ ดอกหรือบางครั้งก็จะบอกกล่าวธรรมดาว่าต้องการบนเรื่องอะไรและจะแก้บนด้วยอะไรส่วนใหญ่ การแก้บนมักจะเป็นเหล้าขาว มะขาม หรือพวงมาลัย การบนบานศาลกล่าว หลวงพ่อเคลือบแทบจะ เป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของชาวจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อมีของหาย ถ้าบนบาน ก็จะได้กลับคืนมาเกือบทุกครั้ง หรือบางครั้งจะมีการบนบานไม่ให้ ฝนตก ฝนก็จะหยุดตกเกือบทุกครั้งไป หรือบางครั้งจากหนักเป็นเบารวมทั้งถึงการช่วยคุ้มครอง ในการเดิน ทางให้ปลอดภัย พิธีกรรม ส่วนใหญ่ถ้าบนบานให้ได้ผลก็จะบนด้วยเหล้าขาว มะขามเปียกเปิดฝาแล้วบอก กล่าวท่านทิ้งไว้ สักครู่ก็บอกลาท่านส่วนใหญ่จะไปแก้บนที่วัดหนองกระดี่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เพราะมีศาลและรูปจำลองของท่านตั้งอยู่ทุกวันจะมีผู้คนไปสักการะเป็นประจำ
ในด้านความผูกพันระหว่างหลวงพ่อเคลือบกับชาวจังหวัดอุทัยธานีนั้นนับได้ว่ามีความผูกพันกันในทุกชนชั้นเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่านึกอะไรไม่ออก บอกไม่ถูก ก็ต้องนึกถึงหลวงพ่อเคลือบทุกครั้ง หรือเวลาที่เราเห็นใครจะดื่มเหล้า ต้องเทเหล้าใส่แก้ว ยกมือพนมไว้ก่อนดื่ม สันนิฐานได้เลยว่า 80 % เป็นคนอุทัยธานี
ในเรื่องราวของวัตถุมงคลของหลวงพ่อนั้นเท่าที่ทราบ วัตถุมงคลที่ทันหลวงพ่อจะมีเพียงแต่ ตะกรุด(ฝาบาตร)และรูปถ่ายเท่านั้น ส่วนวัตถุมงคลที่นิยมเล่นหากันเป็นหลักได้แก่ วัตถุมงคลชุดปี 2515 ที่ออกโดยวัดทัพทัน เพราะพิธีดีประสบการณ์เยี่ยม และวัตถุมงคลที่ออกวัดอื่นอีก เช่น วัดดงแขวน วัดหนองกระดี่นอก หนองกระดี่ใน
โดยส่วนตัว "ทิดหนึ่ง" ถือว่าสนิทสนมกับหลวงพ่อ(ทางจิตวิญญาณ)แต่คงมิอาจบอกกล่าวให้กับท่านให้เข้าใจได้ เพียงแต่จะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคลรุ่นใด แท้หรือไม่ หรือแม้แต่นึกถึงและเอ่ยชื่อท่านบอกวัดบอกจังหวัดด้วย.. รับรองว่าท่านจะมาอนุเคราะห์ญาติโยมทุกคนทุกท่านได้แน่นอน
พูดถึงการแก้บนหน่อย เดี๋ยวนี้การบอกกล่าวและการแก้บนมักจะทำเป็นพอเป็นพิธีเสียมากกว่า เวลาบอก(ก่อนดื่มเหล้า)ก็ควรจะทิ้งไว้สักชั่วอึดใจหน่อย ไม่ใช่ว่าวางปุ๊บก็เสสังปั๊บเลย...ทิ้งไว้สักชั่วอึดใจหน่อยครับ ...เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่า..กูยังไม่ทันนั่งเลย มันเสสังซะแล้ว..ส่วนการแก้บนท่าน ขอให้ทำอย่างจริงใจไม่ใช่โกงท่าน เช่นบนด้วยเหล้าขาว เหล้าแดง เบียร์ กี่ขวดก็ควรจะทำตามเช่นนั้น หลายคนคอยจะโกงท่าน เช่น บนเหล้า 6 ขวด ก็ซื้อเหล้ามาแล้วเทใส่ขวดเครื่องดื่ม 6 ขวด..ดังนี้ถือว่าเป็นการโกงนะครับ และรอจนกว่าธูปจะหมดดอกเสียก่อนค่อยเสสังจึงจะเป็นการถูกวิธี...
ต่อมาเรื่องของที่แก้บน...หากครอบครัวท่านไม่ขัดสนมากจนเกินไปนัก "ทิดหนึ่ง" ว่า ของที่แก้บนควรนำถวายวัดไปเลย(หัวหมู ไก่ ฯลฯ)เพราะพระท่านจะได้นำของที่ท่านแก้บนไปทำทานต่ออีกที ท่านก็น่าจะได้บุญกับพระท่านด้วย ส่วนเหล้าเอากลับเถิดไม่ว่ากัน
ผ่านมาถนนสายทัพทัน-สว่างอารมณ์ ก็ขอเชิญกราบนมัสการท่านได้ที่วัดหนองกระดี่นอกนะครับ เพราะวิหารหลวงพ่อเคลือบอยู่ติดกับถนนพอดี ขอบารมีหลวงพ่อเคลือบคุ้มครองตลอดไปครับ.....Click to expand...teaycub2009 said: ↑รายงานตัวครับ
มากราบหลวงปู่ทรงก่อนนอนครับ....แหะๆClick to expand...พี เสาวภา said: ↑ชาวบ้านรุ่นเก่าๆ ทัพทัน อุทัย ยัน พยุหะ นับถือหลวงพ่อเคลือบมากเลยน่ะครับClick to expand...พี เสาวภา said: ↑สวยงามครับ
ชอบหลวงพ่อเคลือบจริงๆClick to expand...ไม่เกิด said: ↑ยายผมก็นับถือท่านมากเหมื่อนกันครับ พี่ พี ท่านเคยบนเรื่องขออย่าให้ฝนตกเหมื่อนกันครับ .... ส่วนมากคนรุ่นเก่าๆ จะนับถือท่านมากๆครับ....Click to expand... -
JLB said: ↑กราบพระเดชพระคุณ หลวงพ่อทรง
สวัสดีพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่าน
ป๋าก่อนี่ชอบเอาของสวยๆ มาล่อตาล่อใจอยู่เรื่อย เลยClick to expand...hanada9 said: ↑เห็นเสือแต่เช้า ทำเอาจิตใจฮึกเหิมดีครับ
เสือผมไม่สวยงามเงาวับแบบนี้ เพราะติดนิ้วเป็นประจำ สภาพผ่านศึก(สึก)มาพอสมควร
หลัง ๆ ผมมักไม่ค่อยสนใจในความสวยซะแล้ว ใช้แบบไม่เลี่ยม ไม่ห่อหุ้มแล้ว ได้สัมผัสกับความรู้สึกดี อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน (เหมือนตอนห้อยพระครั้งแรกครับ ซู่ซ่าส์..บอกไม่ถูก ที่สำคัญได้สะใจเวลาใครขอดู แล้วบอกเสียดาย ผมก็ตอบไปว่ามีไว้ใช้ ไม่ได้ไว้เก็บจ้า)
อาว..นี่ผมยังไม่ได้ลงทะเบียนสมาชิกเก่านี่หว่า อิอิ เดี๋ยวไปเอากล้องมาถ่ายก่อนครับ
(แล้วจะมาเล่า..เรื่องราว แบบเอาจริง เอาจังสักที)Click to expand...moo noi said: ↑ช่วงอายุนี้ลูกอยู่ในภาวะกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่มีแรงพอเตรียมการได้หลายอย่าง แต่ลูกและครอบครัวจะหมั่นสวดมนต์ภาวนา เพืออธิษฐานให้ลูกและครอบครัว ตลอดจนญาตธรรมทั้งหลาย ได้มีที่มีทางไว้หลบหนีมหัตภัยของโลกใบนี้ด้วยเถิด...สาธุ...Click to expand...พี เสาวภา said: ↑ผมจะบอกตามตรงเลยน่ะครับ
อย่าไปตื่นตระหนก แต่มาแน่ๆ อาจารย์ผม หลวงปู่พระครู บุญศรี ให้สร้างแพโบถส์น้ำไว้ที่ อ. พยุหะคีรี แพนี้น่าจะรับน้ำท่วมได้ประมาณ ๓ - ๔ เมตรจากพื้น เป็นการบอกใบ้ไว้แล้ว หลวงปู่อาจารย์ผม ไม่มีพลาด เรื่องอนาคต พูดเรื่องไหน นอนมาทุกเรื่อง แต่ไม่แน่ใจเรื่องเวลา เพราะท่านไม่ได้บอก ท่านไม่ยอมบอก แต่ถ้าไม่พูดก็แสดงว่ายังไม่มีผลกับเราโดยตรง แต่ไม่น่าจะเป็นอายุรุ่นคุณหรือผมครับ
หลายสิบปี พอเขาเริ่มมา เหตุการณ์ก็จะค่อยพัฒนาไป เราก็เตรียมตัวทัน คนไทยไม่ทิ้งกัน
ยังมีแผ่นดิน แถว ภาค เหนือ และ อีสาน บนที่ราบสูงอีกเยอะ ให้คน ๗ - ๘๐ ล้านคนอยู่ได้ คนไทยจะสามัคคีกันครับ ได้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบรมราชวงศ์ จักรีวงศ์ ครับ
พื้นที่ก็จะพอเป็นแหล่งที่อยู่และแหล่งอาหาร ทำนา ทำสวนได้ ครับ
วัดวาอาราม พระองค์สำคัญ ศักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก็จะถูกโยกย้ายไปยังที่ใหม่ มีเกิด มีดับตามกฎแห่งกรรม แต่สวยงามตามอุปนิสัยของคนไทยต่อไปครับ
ไม่ต้องกลัวครับ พระศาสนาจะคุ้มครองผู้พฤติธรรมทุกคน ตามกฎแห่งกรรมClick to expand... -
ไม่เกิด said: ↑วัยรุ่น (ระยะสุดท้าย ) ใจร้อน.... ไปถ่ายมาแล้วครับ อาจไม่สวยแจ่มสักเท่าไร เพราะไม่ใช่มืออาชีพ เอาพอดูได้นะครับพี่ พี....
รูปถ่ายหลวงพ่อแอ๋วที่บ้านคุณยาย... ถามคุณยายว่าได้มาอย่างไร.. ? ท่านบอกว่าไปกับคณะเณร ที่วัดบ้านไร่ ไปที่วัดเมือง หลายสิบปีมาแล้ว.... หลวงพ่อแอ๋ว ท่านแจกรูปและวัตถุมงคลให้กับคณะที่ไปเยี่ยมวัด... คุณยายเลยนำภาพมาใส่กรอบรูปติดไว้ที่ข้างฝาบ้าน แต่ก่อน ผมจำได้ว่ามีวัตถุมงคลหลวงพ่อแอ๋ว อยู่หลายชิ้น แต่ตอนนี้เหลือนิดๆ น้าๆคงจะขอไปบ้าง เพราะคุณยายมีลูกทั้งหมด 8 คน แต่คุณหลานคนนี้จะไปขอกลับมาบ้านอีก....อิ อิ.... ส่วนเหรียญก็น่าจะได้มาพร้อมกัน เพราะผมก็เห็นมานาน แต่ก่อนไม่ค่อยได้สนใจพระในย่านจังหวัดอุทัยธานีสักเท่าไร.... นึกว่าไม่ค่อยเก่ง แต่ที่ไหนได้ เก่งๆเยอะมากแต่ผมไม่ทราบเอง ( โง่จริงๆ ) นึกไปแล้วน่าเสียดายครับ เพราะ เมืองอุทัยธานี เป็นเมืองที่อยู่ติดต่อระหว่าง นครสวรรค์ ชัยนาทจึงทำให้พระเกจิอาจารย์
ของทั้ง ๓ จังหวัดนี้มีการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันมีการแลกเปลี่ยนวิชา และเดินทางไปต่อวิชากัน
ตั้งแต่สมัยโบราณจึงไม่เป็นการแปลกเลยที่พระเกจิอาจารย์ของเมืองอุทัยฯ จะเก่งไม่แพ้จังหวัดใด....อย่างเช่น.....
พระสุนทรมุนี (ใจ คงสโร)
อดีตเจ้าคณะใหญ่แห่งเมืองอุทัยธานี
เป็นพระราชาคณะองค์แรกแห่งเมืองอุทัยธานี
เป็นพระอาจารย์สมเด็จเฮง(กทม.) เจ้าคุณวิเชียร(กำแพงเพชร)
เจ้าคุณยอด(นครสวรรค์) เจ้าคุณพุฒ(อุทัยธานี)
เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงหน้าผากหนังเสือ
พระเถราจารย์ผู้สร้างวัดเขาสะแกกรัง และหล่อระฆังใบใหญ่บนยอดเขา
เป็นผู้ริเริ่มงานประเพณีตักบาตรเทโวอันโด่งดังของเมืองอุทัยธานี
หลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า
บรมครูใหญ่แห่งเมืองอุทัยธานี วิชาอาคมพระเวทย์สุดเข้มขลัง
สร้างพระปิตตาอันเลื่องชื่อ เก่งเล่นแร่แปรธาตุ
ท่านเป็นพระอาจารย์ และอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเคลือบ
สมเด็จพระวันรัตน์เฮง เขมจารี
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์
พิ้นเพท่านเป็นชาวจังหวัดอุทัยธานี
(ถ่ายเมื่อครั้งเป็นพระมหาเฮง เขมจารี ป.๙ พ.ศ. ๒๔๔๗)
หลวงพ่อเส็ง วัดหนองเรือโกลน
ท่านเป็นศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
หลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่
หากมีงานบวขงานแต่ง หรืองานพืธีต่าง ๆ หากไม่ต้องการให้ฝนตก
ชาวอุทัย ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเชร
และจังหวัดใหล้เคียงย่อมรู้ดีว่าต้องบนหลวงพ่อเคลือบ
หลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง
ชาวอุทัยเคารพรักศรัทธา ในความศักดิ์สิทธิ์
หากผ่านหน้าวัดห้วยขานางคราใด จักต้องบีบแตรสามครั้ง
หรือยกมือ สักการะหลวงพ่อทุกครั้งไป
หลวงพ่อแอ๋ว วัดหัวเมือง
เปล่งวาจาประกาสิทธิ์
อีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่มีสังขารไม่เน่าเปื่อยClick to expand...พี เสาวภา said: ↑รูปถ่ายหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ ขอท่านยายไว้เลยน่ะครับ เดี๋ยวจะถูกมือดี ซิวเอาไปครับClick to expand...ไม่เกิด said: ↑ได้แต่เหรียญหลวงพ่อเคลือบมาครับ.... พี่ พีClick to expand...ไม่เกิด said: ↑ก่อนจะขอตัวไปชมบอลรอบดึก... ก็อยากจะนำสิ่งดีๆมาให้อ่านกันครับ.... ( ราตรีสวัสดิ์ )
8อารมณ์ด้านมืดที่ทำลายความรัก
1. คุณชอบนับแต้ม
การแข่งขันสามารถทำให้ชีวิตรักกลายเป็นสนามรบอันเลวร้ายได้อย่างรวดเร็ว คุณจะเป็นผู้ชนะได้อย่างไร ถ้าต้องจ่ายด้วยราคาที่ทำให้คนที่คุณรักต้องเป็นผู้แพ้ สัมพันธภาพที่แข็งแกร่งต้องสร้างอยู่บนความเสียสละและความห่วงใยกัน ไม่ใช่ด้วยอำนาจและการควบคุม การแข่งขันอาจทำให้ความรื่นรมย์ ความมั่นใจและความงอกงามหดหายไปจากสัมพันธภาพ
2. คุณชอบจับผิด
ไม่ มีอะไรผิดกับการวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์หรือชี้แนะ เพื่อให้สัมพันธภาพดีขึ้น แต่บ่อยครั้งมันมักกลายพันธุ์เป็นเรื่องของการจับผิด ที่คุณหมกมุ่นอยู่กับข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์แบบ แทนการหาคุณค่าในตัวของคุณ เลิกตามจิกเขาเสียที แล้วคุณจะเห็นอะไรที่ดีๆ ในตัวเขามากขึ้น
3. คุณต้องถูกเสมอ
ถ้าคุณคิดเช่นนั้น ก็เท่ากับคุณพร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตาย และจนกระทั่งสัมพันธภาพของคุณต้องสิ้นสุดลงไปด้วย
4. คุณชอบโจมตี
เวลาเถียงกันทีไร คุณก็จะกลายเป็นนักฆ่าขึ้นมาทันที ด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำอันเชือดเฉือน มัน อาจได้ผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่เป้าหมายของการโจมตีกันนี้ จะกลายเป็นความขมขื่นและขุ่นข้องหมองใจ และทำให้มันยากขึ้นที่จะแก้ไขผลเสียที่ตามมา
5. คุณไม่จริงใจ
เพราะคุณขาดความกล้าที่จะตรงไปตรงมาในสิ่งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด และปัญหาในสัมพันธภาพของคุณ คุณวิจารณ์คู่รักของคุณในเรื่องหนึ่ง ทั้งที่คุณไม่พอใจหรือหงุดหงิดใจในอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า สิ่ง ที่เป็นจริงไม่เคยถูกเผยออกมา และสิ่งที่พูดออกมาก็ไม่เคยเป็นเรื่องจริง ประเด็นที่แท้จริงจะค่อยๆ ระเบิดออกมาในท้ายที่สุด ในแบบที่เลวร้าย
6. คุณไม่เคยให้อภัย
คุณ เก็บกักตัวเองอยู่กับความเจ็บปวดและขมขื่น และพลังงานในแง่ลบก็อาจอัดแน่นอยู่ในทุกมุมของหัวใจ ถ้าคุณกลืนความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้และปฏิเสธที่จะให้อภัย คุณก็จะทำลายชีวิตทั้งของตัวเองและสัมพันธภาพของคุณ คุณไม่อาจเปลี่ยนอดีตได้ แต่คุณสามารถรับมือกับผลของความรู้สึกและความเจ็บปวดได้ด้วยการให้อภัยอย่าง แท้จริง
7. คุณถมไม่เต็ม
คุณดูจะไม่เคยได้รับความพึงพอใจความรัก ความ ใส่ใจมากพอหรือเปล่า คู่ของคุณจะหงุดหงิดที่ดูเหมือนจะไม่เคยเติมเต็มคุณได้เลย และความกระหายที่ไม่เคยเต็มอิ่มจะทำให้คู่ของคุณไม่เคยได้หยุดพัก ปล่อยตัวเองจากความรู้สึกไม่เพียงพอ และหาหนทางอื่นที่จะรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองเสียก่อน
8. คุณยอมแพ้
เมื่อมีแต่เรื่องเลวร้ายล้อมรอบชีวิตของคุณ คุณอาจนึกหาทางออกไม่เจอ คุณจะสิ้นหวังเหงาหงอย และเชื่อว่าคุณติดกับดัก จงเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาแทนที่จะยอมแพ้Click to expand... -
ไม่เกิด said: ↑วันนี้สมาชิกกลับไปพักผ่อนเร็วนิดหน่อย... ก็เลยจะขอพักผ่อนบ้าง แต่จะฝากข้อความที่มีสาระให้ได้อ่านกัน.... หวังว่าคงไม่เยอะจนเกินไป..... ราตรีสวัสดิ์
- ข้อคิดดีๆ ที่ทำให้เรามีความสุข -
1..นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง
2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่
3.ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้
4.หลับตานิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน
5.ระหว่างแปรงฟัน ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า
6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย
7.ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด
8.การขึ้นลงบันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร
9.คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวย/หล่อมากๆทันที ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"
10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก
11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"
12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน
13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง
14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้
17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง
18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน
19.ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง
20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้
22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น
23.แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร
24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ
25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน
26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้
27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่
28.วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย
29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว
30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาทClick to expand... -
:cool:***ตอนนี้ 15.28 ....มีผู้เข้าชม 79คนครับ
สวัสดีครับ ทุกๆท่าน รวยรวยรวย*** -
cc5922 said: ↑
ด้วยความเคารพพิมพ์นี้ผมพึ่งเคยเห็นครับ มีประวัติที่มาอย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลครับClick to expand...ก้องครับ said: ↑วันนี้ได้เข้าไปรับเบี้ยแก้คงดวงตัวครูเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับพี่พี...
โชคดีได้พบหลวงพ่อแม้น จึงได้รับจากมือท่าน ท่านเมตตาจารเพิ่มให้อีกพร้อมทั้งเป่าให้อีก 2 รอบ...
ท่านเปี่ยมเมตตาและอารมณ์ขันมากมายครับ
ขอบคุณพี่พีและพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านที่ทำให้ผมมีโอกาสพบเจอสิ่งดีๆและเป็นมงคลต่อชีวิตเช่นนี้ครับ...Click to expand...ก้องครับ said: ↑หลวงพ่อบอกว่าคนมาเอาเบี้ยไปกี่คนๆ ฉันก็ไม่ได้บอกวิธีบูชาใครเลย งั้นฉันจะบอกเคล็ดไว้นะ
(ขออนุญาติหลวงพ่อบอกวิธีบูชาแก่บ้านเหรียญบินครับ)
ได้เบี้ยไปแล้วนำไปใส่พาน เอาผ้าขาวและผ้าแดงรองไว้
นำทองคำเปลวติดที่เบี้ยแผ่นหนึ่ง และนำธูปเทียนและดอกมะลิและดอกดาวเรืองมากราบไหว้
ดอกมะลิ จะได้ ริเริ่ม
ดอกดาวเรือง จะได้ รุ่งเรือง
กราบไหว้อธิษฐานขอแก่เบี้ยไปเท่านี้แล...
ก่อนกลับผมขอหลวงพ่อจารกระหม่อมให้อีก
หลวงพ่อหัวเราะแล้วบอกว่า "จารทำไมกระหม่อม มานี้มาจะจารหน้าให้ คนไม่มองหรอกกระหม่อมนะเขามองหน้ากัน "
อนุโมทนา...Click to expand...พี เสาวภา said: ↑จารสะใจ
ใครอยากได้ให้ไปขอจารเพิ่มเอาน่ะครับ แต่แน่ะว่าขอ นะ เศรษฐี น่ะครับ ผมมี นะ เศรษฐีของพระอาจารย์แม้น ติดกระเป๋าสตางค์มาน่าจะร่วม ยี่สิบเกือบ สามสิบปี กระเป๋าไม่เคยแฟบเงินครับ ...ยืนยัน แต่ต้องขยันหาด้วยน่ะครับ
หลวงพ่อบอกพระคาถาคงดวง ให้หรือไม่ครับ
อะ ระ หัง สุ คะ โต ภะ คะ วา ๙ ตัวน่ะครับ
ภาวนาแบบหลังสวดมนต์ นั่งรถ ขายของ คุยกับนาย คุยกับสาว...แหะๆ อันนี้แถมให้ ...เหอๆๆ จะหนุนดวง ไม่ให้ตกต่ำน่ะครับ
ส่วนลงหน้าผาก ท่านเรียกลงน้ำมัน อันนี้ท่านจะเชิญครูมา ผมน่ะซ้ำซ่ะหลายที ถ้าจิตเป้ะๆ คราไหน ขนจะลุกซู่ซ่า ทุกทีครับ หลวงพ่อจง ครูฤาษี ครูกุมารเทพ ( คู่วัด ) ท่านแรง ...แหะๆ
คุณนี่เสือปืนไว เอามาทำตามหลวงพ่อว่าทันที ตามรูป ผมสังหรณ์ดีๆว่า หลวงพ่อเจตนาทักคุณ ที่คุณริ่เริ่ม หรือ กำลังจะเริ่ม จะไปได้สวย ให้อดทนประกอบ คุณดูท่าจะรุ่งเรื่องแน่นอนครับ...ขอให้สำเร็จน่ะครับ และถ้ารวย อย่ารวยแบบธรรมดา ให้รวยแบบ เศรษฐีของเศรษฐีClick to expand... -
ตรีนิสิงเห said: ↑เปิดดูไฟล์ 933033 เปิดดูไฟล์ 933037
พระแหวกม่านหลวงพ่อทรงที่ผมใช้ติดตัวนะครับ ตั้งแต่นิมนต์ท่านมาติดตัวเรื่องเงินๆทองๆ คล่องตัวดีขึ้น เวลาติดขัดก็อธิษฐานนบอกท่าน ก็จะคล่องตัวตลอดเลยครับ:cool::cool:Click to expand...cc5922 said: ↑ขออนุโมทนาครับ
พระพิมพ์นี้เขาเรียกว่าแหวกม่านทรงเครื่องจักรพรรดิ์ จัดสร้างจากลูกศิษย์สายตะวันออก ใช่หรือเปล่าครับพี่พี?(ต้องอาศัยพี่ใหญ่ยืนยัน)Click to expand...พี เสาวภา said: ↑ถูกไม่หมดครับ
ของนี้เป็นของดีมาก เนื่องจากทำแจกฟรี ผมลืมชื่อคนทำ แต่น่าจะเป็นชุดเดียวกับที่ทำพระถังซำจั๋ง พระหลวงพ่อทวดโพธิจิต
เท่าที่เห็นมีสองเนื้อแบบที่เห็น และ สีแดงๆดำๆ ไปเจอที่ไหนรีบหาไว้เลยครับ
ตอนนี้ผมไม่ทราบแจกฟรีหรือไม่ครับ...แหะๆ
พอสรุปได้ว่าพระของหลวงพ่อจะมาแนวเมตตาทำมาหากินเป็นหลักน่ะครับClick to expand... -
momotaro67 [FONT=Default Sans Serif said:[FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif]ปราชญ์ของเศรษฐี ที่ 2 ของ โลก
<table style="width: 100%;" border="0" cellpadding="0" width="100%">
<tbody>
<tr>
<td style="padding: 0.75pt; width: 100%;" valign="top" width="100%">ชีวิตพอเพียงของมหา เศรษฐีอันดับสองของโลก : วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet)
มีรายการสัมภาษณ์หนึ่ง ชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ( รองจากบิล เกตส์)
ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์
( เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิม ขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือ ยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือ ยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือ ยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
</td></tr>
<tr>
<td style="padding: 0.75pt;" valign="top"> </td></tr></tbody></table>
[/FONT][/FONT][/FONT]Click to expand... -
CheKuvara said: ↑ฟังเค้าคุยกันมานานครับ เบี้ยคงดวง แต่ไม่รู้ว่าอยู่หน้าไหนยังไงกัน เลย งง แต่ก็เก็บความสงสัยครับ ว่าเป็นไงครับเบี้ยนี้ พี่พี ข่วยเล่าให้ฟังหน่อยClick to expand...พี เสาวภา said: ↑สรุปสั้นๆว่า
เป็นเบี้ยที่ปลุกเสกด้านพุทธคุณ ลงพระคาถา พระเกตุ เอาไว้คงดวง และคุ้มดวงตัวเองครับ
ท่านใดที่มีดวงพระเกตุ คุ้มดวงอยู่ น่าจะเป็นกำลังสองClick to expand... -
เมืองสมุทร said: ↑
แสบตา มากกกกกกกกกกกก ครับ
นอนไม่หลับแน่ผม
วันที่ 21 อย่าลืมเอามาชมด้วยนะครับ เหอ ๆๆๆๆๆๆๆๆ ( หัวเราะแบบมีแผน (deejai))Click to expand...พี เสาวภา said: ↑โตกว่าขนาดธรรมดา หลายสิบเท่าตามรูปครับ
ไม่ขนาดปาตัวแตก แต่ปาหัวตายแน่นอนครับ
ปรอทกิโลหนึ่งใส่ได้แค่สามตัว ขนาดประหยัดแล้วครับClick to expand...พี เสาวภา said: ↑ประสบการณ์ลองถามจอมบุก ฮายาเตะดูน่ะครับ ว่ามันส์ขนาดไหน
ส่วนตัวผมไม่เคยมีประสบการณ์เพราะไม่เคยแขวน...แหะๆClick to expand...
หน้า 2215 ของ 3280