โมทนา สาธุ ขอให้รวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 2227 ของ 3280
-
ถ้าซื้อตามเลขหน้ากระทู้ก็รวยไปแล้วเรา 2243 :':)':)'(
-
-
-
-
weerawos said: ↑อีกแล้วครับ แม่พิมพาโปรดลูกครับ ต่อจากคราวที่แล้วที่ผมเล่าว่า แม่ผมจากไม่เคยถูกหวย พอได้แม่พิมพามาถูกเลยครับ แต่ที่สุดยอดคือถูกสองวดติดเลยครับ งวดนี้ถูกได้เงินมากจริงๆครับ 5 หลักครับ ขอบพระคุณแม่พิมพา และคุณพีเสาวภามากนะครับที่ให้แม่พิมพามา สุดยอดมากจริงๆครับClick to expand...
คนนี้จะทำให้แม่พิม .....แพง....เหอๆๆ
แจกฟรีแก่พี่น้องบ้านเหรียญบินโดยเฉพาะ ไม่มีขายน่ะจ้ะ
เอาไปทำมาหากิน เอาไปช่วยการทำมาหากิน ...ของจริง ไม่จริง ไปว่ากันเอง ...ผมแค่ฟัง
ขอให้รวย สมชื่อของรุ่น....แล้วเอาไปทำบุญช่วย ชาติ ช่วยศาสนาบ้างน่ะจ้ะทำใกล้ๆบ้านแล้วอุทิศ ให้แม่พิม เขาด้วยน่ะจ้ะ -
black Bird said: ↑rungaran said: ↑rungaran said: ↑รบกวนสอบถาม แบบว่าสงสัยอะครับ พระผงมหาจักรพรรดิ แบบในรูปผมก็ได้มาแต่ทำไมเป็นสีแดงอ่ะครับ ไม่เห็นสีเหมือนกันเลยครับ สาธุ..Click to expand...Click to expand...Click to expand...
-
พี เสาวภา said: ↑Click to expand...
-
พลศิริ said: ↑พี เสาวภา said: ↑black Bird said: ↑ถ้าคนชัยภูมิจะขอไถต่อ อ้ายจะว่าจั่งใด๋ครับผม:cool::cool::cool:Click to expand...
เกรงว่า ใจผมจะไม่ถึงดี แบบหลวงพ่อทรง
หลวงพ่อ ท่านใจดี มีเมตตา แจกไม่อั้น
ผมเลียนแบบ พยายามจะ ใจดี มีเมตตา แบบหลวงพ่อท่าน แต่แจกอั้น...แหะๆ
เอาอย่างอื่นไปแทนน่ะครับ ชิ้นนี้ได้กับมือหลวงพ่อท่าน เสกซ้ำให้ มีประวัติศาสตร์ ของคน แก่ๆ วัยใกล้ชราภาพอยู่ด้วยจ้าClick to expand...Click to expand... -
ไปออกกำลังก่อนครับ บ่ายๆแว็บเข้ามาจ้า
-
พี เสาวภา said: ↑เดี๋ยวผมจบกระทู้นี้ จะเปิดพระนักธรรมแล้วกันครับ เพราะเป็นของดี ราคาถูก หลวงพ่อชอบแจกเด็ก คนเดินขึ้นบันไดวัดมา ขึ้นมาข้างบนก็ถามหาพระนักธรรมแล้วครับ อันนี้ได้ยินเองกับหูครับ เขาว่าวิชานี้เป็นวิชาที่พระท่านท่องเวลาหัดสวดพระปาฏิโมกข์ เพราะพระปาฏิโมกข์ยาวท่องยาก เล่าลือกันว่าบารมีไม่ถึงเป็นบ้าได้ เพราะท่องแล้วไม่เป็นจริงอันแสดงถึงความไม่เคารพ
ในขณะพระสวดปาฏิโมกข์ พระองค์อื่นที่นั่งฟัง แม้จะเป็นหลวงปู่ หลวงพ่อ ขนาดไหนต้องนั่งต่ำกว่า อันนี้จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบทปาฏิโมกข์ อันนี้จะเห็นได้ว่า การที่นั่งสูงกว่า พระที่มีอาวุโสกว่าแล้วตัวเองแล้วสวดไม่ได้ อันนี้นี่เองอาจจะทำให้ขั้นเป็นบ้าได้ อันนี้ผมเดาเอาน่ะจ้ะ พูดด้วยความเคารพ ท่านผู้รู้แน่ะนำได้น่ะครับ
การนี้เอง เลยมีคาถาให้ฝึกท่องจำง่าย อันนี้ตามประวัติหลวงพ่อท่องพระปาฏิโมกข์ได้ตอนพรรษาต้นๆแล้วน่ะครับ แล้วท่านเป็นคนความจำดีไม่หลงลืม อาจจะมีคาถานี่อยู่แล้วมาใช้ปลุกเสกพระนักธรรม ทำให้มีสรรพคุณแตกต่างไปจากพระอื่นๆ ผมก็ไม่เคยถามท่าน น่าเสียดายมากClick to expand...พี เสาวภา said: ↑ส่วนตะกรุดพระลักษ์หน้าทอง เป็นของศูนย์ครับ หลวงพ่อเป็นคนปลุกเสกของง่ายครับ เพราะพลังเหลือล้น เหมือนน้ำล้นเขื่อน ใครมาขอให้เสก ท่านก็เสกให้ ไม่มีทศกัณฑ์ ทำให้เต็มที่เหมือนกันหมด ยกเว้นสังขารเหนื่อยจริงๆ และผมยืนยันว่าของที่ผ่านมือหลวงพ่อ จะเป็นของดีครับ เพราะท่านทำให้อย่างดีทุกครั้ง ถ้าคุณปลัดไม้ได้มาจากที่ๆเชื่อถือได้ ก็ไม่น่ามีอะไรสงสัยครับClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 334213 เปิดดูไฟล์ 334214
เหรียญหลวงพ่อนุ่มวัดนางใน
ผมขอขั้นรายการนิดเดียวเพื่อเป็นอรรถรส ที่เห็นเป็นเหรียญของหลวงพ่อนุ่มวัดนางในน่ะครับ เป็นเหรียญรุ่นเดียวที่ทันท่าน เนื้ออัลปาก้า ข้างหลังเท่าที่รู้มีสามยันต์ คือยันต์ใหญ่ ยันต์กลางและยันต์เล็ก สวยๆ ราคาหลายหมื่นครับ หายากมากครับ ที่จะขายน่ะตีราคาหายห่วง หลวงพ่อนุ่มเป็นเจ้าคณะอำเภอวิเศษฯ และเป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน สหธรรมิกของหลวงพ่อทรงที่มีอายุน้อยกว่าหลวงพ่อทรง หลวงพ่อทรงเคยเล่าว่า ชอบถีบจักรยานไปเที่ยวกันไกลๆ ถึง หลายสิบกิโลถึงสิงห์บุรี ไปบ่อย ( ไปเรียนวิชากัน ) มีสามท่านคือ หลวงพ่อเกรียง วัดวังน้ำเย็น ลูกศิษย์หลวงพ่อทรวง วัดชีปะขาว และหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
สอง ตัวหลวงพ่อเอง สามคือหลวงพ่อมี ทั้งสามท่านสนิทกันมาก และเท่าที่ผมทราบ มีหลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวานอีกรูป
และอีกอย่างที่พวกท่านอาจจะไม่ทราบคือ หลวงพ่อนุ่มเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพครับ หลวงพ่อนุ่ม เคยนิมนต์หลวงพ่อเดิม มานั่งหนักวัดนางใน ( นิมนต์มาเป็นประธานสร้างวัด ) แต่หลวงพ่อเดิม บอกแก่หลวงพ่อนุ่มว่า ท่านเองก็ทำได้แล้ว ท่านบารมีถึง หลวงพ่อนุ่มนำของหลวงพ่อเดิมมาออกหลายอย่างเพื่อสร้างวัด จนสำเร็จ ทำให้คนแถววิเศษฯมีของหลวงพ่อเดิมเช่นมีดหมอเยอะ นักเลงวิเศษฯ รุ่นปู่จะพกมีดหมอหลวงพ่อเดิมไว้ เพราะแทงเข้าทุกคน สามารถล้างอาคมได้หมด ( ยกเว้นท่านเดียวที่ได้ยินมาคือ แทงศิษย์ของหลวงพ่อ แพ วัดกลางราชครู พระยุคเก่าของวิเศษฯ ไม่เข้า อันนี้มีพยานยืนยัน จัดว่าเป็นองค์เดียวที่เคยได้ยินว่า อาคมยันกันกับหลวงพ่อเดิมได้ แต่คนถูกแทงน่ะ เดี้ยง ถึงขั้นไข้ขึ้น แต่ไม่มีบาดแผล) นอกนั้นได้ยินว่าหนังยุ่ยหมด และเมื่อยุ่ยแล้ว จะทำอย่างไรก็ไม่ขลังอีกเป็นการล้างอาคม หลังหลวงพ่อนุ่มเสียไปหลายปี ทางวัดค้นเจอตู้ มีมีดหลวงพ่อเดิมอยู่ในตู้หลงอยู่หลายเล่ม พร้อมทั้งจดหมายว่าให้นำไปคืนวัดหนองโพ ทางวัดจึงต้องนำไปคืนวัดหนองโพ ตามที่หลวงพ่อนุ่มสั่งเสียไว้
นอกจากนั้น หลวงพ่อนุ่มยังเก่งเรื่องเบี้ยแก้ จัดว่าเป็นเครื่องรางหลักของสายอ่างทอง ตามหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ มีสรรพคุณครบเครื่อง เรื่องเบี้ยนี้ยังมีอีกหลายอาจารย์น่ะครับ ต้องเปิดกระทู้ใหม่ เช่น หลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง หลวงพ่อเล็ก วัดทำนบ หลวงพ่ออ่อน วัดเขียน หลวงพ่อ โปร่ง วัดท่าข้าม ฯลฯ น่าใช้บูชาทั้งนั้น
การทีหลวงพ่อนุ่มเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อเดิม จะเห็นว่าหลังเหรียญของท่านจะมียันต์ห้าของหลวงพ่อเดิม มาประทับไว้ที่เหรียญรุ่นแรกของท่าน
และถ้าท่านสังเกตุดูหลังเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อ ทรง จะเห็นว่าหลวงพ่อทรง ลอกยันต์ของหลังเหรียญหลวงพ่อนุ่ม มาประทับไว้ อันนี้แสดงถึงความข้องเกี่ยวของหลวงพ่อนุ่มและหลวงพ่อทรงแน่นอน ไม่งั้นไม่ลอกมาทั้งกระบิ เหมือนหลังเหรียญหลวงพ่อ ชม วัดนางใน ซึ่งเป็นพระยุคต่อมาจาก หลวงพ่อนุ่ม และยังเหมือนกับหลังเหรียญ รุ่น ๒ ของหลวงพ่อ พู วัดดอนรัก ท่านเหล่านี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หลวงพ่อทรงรอบรู้หลายวิชา การเขียนยันต์ใหม่ๆหลังเหรียญไม่ใช่เรื่องยากของท่าน แต่การที่ท่านนำยันต์หลวงพ่อ นุ่ม มาไว้ในเหรียญรุ่นแรกของท่าน แสดงถึงสายสัมพันธ์ แน่นอน และวิชาของหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อทรงก็เรียนมาจากสายหลวงพ่อนุ่มนี่แหละครับ เพราะท่านบอกผมเองว่า ท่านไม่ทันหลวงพ่อเดิม แต่ เรียนมาจากตำรา แต่ไม่ยอมบอกว่า เรียนมาจากหลวงพ่อนุ่ม อันนี้ถ้าผมมีวาสนา ได้เป็นศิษย์ครอบครูหลวงพ่อทรง ท่านอาจจะบอกก็ได้ครับ แต่ไม่มีวาสนาซ่ะแล้ว ....แหะๆ
เพราะฉนั้นข้อสรุป ยันต์หลังเหรียญบิน คือ ยันต์ของหลวงพ่อเดิม และยันต์หลวงพ่อนุ่มครับ แน่นอนตามหลักฐานที่ปรากฎข้างบนครับClick to expand...พี เสาวภา said: ↑
อักขระหลังเหรียญบิน
ทีนี้ลองมาซูมดูน่ะครับ ลองที่ตัวนะ อักขระ ตัวหนึ่งที่หลวงพ่อทรงใช้ประจำ ในบท นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ นะชาลีติ จะเห็นได้ว่าอักขระของหลวงพ่อทรง เป็นอักขระพื้นๆ แบบคณาจารย์ผู้เฒ่ารุ่นเก่าๆ หรือ ปัจจุบัน ที่สูงสุดคืนสู่สามัญ เช่นหลวงพ่อวัดมะขามเต่า ลงแค่ตัวพุ วนๆ หรือบางทีให้พระอื่นลงให้ หรือ หลวงปู่บุญศรี ลงแค่ นะหน้าทองตัวเดียว หรือ มะอะอุ หรือ หลวงพ่อคูณ ลง ยานะ หรือ ยานะยา ฯลฯ แค่ตัวสอง สามตัว แต่สรรพคุณแบบสุดๆ คุ้มตัวได้ เจ็ดย่านน้ำ
เหรียญด้านซ้ายของแท้เหมือนเดิม ตัวอักษรคมชัดลึก โปรดสังเกตุเส้นสายฝนด้วยน่ะครับ มีตลอดหลังเหรียญ
ส่วนเหรียญด้านขวา ของเก็ อักขระ แตกออกเป็นเส้นเขยื้อน ทุกตัว หรือ บล็อคเขยื้อน ตอนปั้มท์ ไม่มีเส้นสายฝน ย้ำน่ะครับ ว่าไม่มีเส้นสายฝนClick to expand... -
-
-
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 334245 เปิดดูไฟล์ 334246
เปิดดูไฟล์ 334247 เปิดดูไฟล์ 334248
ขอต่อเรื่องพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดมอญ ต่อน่ะครับ
มานึกขึ้นได้ว่า เหรียญรุ่นหนึ่งน่ะยังไม่หมด ยังมีเหรียญบินอีกพิมพ์ และพระสมเด็จที่อยู่ในพิธีเดียวกันอยู่อีก เอาให้หมดทั้งชุดแล้วกันครับ เพราะผมอยากบันทึกไว้ที่ไหนซักที่ เผื่อใครเขาเข้ามาอ่าน จะได้มีที่ ดูเปรียบเทียบ ช่วยในการตัดสินใจ ในการหาของ ของหลวงพ่อทรง
เรื่องที่เขียนไว้ในสวนขลัง คงจะถูกลบเพราะมีปัญหาเรื่องเนื้อที่ เขาโทรมาบอกแล้ว อันนี้ผมเข้าใจ ผมอยากจะขออนุญาติเว็บมาสเตอร์ นำเรื่องที่ผมเคยเขียนทั้ง 7 ตอนเกี่ยวกับประวัติในบางส่วนของหลวงพ่อ และวัตถุมงคลบางส่วน ให้บันทึกไว้ที่ไหนสักที่ น่าจะเป็นเว็บพลังจิตนี้ โดยผมจะเรียบเรียงใหม่ เพราะที่เคยเขียนมันสดๆ มีข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่ได้ ใครจะก็อบไปใช้ ไปเผยแพร่ ผมไม่สงวนสิขสิทธิ์น่ะครับ
ขอแต่เพียงนำไปเผยแพร่ ในทางประกาศเกียรติคุณในความดีของหลวงพ่อและของวัดศาลาดิน ให้มีอานิสงค์เกิดขึ้นแก่ตัวหลวงพ่อก็แล้วกันครับ เพราะหลวงพ่อเป็นพระดีจริงๆ เป็นพุทธบุตรโดยแท้กราบไหว้ได้เต็มมือ สนิทใจ มีอุปนิสิย สำรวม เหมาะแก่สมณรูป เป็นที่น่าเลื่อมใส และน่าใกล้ชิด
ท่านจะสำเร็จทางธรรมขั้นไหน ผมเป็นแค่คนที่ติดสมมุติ ติดอภินิหาร ไม่มีทางทราบได้เลย แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อต้องไปที่สูงแน่ และยังสามารถรับรู้ คำอธิฐานของลูกศิษย์ได้ ด้วยเหตุที่ท่านมีพลังจิตสูงยิ่ง และยังมีมหาสติทุกลมหายใจเมื่อท่านยังทรงสังขาร
กลับมาที่เหรียญบินรูปหลวงพ่อขาวนี่น่ะครับ ที่จริงประวัติก็เหมือนๆ เหรียญบินรูป หลวงพ่อน่ะแหละ เพราะอยู่พิธีเดียวกัน แต่เหรียญนี้หายากมากกว่าเหรียญรูปหลวงพ่อครับ ทั้งที่ประวัติก็ทำเท่ากัน คือ ๕,๐๐๐ เหรียญ อาจจะเป็นเหตุมาจากเหรียญนี้ถูกแจกไปมากกว่า เพราะเป็นรูปพระพุทธ หลวงพ่อจะแจกไปมากกว่ารูปท่านเอง ส่วนรูปท่านเอง ท่านอาจจะยังหนุ่มๆอยู่ เลยเขินๆ เลยกั้กไว้บ้าง ใครมาไกลก็แจกเหรียญหลวงพ่อขาวไปแทน ทำให้ในพื้นที่ยังพอเห็นรูปหลวงพ่อมากกว่าพิมพ์หลวงพ่อขาว ผมประเมิณว่าประมาณ ห้าเท่ากว่า เจอเหรียญบินรูปหลวงพ่อสัก ๕ - ๑๐ เหรียญ ถึงจะเจอรูปหลวงพ่อขาวสักเหรียญ จัดว่าหายากมากๆ คนที่ทำเก็เขาก็ทำเฉพาะเหรียญรูปหลวงพ่อทรง ยังไม่เคยเห็นเหรียญหลวงพ่อขาวเก็ครับ
แต่ถึงจะหายากกว่าน่ะครับ ราคากลับถูกกว่าหลายเท่า เพราะคนไปนิยม รูปหลวงพ่อมากกว่า และที่เจอเหรียญรูปหลวงพ่อขาว จะสภาพดีๆทั้งนั้น กริ้บๆเลย ที่สึกๆจะมีน้อย อาจจะเพราะคนไม่ค่อยใช้ ส่วนเหรียญรูปหลวงพ่อจะหาที่กริ้บๆ เริ่มยาก จะเป็นสภาพใช้ซ่ะมาก เพราะคนเอาไปห้อย แบบไม่ได้เลี่ยม พอมีราคาก็ถอดมาขาย ราคาผมไม่พูดในนี้น่ะครับ เพราะไม่ได้มาเน้นซื้อขาย
และราคาก็ขี้นอยู่กับเวลาด้วย พ.ศ.นี้อาจจะเท่านี้ แต่ พ.ศ. หน้าจะเท่าไหร่ไม่ทราบครับ
ถ้าท่านอยากจะหาเหรียญบินหลวงพ่อน่ะครับ แน่ะนำ พิมพ์นี้แหละครับ เพราะพิธีเดียวกัน เสกเหมือนๆกัน ราคาถูกกว่าเยอะ คนไม่ค่อยหวงซ่ะด้วย ไม่เหมือนเหรียญรูปหลวงพ่อ คนมักจะหวง พออยากได้ ไปถาม ถ้าจะขาย เขาขายไม่ยอมจะถูกครับ ชักจะแพงน่ะ
เรื่องชี้ตำหนิ ยังไม่ชี้น่ะครับ เพราะไม่ทราบจะชี้ตรงไหน เพราะของเก็ยังไม่เคยเห็น ถ้ามีเมื่อไหร่ สายคงมาบอก ผมจะเอามาให้ดู แต่ถ้าใครมีแล้วสงสัยน่ะครับ ส่งมาให้ดูหน่อยสิครับ อยากศึกษาน่ะครับ ถ้าเจอเก็ก็จะได้มาเทียบกัน
ผมมั่นใจว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทรงที่ประวัติดี จะมีอนาคตไกลแน่นอน เพราะบูชาได้ผลจริงๆ เหมือนมีพลังความอบอุ่นของหลวงพ่อ คุ้มครองอยู่เสมอ บางพิมพ์จะเป็นที่นิยมมาก ส่วนพิมพ์ที่น่าสงสัย ถ้าผ่านมือหลวงพ่อมาก็ดีน่ะครับ เพียงแต่เราอาจจะมีวิจิกิจฉาน่ะครับ พอใช้ไป คนมาทัก อาจจะเขวได้น่ะครับ
ผมกำลังรวบรวม พิมพ์ต่อไป รูปสมเด็จเนื้อน้ำมัน ในพิธีเดียวกันมา เป็นอันดับต่อไปน่ะครับClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 326682
สมเด็จ ๑๓ เนื้อน้ำมัน ฝังตะกรุด ๓ ดอก
ผมขออัญเชิญนำพระที่หลวงพ่อสั่งทำเอง องค์นี้ตามข้อมูลผม เป็นพระที่ร่วมพิธีเดียวกับเหรียญบิน ได้รับการยืนยันจากคนท้องถิ่นและเซียนท้องถิ่น ตอนผมได้มา ได้เอาให้หลวงพ่อดู พอถามท่าน ๆ ไม่ว่าอะไร วางท่าเฉยๆ แต่เอาปากกาจารให้ แล้วบอกว่าดีๆ
ผมซื้อมาจากเซียนท้องถิ่นในตลาดที่ อ. วิเศษชัยชาญในหลักร้อย เนื้อดำเขาว่ามีมาก แต่เนื้อสีขาวน้ำมันหายากกว่ามาก ตอนหลังผมได้มาอีกมีพิมพ์อื่น จะทยอยนำมาให้ท่านดู เป็นพิมพ์ปรกโพธิ์ แต่ถ้าท่านเจอพิมพ์นี้ เนื้อสีขาวก็มั่นใจได้ครับ เพราะยังไม่เจอของเก็ครับ ถามเซียนท้องถิ่นดู เขาบอกว่าเนื้อสีขาวหายากมาก ผมก็ลืมไม่ได้ถามหลวงพ่อไว้
ด้านหน้าเป็นพระพิมพ์สมเด็จฐานสามชั้น ซุ้มครอบแก้ว ขนาดประมาณ ยาว ๓.๗ ซ.ม. x กว้าง ๒.๖ ซ.ม.( ความยาวที่ฐาน ตอนบนจะสอบเล็กกว่าเล็กน้อย ) x หนา ๐.๖ ซ.ม. <O:pด้านหลังเป็น รูปหลวงพ่อปั้มท์ลึก มองดูคล้ายหรือเหมือนหลวงพ่อเดิม ช่างคงไปจำลองพิมพ์มา แต่ก็เหมาะกับหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อท่านก็สูงโปร่ง และเป็นศิษย์หลวงพ่อนุ่ม วัดนางในซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงพ่อเดิมอีกที จัดว่าหลวงพ่อทรงเป็นหลานศิษย์ ซึ่งผมจะเล่าต่อเพิ่มเติมในวันหลัง
มีอักษรว่าวัดศาลาดินอยู่ข้างล่าง เนื้อเป็นเนื้อน้ำมันเนื้อแกร่งพอสมควร เพราะได้อายุ เกือบสีสิบปี ที่ฐานมีตะกรุดสาริกา ฝังอยู่สามดอก เป็นตะกรุดเนื้ออะลูมมินั่มครับ พระนี้คงเป็นพระโรงงาน หลวงพ่อคงไปสั่งทำมา ผมลืมถามท่านว่าทำที่ไหน มีกี่องค์ ถามใครก็ไม่ได้คำตอบไม่กระจ่างว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่คงไม่มากเท่าเหรียญบินคือ อย่างล่ะห้าพันเหรียญ และคงแจกออกไปมาก และคงกระจายไป เหลืออยู่ในท้องถิ่นจำนวนน้อย
ทำให้หายากมากเจอที่ไหน เก็บทันทีน่ะครับ อย่าให้หลุดมือ ราคาหลักร้อย ( พ.ศ. ๒๕๕๑ นี้ ) แต่พุทธคุณเหลือเฟือ พระที่ปลุกเสก แค่หลวงพ่อมุ่ยองค์เดียว ก็เหลือกินเหลือใช้แล้วครับ ใช้ติดตัวแทนเหรียญบินก็ได้ ถ้าท่านมีข้อมูลที่แตกต่างจากผม ก็มาบอกน่ะครับ
องค์นี้หลวงพ่อจารหลังให้ด้วยปากกาเมจิค และปลุกเสกซ้ำให้อีกทีครับ มีแค่องค์เดียว....แหะๆClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑
สมเด็จปรกโพธิ์ ๑๓ เนื้อน้ำมัน หลังเรียบ และ หลังแบบ
สมเด็จนี้เป็นปรกโพธิ์นับใบโพธิ์ได้ ข้างล่ะ ๗ ใบรวมทั้งหมด ๑๔ ใบ ฐานสามชั้น มีครอบแก้ว ด้านหลังมีสองพิมพ์ หลังเรียบ และหลังแบบ เนื้อเป็นเนื้อน้ำมันสีขาวออกน้ำตาล เป็นเนื้อหายากครับ ว่าตามเซียนท้องที่ ส่วนใหญ่จะเห็นเนื้อดำ มีขนาด กว้าง ๒.๕ ซ.ม. x ยาว ๔ ซ.ม. x หนา ๐.๔ ซ.ม.
ด้านหน้าจะเห็นว่าเป็นพิมพ์เดียวกัน แต่ติดชัดไม่เท่ากัน ส่วนด้านหลังพิมพ์หลังแบบเป็นรูป หลวงพ่อ นั่งแบบมารวิชัย และมีอักษรชัดเจนว่า วัดศาลาดิน และวิเศษ ( เผอิญองค์นี้ชำรุด ติดเเค่คำว่าวิเศษ )
สมเด็จนี้องค์บนมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้จากท้องที่ สภาพเก่าถึงอายุ และเจ้าของบอกว่าทันและเสกรุ่นเดียวกับเหรียญบิน อันนี้ ผมก็ว่าตามเขาว่าน่ะครับแต่ผมเชื่อเขา ซื้อต่อเขามาด้วยราคาพอสมควร ส่วนองค์ล่างขอถ่ายรูปเขามา พวกท่านดูด้วยวิจารณญานของท่าน ส่วนผมลงทุนเอามาให้ท่านดูฟรี ขอต่อผมก็ไม่ให้ ขอซื้อก็ไม่ขาย มีแค่องค์นี้ ยังไม่แน่ใจว่าเจอองค์ที่สองน่ะครับ เพราะหายากมาก ยังไม่เห็นที่ไหนอีก จะเก็บไว้เพื่อระลึกถึงหลวงพ่อน่ะครับClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 334562 เปิดดูไฟล์ 334563
เปิดดูไฟล์ 334564 เปิดดูไฟล์ 334565
ประวัติ พระเดชพระคุณพระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี ) วัดศาลาดิน ( มอญ )
( โดยพระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี วัดไผ่แหลม )
ประวัติ
เดิมชื่อ ทรง วารีรักษ์ เกิดวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 บิดาของท่านนามว่า จัน มารดานามว่า กอง วารีรักษ์ เกิดที่บ้านม่วงเตี้ย ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
หลวงพ่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดยางมณี เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดยางมณี เลขที่ ต.ม่วงเตี้ย อ.วิแศษชัยชาย จ.อ่างทองเมื่อวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2486 เดือน 5 ปีมะแม
พระอธิการชวน (พระครูสุกิจวิชาญ) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ตำแหน่งต่าง ๆ ในทางคณะสงฆ์
พ.ศ. 2513 ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน
พ.ศ. 2525 เป็นเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย
พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทางเป็นพระครูสัญญบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสุภัทรธรรมโสภณ
พ.ศ. 2547 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย
ชีวะประวัติ ในวัยเยาว์หลวงพ่อเป็นคนใฝ่รู้ในด้านต่าง ๆ เสมอมา ช่วยบิดาทำมาหากินมาตลอด และมีจิตใจฝักใฝ่ในทางศาสนา ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบ ป.6 ในสมัยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะจบแค่ ป. 4 จึงเป็นการเรียนจบที่สูงสามารถ เป็นครูสอนตามโรงเรียนได้ จนมาถึงวัยครบ 20 ปี หลวงพ่อก็ตั้งใจบวชทดแทนคุณมารดาบิดา แต่ในใจลึกของหลวงพ่อนั้น ตั้งใจศึกษาในด้านพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ทั้งในด้านธรรมะ ด้านการสวดมนต์ ด้านพุทธาคมพระเวทย์ หลวงพ่อได้ศึกษาพิธีกรรมการปลุกเสกวัตถุมงคลที่จะทำให้เกิดความเข้มขลังแก่ผู้ที่ได้นำไปใช้ในทางสุจริต หลวงพ่อสวดพระปาฎิโมกข์ได้ ซึ่งเป็นบทที่สวดได้ยาก ผู้ที่สวดได้จะต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการเพราะต้องนั่งสวดให้พระฟัง จะเป็นพระผู้ใหญ่ระดับใดก็ต้องนั่งต่ำกว่า ถ้าไม่มีบุญกุศลแล้วจะทำให้ผู้สวดต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆ เช่น สึกหาลาเพศ สติวิปลาสได้
หลวงพ่อได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อดัง ๆ ในยุคนั้น หลายรูปด้วยกัน เช่น การทำเบี้ยแก้ หลวงพ่อได้ศึกษาจากตำราที่สืบทอดของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ จอมขมังเวทย์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำเบี้ยแก้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นที่ต้องการหาเช่ากันในปัจจุบันหลวงพ่อได้ศึกษาและเรียนเคล็ดวิชามาเป็นอย่างดีทำให้หลวงพ่อทรงมีความเชี่ยวชาญในการทำเบี้ยแก้ เพราะการทำเบี้ยนั้นไม่ใช่ทำกันง่ายต้องมีกรรมวีธีหลายอย่าง และต้องไปตามหลักวิชาที่ถูกต้องตามโบราณ ส่วนราคาก็สูง ถึงแม้จะเป็นของใหม่ก็ตาม ทำให้คิดได้ว่าราคาจะสูงขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
หลวงพ่อยังได้ศึกษาจากพระอุปัชฌาย์คือ พระครูสุกิจวิชาญ(หลวงพ่อชวน) ที่มีความเชี่ยวชาญการทำเชือกกล้วยคาดเอว ซึ่งเป็นที่เรื่องลือในแถวบ้านย่านนั้น เรื่องไฟไม่ไหม้
ศึกษาจากพระอธิการชั้ว วัดตูม ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อ เพราะพระอธิการชั้วก็จัดว่ามีความรู้ในวิชาอาคมองค์หนึ่งในพื้นที่ หลวงพ่อก็ได้รับประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชาต่าง ๆ
ศึกษาหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ( ศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ) และหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ ที่เป็นเกจิอาจารย์ในอดีตที่ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นที่ยอมรับกันในวงการพระเครื่องทั่วไป ซึ่งหลวงพ่อทั้งสององค์คือหลวงพ่อนุ่มและหลวงปู่คำ จะเชี่ยวชาญเรื่องการทำวัตถุมงคลเป็นอย่างมาก เช่น เบี้ยแก้ เหรียญ และอื่น ๆ ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลของท่านแล้วจะเป็นผู้ที่แคล้วคลาดในภยันอันตรายต่าง ๆ หลวงพ่อก็ได้มีโอกาสศึกษาและได้รับคำแนะนำ
และหลวงพ่อยังได้ศึกษาจากฆราวาสที่เก่งในด้านอาคม เวทมนต์ คาถา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแถวย่านบ้านนั้น คือ หมอฟู และหมอเปรี้ยว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นที่พึ่งของคนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนโดยประการต่าง ๆ เช่น เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ยินมาว่าฆราวาสที่มีอาคมขนาดนอนกลางวันยังต้องลงมุ้งเพราะกลัวโดนของที่มีผู้ที่มีเวทมนต์ทำแล้วปล่อยมา เมื่อมาโดนเข้าแล้วอาจได้รับอันตรายได้ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้รับความรู้ที่แตกฉานในวิชาอาคมต่าง ๆ เป็นอย่างดี
และในภายหลังหลวงพ่อก็ได้นำสรรพวิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างวัตถุมงคลในการที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่บูชา ฉะนั้นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงมากด้วยพลานุภาพและมีผู้เสาะแสวงหากันเป็นอย่างมากและที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความที่หลวงพ่อเป็นพระที่สมถะ ความเป็นอยู่ของหลวงพ่อจัดว่าอยู่แบบเรียบง่าย มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ที่ได้เข้าใกล้หลวงพ่อจะรับรู้ได้ แม้กระทั่งตอนอาพาธหลวงพ่อก็ยังเมตตาให้ลูกสิษย์ลูกหาได้พบตลอด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ว่าจะ เป็นคนที่ร่ำรวยหรือคนยากจนก็ตามในการที่หลวงพ่อเป็นอุปัชฌาย์ที่มีหน้าที่ต้องบวชของกุลบุตรที่มีวัยครบ 20 ขึ้นปี หลวงพ่อทรงจัดว่ามีผู้ที่ต้องการให้ไปเป็นอุปัชฌาย์มากที่สุด บวชกุลบุตรในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง จนแทบไม่มีวันหยุดพัก จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเกิดมาเพื่ออนุเคราะห์ให้กับคนทั้งหลายอย่างแท้จริง
เปรียบเสมือนเทพเจ้าที่มีแต่คำว่าให้เสมอมา ความเป็นจริงหลวงพ่อนั้นเป็นที่เลื่องลือมานานมาก แต่หลวงพ่อก็ยังถือวัตรปฏิบัติในสมณสารูปอย่างเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็ยังเป็นที่พึ่งของคนทั่วไปได้เสมอ จะเห็นได้จากองค์ฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ ได้เสด็จมาหาหลวงพ่อที่วัด และยังคนที่มีชื่อเสียงมากมายที่เข้ามาสักการะองค์หลวงพ่อ ให้หลวงพ่อได้ช่วยเพื่อช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อปรึกษาสนทนาธรรมและเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและด้วยที่หลวงพ่อได้เป็นผู้ให้กับคนมากมาย
บางครั้งแทบจะไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างพอเพียงกับผู้ที่มีอายุมากขึ้น ความตรากตรำนั้นทำให้สุขภาพทรุดโทรมและในท้ายที่สุดหลวงพ่อก็ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ ( พระครูอุปฯ )ได้เคยไปเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อหลวงพ่อมีสีหน้าที่สดใส ไม่มีอาการหวั่นไหวในมรณะภัย และยังสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาไม่ให้เสียใจในการที่ต้องจากไปให้มีความสมัครสมานและสามัคคีกัน จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเป็นที่พึ่งของคนทั้งหลายอย่างแท้จริง หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน(มอญ) เป็นเกจิอาจารย์เรืองเวทย์เพียงหนึ่งเดียวของจังหวัดอ่างทอง
วัตถุมงคลของท่านนั้นได้ทำหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นที่ศรัทธาเสาะหาของประชาชนทั่วไป แต่ที่มีความเข้มขลังที่สุด ได้แก่ เหรียญรุ่นแรกหรือที่เรียกกันว่า “เหรียญบิน” เนื้ออัลปากร้า ในปี พ.ศ.2513 และ เบี้ยแก้ซึ่งเป็นเครื่องรางอันมหัศจรรย์ยิ่งที่บุคคลใดมีไว้แล้วจะมีความปลอดภัยแคล้วคลาดเมตตามหานิยม
หลวงพ่อได้มรณะภาพเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ด้วยอาการอันสงบเวลา 22.50 น. สิริอายุ 83 ปี 8 เดือน 64 พรรษา
ผมยกมาไม่ได้ดัดแปลงข้อความอะไรเลย ขยายความนิดเดียว ท่านพระครูบอกว่าให้ผมดัดแปลงได้ แต่ดูๆแล้วภาษาไทยท่านดีกว่าผมเยอะ ผมอย่าไปยุ่งกับท่านจะดีกว่าจะเห็นว่าตามข้างบนนั่นท่านมีอาจารย์ตามลำดับเป็นอย่างนี้
๑) สายหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ อันนี้ยืนยันอีกท่าน ว่าหลวงพ่อไม่ทัน หลวงพ่อพัก แต่ได้ตำรามา อันนี้ผมไปสืบอีกสายคือสาย เบ็นอยุธยา เบ็นแนะนำว่าท่านอาจจะศึกษามาจาก หลวงพ่อผ่อน วัดขุมทอง ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อพัก หลวงพ่อเคยบอกผมเองว่า รู้จักคนมีตำราหลวงพ่อพักอยู่ที่โพธิ์ทอง แต่ตายไปซ่ะก่อน เลยติดตามไม่ได้ไม่งั้นผมคงได้เห็นตำราหลวงพ่อพักได้ถ่ายรูปมาอวด
๒) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณึ วัดดั้งเดิมของท่านตอนบวช องค์นี้เก่งมากครับ เขาซื้อตะกรุดโทนเนื้อทองแดงของท่านกัน ถ้าไม่แน่ใจจะตกลงกันว่า เอาไปลองยิง ถ้ายิงไม่ออกก้เป็นตะกรุดหลวงพ่อชวนครับ เรียกว่ามั่นใจถึงขนาดนั้น
๓) หลวงพ่อ ชั้ว วัดตูม (องค์นี้ผมไม่มีข้อมูลท่านเลย จะพยายามหามาน่ะครับ ให้ บันทึกนี้สมบูรณ์ในอรรถรส ให้เห็นภาพของหลวงพ่อทรงที่เรามองไม่เห็น)
๔) หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ถ้าหลวงพ่อทรงได้วิชาหลวงพ่อเดิมน่าจะมาจากท่านนี้ หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอุปัฌาย์ และพระ อาจารย์ของหลวงพ่อ มี วัดม่วงคัน สหธรรมมิก สนิทมากของท่านอีกองค์ ยันต์หลังเหรียญบินของท่าน ก็ ก็อบมาจากยันต์หลังเหรียญของหลวงพ่อนุ่มครับ
๕) หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ องค์นี้เป็นปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้ สายอ่างทอง ท่านหนึ่ง ไม่เป็นรองใคร เบี้ยมีเอกลักษณ์ เล่นหาได้ มีหลายขนาด มีประสบการณ์ ถ้าเล่ากัน บันทึกได้หลายเล่ม ผมพึ่งฟัง รุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า ไปหาของตามบ้านในวิเศษฯ เจอบ้านหนึ่งมีเบี้ย คนสามีเล่าให้ฟังว่า เมียแกฆ่าตัวตาย โดยปืนลูกซอง (คงจะเอาปืนจอคางแล้วเอานิ้วกระดิกไก) ปรากฎว่าแชะๆครับ นึกขึ้นได้ แกมีเบี้ยหลวงพ่อคำอยู่ในตัว พอเอาเบี้ยออก เปรี้ยง ดับครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครโกหกมาเล่าน่ะครับ พยานยังมีอยู่ เบี้ยหลวงพ่อคำค่อนข้างมีราคา และปริมาณเยอะพอหาได้ แต่หาแท้ๆยากน่ะครับ ที่เล่นกันน่ะ .....สะรู้ตู้ครับ
๖) อาจารย์ฆราวาส หมอฟู
๗) อาจารย์ฆราวาส หมอเปรี้ยว อาจารย์ฆราวาส หมอฟู กับหมอเปรี้ยวนี้ เป็นศิษย์ ของ หมอน้อย ฆราวาสผู้วิเศษ ( ท่านนี้เก่งจริงๆ ) ของวิเศษชัยชาญ มีท่านหนึ่ง เป็นเขยของ อาจารย์หมอน้อย แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านไหน อันนี้เป็นข้อสรุปของหลวงพี่พระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี ส่วนอาจารย์องค์อื่นท่านไม่ทราบ จากที่ผมศึกษามาน่าจะมี
๘) หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ องค์นี้สรรพคุณเกินกว่าคำที่จะหามาบรรยาย อันนี้ในมุมมองท่านพระครู หลวงพ่อมุ่ยน่าจะเป็นสหธรรมิกรุ่นพี่ ที่นับถือกันมากกว่า ผมเอาตามท่านว่าก็แล้วกัน เป็นเด็กอย่าไปอวดรู้ผู้ใหญ่ แต่หลวงพ่อทรงบอกผมเองว่า ไปหาบ่อยมาก เหมือนผมไปหาหลวงพ่อทรง เรียกว่า ว่างก็ไป การไปหาบ่อยๆ แล้วมานั่งมองหน้ากันคงไม่น่าใช่ หลวงพ่อมุ่ยท่านคงเอ็นดูพระหนุ่มใหญ่องค์นี้มากพอสมควร เพราะขนาดสร้างเหรียญบินรุ่นแรก ท่านก็มานั่งเป็นประธานให้ หลวงพ่อทรงก็ใฝ่รู้วิชา หลวงพ่อมุ่ยน่าจะแนะนำ"อะไร "มาให้บ้าง อันนี้ผมเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อทรงตรงๆว่า หลวงพ่อเรียนอะไรมาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างครับ ท่านว่าแอบเรียนมาบ้าง
๙) หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว องค์นี้เป็นอาจารย์หลวงพ่อเกรียงวัดวังน้ำเย็น เพื่อนสนิทท่าน ทั้ง สามองค์ คือ หลวงพ่อ เกรียง หลวงพ่อทรง หลวงพ่อมี เคยถีบจักรยาน ไปเที่ยวกันไกลๆ ข้ามจังหวัดยังมี สมัยยังหนุ่มโดยนัดมาเจอกัน การถีบไปเที่ยวกันเฉยๆ คงไม่ใช่ แต่ไปเรียนวิชากันมากกว่า เพราะแต่ล่ะท่าน อาคมขลังทั้งนั้น อาจารย์องค์หนึ่งที่น่าจะไปหาคือหลวงพ่อ ซวง นี่เอง
๑๐) หลวงพ่อ ภู (หรือ พู ) วัดดอนรัก หลวงพ่อทรงมีรูปหลวงพ่อพู ใส่กรอบติดที่หัวนอนของท่าน ในที่พักส่วนตัวท่านที่บ้านหลาน คนไม่รัก ไม่นับถือกันคงเอารูปมาไว้หัวนอนน่ะครับ หลวงพ่อพู นี้ ท่านที่เล่นตะกรุดควรทราบว่า ตะกรุดของท่านคือสุดยอดตะกรุดของสยามประเทศดอกหนึ่ง ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินไทยนี้เด็ดขาด พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ คาดเอวได้ มีทั้งโทนและ คาดเอว เป็นสุดยอดของปรมาจารย์ของอ่างทองท่านหนึ่ง ในยุคหนึ่ง ทั้งตำรวจ ทั้งมือปืน ในอ่างทองต่างคาดตระกรุดของหลวงพ่อพู เพราะประสบการณ์ฉกาจฉกรรณ์มาก อันนี้เขาบอกผมมา หลวงพ่อทรงท่านก็ ดำเนินรอยตามมาในการทำตะกรุด โดย ตะกรุดเอกของท่านก็คือ ตะกรุดมหาจักร และ เทพรัญจวน
๑๑) หลวงพ่อวัดปากน้ำ อาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อเกรียง อันนี้หลวงพ่อเกรียงท่านบอกผมเอง ว่าไปเรียนกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนผมไปขอตะกรุดท่านกับเพื่อน (ตอนนั้นผมไปหาท่านที่วัด วังน้ำเย็น ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๒/๓๔ เสียดายที่ไม่ได้คุยท่านละเอียด และถามท่านถึงหลวงพ่อทรง ไม่งั้นผมคงเจอหลวงพ่อทรงมาก่อนหน้านี้หลายปี ) หลวงพ่อวัดปากน้ำมีบารมีมากขนาดไหน หลวงพ่อเกรียงไปเจออะไรดีๆ คงมาบอกเพื่อนมั่ง นอกจากนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อผาด วัดไร่ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อทรง เมื่อออกจากวัดยางมณี ก็ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อผาด ถึงประมาณ ๖ ปี ซึ่งหลวงพ่อผาดก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำเหมือนกัน มีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตั้งบูชาตรงที่ๆท่านรับแขก หลวงพ่อทรงน่าจะศึกษามาด้านนี้บ้าง แต่ศึกษาแบบเสือ ซ่อนเล็บ ไม่คุย ไม่อวด ทำให้พลังจิตท่านสูงยิ่ง
ผมจบประวัติของหลวงพ่อทรงอย่างคร่าวๆ น่ะครับ ท่านอาจจะมองเห็นว่า หลวงพ่อไม่ได้ไปศึกษา วิทยาคมที่ไหนไกลๆ แบบธุดงค์ไป หรือ ไปหาอาจารย์ไกลๆแบบที่เขาเขียนกัน ( เช่นไปหาหลวงพ่อเดิมถึงวัดหนองโพ ) เพราะคณาจารย์แถวอ่างทองลุ่มแม่น้ำน้อย ยุคนั้น เก่งจริงๆ ไม่ว่าพระหรือ ฆราวาส สืบเชื้อสายวิชาของลูกวิเศษชัยชาญ มาตั้งแต่ยุครบกับพม่า เช่นหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ หลวงพ่อ นุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อ หรุ่ม วัดบางจักร หลวงพ่อพู วัดดอนรัก หลวงพ่อผ่อนวัดขุมทอง ( บุตรบุญธรรมหลวงพ่อพัก ) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณี หลวงพ่อชั้ว วัดตูม หลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง(องค์นี้ก็อิทธิฤทธิ์ สุดยอด มีคนจัดให้เป็นเบอร์หนึ่งด้านอิทธิฤทธิ์ ของวิเศษฯที่เดียว ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า และเรียนมาอีก ร้อยกว่าอาจารย์!!!! ) หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี ฯลฯ ยังมีที่ดังเงียบๆอีกน่ะครับ นอกนั้นยังมีจังหวัดข้างเคียง เช่น สุพรรณบุรี ( หลวงพ่อมุ่ย ) และสิงห์บุรี ( หลวงพ่อซวง ) แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อไม่ต้องไปไหนไกล ถึง อิสาน หรือ เหนือ เพราะอาจารย์เก่งๆ รอบตัวเยอะ แค่ นั่งเรือ หรือ ถีบจักรยานไปก็เหลือเฟือแล้วที่จะศึกษาให้เก่งได้ครับClick to expand... -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 329360
เรื่องเกล็ดอาจารย์ต่างๆของหลวงพ่อทรง
ผมขอเล่าเรื่องหลวงพ่อต่อ ฟังคนอื่นเล่าเรื่องหลวงพ่อมาหลายปีแล้วจากนิตยสารหลายฉบับ อ่านมันส์..แหะๆ ผมจะเล่าทฤษฎีใหม่เรื่องอาจารย์ของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อท่านไม่บอกผมตรงๆ ผมเดาเอาก็ได้ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของเนื้อเรื่อง แต่แบบมีหลักการณ์น่ะครับอาจารย์ท่านอื่นผมไม่ย้อนไปเพราะเล่าแล้วอย่างที่เกริ่น การที่ผมนั่งคุยกับหลวงพ่อมาประมาณสามปี มีหลายเรื่อง พอแยกออกได้ดังนี้
1) เรื่องส่วนตัวของผม
<O:p2) เรื่องส่วนตัวของหลวงพ่อ
<O:p3) เรื่องส่วนตัวระหว่างหลวงพ่อก่ะผม
<O:p4) เรื่องอื่นๆ เช่นเครื่องรางของขลัง เรื่องชาวบ้าน เรื่องบ้านเมือง ฯลฯ
ในบอร์ดนี้เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องที่ 2 และ 4 เมื่อเป็นเรื่องที่สอง เกี่ยวกับวิชาของหลวงพ่อ ผมต้องกราบขอขมาท่านมา ณ ที่นี้ ที่เพราะทำด้วยเจตนาที่บูชาคุณหลวงพ่อ อาจจะมีเรื่องที่แตกต่างจากคนอื่น และจะเล่าเฉพาะ เรื่องอาจารย์ของท่าน
หลวงพ่อเคยเล่าให้ผมฟังหลายครั้ง ว่าหนุ่มๆ ท่านก็เดินเล่นอยู่แถวตลาดหลังวัดนางใน เพราะเป็นตลาดเก่าคึกคัก สมัยนั้นเขาตกปลาได้กันตัวใหญ่ๆ สมัยนี้อาจจะมีแต่ลูกน้ำ เมื่อท่านบวช ท่านบวชอยู่ที่วัดยางมณี โดยมีสหธรรมมิก หลวงพ่ออ่อน และ หลวงพ่อเสียน ( ขออภัยถ้าผมเขียนชื่อท่านผิด ) และเมื่อยังเป็นพระหนุ่มๆ ท่านจะมีสหธรรมมิกอยู่อีกสองท่าน คือ หลวงพ่อเกรียง วัดวังน้ำเย็น และ หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน ( อันนี้ผมไม่ทราบว่าในตอนนั้น ท่านๆทั้งสองจะอยู่ที่วัดวังน้ำเย็นและวัดม่วงคันหรือปล่าว เพราะหลวงพ่อไม่ได้ขยายความ )
สหธรรมิกทั้งสองท่านนี้และท่านจะชอบขี่จักรยานไปไกลๆ อาจจะไกลมาก ถึงสรรคบุรี เขตชัยนาท สิงห์บุรี เรียกว่าไปไกลๆ และไปบ่อย จะนัดกันมาเจอกัน ต่างคนต่างมาและขี่ไปเที่ยวกัน แบบพระ หนุ่มๆที่มีกำลัง จะเรียกว่าไปธุดงค์ทางจักรยานก็แล้วกันแต่ไม่ได้ค้างคืนเพราะขี่กลับ ระยะทางนี่ท่านว่าไกลหลายสิบกิโล แบบข้ามจังหวัด ท่านว่าสมัยนั้นยังทำได้ เพราะไม่มีใครมาตรวจมาตรา ถ้าเป็นสมัยนี้เห็นพระกลุ่มหนึ่งขี่จักรยานกันมาไกลๆคงดูแปลกๆ <O:pกิจกรรมนี้ทำให้ท่านสนิทสนมกันมาก เมื่อผมเอ่ยถึงเรื่องหลวงพ่อเกรียง ท่านจะพูดเรื่องจักรยานนี้ ด้วยความสุข แล้วบอกว่า ชอบกันมากไปด้วยกันบ่อยๆ <O:pผมไม่รู้จักหลวงพ่อมี เป็นส่วนตัว แต่เคยพบท่านในงาน 2-3 ครั้ง ท่านท่าทางดูสง่า สำรวมและดูเป็นคนถ่อมตัว และมีความเคารพหลวงพ่อทรง เรียกหลวงพ่อว่าหลวงพี่ เมื่อหลวงพ่อ ทรงป่วยและใกล้มรณะภาพ หลวงพ่อมีจะมาเยี่ยมหลวงพ่อทรงบ่อยที่สุด เรียกว่า ว่างก็มา ในตอนหลวงพ่อทรงป่วยมาก หลวงพ่อมีเคยเล่าให้หลานหลวงพ่อฟังว่า ข้าฝันไม่ดีเลยว่ะ เป็นห่วงหลวงพี่(ทรง)
เอาว่าที่ผมเล่ามาจะให้เห็นว่า ท่านทั้งสามสนิทกันมากและรู้จักกันมานาน หลายสิบปี ผมเคยไปหาหลวงพ่อ เกรียงวัดวังน้ำเย็น ประมาณปี 32/33/34 จำแน่ๆไม่ได้ ประมาณนั้นครับ ประมาณ 17-18 ปี มาแล้วตอนนั้น เพื่อนไปได้ยินมาว่า ท่านมีตะกรุดเยี่ยม ผ้ายันต์มะม่วงยอด และเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว เมื่อได้ยินมาดังนั้น ก็หูผึ่ง นัดกันสามคนขับรถ ไปหาหลวงพ่อเกรียง เมื่อไปถึง วัดใหญ่โตพอสมควร ดูเรียบร้อย และอยู่ติดคลอง บรรยากาศสบาย ลมเย็นๆ ไปเจอหลวงพ่อ ก็นั่งคุยกันนาน ที่นานเพราะไปขอตะกรุดท่านสามดอก ท่านทำแล้วแต่ยังไม่ได้ถัก ท่านไม่ว่าอะไรใจดี จึงนั่งคุยก่ะเราในขณะที่ให้ลุงลูกศิษย์ ถักให้ ( แบบม้วนด้ายรอบง่ายๆแล้วทายางดำๆ แล้วรอให้พอแห้ง ตะกรุดเป็นตะกั่ว ดอกใหญ่พอสมควร ) ขณะที่รอ ท่านก็เลยนั่งคุยด้วยบนศาลา ลมเย็นสบายตอนบ่ายอ่อนๆ
การคุยมีหลายเรื่อง เอาแต่ประเด็นที่จำได้<O:pผมถามท่านว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาวใช่หรือไม่ครับ ท่านบอกใช่แล้วเล่าเรื่องหลวงพ่อ ให้ฟังแบบสนุกสนาน หลายเรื่องเช่น ( ถ้าจำไม่ผิด ) ว่าหลวงพ่อซวงหนังเหนียว มีคนไปเดินเที่ยวแล้วกลับบ้านดึกๆมาผ่านวัด แต่แบกแท่งเหล็กมาเป็นอาวุธ ผ่านวัดมา หลวงพ่อซวงท่านคงเดินจงกลมอยู่ นายนี่เห็นเข้าตกใจ คงนึกว่าผี จึงขว้างแท่งเหล็กใส่สุดแรง แท่งเหล็ก กระแทกหน้าอกท่านปึ้กใหญ่ แต่ไม่เข้าแต่แรงมากเกินพอที่ทำให้ท่านทรุดลงได้ เหตุนี้ทำให้ท่านป่วยและมามรณะภาพ ไม่ทราบว่าเรื่องที่ผมได้ยินมานี้ถูกต้องหรือไม่? ผมถามถึงพระที่หลวงพ่อซวงสร้าง ท่านบอกว่าพระที่เขาเล่นกัน บางพิมพ์ไม่ใช่ของหลวงพ่อซวง พอผมถามรุกเข้าไปว่าพิมพ์ไหนครับ ท่านเลี่ยงไม่ตอบแต่ย้ำว่า ของหลวงพ่อทรวงไม่มี อาจจะยังไม่สนิทกันก็ได้ เพราะแปลกหน้ามาครั้งแรก
<O:pผมถามว่ามีท่านอื่นหรือไม่ ท่านว่ามีหลวงพ่อวัดปากน้ำ เคยไปเรียนวิชาธรรมกายด้วย สมัครตัวเป็นลูกศิษย์ ผมยังถามท่านถึงวัดหนึ่งใหญ่แถว ปทุม ที่ผมเคยเป็นลูกศิษย์ ท่านไม่ตอบตรง แต่บอกว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่เคยสอนอย่างนี้ ผมถามท่านว่าสอนอย่างไรครับ ท่านนิ่งไม่ตอบ เบือนหน้าไปทางอื่น <O:pก่อนกลับท่านแจกตะกรุดมาคนล่ะดอก และรูปอัดกระจกคนล่ะอัน ( อันที่ผมโชว์ในรูป ) ตะกรุดนี้ตอนที่พวกเพื่อนผมทำเหรียญเต่าเรือนถวายหลวงปู่พระครูบุญศรี เขาจะทำเนื้อพิเศษ ผมเลยตัดใจให้เขาไปหลอมรวมกับเนื้อแร่โคตรเศรษฐี ที่ได้จากป้าอิ้ด ( ลูกแม่ชีประทุม ) จึงไม่มีรูปมาโชว์ เรียกว่าตอนนั้นผมใกล้หลวงพ่อทรงเข้าไปมาก ถ้ากลับไปหาหลวงพ่อเกรียงอีก ท่านอาจจะเอ่ยถึงหลวงพ่อทรง ผมคงเจอท่านตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หลวงพ่อเกรียงได้ข่าวว่าตอนหลังสึก เพราะมีโรคประจำตัว และเสียชีวิตไปแล้ว สรุปว่า อาจารย์ของ หลวงพ่อเกรียงคือหลวงพ่อซวง และหลวงพ่อวัดปากน้า
ส่วนของหลวงพ่อมี พระอุปัชฌาย์ของท่านหลวงพ่อนุ่ม ส่วนท่านอื่นผมไม่ทราบเพราะไม่สนิทกับท่านและค้นในเว็บก็ ไม่มีประวัติ ท่านใดทราบโปรดบอกมา <O:pการจะเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้ามีดีคงมาบอกกัน และถ้าดี ขนาดฝากตัวเป็นอาจารย์ และศิษย์ จะไม่มาบอกเพื่อนเลยหรือ หรือถ้าอาจารย์เพื่อนดี เราจะไม่ไปหาเลยหรือครับ ในเมื่อเป็นคนคอเดียวกันชอบเรียนวิชาเหมือนกัน มีวิชาอะไรดี คงมาบอกกันบ้างแหละ
มีความเป็นไปได้ว่ามากว่า หลวงพ่อซวง หลวงพ่อวัดปากน้ำ และ หลวงพ่อนุ่ม คืออาจารย์อีกสามองค์ของหลวงพ่อทรง ครับ
และที่ๆหลวงพ่อนอนที่บ้านหลานของท่าน มีรูปหลวงพ่อ ภู ( หรือ พู ) วัดดอนรัก อยู่บนหัว ผมมองมาตลอดแต่ลืมถามเพราะไม่คิดว่าจะต้องมานั่งเขียน ผมลองหาในเว็บก็ไม่มีรูปท่าน ผมเก็บตระกรุดของท่านไว้หลายดอก เพราะแรงดลใจจากหลวงพ่อทรง แต่ผมมีความรู้เกี่ยวกับหลวงพ่อภูน้อยมาก เป็นพระท้องที่ ผมไม่มีรูปท่าน แต่ทราบว่าหลวงพ่อภู เป็นสุดยอดปรมาจารย์ ทางตะกรุด มีตะกรุดหลายแบบ ทั้งโทน 8 ดอก และ 16 ดอก และรูปถ่าย
ตะกรุดของท่านดังมากทางด้านปืน คือยิงไม่ออกแบบจะๆ เป็นที่นิยมของพวกชอบบู้ ทั้งในเครื่องแบบ และตรงข้ามกับเครื่องแบบ เรียกว่าท่านคุ้มครองแบบไม่แบ่งชนชั้น <O:pผมได้ยินว่าคนแถววัดมอญมีตะกรุดของหลวงพ่อภูหลายคน พกในกระเป๋า หรือในกระเป๋ากางเกงก็ได้ ผู้หญิงก็ใช้ได้ เขาหวงกันมากๆ คนไม่นับถือกันคงไม่เอารูปมาไว้ที่หัวนอนน่ะครับ มีความเป็นไปได้ว่าหลวงพ่อภู วัดดอนรัก คืออาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อทรงครับ
ผมจะย้ำอีกนิดว่า อาจารย์แถวลุ่มน้ำน้อย ทั้งสองฟาก จากอยุธยาไล่ขึ้นเหนือไปจนถึง วิเศษฯ อ่างทอง เขตรอยต่อสุพรรณ ยันชัยนาท มีอาจารย์เก่งๆ ระดับ มหากาฬ ทั้งพระและฆราวาส อยู่หลายท่าน ตั้งแต่อดีต เพราะเป็นที่เพาะพันธ์เหล่านักรบมาแต่อดีตในยุครบพม่า มีวิชาเฉพาะสืบสายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ดังเฉพาะในท้องที่ คนส่วนกลางไม่รู้จัก บางชื่อได้ยินยังงงๆ เช่นหลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง เป็นต้น ของดีก็ไม่ค่อยหลุดรอดมาเพราะเขาหวง เขาเก็บกันหรือใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ไม่ต้องไปไกลหรอกครับ หาแถวนี้ก็พอ.....แหะๆClick to expand...
หน้า 2227 ของ 3280