สวยงามครับ เหมือนกับก้อนทอง ประกายสุกใสเมื่อโดนแสงอาทิตย์นะครับ
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 272 ของ 3280
-
-
ตะโพน
ตะโพนเป็นเครื่องดนตรีที่ขึงด้วยหนัง ตัวตะโพนทำด้วยไม้สักหรือ
ไม้ขนุน เรียกว่า “หุ่น” ขุดแต่งให้เป็นโพรงภายใน ขึ้นหนัง 2 หน้า ดึงด้วยสายหนังโยงเร่งเสียงเรียกว่า “หนังเรียด” หน้าใหญ่มีความกว้างประมาณ 25 ซม เรียกว่าหน้า “เท่ง” ติดหน้าด้วยข้าวสุกบดผสมกับขี้เถ้าเพื่อถ่วงเสียง อีกหน้าหนึ่งเล็กกว่ามีขนาดประมาณ 22 ซม เรียกว่า “หน้ามัด”
ตัวกลองยาวประมาณ 48 ซม รอบๆขอบหนังที่ขึ้นหน้า ถักด้วยหนังที่ตีเกลียวเป็นเส้นเล็กๆ เรียกว่า “ไส้ละมาน” แล้วจึงเอาหนังเรียดร้อยในช่วงของไส้ละมานทั้งสองข้าง โยงเรียงไปโดยรอบจนมองไม่เห็นไม้หุ่น มีหนังพันตรงกลางเรียกว่า “รัดอก” ข้างบนรัดอกทำเป็นหูหิ้วและมีเท้ารองให้ ตัวตะโพนวางนอนอยู่บนเท้า ใช้ฝ่ามือซ้ายขวาตีได้ทั้งสองหน้า ใช้สำหรับบรรเลงผสมอยู่ในวงปี่พาทย์ ทำหน้าที่กำกับจังหวะหน้าทับต่างๆ
ตะโพนนี้ ถือเป็นบรมครูทางดุริยางคศิลป์ นับว่าพระประโคนธรรพ เป็นครูตะโพน เมื่อจะเริ่มการบรรเลง จะต้องนำดอกไม้ธูปเทียน บูชาตะโพนก่อนทุกครั้ง และถือเป็นประเพณีสืบต่อกันมา
เหตุที่ต้องกราบใหว้บูชาก็เพราะ ตะโพนเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงร่วมกับ สังข์ บัณเฑาะว์ และ มโหระทึก ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีประจำองค์ของเทพเจ้า และสมมุติเทพ ดังนี้คือ
สังข์ ประจำพระองค์พระนารายณ์ และพระอินทร์
บัณเฑาะว์ ประจำองค์พระอิศวร
มโหระทึก เป็นเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบพระอิศริยยศองค์พระมหากษัตริย์
ซึ่งถือเป็นสมมุติเทพ
ส่วนตะโพนนั้นเป็นกลองที่พระคเณศได้เป็นผู้ตีเป็นคนแรก ดังนั้น ตะโพนเมื่อนำมาร่วมบรรเลงในวงปี่พาทย์ จึงถือเป็นบรมครู และทำหน้าที่กำกับหน้าทับต่างๆทั้งหมด
ข้อมูลจากสารานุกรม วิกิพีเดีย
เคยรู้มาแค่ว่าตะโพนเป็นครูของเครื่องดนตรีทั้งหลาย แต่พึ่งรู้ว่าเป็นเครื่องดนตรีประจำตัวของพระพิฆเนศร และใช้บรรเลงร่วมกับ สังข์ บัณเฑาะว์ และ มโหระทึก มาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลก็คราวนี้นี่เอง
-
ตะโพนต่อจาก จารย์ศนิวาร
ผมคงไม่ลงประวัติศาสตร์เรื่องตะโพนนะครับ ว่าอันไหน ไทย อันไหนมอญ เพราะไม่มีความรู้ด้านดนตรีไทย และพึ่งทราบเหมือนกันว่าตะโพนเป็นเครื่องดนตรี พระพิคเนศวร์ เทพแห่งความสำเร็จ
แต่รูปที่โชว์คือตะโพน ใหญ่ กลาง เล็ก และรุ่นนอนเสก ตะโพนของวัดมอญนะครับ
ผมยังไม่เจาะ เพราะดึกแล้วแต่เอามาลงเรียกน้ำย่อย เพราะหายาก มีจำนวนหลักร้อยในใบใหญ่ และแค่หลักสิบในใบเล็กลงมา ยิ่งเล็กยิ่งพริกขึ้หนู ยิ่งหายากเข้าใบอีก
เอามาโชว์ก่อน แล้วจะมาเจาะลึก ของดี ของแปลก วิชาแปลกๆของพระผู้เฒ่าวัดมอญนะครับ -
เขาว่าตะโพนมอญจะเรียวกว่าตะโพนไทย ตะโพนไทยจะอ้วนท้องป่องกว่า
หากจะพูดถึงของขลังที่เกี่ยวข้องกับตะโพนแล้ว นึกออกอยู่อย่างหนึ่งคือ พระขุนแผนดินหน้าตะโพน ของหลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง นครปฐม
เข้าใจว่าคงเอาดินที่ติดหน้าตะโพนมาทำ คงเด่นด้านมหาเสน่ห์เพราะตะโพนจะใช้ตีเวลาโหมโรงก่อนแสดงเป็นการเรียกคนดู พวกนักแสดงจะเสกดินถ่วงหนังติดหน้าตะโพน เข้าใจว่าคงเป็นคาถาเรียกจิตอย่างหนึ่ง
เคยได้ยินแต่เขาพูดกันมาว่า เวลาได้ยินเสียงตะโพนโหมโรงแล้วใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยากไปดูอยากไปเห็น ทำนองใจหวั่นไหวระรัว ในที่สุดทนไม่ไหวก็ต้องเดินตามเสียงตะโพนเพื่อไปดูไปฟัง
ชักอยากจะได้ตะโพนหลวงพ่อไว้สักลูกแล้วละสิ แต่ตอนนี้ชมรูปตะโพนของพี่พีไปพลางๆก่อน -
-
พี่พีขอรับเบี้ยแก้เราควรจะเลี่ยมกี่ห่วงดีขอรับ
-
สาวโก้คนสวยนอนดึกจัง อ่านหนังสือสอบอยู่รึ
อยู่มข.สอบปลายเดือนนี้เอง ตั้งใจอ่านเด้ออย่าขี้เกียจเหมือนผมนะ
อิอิ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยชาติด้วยเน้อ
ราตรีสวัสดิ์ครับ -
ถามผมล่ะก็ห่วงเดียว -
-
benay_watmon@hotmail.com
ผมก็ไม่คอ่ยถนัดมากนักครับเรื่องดนตรีนี่แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนมาควบคู่ไปกับนาฏศิลป์ แต่ไม่มากนักเลยต้องหาข็อมูลจากท่านผู้รู้เพิ่มเติมจากท่านอาจารย์โรงเรียนวัดบวรฯท่านหนึ่ง
เรื่องตะโพนนี่ก็อย่างที่พี่ศนิวาร หาข้อมูลมาให้น่ะครับ แต่จะมีเพิ่มเติมนิดหน่อย ตะโพนวัดศาลาดินนี่เป็นตะโพนไทยสืบสายกันมานานเพราะความเป็นมงคลและขอที่ว่าแรงๆก็มีแต่ตะโพนไทยนี่หละครับ เพราะว่าตะโพนมอญนั้นไม่ได้มีบทบาทมากนักในการบรรเลงในวงปี่พาทย์มอญ ตะโพนมอญเปรียบได้กับกลองธรรมดาทั่วไปในวงปี่พาทมอญย์ แต่ตะโพนไทยนี่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นมากครับ เป็นของโบราณจารย์ทางดนตรีไทยที่ถือกันมากเพราะครูแรง(ขณะผมเขียนนี่ผมขนลุกชันเป็นระยะเลยครับนี่) และถือเป็นบรมครูสายนี้ จะทำการสิ่งใดในการแสดงต้องบอกกล่าวครูตะโพนและครูทั้งหลายก่อน แม้ในการใหว้ครูสายนาฏศิลป์ไทย และทางดนตรี สิ่งที่ต้องจดจำและขาดไม่ได้เลยคือขันครู และผ้าขาวเพื่อพันรอบตะโพน รองตะโพนขณะบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ต่างๆในการไหว้ครู และตะโพนไทยนี้ต้องไว้ที่สูงๆนะครับ อย่ามาไว้ต่ำ เพราะเป็นของสูง ตะโพนสมัยก่อนในการแสดงลิเกก็ตะโพนไทยนี่หละครับ แต่ปัจจุบันนั้นเพื่อความอลังการเขาจะนิยมใช้วงปี่พาทย์มอญแทน เพราะดูอลังการสวยงามกว่า แต่ว่าการบรรเลงในงานต่างๆตะโพนไทยจะไม่ใช้บรรเลงในงาน อวมงคลเด็ดขาด จะต้องแสดงในงานมงคลเท่านั้นนะครับ ก้จะกล่าวได้ว่าตะโพนเป็นแหล่งรวมความเป็นมงคลต่างๆทั้งสายเทพ และ คุณพระประจุเข้าไปด้วยแล้วแต่พระคณาจารย์นั้นๆท่านจะประสิทธิ์ไว้ และไม่ใช่ทำง่ายๆนะครับ
ความแตกต่างระหว่างตะโพนไทยและมอญ ตะโพนมอญจะใบใหญ่กว่าตะโพนไทย ครับ ใช้ในงานพิธีต่างกันครับ
ส่วนดินหน้าตะโพนเมื่อคนเก่าก่อนเขามีคาถาครับแต่ผมไม่ทราบเพราะมีการถ่ายทอดเฉพาะสายๆไป และจะทิ้งท้านสักนิดว่า ถ้าท่านมาอยูในสายดนตรี นาฎศิลป์ท่านจะทราบว่าครูตะโพนหรือองค์พระปรคนธรรพ ท่านแรงมากๆนะครับสาธุ -
แหะ แหะ แหะ สิ่งที่คนเราจำแม่นมักจะรักมากกับเกลียดมากครับ แต่พระชุดนี้รักมากครับ -
hayate126 said: ↑ขุนแผนเนื้อดินหน้าตะโพนหลวงพ่อแช่มวัดตาก้องหาไม่ยากครับมีอยู่ในสนามเพราะจำนวนหลายอยู่ครับเวลางานประกวดเห็นมีอยู่หลายเจ้าเหมือนกันมีตั้งแต่ห้าร้อยไม่เกินแปดร้อย ถ้าตั้งใจหาจำภาพให้แม่นแม่นองค์ขนาดไม่เกินข้อนิ้วโป้งแต่หาสวยยากมากกว่าเพราะส่วนมากหน้าจะแบนแบน เนื้อที่ควรหาคือเทาดำดำออกเขียวเขียวนิยมกว่าเนื้อจะดูหยาบแห้งถึงอายุเพราะอายุเกินห้าสิบปีแล้วสำหรับพ.ศ.นี้แต่มีความมัน ตามแผงพระตามตู้ก็มีบ้างแต่ไม่ควรเกินพันห้า ผมมีอยู่ตอนนั้นชอบหาได้มาสวยกว่าองค์เก่าก็เปลี่ยน เคยส่งประกวดที่สีลมพรีเชียสงานใหญ่ของไก่ตำนานพระ งานนั้นรายการนี้มีพระผมส่งองค์เดียว ลองทายดูสิครับว่าผมได้ที่เท่าไหร่ ได้ที่สองครับตั้งแต่เช้าถึงงานเลิก มีพระผมส่งองค์เดียวแต่ผมได้ที่สองได้แต่ประกาศ ถ้าได้ทีหนึ่งผมได้หนังสือเล่มละแปดร้อย ค่าสมัครสองร้อยห้าสิบได้หนังสืองานจะขาดทุน ตู้ที่วางพระผมติดกับบันไดเลื่อนผมเดินผ่านก็มองถึงเห็นตลอดว่ามีพระผมส่งองค์เดียวรายการนี้ไม่มีคนส่งประกวดเลย คนที่ขายพระผมเขาก็ไม่ส่งรายการนี้ผมยังเรียกมาดูเลยเขาก็บอกว่าเป็นอย่างนี้แหละหน้าใหม่มาส่งไม่ได้หรอก แต่ถ้าเขาส่งองค์นี้ชื่อเขาก็ได้รางวัลที่หนึ่งเพราะเขาส่งเยอะส่งมากประกวดบ่อย คิดดูว่าวงการนี้มันเป็นยังไงผลประโยชน์ทั้งนั้นผมถึงเกลียดการส่งพระเข้าประกวดมากถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าใครจะหาหาไม่ยากยังมีหมุนเวียนอยู่แต่สวยไม่สวยอีกเรื่อง ส่วนมากจะเลือนเลือน แต่รับรองว่าตั้งใจหาเจอแน่ ขอให้โชคดีทุกคนครับClick to expand...
อ๋อ ...แหะๆ เจอตัวจริง ส่งประกวดด้วย
ที่ผมบอกว่า หายากคือ พิมพ์หลังมียันต์ครับ จะเป็นยันต์ ดูไม่ออก น่าจะเป็นนะหน้าทอง หรือ นะ อะไรสักอย่างกดลงไปในเนื้อ
ส่วนพิมพ์ธรรมดา มีเยอะกว่าครับ ผมเก็บได้ในราคาหลักร้อย กลางๆ ขึ้นอยู่กับสภาพ ผมต้องหาดู ถ้าจะดูรูป ตอนนี้หาอะไรไม่ค่อยเจอครับ
ที่เอามาลงมาประกอบเรื่องกับตะโพนเท่านั้นครับ
พระหลวงพ่อแช่ม บางพิมพ์เป็นของดีราคาถูก น่าจะหาติดตัวนะครับ ดีกว่าไปเก็บพระกรุราคาแพง แต่ใช้แล้วเงียบ แล้วต้องมาคุ้มครองพระแทนซ่ะด้วย...เหอๆ -
ขอบคุณ ในข้อมูลเพิ่มเติมครับ
ได้สาระ และประโยชนืแก่ตัวผมมากมาย..(ในอนาคตจริง ๆ )
ปล.ขอบคุณ คุณพี่ลายสะลอง ด้วยน่ะครับ อิอิ -
ลายสะลอง said: ↑แหะ แหะ แหะ สิ่งที่คนเราจำแม่นมักจะรักมากกับเกลียดมากครับ แต่พระชุดนี้รักมากครับClick to expand...
----
หากหัวใจของผู้ใดตายแล้ว
มีเพียงสองวิธีเท่านั้น
ที่จะสามารถบันดาลให้มันฟื้นคืนมาได้
หนึ่งคือความรัก หนึ่งคือความแค้น...
จากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น
-------------- -
พี เสาวภา said: ↑เปิดดูไฟล์ 639104
ตะโพนต่อจาก จารย์ศนิวาร
ผมคงไม่ลงประวัติศาสตร์เรื่องตะโพนนะครับ ว่าอันไหน ไทย อันไหนมอญ เพราะไม่มีความรู้ด้านดนตรีไทย และพึ่งทราบเหมือนกันว่าตะโพนเป็นเครื่องดนตรี พระพิคเนศวร์ เทพแห่งความสำเร็จ
แต่รูปที่โชว์คือตะโพน ใหญ่ กลาง เล็ก และรุ่นนอนเสก ตะโพนของวัดมอญนะครับ
ผมยังไม่เจาะ เพราะดึกแล้วแต่เอามาลงเรียกน้ำย่อย เพราะหายาก มีจำนวนหลักร้อยในใบใหญ่ และแค่หลักสิบในใบเล็กลงมา ยิ่งเล็กยิ่งพริกขึ้หนู ยิ่งหายากเข้าใบอีก
เอามาโชว์ก่อน แล้วจะมาเจาะลึก ของดี ของแปลก วิชาแปลกๆของพระผู้เฒ่าวัดมอญนะครับClick to expand...
ฮื้อหือ อะไรจะปานนั้นครับพี่พี มิน่าละครับทุกอย่างของพี่พีถึงก้องกังวานดีจัง
เพระเท่าที่ติดตามมางานของพี่พีก็ไม่ขาดมือแถมล้นมือซะด้วย เข้ามาเขียนเรื่องหลวงพ่อยังมีคนติดตามมากมาย สมแล้วครับ ตะโพนหลวงพ่อทรง+ศรัทธาที่พี่พีมีส่งผลมากมายเลยครับ หากพี่พีอยากลดภาระลงบ้างก็แบ่งลองให้คนอื่นมีภาระดูบ้างก็ได้นะครับ อิอิอิ
มานิมามา เงินไหลนอง ทองไหลมา หากมีวาสนาของให้ได้ตะโพนสักใบเถอะสาธุ.... สะวาหะ นะชาลีติ -
คือเท่าที่ผมดูข้อมูล ผมสรุปคร่าวๆ ว่าตะโพนไทยจะมีสันฐานคล้ายโอ่งราชบุรี ซึ่งบริเวณกลางจะนูนออกมา ส่วนตะโพนมอญจะมีสันฐานคล้ายกระป๋องโค๊กบริเวณกลางจะไม่ค่อยนูน
เมื่อย้อนกลับไปดูรูปตะโพนของหลวงพ่อภักตร์ ดูคร่าวๆ ก็คล้ายตะโพนมอญ ซึ่งดูผ่านๆ คล้ายกระป๋องโค๊ก แต่เมื่อดูตะโพนทองแดงของหลวงพ่อทรงบริเวณตรงกลางกลับบุ๋มเข้าไป ก็เลยคิดว่าที่มาของตะโพนของ 2 ครูบาอาจารย์มาจากอะไร เผื่อพี่พีหรือเพื่อนๆ ได้เคยอ่านผ่านตามาก่อนบ้างครับ
(แหะ แหะ แหะ ผมเห็นชื่อวัดศาลาดิน จะมีวงเล็บว่า วัดมอญ ไม่รู้จะพ่วงไปกับตะโพนหรือเปล่า)
ส่วนตะโพนของพี่พีจากรูปนี้ เป็นตะโพนไทย เห็นรอยจารแล้วใจหวิวๆ สองใบกลางมีรอยเหมือนยันต์ห้าของหลวงปู่ทิมจารสดหรือเป็นรอยปั๊มครับ ส่วนใบสุดท้ายน่าจะถอดฐานมาเลี่ยมเน๊อะ
ใบแรกกับใบสุดท้าย รอยจารอ่านว่าอย่างไรบ้างครับ ขอบพระคุณพี่พีมากครับ
แล้วขอบคุณอาจารย์ศนิวารที่นำความรู้เรื่องตะโพนมาแบ่งปันเน้อ .. -
Ong said: ↑อ่านประโยคนี้แล้ว ผมนึกถึงวลีอมตะ ของ มังกรโบราณ
----
หากหัวใจของผู้ใดตายแล้ว
มีเพียงสองวิธีเท่านั้น
ที่จะสามารถบันดาลให้มันฟื้นคืนมาได้
หนึ่งคือความรัก หนึ่งคือความแค้น...
จากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น
--------------Click to expand...
กุปิกุปิ ยืมมุขคุณ cc5922 เน้อ
พระชุดพิธีวิสาขาห์ 49 .. มานิมามา มานิมามา มานิมามา
ตะโพน ...................มานิมามา มานิมามา มานิมามา
ตะกรุดมหาจักร...........มานิมามา มานิมามา มานิมามา
ของที่รอยจาร............มานิมามา มานิมามา มานิมามา
สาธุ -
benay said: ↑ส่วนดินหน้าตะโพนเมื่อคนเก่าก่อนเขามีคาถาครับแต่ผมไม่ทราบเพราะมีการถ่ายทอดเฉพาะสายๆไป และจะทิ้งท้านสักนิดว่า ถ้าท่านมาอยูในสายดนตรี นาฎศิลป์ท่านจะทราบว่าครูตะโพนหรือองค์พระปรคนธรรพ ท่านแรงมากๆนะครับสาธุClick to expand...
น่าจะเป็นเพราะว่าผู้คนไม่ค่อยรู้จักกัน เราเองยังไม่รู้จักเลย แม้แต่คนเฝ้าตู้ก็ยัง
บอกว่าเป็นพ่อแก่ เพิ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นพระปรคนธรรพ
สงสัยต้องกลับไปตามเก็บแล้ว -
benay said: ↑ผมก็ไม่คอ่ยถนัดมากนักครับเรื่องดนตรีนี่แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนมาควบคู่ไปกับนาฏศิลป์ แต่ไม่มากนักเลยต้องหาข็อมูลจากท่านผู้รู้เพิ่มเติมจากท่านอาจารย์โรงเรียนวัดบวรฯท่านหนึ่ง
เรื่องตะโพนนี่ก็อย่างที่พี่ศนิวาร หาข้อมูลมาให้น่ะครับ แต่จะมีเพิ่มเติมนิดหน่อย ตะโพนวัดศาลาดินนี่เป็นตะโพนไทยสืบสายกันมานานเพราะความเป็นมงคลและขอที่ว่าแรงๆก็มีแต่ตะโพนไทยนี่หละครับ เพราะว่าตะโพนมอญนั้นไม่ได้มีบทบาทมากนักในการบรรเลงในวงปี่พาทย์มอญ ตะโพนมอญเปรียบได้กับกลองธรรมดาทั่วไปในวงปี่พาทมอญย์ แต่ตะโพนไทยนี่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นมากครับ เป็นของโบราณจารย์ทางดนตรีไทยที่ถือกันมากเพราะครูแรง(ขณะผมเขียนนี่ผมขนลุกชันเป็นระยะเลยครับนี่) และถือเป็นบรมครูสายนี้ จะทำการสิ่งใดในการแสดงต้องบอกกล่าวครูตะโพนและครูทั้งหลายก่อน แม้ในการใหว้ครูสายนาฏศิลป์ไทย และทางดนตรี สิ่งที่ต้องจดจำและขาดไม่ได้เลยคือขันครู และผ้าขาวเพื่อพันรอบตะโพน รองตะโพนขณะบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ต่างๆในการไหว้ครู และตะโพนไทยนี้ต้องไว้ที่สูงๆนะครับ อย่ามาไว้ต่ำ เพราะเป็นของสูง ตะโพนสมัยก่อนในการแสดงลิเกก็ตะโพนไทยนี่หละครับ แต่ปัจจุบันนั้นเพื่อความอลังการเขาจะนิยมใช้วงปี่พาทย์มอญแทน เพราะดูอลังการสวยงามกว่า แต่ว่าการบรรเลงในงานต่างๆตะโพนไทยจะไม่ใช้บรรเลงในงาน อวมงคลเด็ดขาด จะต้องแสดงในงานมงคลเท่านั้นนะครับ ก้จะกล่าวได้ว่าตะโพนเป็นแหล่งรวมความเป็นมงคลต่างๆทั้งสายเทพ และ คุณพระประจุเข้าไปด้วยแล้วแต่พระคณาจารย์นั้นๆท่านจะประสิทธิ์ไว้ และไม่ใช่ทำง่ายๆนะครับ
ความแตกต่างระหว่างตะโพนไทยและมอญ ตะโพนมอญจะใบใหญ่กว่าตะโพนไทย ครับ ใช้ในงานพิธีต่างกันครับ
ส่วนดินหน้าตะโพนเมื่อคนเก่าก่อนเขามีคาถาครับแต่ผมไม่ทราบเพราะมีการถ่ายทอดเฉพาะสายๆไป และจะทิ้งท้านสักนิดว่า ถ้าท่านมาอยูในสายดนตรี นาฎศิลป์ท่านจะทราบว่าครูตะโพนหรือองค์พระปรคนธรรพ ท่านแรงมากๆนะครับสาธุClick to expand...
ครูนาฏศิลป์ นี่เป็นเทพชั้นสูงเพราะจิตใจอ่อนโยน มีศีลดีซ่ะด้วยตอนเป็นคน เป็นเทพก็เทพชั้นสูงแต่ท่านไม่ค่อยมายุ่งเรื่องชาวบ้านมากนักหรอกครับ นอกเสียจากว่าจะมีคน " ถึง " เชิญมา
ตอนผมเด็กๆรุ่นๆ อย่างที่เล่า มียามเที่ยง แกเป็นครูกลองยาว แกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ที่บ้านแกจะมี พวกกระบี่ กระบองและเครื่องดนตรี มีเด็กซนๆแบบผมไปวิ่งเล่นซ่อนแอบ จับกันได้ ตกใจกระโจนข้ามพวก ตะโพน กลอง ระนาด ถึงกับชักและไข้ขึ้น ต้องไปขอขมาแล้วลุงเที่ยงแกจะทำน้ำมนต์ให้อาบ ก็หายไป
ผมนะกลัวขึ้หด เรื่องเครื่องดนตรีไทย ฝังใจมาเลยว่าท่านแรงและไม่ชอบให้ใครมาลบหลู่ จะหยิบต้องยกมือไหว้ที จะตีก็ไหว้อีกที ตีเสร็จ ก็ไหว้อีกที เอาไปเก็บก็ไหว้อีกที ....เรียกว่าปลอดภัยไว้ก่อน เหอๆ
จนมาเจอตะโพนหลวงพ่อทรงนี่แหละ แหมดีจัง ถ้าหลวงพ่อยังอยู่จะเก็บให้เต็มบ้านเลย ว่าจะเอาใบใหญ่ๆ หลายๆขนาดไปให้ท่านลง ขับผ่านหมู่บ้านแถวมหาราชว่าจะแวะไปซื้ออยู่แล้วเชียว ผลัดอยู่เรื่อย จนหลวงพ่อมาล่ะสังขารเลยอด...แหะๆ
คือเทพทางศิลปบางท่าน พวกครูดนตรี ครูลิเก ท่านจะมีวิชาดีตอนเป็นมนุษย์อยู่ คือเสน่ห์แรงว่างั้นเถอะ สาวๆเยอะ...แหะๆ เพราะไม่ว่าสมัยไหน พวกสาวๆ ถึงแก่ก็เถอะจะชอบพวกศิลปิน เพราะหล่อเท่ห์ แล้วบางคนเจ้าชู้ซะอีก แต่เจ้าชู้แบบมีสัจจะนะครับ ไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของ
พอตายไปเลยไปเป็นเทพทางครูดนตรี ครูตะโพนท่านคงมาแบบนี้นะแหละ แบบเอาทางดัง ทาง เสน่ห์ ทางเมตตามหานิยม แบบบู้ๆ โป้งๆ ป้างๆ ท่านไม่ค่อยชอบ -
Ong said: ↑อ่านประโยคนี้แล้ว ผมนึกถึงวลีอมตะ ของ มังกรโบราณ
----
หากหัวใจของผู้ใดตายแล้ว
มีเพียงสองวิธีเท่านั้น
ที่จะสามารถบันดาลให้มันฟื้นคืนมาได้
หนึ่งคือความรัก หนึ่งคือความแค้น...
จากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น
--------------Click to expand...
คนๆนี้เป็น ไอดอลของผมทีเดียวตั้งแต่ยังเด้ก ลี้คิมฮวง เซี่ยวลี้ปวยตอ ลี้น้อยมีดบิน มีดเดียวไม่เคยคลาดเป้า...เหอๆ ถ้าได้แสดงหนังจะแสดงเป็นลี้คิมฮวงนี่แหละ เอาตอนดื่มสุรานี่ แสดงง่ายมาก เพราเคยมีประสบการณ์ด้านนี้เพียบ...อิอิ
ผมเลยพกมีดมาตั้งแต่จำความ ชอบมาก แต่ไม่เคยขว้างใครนะครับ เอาไว้หนุนดวง เพราะดวงถูกโลกกับพวกของแหลม ของมีคม แต่ไม่ถูกโลกกับพวกของมีแข้งนะจ้ะ
หน้า 272 ของ 3280