คุณพี เสาวภา : ห้องประมูลทำบุญบ้านเหรียญบินฯ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
ขอนำเอาประวัติหลวงพ่ออั๊บจากเว็บวัดท้องไทรมาเผยแพร่ที่นี่ครับเพื่อประกาศเกียรติกคุณของหลวงพ่อครับและถ้าคุณพีเสาวภามีความรู้ส่วนไหนเกี่ยวกับหลวงพ่อก็ช่วยเขียนให้พวกเราได้อ่านด้วยนะครับตอนหลวงพ่ออยู่ไม่ค่อยมีคนเขียนถึงหลวงพ่อกันเลยครับตอนนี้หลวงพ่อไม่อยู่แล้วช่วยกันให้เต็มที่นะครับอย่ากั๊กกันเลยนะครับประกาศเกียรติคุณของหลวงพ่อกันนะครับ ขอบพระคุณมากครับ
บันทึกชีวประวัติพระเดชพระคุณ พระอธิการเกษม(อั๊บ) เขมจาโร
เจ้าอาวาสวัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
หลวงพ่อมีนามเดิมว่า เกษม ทิมมัจฉา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2465 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9
ปีจอ ที่บ้านแหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
บิดาชื่อ อุ๋ย
ทิมมัจฉา
มารดาชื่อ ผิว
ทิมมัจฉา เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 12
อาชีพเกษรตกร จบการศึกษาชั้นป.2
ในวัยเด็กได้ไปพักกับพระน้าชายชื่อ พระเล็ก
ที่วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งขณะนั้นมี พระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่บุญ ขันธโชติ)เป็นเจ้าอาวาส
ซึ่งหลวงปู่บุญเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมาก แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ
วัดสุทัศ ยังให้ความเคารพ
หลวงพ่ออั๊บได้เล่าว่า
ตอนท่านเป็นเด็กยังได้เคยรับใช้ บีบนวดหลวงปู่บุญบ่อยๆครั้ง เพื่อนเด็กวัดรุ่นเดียวกันนั้น
มีอยู่คนหนึ่ง ต่อมาภายหลังได้อุปสมบทเป็น พระภิกษุสงฆ์และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับ
การศึกษาทั้งทางโลกและศาสนาอย่างมากมาย คือ พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณปรมาจารย์
(ท่านเจ้าคุณ ปัญญา) เจ้าอาวาส วัดไร่ขิง นั่นเอง
ส่วนพระเล็กพระน้าชายได้บวชที่ วัดใหม่สุคนธาราม อ.นครชัยศรีจ.นครปฐมและได้ย้ายไปจำพรรษาหลายวัด อย่างเช่น วัดห้วยตะโก วัดปลักแรด
วัดหนองบัว วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น ได้บวชเป็นพระนานอยู่ถึง 18 พรรษาจึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตเป็นฆาราวาสและมีครอบครัวอย่างชาวโลกทั่วไป
นับได้ว่าเป็นผู้มีวิชา อาคมขลังคนหนึ่ง ในปีที่หลวงปู่บุญ ได้มรณภาพลงนั้นตรงกับปี พ.ศ. 2478 หลวงพ่ออั๊บ มีอายุได้ 13 ปี เมื่อหลวงปู่บุญได้มรณภาพลงแล้ว หลวงพ่อเกษม (อั๊บ) ได้กลับไปอยู่กับบิดา-มารดาที่บ้านท้องไทร ช่วยกิจการงานบ้าน
ทำนา อย่างขยัยขันแข็ง จนอายุครบที่จะทำการบรรพชา
อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้ทำการ อุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
โดยในสมุดใบสุทธิของหลวงปู่อั๊บ ได้บันทึกไว้ดังนี้..........
พระอุปัชฌาย์ พระอธิการมา วัดทุ่งน้อย พระกรรมวาจารย์ พระอธิการฮะ วัดโคกเขมา
(อ่านโคกขะเหมา) พระอนุสานาจารย์ พระอธิการพลัด วัดท้องไทร อุปสมบท เมื่อ อายุ
20 ปี
เมื่อวันที่ 28 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.
2485 เวลา 15.18น. ณ.วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี
จ.นครปฐม หลังจากอุปสมบทแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
เมื่อบวชได้ 3พรรษา ได้เดินเท้าไปวัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี เพื่อไปหาพระเล็กพระน้าชายซึ่งขณะนั้นได้ไปพักจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดหนองบัว ขณะนั้นมี หลวงปู่เหรียญ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลวงปู่เหรียญท่านนี้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนซึ่งมีวิชาอาคมเก่งกล้าเป็นยิ่งนัก แม้แต่หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒาซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกัน
ยังเกรงใจ ในวิชาของหลวงปู่ยิ้ม และยังเคยเดินทางมาพักที่วัดหนองบัว
ส่วนพระสหธรรมิกอีกรูป หนึ่งที่สำคัญของหลวงปู่ยิ้มคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ในหนังสือประวัติวัดหนองบัวบันทึกไว้ว่า ในวันที่เผาศพหลวงปู่ยิ้มนั้นไม่สามารถ เผาร่างสังขารของท่านได้ จนต้องนิมนต์หลวงปู่ขึ้นไปทำพิธี จึงสามารถเผาศพของท่านติดไฟได้
นับว่าอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก หลวงปู่อั๊บท่านเล่าว่า อยากจะขอเรียนวิชากับ หลวงปู่เหรียญแต่พระน้าชายไม่ยอมให้เรียน
แต่ในขณะที่พักอยู่ที่ วัดหนองบัวประมาณ 2 เดือน ได้มีชาวบ้านในแถวนั้นได้นำ พระเนื้อดินเผาและพระเนื้อผงมาถวายท่าน ( เป็นพระที่สมัยหลวงปู่ยิ้ม แห่งวัดหบองบัวได้ทำการจัดสร้างไว้แล้วนำไปบรรจุไว้ตามในถ้ำในเขตวัดหนองบัว) อาทิเช่น พระพิมพ์ยืนประทานพร พิมพ์ขุนแผนซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์ปางมารวิชัย
พิมพ์ 3 ชั้นหูบายศรี พิมพ์สมเด็จ 3 ชั้นพิมพ์สมเด็จ 7 ชั้นและพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ เป็นต้น
เมื่อหลวงปู่อั๊บท่านได้กลับมายังวัดท้องไทร ท่านได้นำพระเหล่านั้นกลับติดตัวมาด้วย บางส่วนท่านได้ทำการแจกให้แก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดไปพอประมาณ เมื่อมีผู้ที่นำไปบูชาแล้วได้เกิดอภินิหารมากมายแล้วกลับมาเล่าให้ท่านฟังท่านจึงได้นำชึ้นไปเก็บที่ห้องบนกุฎิท่านและไม่ได้นำออกมาอีกเลย หลังจากที่หลวงปู่ได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรแล้วนั้นท่านได้ไปฝากตัวขอเป็นศิษย์กับ
หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อน้อย
หลวงพ่อน้อยท่านนึ้มีความเก่งกล้าในวิชาอาคมเป็นอย่างยื่งนัก ยิ่งวาจาของท่านแล้วเป็นปกาศิตยิ่งนัก หรือ วาจาศักสิทธิ์นั่นเอง พูดสิ่งใดแล้วมักเป็นสิ่งนั้น แม้แต่หลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอมยังให้ความนับถือ ซึ่งหลวงพ่อน้อยท่านก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้อย่างไม่ปิดปัง พร้อมทั้งยังมอบตำรายันต์พระเวทย์ให้กับหลวงปู่อั๊บมา 1 เล่ม(ของพ่อน้อยวัดธรรมศาลา1เล่ม หลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก1เล่ม)
เป็นตำรายันต์ลายมือหลวงพ่อน้อย มีบางส่วนที่เป็นลายมือของพระตุ๋ยซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อน้อยซึ่ง หลวงพ่อน้อยเรียกมาใช้บ่อยๆเพราะเขียนอักขระเลขยันต์ได้สวยงามดี(ต่อมาได้ลาสิกขาเป็นฆาราวาส)
นับได้ว่าหลวงพ่อน้อยท่านเป็นครูอาจารย์ที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของหลวงปู่อั๊บเลยที่เดียวและในช่วงเวลาที่หลวงปู่อั๊บว่างท่านได้เดินทางไปกราบ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องและได้ขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อแช่มมาด้วยอย่างเช่น
การนำกระเบื้องแตกมาลงอักขระแล้ว นำไปไว้ในใจกลางที่ดินเพื่อที่จะขายเป็นต้น
ส่วนอีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยางซึ่งเป็นสหธรรมมิกกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงปู่อั๊บท่านได้กราบขอเป็นศิษย์เช่นกัน แต่หลวงพ่อจันทร์ท่านสั่งให้ไปหาที่วัดและให้นำหัวหมูไปด้วย 1 หัวแล้วท่านจะถ่ายทอดวิชาให้หมด
แต่เมื่อหลวงปู่อั๊บได้กลับมาวัดท้องไทรแล้วได้ล้มป่วยลงด้วยไข้มาลาเรียหรือสมัยนั้นเรียกว่าไข้ป่า ท่านเล่าว่าป่วยคราวนั้นเกือบตายเป็นๆหายๆอยู่ประมาณ 3 เดือน เมื่อหายจากไข้จึงทำการเดินทางไปหาหลวงพ่อจันทร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าหลวงพ่อจันทร์ท่านได้มรณภาพลงเสียแล้ว จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อจันทร์เอาไว้เลย
เมื่อท่านบวชได้ 8 พรรษาหลวงปู่อั๊บได้เดินทางไปยังจ.สุพรรณบุรี เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ
หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อโบ้ยท่านมีความเชี่ยวชาญในสายวิปัสสนากรรมฐานเป็นยิ่งนัก มีความศักดิ์สิทธิ์ใน วิชาอาคมขลังเป็นเลิศ หลวงพ่ออั๊บได้ขอขึ้นกรรมฐานธุดงค์กับหลวงพ่อโบ้ย ซึ่งหลวงพ่อโบ้ย ท่านก็ได้สอนหลักการเดินธุดงค์การอยู่ในป่าให้อย่างละเอียด จึงนับได้ว่า
หลวงพ่อโบ้ย คือ ครูกรรมฐานที่แท้จริงของหลวงพ่ออั๊บ
หลังจากหลวงปู่อั๊บได้กลับมาจากวัดมะนาวแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่ วัดโคกเขมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดท้องไทรมากนัก 1 พรรษา(พรรษา 10) ในปีพ.ศ.2495(พรรษา 11)ได้มีญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปอยู่ที่ วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เมื่อท่านได้มาอยู่จ.อยุธยาแล้วท่านได้มีโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.อยุธยา ซึ่งหลวงพ่อจงท่านนี้นั้นนับได้ว่าเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างมาก
จนมีผู้คนทั่วไปกล่าวขานคำคล้องจองกล่าวกันว่า
จาด-จง-คง-อี๋
จาด คือ หลวงพ่อจาด แห่งวัด บางกระเบา จ.ปราจีนบุรี
จง คือ หลวงพ่อจง แห่งวัด
หน้าต่างนอก
จ.อยุธยา
คง คือ หลวงพ่อคง แห่งวัด บางกระพร้อม จ.สมุทรสงคราม
อี๋ คือ
หลวงพ่ออี๋ แห่งวัด สัตหีบ จ.ชลบุรี
หลวงปู่อั๊บท่านได้เรียนวิชาอาคมจาก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ไว้มากพอสมควร
และหลวงพ่อจง ท่านได้สอนวิปัสนากรรมฐานให้และวิชาอื่นๆอีกหลายๆอย่างด้วยกัน อย่างเช่น
วิชาตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงและอักขระเลขยันต์ต่างๆ
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2495- พ.ศ.2505 นั้นท่านได้จำพรรษาณ.วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เป็นเวลา11 พรรษา หลังออกพรรษาเมื่อรับกฐินแล้วท่านได้ออกธุดงค์เพื่อหาความวิเวกทุกๆปี ในช่วงเวลา 11 พรรษานี้ท่านได้เรียนวิชาอาคมต่างๆเพิ่มเติมและฝึกจิตจนมีความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วจากการที่ท่านได้ธุดงค์อยู่ในป่า ถ้ำ เขา ทำให้ท่านมีพลังจิตแกร่งกล้าเป็นยิ่งนัก ท่านเล่าว่าได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศมาหมดแล้ว ในช่วงที่ท่านได้เดินธุดงค์อยู่นั้นได้พบพระธุดงค์ด้วยกันถ้าพระรูปใดได้แสดงวิชาอะไรให้ได้ดูให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จริงแก่สายตาแล้ว ท่านขอเรียนไว้หมดโดยท่านบอกว่าไม่สามารถที่จะจำชื่อได้หมด ในช่วงที่ยู่อยุธยานี้ได้ไปขอเรียนวิชาอย่างหนึ่งที่พิศดารยิ่งคือวิชาการทำตะกรุดกัน อสรพิษ จาก หมอถ่าย หมอถ่ายนี้เป็นฆาราวาสที่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆกับวัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี หมอถ่ายนี้สามารถเอางูเห่าใส่ย่ามสะพายไปไหนมาไหนได้โดยงูไม่กัดและสามารถนำงูออกมาอาบน้ำในกาละมังได้โดยงูไม่กัด หลวงปู่อั๊บไปขอเรียนอยู่ถึง 7 ปีหมอถ่ายจึงยอมสอนให้แต่ก็ได้ไม่หมดเพราะหลวงปู่อั๊บไม่มีฝิ่นไปบูชาครู นับว่าเป็นวิชาที่พิสดารคือถ้าผู้ใดได้คาดตะกรุดกันงูนี้อยู่กับตัว ถ้าไปเหยียบงูพิษเข้า งูไม่สามารถที่จะอ้าปากกัดได้และวิธีการทำก็ยุ่งยากมาก เคยเห็นท่านนั่งผูกตะกรุดกันงูต้องปิดปากเอาลิ้ดันเพดานปากไว้แล้วทำการภาวนาขณะถักตะกรุด ด้านหนึ่งมี
9 เปลาะแล้วเอาตะกรุดร้อยเข้าแล้วจึงถักอีกด้านหนึ่ง 7 เปลาะขณะทำการถักห้ามพูดคุยเด็ดขาด ถ้าเกิดไอหรือจามหรือเผลอพูดออกมาเป็นอันว่าตะกรุดดอกนั้นเสียทันทีต้องแก้ใหม่หมด ท่านบอกว่าเวลาถักตะกรุดกันงูทีไร ฉันอาหารไม่ค่อยได้ไปหลายวัน
ในปีพ.ศ.2506-2507 ญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดวังชะโด อ.บางซ้าย จ.อยุธยา
เป็นเวลา 2 ปีรวมแล้วหลวงปู่อั๊บ มาจำพรรษาอยู่ที่จ.อยุธยาทั้งหมดเป็นเวลาถึง 13 ปี
ในปีพ.ศ.2508 หลวงปู่อั๊บ มีอายุ 43 ปีญาติโยมทางท้องไทรได้มานิมนต์ให้หลวงพ่อกลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อไปโปรดญาติโยมที่บ้านเกิดบ้างท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ปีที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดท้องไทร นั้นอายุได้ 43 ปีย่าง 44 ปี
(ได้24พรรษา)
ในปีพ.ศ.2509 หลวงปู่อั๊บได้ดำริจะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาสักหลัง ลูกศิษย์จึงขออนุญาติทำการจัดสร้างเหรียญ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของหลวงปู่อั๊บ ขึ้นมาเป็นเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์เนื้อทองแดง
จำนวนที่จัดสร้าง 10,000 เหรียญ เพื่อมอบสมนาคุณให้แก่ญาติโยมที่บริจาคทรัพย์สร้างศาลาการเปรียญพร้อมกันนี้ท่านได้ทำการสร้างตะกรุดกันงูขึ้นมาด้วยเพื่อแจกพร้อมกับเหรียญรูปไข่ด้วย
ญาติโยมที่ได้รับไปบูชานั้นได้พบเจอกับอภินิหารมากมายนับไม่ถ้วนเป็นการสร้างชื่อเสียงขจรขจายให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้จักกับ หลวงพ่อปู่อั๊บ แห่งวัดท้องไทร จนโด่งดังไปทั่วมากยิ่งขึ้นและ
หลวงปู่อั๊บก็ยังได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2513หลวงปู่อั๊บได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดท้องไทรและยังได้รับการแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ท่านได้นำวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ผู้คนทั่วไปดังนี้....
1. วิชาการแพทย์แผนโบราณรักษาด้วยสมุนไพร
2. วิชาการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก-เส้นเอ็น
3. วิชาการแช่น้ำมนต์
4. วิชาการถอนคุณไสย(ถอนของ)
5. วิชาการสักเศกอักขระเลขยันต์
วิชาการแช่น้ำมนต์ถอนของนี้หลวงปู่อั๊บท่านได้ไปขอเรียนกับ ก๋งสุข ซึ่งเป็นคนจีนบ้านอยู่ที่ จ.อยุธยา ก๋งสุขนี้เมื่อสมัยตอนรุ่นๆได้ต้มน้ำร้อนถวาย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเท่า เป็นลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่ศุขอยู่ถึง 10 ปีหลวงปู่ศุขจึงถ่ายทอดให้มาและได้สั่งเอาไว้ด้วยว่า ถ้ามอบให้ใครแล้วมึงก็ต้องตายเสีย หลวงปู่อั๊บเพียรไปเรียนอยู่ประมาณ 6 ปี ก๋งสุขจึงยอมมอบวิชาให้หลังจากถ่ายทอดวิชาการทำน้ำมนต์ถอนของให้กับหลวงปู่อั๊บ แล้วประมาณ 1 เดือน ก๋งสุขก็เสียชีวิตในวัย 90 ปีเศษ
วิธีการรักษา ของหลวงปู่อั๊บ แห่ง วัดท้องไทรนั้น
ผู้ใดสงสัยจะถูก คุณไสย ลมเพลมพัด ท่านจะให้นำน้ำกรองสะอาดใส่ในกาละมังพอมิดหลังเท้าแล้วเอาน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้ใส่ลงไปด้วย
ล้างเท้าให้สะอาดแล้วจึงเอาเท้าแช่ลงไปในกาละมังนั้นเอาน้ำมนต์ดื่มเข้าไปด้วย ถ้าคนป่วยนั้นถูกคุณไสย ถูกของมาจริงก็จะถูกขับออกมาในกาละมังนั้นโดยแช่วันละ 3 ชั่วโมงติดต่อกัน 3 วันจนครบ 9 ชั่งโมงแล้ว หลวงพ่ออั๊บจะรดน้ำมนต์ให้อีกครั้งหนึ่ง
บางคนเป็นหนักจนไม่ได้สติจนต้องหามกันมาก็มีก็มาหายด้วยน้ำมนต์ของหลวงปู่อั๊บ มากมายนับไม่ถ้วน บางคนอยากจะแช่ทั้งตัวก็มีอ่างปูนซีเมนต์ขนาด 4 เหลี่ยมใส่น้ำลงไปแล้วเอาน้ำมนต์ใส่ลงไปจึงลงไปนั่งแช่ทั้งตัว ค่ารักษาก็มีเพียง ธูป เทียน
ดอกไม้และบุหรี่ 1 ซองกับเงินค่าครูแค่ 12 บาทเท่านั้น บางคนเป็นอัมพฤต อัมพาต มาแช่แล้วเอายาไปกินหายเดินได้มาก็มาก ท่านได้สงเคราะห์ผู้คนที่เป็นเช่นนี้มา หลายสิบปี ถ้าจะนับจำนวนผู้ป่วยที่ท่านทำการสงเคราะห์ก็ไม่อาจที่จะสรุปได้ว่ากี่หมื่นกี่พันราย
ครูอาจารย์ที่หลวงปู่อั๊บได้ไปขอเล่าเรียนวิชามามีดังนี้.........
1.พระเล็ก เป็นพระพี่ชายศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดโพธิ์กลับ พระเล็กได้ไปเล่าเรียนวิชานี้มาจากหลวงพ่อคำ วัดดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วิชานี้เป็นวิชาสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งหลวงพ่อไม่ค่อยได้ทำให้ใคร เนื่องจากพรรษาหนึ่งเพียง 9 ดอกเท่านั้นและต้องทำจาก แผ่นเงิน และ ทองคำเท่านั้น (ตอนที่ท่านไปเรียนวิชานี้มาจากราชบุรีนั้น หลวงพ่ออั๊บท่านขี่ม้าไปเรียน จนม้าที่หลวงพ่อขี่นั้นตายไปเป็นตัวๆ)
2.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาอักขระเลขยันต์และพระเวทย์ต่างๆและยังได้ตำรายันต์มาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลามาอีก 1 เล่ม
3.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาการลงเลขยันต์ที่แผ่นกระเบื้องแล้วนำไปไว้กลางที่ดินเพื่อให้ขายได้ เป็นต้น
4.หลวงพ่อจง วัดหน้าต้างนอก จ.อยุธยา ศึกษาเล่าเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและอักขระเลขยันต์ต่างๆ วิชาการทำตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นเมตามหานิยมอย่างสูง(ตำราอีก 1เล่ม)
5.หลวงพ่อหอม วัดหนองเสือ จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมันมนต์ สมันไพรประสานกระดูกละเส้นเอ็น ซึ่งหลวงพ่อหอมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจวน หลวงพ่อจวนเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
6.หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี ศึกษาเล่าเรียนวิชาขึ้นกรรมฐานธุดงค์
7.ก๋งสุข ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมนต์ถอนของ
8.โยมถ่าย ศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดกันงู
และยังมีครูบาอาจารย์อีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อไว้ (หลวงพ่อจำไม่ได้) จนนับไม่ถ้วนจนตำราที่ท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนมา หลวงปู่อั๊บท่านบอกเอาไว้ว่าต่อให้มีรถกระบะก็ใส่ตำราที่เรียนมานั้นก็ไม่หมดบางเล่มก็มีคนยืมเอาไปแล้วไม่ได้นำมาคืนหลวงพ่ออั๊บก็หลายเล่มและอีกส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ วัดใหม่ต้านทาน จ.อยุธยา
หมายเหตุ
อนึงอ้างอิงข้อมูลมาจาก พระอาจารย์พระครูปลัด ขวัญชัย สุจิตฺโต (รักษาการเจ้าอาวาส วัดท้องไทร)
นาย นริทร์ กำบัง
ผู้จดบันทึก
ศิษย์วัดท้องไทร
ผู้จัดทำ
Click to expand...
สำหรับท่านที่พึ่งเข้ามา มีสถิติ ตะกรุดโพธิ์กลับทองคำยาว แค่หนึ่งนิ้วกว่า ถูกประมูลไปจากกระทู้ประมูล ราคา ๑๘๐,๐๐๐ บาท
ยังไม่มีใครมาทำลายสถิติครับ
กราบ
กราบ
กราบ
หลวงตาเล็ก
หลวงพ่อทรง
หลวงพ่ออั๊บ ค่ะ
พระปรกโพธิ์ เก้าใบ พิมพ์บาง หลวงพ่อทรง
คุณพี
เสาวภา : ห้องประมูลทำบุญบ้านเหรียญบินฯ
Surfers
เป็นที่รู้จักกันดี
สมาชิก Premium
กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
กราบสวัสดีคุณพี และทุกท่านครับ คุณพีครับ ถ้าทำงานเกี่ยวกับงานวิจัย การทดลอง ควรแขวนพระแหวกม่าน หรือพระนักธรรม หรือพระอะไรดีครับคุณพี
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
แขวนสององค์เลยครับ...แหะๆ ดีทั้งคู่
ทำงานด้านสมอง พระนักธรรมมาแนวเด่นเลยครับ
ส่วนพระอย่างอื่นถ้าถามผม ผมแนะนำ พระพุทธชินราชครับ ทางเด่นทางด้านพระวินัย เหมาะแก่พวก รับราชการลูกจ้างครับ บารมีท่านสูงครับ
ที่บอกเด่นทางด้านพระวินัยนี่ ที่วัดหน้าต่างนอกนี่ มีพระพุทธชินราชองค์ใหญ่อยู่องค์ และ ที่โบสถ์เป็นพระประธาน องค์พระประธานนี่แค่ เลียนแบบ แต่องค์ใหญ่สวยงาม และมีอีกองค์ที่ตั้งหน้าหอสวดมนต์ จะประมาณ สัก ๓๖ นิ้วโดยประมาณ
พระองค์ที่หน้าหอสวดมนต์ เนื่องจากหอสวดมนต์ เป็นที่ตั้งศูนย์กลางของวัด มีรูปหล่อหลวงพ่อจง องค์ที่ทันท่านตั้งไว้เป็น องค์หน้าพระหมู่ของหลวงพ่อ คนชอบไปกราบไหว้ เมือไหว้แล้ว ก็มาจุดธูปเทียน ไหว้ หลวงพ่อ พระพุทธชินราชด้วย และคงตามธรรมเนียมพี่ไทย ทั้งชาย หญิง แก่ชรา ลูกเล็ก เด็กแดง คงจะต้องขอลาภ ขอหวย ท่านด้วย
วันหนึ่ง พระอาจารย์แม้นท่าน ฝัน ไปว่า หลวงพ่อพระพุทธชินราชมาเข้าฝัน แล้วบอกหลวงพ่อว่า
หลวงพ่อ ( พระพุทธชินราช ) เป็นพระด้านพระวินัยน่ะ จะขอโชคลาภ ให้ไปขอ หลวงพ่อ โสธรท่าน
ผมจำได้แม่นยำ ผมมีพระหลวงพ่อโสธร ขนาด สามนิ้ว ประจำตัวมาตั้งแต่เด็ก ของคุณแม่ ไปไหน ผมอุ้มไปด้วย ตอนนี้อยู่บ้าน ไปไหน มาขอลาภท่านก่อน ออกจากบ้าน จำเคล็ดไว้น่ะครับ
รายการนี้ผมมีประสบการณ์ เกี่ยวกับงานด้านนี้โดยตรงครับ แหะๆ
อีกแล้วครับพี่ (f)
อ่านข้างบนนี้
อยากขอเรียนถามว่า
แล้วพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เราเกิดทันในยุคของท่าน
ท่านไหนขอบข่วยเหลือลูกหลานอย่างเราเราในเรื่องไหนเป็นพิเศษครับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
เคยเล่าไว้ แต่ผมไม่ทราบหน้าไหน รอหนังสือของผมก่อน ต้องรอครูแสงแขล่ะครับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
ถามกว้างจัง ยังงงคำถามคุณอยู่เลย เรื่องนี้คุยหลังไมค์ดีกว่า แต่ตอบกว้างๆ องค์ที่ ถูกโฉลก ต้องชะตากันน่ะครับ
พระแนวโพธิสัตว์ เมตตาสูงและชอบช่วยคน ต้องหาเอาเองดูเอาเอง บางองค์ท่านบอกเลยน่ะครับ ว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าในวันข้างหน้า แบบว่า หักยอดฉัตรเลย
พระแนวพระสาวก ยังแยกออกเป็นสี่แบบ
๑) แบบวิปัสสนา จะชอบเทศให้ธรรมะ มากกว่า
๒) แบบมีฤทธิ์ ทางใจ
๓) แบบมี ฤทธิ์ ทางกาย
๔) รวมทุกอย่าง
ต้องหาเอาเองน่ะครับยุคนี้ อธิษฐานและ อดทน ของดี มันไม่ได้ง่ายๆ ต้องตื้อเอา ต้องแสวงหา ต้องวิ่งหา ไม่มีทางมาเอง ยกเว้น มีบุญเก่ากันมาเยอะ ท่านคงมาโปรด
ผมแถมอีกนิดน่ะครับ
พระพ่อ พระแม่ ขลังแน่ๆ ปากวาจาสิทธิ์
ไม่เข้าใจ อ่านซ้ำน่ะครับ
กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
วันนี้อย่าลืมนึกถึงบุญใส่บาตร แล้วพรุ่งนี้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรพระราหูได้ ๑ ข้อ เน้นนะครับ ๑ ข้อ เท่านั้น
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
ขอให้พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพลานามัยแข็งแรงช่วยพระองค์เองได้ จน พระชนพรรษายืน ถึง ๑๒๐ ปี
สาธุ ๆ ๆ
ไม่รักได้อย่างไร
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=530521
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
เขาเคยเล่าหลายเรื่องครับ เดี๋ยวขอครูแสงแขดึงมาน่ะครับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
Quote:
Originally Posted by vrk6223 View Post
สวัสดีครับ พี่พี ผมได้รับวัคถุมงคลและน้ำมันงาวัดใหม่เรียบร้อยแล้วครับ
ขอขอบคุณในความเมตตาอีกครั้ง ซึ่งผมจะใช้รักษาโรคอัมพฤกษ์ตามที่พี่
แนะนำครับ
ไม่อยากให้ออกอากาศ แต่ก็ช่างมัน
เดี๋ยวนำ้มันงา เกิดขลังขึ้นมา ผมมีไม่พอแจกฟรี ยังไม่ได้ ต่อใหม่ รอต้นว่าน หางช้างโตเต็มที่ ยกเว้นมีคนบริจาค ต้องสดๆ ว่านน้ำผมมีแล้ว ส่วนผสมอื่นขอกั้กไว้ก่อน เพราะเป็นวิชาที่ท่านสอนผม ให้ไว้ช่วยคน ต้องช่วยฟรี ถึงจะขลัง
ท่านบอกผม บางอย่างเกี่ยวกับน้ำมันงา เรื่องสำคัญที่สุด บอกไม่ได้ เพราะเคยลองแล้ว ผู้ที่ผมเอาไปลอง ป่วยหนักมากมานาน พอกินน้ำมันงา ก็ถึงอายุขัย พ้นทรมาน ผมเลยไม่กล้าลองอีก ต้องเล่าเพราะเป็นเรื่อง และ โรคสำคัญ ร้ายแรงมาก ต้องช่วยเขา
แต่ โรคธรรมดา ที่ทดลองคือ โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน หาย พวกเคล็ดขัดยอก เอาเฉพาะที่สำคัญ จึงนำมาใช้ อย่าใช้พร่ำเพื่อ ของดีจะมีไม่เยอะ
อีกโรคหนึ่งที่มั่นใจ คือ พวกคุณไสย ผีๆสางๆ ได้ผลแน่นอน เพราะของๆท่านมี เทพ เทวดา อยู่ด้วย
นอกจากนั้น มั่นใจว่าเป็นวัตถุมงคลได้ และชุดนี้ท่านเคี่ยวเอง เสกเอง ท่านเสก ด้วยพระคาถา ปัจจุขาด แล้วเคี่ยวคนไปจนมั่นใจ ( ใจของท่าน ) น้ำมันจะเดือดพล่าน เนื่องจากเป็นของที่เกิดร้อน กสินไฟ น่าจะหนักไปทาง คงกระพันชาตรี กัน คุณผี คุณคน คุณไสย รักษาโรค ( ได้บางโรค )
เป็นของดี หลวงตาเล็ก แจกเป็นทาน ห้ามซื้อขายเด็ดขาดครับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
การประมูล เริ่มถามครั้งที่ ๑ แล้วครับ
กราบนมัสการ หลวงปู่บุญศรีฯ หลวงพ่อทรง และครูอาจารย์ทุกท่านครับ
สวัสดีครับ พี่พี พี่ช้าง และทุกๆท่านครับ
ด้วยบารมีของหลวงปู่ฯ และครูอาจารย์ทุกท่าน ณ ตอนนี้ยอดขายผมมากกว่าปีที่แล้วทั้งปีแล้วครับ และแนวโน้มก็ยังดีอยู่ครับ เป็นงานเล็กๆแต่พอใจกับมันมากๆ
ขอบคุณพี่ใหญ่ของบ้าน และทุกๆท่านที่ช่วยกันดูแลกระทู้นี้ จนผมได้มีวาสนามาอ่านครับ
ผมเองตามเก็บพระที่พี่แนะนำตามกำลังเสมอๆ แต่ก็เอามาเก็บไว้บูชาบนหิ้งเฉยๆที่คอนี่แขวนกริ่งแพโบสถ์น้ำองค์เดียวไม่คิดเปลี่ยนเลย
ติดตามเสมอตรับ
พี เสาวภา
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ผู้สนับสนุนพิเศษ
องค์เดียวพอ ม้วนเดียวจบ
สวดมนต์ ขยันหา ข้างหน้ารวยแน่นอน
กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
นึกถึงบุญใส่บาตรกันนะครับ สาธุ