ผมก็ไม่เข้าใจเจตนา พระสวัดดิ์เหมือนกันครับ เท่าที่ผมทราบ แผ่นหินอ่อนนี้ท่านทำองค์เดียว พระวิโรจน์ท่านไม่ได้ลงน่ะครับ
ฉนั้นตัว วิ นี่ไม่ทราบหมายถึงอะไรครับ
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 29 ของ 3280
-
-
เกร็ด พระนักธรรม
เนื่องจากมีคนโทรมาปรึกษาเรื่องพระนักธรรมน่ะครับ เพราะอยากได้เนื่องจากสรรพคุณเฉพาะของพระนักธรรม และจะไปเตรียมตัวสอบ บอกตามตรงผมคุยด้วยแล้วเหนื่อย....แหะๆ ผมแก่แล้วอย่าว่าผมเลย ผมเลยเอาของจริงมาดูดีกว่าว่าเป็นอย่างไร จะได้ไม่ต้องบรรยายให้เหนื่อยเพราะไม่เห็นรูป และผมจะพูดตามหลักฐานที่มีและที่เคยเห็น อะไรที่เป็นการคาดการณ์ผมก็จะบอกตรงๆ ว่าคาดการณ์ เพราะเกรงใจหลวงพ่อฉนั้นผมจะไม่มั่ว พูดส่งเดชไป แต่ถ้าแก่แล้วเลือนไปบ้าง ท่านผู้รู้ก็ทักมาน่ะครับ
<O:p</O:p
อย่างที่บอก พระนักธรรม พิมพ์วัด มีความแตกต่างจากพิมพ์ศูนย์ อย่างมาก ( ตามรูป ) ขนาดของศูนย์ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็จะใหญ่กว่านิดหน่อย องค์พระจะผอมกว่ามาก เนื้อหาก็แตกต่างกัน สีก็แตกต่างกัน ของศูนย์จะขาวหรืออมเขียวๆ
ส่วนของวัด มีหลายสี แต่จะออกไปทางน้ำตาล เหลืองๆ หรือ ขาว ซึ่งเป็นยุคหลังๆ ทีพัฒนามาแล้ว เนื้อหาจะลงตัว แต่พอดูจากสีจากการถ่ายรูปมา พอผมมาดู พระยุคกลางๆ สีมันกลับออกเทาๆครับ ขนาดของวัดก็ได้มาจากช่างที่ถอดมาจากพระพิมพ์แหวกม่าน หลวงพ่อกวยองค์โปรดของผม แล้วปรับให้กว้างกับยาวลงตัว พอทางวัดพิมพ์ๆไปจนชำนาญ เนื้อหาจะขาวนวล เนื้อแน่นสวย พิมพ์ติดชัดเจน ซึ่งก็มาจากแม่พิมพ์ตัวเดียวกันน่ะแหละจ้า
<O:p
พิมพ์วัดยุคแรกๆ จะหนา เนื้อร่วนๆ จับบางทีผงยังติดมือมา
ผมจะพูดเฉพาะพระนักธรรมพิมพ์วัด ตามเจตนาแรกของผม ตามจุดยืนของผม เพราะไม่เคยมีใครเอาของวัดมาเขียนมาก่อน ขนาดแจกมาตั้งหลายปี เพราะตอนนั้นแจกฟรี ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมาเขียนแนะนำ ผมจึงต้องการเอามาเขียน ส่วนของอย่างอื่น คนที่สร้างเขาเขียนของเขามาก่อนหน้าแล้ว ถ้ามีใครสงสัย ก็ให้ไปถามเขาโดยตรงน่ะครับ
พระนักธรรมพิมพ์วัดทำมาหลายครก ทำมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ตอนยังไม่ชำนาญการผสมผง ปูนอาจจะใหม่ไป ยังปล่อยให้ปูนเค็มอยู่ ยังไม่มีการแช่ปูนในน้ำให้จืด ฉนั้นอาจจะเป็นไปได้ที่เนื้อหายังเกาะกันไม่ดี ร่วนๆ ไม่สวย แต่น่าเก็บเพราะบางทีหลวงพ่อจะพิมพ์เอง ยุคแรกๆนี้ หลวงพ่อบางทีถ้าว่างๆ ท่านจะบดผงดอกไม้ ว่านเอง คัดผงเอง เตรียมผงเอง นั่งกำกับเอง บางทีพิมพ์เอง แบบว่าตอนนั้น ยังฟิตจัด ยังแข็งแรงอยู่ ท่านตั้งใจทำมากและมันส์กับงาน นอกจากนั้นชุดแรกๆนี้ยังมีผงวิเศษอยู่เยอะ เพราะตอนแรกอัดกันเข้าไปเยอะแบบไม่ยั้ง พระชุดนี้ไม่สวยแต่ผมตั้งใจเก็บมา บางทียังหมาดๆ ก็ขอท่านมาแล้ว ท่านเสกให้อย่างดีทุกครั้ง และมีของแถมมาด้วย
และของที่แถมนี้ ผมอยากจะบอกท่านนิดว่าพระหรือเครื่องรางของหลวงพ่อทรง ไม่ว่าทุกพิมพ์จะมีอะไรแปลกๆอย่างหนึ่ง คือ มีมหากำบังมาด้วย เพราะบางที หาไปหามาไม่เจอหลายๆครั้ง แต่พอมาเจอ ก็ที่เก่าตรงหน้านั่นแหละครับ อันนี้ถ้าผมแก่แล้วก็น่าจะอุปปาทานไป แต่ผมเจอเหตุการณ์นี้หลายครั้ง จะหาของท่านที่เก็บไว้ ต้องยกมือไหว้บอกกล่าวก่อน ก็จะหาง่าย ถ้าบอกก่อนแล้วตอนจิตดีๆ ค้นทีเดียวเจอเหมือนยัดเข้ามือ
<O:p</O:p
ท่านที่มีของๆหลวงพ่อ ต้องขอบารมี ลองดูเอาเองน่ะครับ เดี๋ยวจะว่าผมโม้ เชียรย์กันเอง แต่ผมก็จะขอบอกอีกอย่างว่า หลวงพ่อทรงนี่ เป็นพระโบราณ วิชาเยอะ พื้นฐานแน่น พลังจิตสูง เป็นมหาพญาราชสีห์เผือกที่ห่มคลุมด้วยหนังลูกแกะแบบมิดชิด จะเฉยนิ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้ไม่เป็น แต่มาทิ้งทวนตอนปลายชีวิตท่านนี้เอง พระเนื้อผงพิมพ์วัด ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ท่านตั้งใจมาก เพราะแจกฟรี แจกมันส์ บางทีแจกด่ะ แจกรอบตัว บางทียังไม่ทันลงจากรถ คนมาขอก็ควักมาแจกแล้ว แจกไปหลายหมื่นๆองค์ พระน่าจะกระจายไปทั่วประเทศ จากเหนือถึงใต้ และออกถึงตก
กลับมาที่วิชามหากำบังนี้ น่าจะเป็นวิชาโบราณของคนวิเศษชัยชาญ เพราะเป็นนักรบมาแต่โบราณ นอกจากคงกระพันชาตรีแล้ว ยังมีมหากำบังเมื่อตอนเข้าต่อสู้และต้องการหนีถอยตามยุทธวิธีแบบรุกและรับด้วย นอกจากนั้นพอหมดยุครบกับพม่า ต่อมาแถววิเศษชัยชาญนี้ เป็นเมืองรอยต่อกับสุพรรณ ก็ยังมีโจรชื่อดังแบบครูโจรหลายคน หลายก็ก พระอาจารย์รุ่นเก่าๆที่เก่งๆ บางคนเรียนวิชามากับครูโจรเหล่านี้ก็มีหลายองค์เช่นหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ โจรรุ่นเก่าที่ขลังๆนั้นจะมีวิชามหากำบัง ตอนถอยหนีทั้งนั้น เพื่อไม่ให้จับกุมได้ นอกจากนั้นยังมีฆราวาสเก่งๆ เช่น อาจารย์หมอฟู อาจารย์หมอเปรี้ยว สายท่านปรมาจารย์ หมอน้อย ยอดแหวนปิดตา พระพิรอด อันเกรียงไกร หลวงพ่อทรงท่านคงได้สืบทอดวิชาเหล่านี้มา และปลุกเสก แฝงกำกับไว้ในพระและเครื่องรางของท่านด้วยไม่ต้องการให้สูญหายและไว้ช่วยลูกหลานของท่าน
วิชามหากำบังนี้ใช้กันเยอะนอกจากจะกำบังคนแล้วก็อาจจะกำบังสิ่งของบางอย่างที่ไม่ต้องการให้คนหาเจอได้ จนกว่าอาคมจะเสื่อมไป หมดหน้าที่ หรือมีผู้มีจิตดีบอกกล่าว
</O:p
พระหลายครกที่นำมาเรียงกันนี้ เจตนาให้ดูความหนา จะเห็นว่ามีความหนามากจากยุคแรกๆ แล้วทอนลงไป หนากลางๆ ไปจนบางๆ ที่เป็นรุ่นหลังๆ ซึ่ง เนื้อหาจะขาวนวล แน่น และเข้าที่เพราะแก่ปูน จะแสดงให้เห็นว่ามีหลายครกมากมื่อเทียบกับครกแรกซึ่งแก่ผง สีจะออกไปทางน้ำตาล และเหลือง
<O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p
</O:p
เปรียบเทียบกับความหนายุคแรก กับยุคหลังๆ จะเห็นว่ายุคแรกมีความหนาประมาณ สองเท่ากว่าๆของพิมพ์หลังๆ ได้มาองค์เดียวเท่ากับสามองค์ แต่ค่อนข้างจะหายากหน่อย เพราะทำน้อย เปลืองผง หลวงพ่อทัก พระสวัดดิ์ชอบหนาๆแปลกๆ เพราะได้ผงวัสดุฟรี เครื่องมือฟรี พระสำหรับแจกฟรี ท่านเลยใส่ไม่อั้น ถ้าทำขายคงประหยัดผงหน่อย....แหะๆ พอหลวงพ่อท่านทัก พระสวัดดิ์ที่พิมพ์พระเลยปรับแหวนให้พระบางลง และที่พบส่วนมากจะเป็นพิมพ์หนากลางๆส่วนใหญ่ เนื้อจะไปทางขาวๆนวลแก่ปูนหอยขึ้นมาหน่อย อาจจะดูสีเทาๆในภาพก็ได้น่ะครับ<O:p</O:p -
เรื่องกำบังนี่ เอ... ผมว่าเห็นเค้าจะจริงแล้วครับ
เบี้ยหลวงพี่พกติดตัวพอจะให้ผม กลับหาไม่เจอ
จนบัดนี้ สาธุบารมีหลวงพ่อ ขอให้เจอด้วย
อีกเรื่องหนึ่งคล้ายๆกันเลย
ตอนผมไม่เชื่อว่าตะกรุดที่ได้มาเป็นของจริงน่ะ
หายบ่อยมาก จนต้องบน และพอบนเสร็จ พอตอนที่เจอ
กลับเป็นที่ๆผมหาแล้ว หาอีก ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง
ยังงง... .ใครไม่เชื่อลองดูได้ครับ -
นางพญาเนื้อผงน้ำม้น ด้านหลังกดโค้ด ศลด
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
พิมพ์นี้เราไม่มี -
ของผม หายในห้าง โรงหนังและ ตามถนน ครับ หุหุ
ถ้าหายในบ้าน ยังไงผมต้องหาเจอ แต่นี่ มันกว้างจนไม่คิดว่าจะเจอแล้ว
i Believe -
<O:p</O:p
<O:p</O:p
เหรียญหลวงพ่อ( บุญ )มี วัดม่วงคัน รุ่นแรก
<O:p</O:p
ผมเคยถามถึงหลวงพ่อถึงเหตุการณ์ในอดีต หลวงพ่อท่านเคยกล่าวถึง หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน ถึงเหตุการณ์ที่เคยถีบจักรยานไปเที่ยวกันไกลๆ พร้อมกับหลวงพ่อเกรียงวัดวังน้ำเย็น ผมเคยพบหลวงพ่อมี ประมาณสองครั้ง ในงานวัดของหลวงพ่อ จำไม่ได้ว่างานอะไร ท่าทางหลวงพ่อมี ดูสง่ามีราศรี มีวิชา ขณะที่ท่านรออยู่บนศาลาหลังใหญ่ มีคนเอาพระใส่ถาดมาให้ท่านเสก ท่านกลับนิมนต์พระอีกสองรูปที่นั่งใกล้ๆกัน ซึ่งผมไม่รู้จักมา ช่วยกันเสกให้ ดูว่าท่านเป็นพระถ่อมตน และนอกจากนั้น ผมไม่รู้จักท่านเลย วัดท่านผมก็ไม่เคยไป แต่พอจะทราบอีกว่า ตอนหลวงพ่อทรงป่วย ท่านเป็นห่วงหลวงพ่อทรงมาก เป็นพระที่มาเยี่ยมหลวงพ่อทรง บ่อยมาก หลวงพ่อมี เคยเปรยๆกับ หลานหลวงพ่อว่า เป็นห่วงหลวงพี่ทรงว่ะ เมื่อคืนข้าฝันไม่ค่อยดีเลย
<O:p</O:p
นอกจากนั้น หลังจากหลวงพ่อเสียไปแล้ว มีรูปหล่อ ห้านิ้ว รุ่นทิ้งทวนเหลืออยู่ อันนี้คงเป็นชุดเดียวกับที่หลวงพ่อทรง เสกกำกับอีกทีเป็นของขวัญแก่ชุดหมอที่วิชัยยุทธที่ช่วยกันรักษาหลวงพ่อ และให้ผมมาหนึ่งองค์ ผมจะนำมาลงต่อไป หลวงพ่อมีก็เปรยๆ กับหลานหลวงพ่อว่า ขอข้าองค์เถอะ ข้าไม่เคยได้เลย หลวงพี่ไม่เคยให้ อันนี้ก็แปลกเหมือนกัน เพราะหลวงพ่อทรง กับหลวงพ่อมี สนิทสนมกันมาก ก่อนคุณก่ะผมเกิดซ่ะอีก แต่ท่านไม่เคยแจกรูปหล่อของท่านให้หลวงพ่อมีเลย อาจจะอายๆน่ะครับ<O:p</O:p
<O:p</O:p
</O:p
ผมเลยเอามาโชว์ เป็นเหรียญรุ่น หนึ่งของหลวงพ่อมี ที่ผมเจอในสนาม ราคาขนมเด็กเพราะคนขายไม่รู้จัก แต่แถวๆ อ่างทองมีราคาแพงหลักพันเหมือนกัน ผมก็แค่มีเหรียญเดียว เก็บไว้เพราะมีความเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทรง เหรียญนี้ผมไม่ทราบประวัติอีกเหมือนกัน แต่เดาว่าหลวงพ่อทรงไปร่วมพิธีด้วยแน่นอน เป็นเหรียญเสมา ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงพ่อ บุญมี ส่วนอีกด้านของเหรียญคืออาจารย์ของท่าน หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ซึ่งก็เป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของหลวงพ่อทรงเหมือนกัน <O:p</O:p
<O:p</O:p
หลวงพ่อทรง ไม่ค่อยเอ่ยถึงพระองค์อื่นมากจะเงียบเป็นส่วนใหญ่เมื่อถูกถาม แต่ยังมีพระอีกองค์ที่ท่านเปรยๆขึ้นมาเองกับผม ท่านนี้คือ หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง อ่างทอง เหมือนกัน ท่านเปรยๆถึงเบี้ยหลวงพ่อโปร่ง ผมเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อโปร่งมาบ้าง แต่น้อยมาก เลยทำให้ผมเริ่มเก็บหลวงพ่อโปร่งบ้างเท่าที่เจอ เพราะว่ามีพุทธคุณดี และหลวงพ่อทรงเคยเอ่ยถึง ผมจะมาเล่าในอนาคตก็แล้วกัน<O:p</O:p -
-
หลวงพ่อผาด วัดไร่ เป็นอย่างไรบ้างครับคุณพี เห็นหนังสือลงหลายเล่ม
-
ผมเลยไปกราบท่านด้วย แค่ครั้งเดียว แล้วไม่ได้ไปอีกครับ ผมไม่ค่อยทราบเรื่องท่านมากเลย คุยกับท่านก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ..แหะๆ
จากที่พอทราบของท่าน รุ่นเก่าๆหน่อยเขาก็เล่นกันที่วิเศษฯ ครับ พวกเหรียญรุ่นแรก หลักร้อย -
เรื่องแบบนี้ผมก็เคยเจอนะครับ พอได้อ่านที่คุณพีเขียนเลยนึกถึง ว่าอาจจะเป็นแบบเดียวกันครับ ผมมีแหวนของหลวงปู่อยู่ วงหนึ่งครับหลวงปุ่ท่านเมตตาจารให้ ผมเลยใส่ติดนิ้วไว้ตลอดครับ เวลาจะอาบน้ำก็จะถอดวางไว้กับสร้อยพระที่ด้านนอก จะไม่ได้ใส่เข้าไปด้วยครับ แต่มีครั้งหนึ่งผมต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดครับ และไปพักในที่พักที่โรงงานจัดไว้ให้ครับ วันนั้นตอนอาบน้ำก็ลืมถอดแหวนครับ พอนึกได้เลยขี้เกียจออกมาเลยถอดวางไว้ที่ หิ้งในห้องน้ำน่ะครับแต่วางแอบๆ ไว้หน่อยเพราะบนหิ้งจะมีขวดยาสระผม มีหลอดยาสีฟัน ฯลฯ วางไว้หลายอย่างครับ อาบน้ำเสร็จก็ออกมาเลยครับลืมนึกถึงแหวน นึกได้ตอนเช้ารีบเข้าไปดูก็ไม่เจอแล้วครับ หาดูทุกซอกทุกมุมเลยครับ ทั้งที่พื้นด้วยกะว่าคงตกลงไป หาอย่างละเอียดหลายครั้งมากครับ พอไม่เจอผมก็ต้องตัดใจครับ พองานเสร็จก็กลับครับ แต่ก็นึกเสียดายอยู่ตลอด แล้วก็คิดว่าคงไม่ได้คืนเพราะวันนั้นก็ไม่ได้มีพวกผมกลุ่มเดียวที่ไปพักที่นั้น
ผ่านไปประมาณ 3 เดือน ผมมีโอกาสกลับไปที่โรงงานนั้นอีกครับ ก่อนไป มีวันนึงผมนั่งนึกถึงหลวงปู่แล้วก็เลยนึกเสียดายแหวนวงนั้นมากๆๆ เพราะหลวงปู่ท่านจารให้ แล้วผมยังถอดใส่พานให้ท่านเสก อีกตั้งหลายครั้ง เลยตั้งจิตอธิษฐาน( แบบตั้งใจมากๆ ) ถึงท่านว่าผมอยากได้แหวนคืน พอถึงวันไปดูงานก็ไปที่เดิม แล้วก็พักที่เดิมน่ะครับ หลังจากจัดการงานกันพอสมควรแล้ว ผมก็ได้เข้าที่พัก ก็เข้าไปดูที่ห้องน้ำครับ ตอนนั้นนึกถึงหลวงปู่อีกครั้ง แล้วลองเข้าไปหาดู แหวนน่ะวางอยู่ที่เดิมเลยครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมจริงๆ ครับ ผมยังนึกถึงอยู่ทุกวันนี้ ว่าหลวงปู่ท่านรับรู้ทุกอย่างที่ ลูกศิษย์ลูกหาอธิษฐานถึงได้จริง แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ใส่แล้วถอดใส่พานไว้ กลัวแหวนสึก เสียดายครับ แหะ ๆ ๆ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าในระหว่าง 3 เดือนนั้นจะมี หรือไม่มี คนไปพักที่ห้องพักนั้นหรือป่าว และอาจจะมองได้ว่าผมหาไม่ละเอียดเอง และไม่มีคนเข้าไปพักหลังจากนั้น แหวนเลยยังอยู่ที่เดิม แต่ถ้าถามผม ผมก็ขอตอบว่า วันนั้นผมหาแบบละเอียดแล้ว จริงๆ........ -
เป็นเรื่องอจิณไตย เป็นวิสัยของผู้ได้ฌาณ หลวงปู่ท่านเป็นพระแท้จริงๆ ครับ เข้ามาอ่านหาความรู้ เดี๋ยววันหลังจะเล่ามั่ง
สวัสดีครับคุณลุงพี ผมก็เคยคุยกับลุงที่บอร์ดเก่าน่ะครับ เดี๋ยววันหลังจะเอารูปแผ่นยันต์ตรีฯที่หลวงปู่ท่านเคยลงไว้ให้ เอามาลงบ้าง โชว์ซ้ำแล้วคงไม่ว่ากันนะฮะ -
ผมถามครั้งแรกครับ ผมว่าจะเดินสายขอความเมตตาจากพระเถราจารย์อธิฐานจิตปลุกเสกพระสมเด็จกับหลวงปู่ทวดครับ อ่านเจอในหนังสือว่ามีลูกศิษย์หลวงปู่ผาด วัดไร่ ขึ้นมากราบหลวงตาม้าที่เชียงใหม่ หลวงตาท่านขอดูพระกริ่งเพชรกลับ และบอกว่า นานๆจะเห็นพระกริ่งที่มีรัศมีแก้ว ครอบสว่างไปทั้งถ้ำอย่างนี้ ให้เก็บไว้ให้ดี สมัยนี้หาพระที่เก่งอย่างนี้ยากแล้ว อย่างไรหากมีพระเถราจารย์จะแนะนำผมก็ยินดีครับ -
-
-
-
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงมีทหารเอกอยู่หนึ่งคน เก่งกาจมาก ขนาดว่าเคยมีบันทึกไว้โดย ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาในสมัยนั้น ผมพอจำได้ว่า ชาวต่างชาติบันทึกไว้ว่า พระยาสีหราชเดโช ทหารเอกท่านนี้ คงกระพันชาตรี คมอาวุธไม่สามารถ ทำอันตรายได้ มีเหตุการณ์ให้เห็นจะๆ หลายครั้ง ซึ่งสมัยนั้นคงเป็นของธรรมดา
นอกจากนั้น พระยาสีหราชเดโชนี้ ท่านยังสามารถ หายตัวได้หนึ่งอึดใจ การหายตัวนี้ กำบังทั้ง ตัวเอง และม้าศึก สามารถเข้าประชิด ศัตรู และ สังหารศัตรูที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย เพราะศัตรูมองไม่เห็นจัดว่ายอดคน ยอดฝีมือ ทำให้บรรดา ข้าศึกต่างขยาด พอได้ยินชื่อท่าน จะประหวั่นพรั่นพรึง หลบหนี ไม่กล้าต่อกรด้วย เพราะถ้าสู้กัน ตายแน่ๆ ตอนสู้กันจังๆ มองก็ไม่เห็นตัว เมื่อเห็นตัวก็เห็น อาวุธ หอก ดาบ ของพระยาสีหราชเดโชเข้าถึงตัวแล้ว หนังที่เหนียวก็ยุ่ยเมื่อ ต้องอาวุธของพระยาสีหราชเดโช ทำให้หมดทางสู้
แต่ตอนจบของท่านไม่ดี เพราะ มีสัจจะ เป็นข้าหนึ่งเจ้า บ่าวหนึ่งนาย ทำให้เมื่อสิ้นสมัยของ พระนารายณ์มหาราชแล้ว ท่านก็โดนการเมือง จนเกิดเพทภัยแก่ตัวเอง แต่คนรุ่นหลังก็ไม่ลืมท่าน ไม่ลืมวิชาท่าน ได้ถ่ายทอดมาจนถึง ปัจจุบัน จัดเป็นวีรบุรุษได้อีกหนึ่งท่านในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
มหากำบังนี้บางทีแว่บๆไป แว่บๆมา เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง จัดเป็นการป้องกันตัว แต่ปรับได้ให้เป็นทั้งรุกและรับ
ระดับเราๆท่านๆ คงเป็นแค่รับ เพราะไม่ได้ไปบู้กับใครแล้ว นอกนั้นมหากำบังยังเหมาะแก่พวก ทำงานในที่อันตราย กำบังตัว และ บริวาร ให้พ้นตาของศัตรู ได้
หลวงพ่อท่านไม่ได้ให้คาถามา ผมถามหลายที อาจจะที่ผมไม่ใช่ศิษย์ครอบครูมา ท่านเลยไม่บอก แต่ท่านบอกว่า ทำสำเร็จแล้ว ให้อธิษฐานเอา ใช้ได้เลย
ท่านที่มีของที่ผ่านมือหลวงพ่อมา และทำงานในที่อันตราย แนะนำว่าก่อนออกพื้นที่อันตราย ของให้จิตตั้งมั่น นึกถึงพระรัตนตรัย แม่พ่อครูบาอาจารย์และหลวงพ่อทรง ขอให้กำบังแคล้วคลาดจากตาศัตรูด้วย ให้ศัตรูมองมิเห็นและทำอันตรายมิได้ หลวงพ่อท่านคงช่วยหนุนเต็มที่ เพราะท่านเมตตาเกินพิกัด
เอาแค่นี้ล่ะครับ ผมไม่อยากกั้กไว้อีก มีอะไรก็บอกๆกัน จริงหรือ ไม่จริง ท่านต้องไปลองของท่านเองให้เกิดความมั่นใจ ว่าผมโม้หรือไม่ -
-
<TABLE class=tborder id=post1359485 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">16-07-2008, 07:00 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#586 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ผาแดง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1359485", true); </SCRIPT>
สมาชิก
เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:11 AM
วันที่สมัคร: Apr 2006
ข้อความ: 95
ได้ให้อนุโมทนา: 1,220
ได้รับอนุโมทนา 809 ครั้ง ใน 94 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 54
</TD><TD class=alt1 id=td_post_1359485 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->สวัสดีครับพี่พี
ชิ้นนี้ด้วยครับที่เช่ามาพร้อมกันขนาดกว้างยาวเท่ากัน แต่ชิ้นนี้ลงยันต์ที่มักจะใช้ที่ด้านหลังวัตถุมงคลหลวงพ่อเป็นประจำ คือ นะ โม พุท ธา ยะ ตรงกลางเป็น สะ ม้วนโลก ด้านบนเป็น อิ สวา สุ ด้านข้างเป็น มะ กับ อะ ด้านล่างเป็น อุ แต่เพิ่มขึ้นมาคือ ที่เป็นตัว ห หีบแล้วขมวดเป็นอุณาโลมลงด้านล่าง ที่วางไว้ทั้งซ้ายขวา น่าเป็นหัวใจหงษ์ทองตัวผู้และตัวเมีย และตัว เฑาะว์ ที่อยู่เหนือตัว อิ ,บนหัวใจหงษ์ทองและตัว พะ ที่ขมวดหางเป็นอุณาโลม บนตัว สวา กับตัว สุ
ด้านล่างเป็น นะ ชา ลิ ติ นะ มะ พะ ทะ อะ
ตัวล่างสุดที่คล้ายตัว ว อ่านว่า วิ ถ้า เตชะธัมโม เป็นฉายาพระสวัสดิ์ ตัว วิ นี้คงเป็นตัวย่อของพระวิโรจน์ น่าจะใช่ไหมครับ
ฯลฯ
สภาพเดิมกับลงแป้งให้เห็นชัดครับ
<!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>เมื่อวานนี้ 08:25 PM</TD></TR><TR title="โพส 1363264" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>benay</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พี เสาวภา
ผมก็ไม่เข้าใจเจตนา พระสวัดดิ์เหมือนกันครับ เท่าที่ผมทราบ แผ่นหินอ่อนนี้ท่านทำองค์เดียว พระวิโรจน์ท่านไม่ได้ลงน่ะครับ
ฉนั้นตัว วิ นี่ไม่ทราบหมายถึงอะไรครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอแจมหน่อยนะครับ เรื่องพระสวัสครับตอนผมบวชที่วัดศาลาดินได้สักสองอาทิตย์ผมเคยไปดูพระสวัสจารตระกรุดและพระหลวงพ่อครับรวมทั้งผ้ายันต์ด้วย ผมเคยถามท่านว่าตอนจารตัวอักขระ คำว่า นะ มะ พะ ทะ ทำไมจึงต้องมี อะ วิ ต่อท้ายด้วย ท่านว่า นะ มะ พะ ทะ มันแค่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าจะให้สมบูรณ์และขลังยิ่งขึ้น ต้องเติม คำว่า อะ วิ ลงไป อะ วิ ก็คือ อากาศ และ วิญญาณครับท่านว่าอย่างนั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอบคุณครับ คุณbenay
ที่เข้ามาตอบข้อข้องใจให้ เพราะใจผมไปคิดเปรียบเทียบกับแผ่นที่ลงยันต์สุกิตติมาแล้วมี ฉายาพระสวัสดิ์อยู่ด้วย กับอีกอย่างที่ลง นะ มะ พะ ทะ อะ แล้ว ผมคิดว่า อะ ตัวนี้ คือ อะ ตัวหนึ่งในบทอิติปิโสรัตนมาลา แล้วพอดี ตัว วิ ท่านมาลงแยกมาอีกบรรทัดหนึ่งด้วย ทำให้เข้าใจว่าเป็นตัวย่อของชื่อ
คงเหมือนกับการลง นะ ที่มีมากมายกว่าร้อยแปด รูปร่างของ นะ บางอย่างจะเหมือนกันหรือคล้ายๆกัน แต่พอเรียกสูตรเรียกนาม ก็แล้วแต่จะกำหนดให้เป็นคงกระพัน หรือเมตตา
ที่แท้ อะ ตัว นี้ แทน อากาศ ตัว วิ แทน วิญญาณ
คุณbenayครับ ช่วงที่คุณบวชอยู่ที่วัดศาลาดินพบเกร็ดความรู้อะไรบ้าง นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างซิครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
หน้า 29 ของ 3280