กราบขอบคุณครับ เรื่องนี้แปลกและดีมาก น่าจะด้วยบารมี พ่อ แม่ ช่วยอาราธนา ให้คุ้มครองลูกหลาน หลวงพ่อท่านก็เลยโปรด
มีเครื่องกรองอาการแบบดีๆสักตัว ก็ช่วยได้น่ะครับ ลูกผมตอนสองขวบก็ป่วยบ่อย อากาศ กทม แย่มาก แก้ยาก พอได้เครื่องกรองอาการ Honey well มา ดีขึ้นเลยเป็นปีๆ
แต่ยี่ห้อนี้ตอนนี้ล้าสมัยไปแล้วล่ะครับ มีของญี่ปุ่นดีๆ ระบบดีๆ เพียบ สนใจอยากได้จะให้แนะนำ inbox มาน่ะครับ ไม่ได้ค่าโฆษณาครับ แค่แนะนำ ช่วยลูกหลาน
เพราะแบคทีเรีย ตัวมันเล็ก ระบบกรองแบบใหม่ช่วยได้เยอะ ที่ใช้ตาม โรงพยาบาล ห้องแล็บ น่ะครับ กรองฝุ่นได้ด้วย อันนี้สำหรับคน กทม ช่วยได้เยอะ
ตจว อาจจะไม่จำเป็น เพราะอากาศดี ยกเว้นกรณี มีหวัด ต้องการป้องกันคนอื่นน่ะครับ
เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.
หน้า 3195 ของ 3280
-
-
วันนี้ว่าจะเขียนเรื่องเบี้ยต่อ แต่ชัก มึนๆ อากาศ กทม ตอนนี้แย่มาก ร้อน ฝนตก สลับกัน คนแก่ก็ชักจะแย่บ้าง...แหะๆ
-
แต่หลังคิดว่าหาไม่ได้ คงใช้แค่ขนาด
เบี้ยวิเศษชัยชาญ ไม่กำหนด เล็กก็มี ใหญ่ก็มี กลางๆก็มี จะเห็นว่าของหลวงพ่อนุ่ม ท่านจะเลือกเล็กๆ แบบไม่เปลืองปรอท ปรอทจัดว่าโบราณเป็นของหายาก ตามตำรา ว่าเรียก มา หรือ ดัก ยิ่งหายากอีก
แต่เบี้ยหลวงพ่อทรงเป็นปรอท วิทยาศาสตร์ ซื้อแถวๆ วัดสามปลื้ม พอเหตุการณ์ใต้รุนแรง ซื้อก็ยากขึ้น และ แพงขึ้น เพราะปรอท จัดเป็นยุทธภัณฑ์อย่างหนึ่ง จะสาเหตุอะไร ผมไม่พูดน่ะที่นี้
เบี้ยยุคแรก หลวงพ่อทรง ยังคัดหอย เอาตัวที่มีขนาดใหญ่ หรือ ขนาดกลางๆได้ ทำไป ทำไป หอยชักหายาก ตัวเล็กๆลงมาก็เอา หอยจั่นก็ เอามาทำก็มีน่ะครับ
การที่พระอาจารย์สายวิเศษชัยชาญไม่บังคับขนาดของปรอท ช่วยได้เยอะ และบางอาจารย์ยังไม่ใส่ปรอท ใส่ทรายเสก ก็มี -
เบี้ยแก้ เบี้ยจั่น วัดมอญ
เล่าเรื่องเครื่องรางของขลังหลวงพ่อทรง วัดมอญ จะข้ามเบี้ย ไปไม่ได้เลย ท่านทำสืบเชื้อสายแนวเบี้ย อ่างทองแบบไม่ให้เสียชื่อ รุ่นอาจารย์ของท่าน เบี้ยของท่าน บรรจุปรอท วิทยาศาสตร์ธรรมดา คงไม่ได้มาจากการดักปรอทเหมือนของโบราณ อันนี้เขาเล่าน่ะครับ ผมไม่เคยไปดักเอง แต่ เป็นปรอทที่สำเร็จ ด้วยอำนาจจิต ที่สูงของหลวงพ่อ และแรงครู ทำให้ปรอท “เป็น “ และสั่นได้ เคลื่อนไหวได้ เมื่อมีเหตุอะไรบางอย่าง เป็นการบอก และป้องกันตัว นอกจากนั้นจากความเห็นเดิม ยังมีลูกศิษย์หลวงพ่อ อาราธนาบอกเบี้ยให้ฝนหยุดตกได้อีกและไม่ใช่ครั้งเดียว จัดว่าเป็นของสรรพคุณแปลก มีสรรพคุณทางคุ้มครองเหลือเฟือ
ปรอทจะถูกบรรจุอยู่ในตัว หอยชนิดหนึ่ง พร้อมกับเศษตะกั่ว ตัดใส่ลงไป เพราะเป็นเคล็ดหลวงพ่อ ว่าถ้าปรอทรั่วหรือหนีไป ก็จะหนีไปไม่หมด แต่ยังเหลือที่เกาะกินอยู่บนตะกั่วบ้าง และประโยชน์อีกอย่างสาเหตุที่ปรอทมีราคาแพง ตะกั่วจะช่วยประหยัดปรอทไปได้ในตัว แล้วอุดด้วยชันโรงใต้ดิน ที่ปากหอย กันปรอท ไหลออก และอาจจะมีปิดด้วย แผ่นโลหะ ทองแดง หรือ ตะกั่วปิดไว้อีกทีก็ได้ ชันโรงนี้ถวายจากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง มาสองครั้ง พอทำเบี้ยได้หลาย พันตัว อาจจะถึงหมื่น ในระยะเวลา ประมาณ สองปีกว่าเกือบสามปี ที่ผมได้เห็นเหตุการณ์ มาตลอดที่วัดมอญ อันนี้พูดเฉพาะของวัดน่ะครับ
เปิดดูไฟล์ 347323 เปิดดูไฟล์ 347324
มาเริ่มที่ตัวใหญ่หรือตัวครูก่อน รูปนี้คือเบี้ยตัวครูที่ท่านมอบให้พระครูอุปฯสองวาระตัวขวาคือตัวแรก มอบให้นานแล้ว ส่วนตัวซ้าย เพิ่งมามอบให้ไม่นาน พระครูอุปฯ จำไม่ได้ชัดเจนแต่ผมจำได้ว่า หอยมือเสือนี้ ผมกับนายหมีนำมาเอง จากบางแสน ถวายหลวงพ่อไว้แต่ท่านไม่ค่อยให้ทำ เพราะเปลืองปรอท และชันโรง คนที่ได้ไปจึงนับคนได้ผมก็ได้มาแค่ตัวเดียวที่หุ้มตะกั่ว แต่ย้ำอีกครั้งผมเคยกราบเรียนถามท่านเองว่าตัวใหญ่กับตัวเล็กสรรพคุณต่างกันอย่างไร ท่านว่าเหมือนกัน
และอีกอย่างจะเห็นว่าสายอาจารย์ท่านน่ะ เป็นอาจารย์ดังๆทางเบี้ยสายอ่างทองทุกคน เช่นสายหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ ( หรือ วัดโพธิ์ ) หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำ นอกจากนั้น ท่านเคยเล่าถึงหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง ให้ผมฟัง แต่ไม่ละเอียดนัก และผมก็ไม่ได้เฉลียวใจ เลยไม่ได้ถามให้ละเอียด แต่มาคิดได้ที่หลังว่าท่านคงต้องมีความเกี่ยวข้องกัน หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง แน่นอน และหลวงพ่อโปร่งก็เก่งทางด้านเบี้ย เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นหลวงพ่อโปร่งยังมีบารมีสูง ขนาดว่า คนที่ถูกยิงและถูกแทงมา แล้วซมซานหนีมาหาท่านในวัด พวกตามมาไล่จะฆ่าทิ้งตามมา ท่านยังบิณฑบาต ขอชีวิตไว้ได้ คนที่รอดนี้ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนศาสนาอื่นซะด้วยครับ
เปิดดูไฟล์ 347326
จากซ้ายไปขวา เบี้ยหลวงพ่อ พัก หลวงพ่อ คำ หลวงพ่อ นุ่ม และหลวงพ่อโปร่งตัวเลี่ยมเงินตัวเดียว
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าหลวงพ่อทรงท่านจะไม่เก่งทางเบี้ยด้วย การที่ท่านให้เบี้ยถุงใหญ่ ก่อนละสังขารแก่ท่านพระครูอุปฯ เหมือนเตรียมไว้ให้เหมือนเป็นการบอกย้ำให้ท่านพระครู อุปฯถึงของชิ้นสุดท้ายที่มอบให้คือเบี้ย เหล่านี้นี่เอง
ผมว่าคนจะใกล้ตายน่ะครับ ทำอะไรคงทิ้งทวนแล้วล่ะครับท่านพระครูอุปฯจึงมั่นใจว่าเบี้ยของหลวงพ่อนี้เป็นเครื่องราง อันมหัศจรรย์จะเป็นเครื่องรางแทนตัวท่าน สืบสายคนวิเศษชัยชาญต่อไป
แนะนำว่าท่านใดที่มีเบี้ยของหลวงพ่อทรง ยิ่งได้รับกับมือตอนมีสังขารอยู่ขอให้นำมาใช้ติดตัว ดีกว่าวางไว้เฉยๆและระวังตก หล่น หายเพราะคนทำได้แบบนี้ขนาดนี้ ท่านพระครูอุปฯว่าในอ่างทองตอนนี้ไม่มีแล้วครับอันนี้เป็นมุมมองของท่านพระครูน่ะครับผมแค่ถ่ายทอดมาให้ฟัง
ส่วนด้านนี้เป็นด้านหลังเบี้ย จะอุดชันโรงแล้วแปะด้วยแผ่นทองเหลือง ลง มะอะอุ ขึ้นยอดเรียกว่าสองตัวนี้ท่านเอามาโชว์ก็แล้วกัน น่ะครับผมว่าคงอยู่ที่วิเศษฯน่ะแหละไม่ไปไหน ก่อนถ่ายผมขออนุญาตแล้วถ้ามีคนไปตื้อท่านก็อย่าว่าผมน่ะครับ .......แหะๆ
เปิดดูไฟล์ 347325
เบี้ยแก้นี้ ผมจำไม่ได้ว่า ใครเริ่มก่อนอาจจะเป็นศูนย์ที่ทำมาควบบนสายคาดตะกรุดสี่มหาอำนาจ หรือศิษย์คนหนึ่งของท่านเอาวัสดุ หอย ปรอท และชันโรงมาให้หลวงพ่อทำให้ มีประมาณหลักหลายสิบตัวเหมือนกัน หลวงพ่อให้พระในวัดกรอกปรอทและอุดชันนะโรง เป็นเบี้ยคัดขนาดมาทำเสร็จแล้วหลวงพ่อให้ไปไว้ที่หอสวดมนตร์วัตถุมงคลส่วนใหญ่ทำเสร็จแล้วท่านจะให้เอาไปเก็บที่หอสวดมนตร์ อาจจะมีได้หลายนัยยะ
อันแรกคือไม่พลุกพล่าน มีพระถือลูกกุญแจ ถึงไม่ใส่ใครจะเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ เพราะไม่ใช่ทางผ่าน ถ้าเข้าไปจะต้องผ่านพระที่ดูแลตู้เข้าไปในหอสวดมนตร์ก็มีวัตถุมงคลอื่นเก็บอยู่เรียกว่าจะไม่มีคนหยิบฉวยไปได้ง่ายๆเหมือนวางตรงที่ท่านรับแขก
อันที่สอง ในหอสวดมนต์น่ะ พระเข้าไปทำวัตรสวดมนต์ เรียกว่าปลุกเสก ไปทุกวันนอกนั้นบางทีมีคนเอาพระไปให้เสกถ้าเยอะเป็นพิธีกรรม ก็จะยกเข้าไปข้างในหอสวดมนตร์เพราะมีพระพุทธรูป พระประธาน รูปครูบาอาจารย์ท่านก็อยู่ข้างใน ท่านก็เข้าไปปลุกเสกในนั้นจะเห็นได้ว่าตอนมีพระผงอยู่เป็นหลายๆถาดและหลายๆลัง มีพระทั้งของผมเข้าไปฝากไว้พระพุทธชินราช ( อาจารย์ อนันติ์ หล่อองค์พระให้ แล้วผมมาขอหลวงพ่อ หล่อฐานและเรือนแก้วให้ผม ) พระนาคปรก พระนอนวันอังคารองค์ใหญ่ หลังๆก็เริ่มมีคนเอามาวางฝากปลุกเสกด้วยเยอะขึ้นท่านจะวงสายสิญย์ไว้ ด้วยตัวท่านเองในบางครั้ง และท่านอาจจะไปเสกให้ในตอนกลางคืนก็ได้ หรือวันที่ฤกษ์ดีๆว่างๆจากภารกิจก็ได้เรียกว่าเสกทับถมกันไป แต่อากาศในหอสวดมนตร์นี้จะอับหน่อยสังเกตุว่าท่านไม่ค่อยมานั่งเท่าไหร่ นอกจากจำเป็นเท่านั้น
อันที่สาม การวางไว้ข้างนอกทำให้คับแคบลงในที่จะรับแขกและเพราะของมีเจ้าของ อาจจะมีคนอยากได้แล้วจะมาขอไปซะหรือ ถือวิสาสะ หยิบไปเฉยๆ หลวงพ่อท่าน เลยให้ยกหนีไปซะ
เอาว่าสรุปว่าเบี้ยแก้จะวางในหอสวดมนตร์ส่วนของศูนย์น่ะเขาคงเอาแยกมาปลุกเสกต่างหาก ที่นี้ใครเห็นก็อยากได้ รวมทั้งพระที่มาทำวัตรทุกเย็นด้วยแต่ไม่มีใครกล้าหยิบ เพราะหลวงพ่อบอกมีเป็นของมีเจ้าของ พอได้เวลา เจ้าของเขามารับคืนไปทั้งถาด เพราะเป็นของเขา ทุกคนบ่นเสียดายไปตามๆกัน ใครก็อยากได้ เพราะดูแล้วมีเสน่ห์น่ารัก
เมื่ออยากได้ก็เริ่มต้องทำเอง ผมจำไม่ได้จริงว่าใครเริ่มแต่หลวงพ่อไปได้ ชันนะโรงมาจากศิษย์คนหนึ่ง คนนี้ชื่อคุณ ช เป็นคนดี ใจกว้างมากท่านหนึ่งทีเดียว คุณ ช ไปได้หนังเสือ และชันนะโรงมาจาก แถวนครสวรรค์และจากอีสาน ถ้าจำไม่ผิด เอามาถวายหลวงพ่อพระวิโรจน์วานผมไปซื้อปรอทจาก ร้านแถวเจ้ากรมเป๋อ ที่ หน้าวัดสามปลื้มผมเลยบอกไม่เอาตังค์แต่แบ่งผมมั่งนี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นนายหมีไปเอาหอยมาจากพี่สาวแถวบางแสนมาหลายสิบกิโล หลายพันตัวและจากนั้นผมกับนายหมีตามไปที่บางแสน และ อ่างศิลาอีกหลายครั้ง ได้อีกหลายพันตัวไปหลายครั้งตอนบ่ายๆหลังเลิกงาน ไปมาหมดแทบจะทุกร้าน เรียกว่าลุยดะไปกว้านซื้อทุกร้านที่ผ่านไป
แบบที่ขาย แบบนับตัวขาย หรือ ขายเหมาเป็นกิโล ตัวใหญ่ กลาง เล็ก ปนกัน เรียกว่าแทบหมด จนร้านที่เคยไปประจำบอกหอยหมดแล้วค่ะ รอสั่งชุดใหม่ก่อน และคนขายหอยยังบอกว่าคนมาหามาก อันนี้คงเป็นลูกศิษย์สายวัดกลางบางแก้ว หรือ สายนครปฐม มากว้านซื้อไปจนหอยนี้ต้องสั่งมาจากนอกมา เช่นอินโดนีเซีย หรือจาก เขมร อันนี้คนขายเล่าให้ฟังจนกระทั่งผมต้องไปเอาหอยคัด แบบคัดขนาดไว้ขาย ราคาแพง ก็ต้องกัดฟันซื้อ เพราะมีความต้องการจากทางวัด หอยคัดนี้เอาไว้ขายนักท่องเที่ยว แบบคัดๆ มีราคาตั้งแต่ตัวล่ะ 15 บาทขึ้นไปจนไปถึงถุงละร้อยบาทมีแค่สี่ตัวชักเรียกว่ามีราคาแพง จนไม่สามารถซื้อได้เยอะในคราวๆหนึ่ง แต่เมื่อไปแล้วต้องมีอะไรติดมือกลับมาบ้าง นอกจากนั้น ยังซื้อหอยจั่นมาแทน เพราะถูกกว่าเยอะ ผนังบาง ตัวเบา กิโลหนึ่งได้เป็นหลายร้อยตัว เหมามาทีเป็นสิบๆกิโล และเหตุการณ์ค่อนข้างจะกลับตาลปัตร เพราะหอยจั่นกลับเป็นที่นิยม ซึ่งตอนแรกนึกว่าเป็นมวยแทน
เมื่อหอยแถวใกล้มือหายาก และผมจึงติดต่อเพื่อนใจบุญจากภูเก็ตให้ซื้อให้ส่งทางเครื่องบินมาอีกประมาณ สามครั้ง ครั้งล่ะหนึ่งหีบใหญ่แบบวัสดุไปรษณีย์ แต่เป็นหอยที่ได้ขนาด ซ่ะแค่ครึ่งๆที่เหลือจะเป็นหอยตัวเล็กลงไปปริมาณหอยที่ผมกับนายหมีหาไปถวายหลวงพ่อน่ะ น่าจะหลายพันตัวอาจจะถึงหมื่นไปด้วย ( อันนี้นายหมีมันกะ แต่ผมว่างานนี้น่าจะเกินหมื่น สบายๆ ) แต่จะมีตัวเล็กๆปนอยู่ด้วย รวมทั้งหอยจั่น บางที่ผมถือถุงใส่หอย( ถุงข้าวสารถุงใหญ่ ) เข้าไปในวัดมีพระบ้าง ฆราวาสบ้าง ปรี่มาขอแบ่งไปมั่ง เพราะใครก็อยากได้ผมก็แบ่งให้ไปด้วยต้องการผูกมิตร นอกจากนั้นยังซื้อหอยมือเสือมาทำตัวครู อีกที่เปลืองปรอทมากต้องเอาตะกั่วใส่เพิ่มเข้าไปเยอะ
ผมขออนุญาต เนื้อที่ตรงนี้นิดเดียว แล้วจะไม่พูดเรื่องแบบนี้อีก เรื่องเบี้ยนี้ผมเคยเล่าลงในบอร์ดเก่า แต่เคยมีคนอวดรู้ อวดว่าใจธรรมมะสูงส่ง ระดับปรมัตถ์ พูดอ้างถึงกรรมบท๑๐ ธรรมมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มาพูดจาเสียดสี ส่อเสียด ใช้คำหยาบคายกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้อย่างคล่องสบายปาก เจตนาให้คนทะเลาะกัน ผิดศีลข้อสี่ และข้อหนึ่งชัดเจน...... และ ศีลที่เหลือ จะมีเหลืออีกกี่ข้อก็ไม่รู้ แต่ว่ากำลังเตรียมตัวว่าจะไปนิพพาน...แหะๆ แล้วดันทำมาพูดอวดรู้ สอนคนอื่น เรื่องธรรมะ ซะยาวเหยียด ที่ลอกมาจากหนังสือธรรมะมา ธรรมะที่ไม่เคยได้ปฏิบัติจริงจัง และไม่ได้เข้าไปสัมผัสใกล้ในใจเลย แล้วเท่านั้นยังไม่พอ ดันมาอวดรู้เรื่องการหาหอย ปริมาณหอย รู้ไปหมด หามาจากไหน ว่าทำเบี้ยมากี่ตัวๆ แต่จะบอกให้ว่า คนดีแต่พูดแต่ไม่เคยทำน่ะ เขาอ่านออก พูดออกมาหาสาระหลักเกณฑ์หลักฐานจริงๆไม่ได้ ส่วนคนเคยทำจริงๆน่ะ เขาขับรถมาเป็น หมื่นๆกิโล เดิน ไปหาวัสดุให้วัด เกือกสึกไปหลายคู่ วิ่งไปวัด กลับไปกลับมา วิ่งไปหาของ ไปๆ มาๆ เป็นสองสามร้อยเที่ยว ด้วยต้องการช่วยงานหลวงพ่อน่ะ ด้วยความรักและจิตศรัทธา รถซื้อใหม่ระยะเวลาแค่ สามปี ที่มาเจอหลวงพ่อ รถวิ่งไป เกือบ แสนสี่หมื่นกิโล ปกติเขาวิ่งกัน ปีละ สองหมื่นกว่ากิโลก็เยอะแล้ว หมดค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ หมดเงิน ค่าตะกั่ว ค่าปรอท ค่าหอย ค่า แผ่นโลหะ ค่าแท่นแม่พิมพ์พระ ค่าโม่ไฟฟ้า ค่ามอเตอร์ใหม่ ค่าปูน ค่าน้ำมันตั้งอิ้ว ค่าวัสดุ ค่าโค้ด เครื่องม้วนตะกรุด และอีก จิปาถะฯลฯ หมดเงินไปเป็นแสนๆบาทน่ะไม่เคยมาคุยอวดมาก่อนที่ไหน นอกจากครั้งนี้ ไม่เคยบ่นกะหลวงพ่อสักคำ พอใจทำซะอย่าง และหลวงพ่อท่านก็ ทราบดี เงินทองที่ได้มาจากการสร้างบารมีของท่าน ท่านจะได้เอาไปรักษาตัวท่าน อย่างที่บอกให้ฟังมาก่อนว่า หลวงพ่อท่านเป็นโรคคนรวย ค่าใช้จ่ายเยอะในการบำรุงรักษาตัวครับ
ฉะนั้น มันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วในการหาหอยเบี้ย แค่หมื่นกว่าตัว ให้หาอีกหมื่นก็สบายบอกตามตรง แต่ยังหาพระแบบหลวงพ่อทรงยังไม่เจอ ถ้าเจอ ผมก็เอาอีกครับ ไม่เข็ดหรอกครับ.....แหะๆ
ตอนหลวงพ่อยังมีสังขารอยู่ พอหอยแถวบางแสนและอ่างศิลาแทบหมด ต้องส่งหอยมาจากภูเก็ต สามลัง ลังหนึ่งก็เป็นพันตัวแล้ว ส่งมาสามลัง อยากจะบอกว่าหลายพันตัวเข้าไปแล้ว จนแถวภูเก็ตก็บอกตอนนั้นก็ใกล้หมดเหมือนกัน ต้องรอสั่งชุดใหม่ แต่ก็ยอมรับว่า หอยมันมีหลายขนาด เขาขายเหมามาน่ะ ตัวกลางๆ ตัวเล็กซะเยอะ ทางวัดก็คัดเอาแต่ตัวใหญ่ๆ กับกลางๆ ส่วนตัวเล็กๆ น่ะ ไม่ค่อยได้ใช้ หลังหลวงพ่อละสังขาร ยังหลงเหลืออยู่ที่วัดตัวกระเปี๊ยกๆอยู่อีก ของผมน่ะแหละครับ ซื้อมาถวายหลวงพ่อเองครับ
ส่วนปรอทน่ะ หาง่ายหน่อยแต่แพง เขาใส่ขวดไว้ เป็นกิโล กิโลละ ๑๘๐๐บาท ที่แถวร้านเจ้ากรมเป๋อ แต่พอเข้าไปซื้อนายหมีมันไปแอบสืบมาว่า ให้บอกว่ามาจากคณะ๕วัดสุทัศน์ เขาไม่ถามอาจจะเป็นขาประจำ คิดแค่ ๑๕๐๐ บาทต่อกิโล ( แต่ พ.ศ. นี้ บอกเลยว่า ๑๘๐๐ บาท แล้วจ้า ไม่มีลด และเป็นวัสดุ สงครามด้วย หาซื้อยากจ้ะ ตอนนี้ บอกแค่นี้แหละ....กลัว ) พวกผมเลยขอบารมีวัดสุทัศน์ซื้อมา ปรอทนี่ผมซื้อไปหลายครั้ง ไม่ต่ำกว่าสามสิบกิโลนอกนั้นบางทีหลวงพ่อ หรือ พระฝากเงินวัดไปทางลูกศิษย์คนอื่นไปซื้อ เพราะฝากผมๆไม่เอาตังค์และยังมีลูกศิษย์ใจบุญท่านอื่นที่ผมไม่ทราบนามซื้อมาถวายหลวงพ่ออีกคิดว่าในสองสามปีนี่ น่าจะหลายสิบกิโล กะไม่ถูกครับ
มีอย่างเดียวที่ผมหาไม่ได้คือ ชันนะโรงอย่างไรๆ ก็หาซื้อไม่ได้ เขาว่าต้องไปได้จากเมืองลาว หรือ พม่าดีว่าได้จากคุณ ช หามาได้ ไม่ต่ำกว่า สองครั้ง ครั้งละมากๆ เรียกว่าท่านสั่งลูกน้องไว้ ไปเจอที่ไหนให้บอกไปขุดมาจนเกลี้ยงเรียกว่าเอาไม่ให้เหลือไว้ทำเชื้อ....แหะ รังมันร้างแล้วน่ะครับ
ในเบี้ยชุดแรกๆ จะมีพระสวัสดิ์ และพระวิโรจน์ กรอกปรอทอุดชันโรงแล้วตัดแผ่นทองแดง ตอกโค้ด ตัว ท ปิดเขียนยันต์ อาจจะมีพระอื่นช่วยบ้าง หลังๆเหลือแต่พระวิโรจน์ทำคนเดียว ทั้งกรอก อุด แล้วถักด้วยไนลอนสีเขียว บางทีปิดด้วยตะกั่ว ที่หลวงพ่อลงจารบนแผ่นใหญ่ แล้วตัดมาปิด นำมาจำหน่ายแบบทั้งเปลือยและถัก การถักมีถักอย่างเดียว หรือสอดตะกรุดตามรูปให้ดูข้างล่าง
เปิดดูไฟล์ 347327
สรุปว่าเบี้ยชุดวัดน่ะ สร้างมาเรื่อยๆ ที่มีขนาดพอดี หรือขนาดใหญ่น่ะในชุดแรกๆ ต่อมาเล็กลงเพราะหอยหายากขึ้นต้องเอามาถักให้ดูตัวใหญ่ขึ้น ชุดแรกน่ะเปลือยๆผ่านมือหลวงพ่อทุกตัว เพราะออกได้เรื่อยๆทางวัดออกในราคาตัวละ ห้าร้อยบาท ส่วนตัวใหญ่ จำได้ว่า ๑๕๐๐ บาทครับ
เบี้ยนี้สรรพคุณดีมากๆ ไม่ได้อุปาทาน ต้องไปหามาลองเอง ปรอทจะวิ่งเหมือนเต้นได้ จะสั่นๆ มันมีสาเหตุ ลองมาแล้วหลายคน รักษาโรคบางประเภทก้ได้ ผมเคยเป็นโรคต้นขาซ้ายชาในยุคหนึ่งประมาณสามปี ผมทำงานหนึ่งยากมาก ประมูลมาได้ มีปัญหาตลอดยี่สิบสี่ชมจนเครียดความดันขึ้นมากขาชาจับแล้วผิวหนังหนาๆ รักษาหมอปัจจุบันแล้ว ไม่หายพอทุเลาให้หมอนวดช่วยคลายเส้นออกกำลังให้ยืดหยุ่น ก็ยังไม่หายดี จนมาได้เบี้ยหลวงพ่อแล้วสังเกตุเวลานั่งอยู่เอาเบี้ยใส่พวงกล้องพกไว้ที่กระเป๋า กางเกงซ้าย มันจะสั่น เป็นพักๆ พอจับทางได้เลยเอามาอธิษฐานแล้วเอามาถูกะขาซ้าย ทำบ่อยๆอำนาจปรอทปลุกเสก เขาจะดูดของพิษออกมา ตอนนี้ขาน่าจะ๙๕ % แล้ว มีเสียวๆนิดหน่อย แต่ไม่ชาแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องปัจจัตตังอีก ฟังแล้วไม่เชื่อต้องลองดูเองน่ะครับ
ส่วนปรอทสั่นได้นี่ไม่ได้มีผมคนเดียว มีหลายคนที่ได้ไปใช้ การสั่นคงมีเหตุอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นที่ที่มีปีศาจอยู่ก็ได้ ...แหะๆ หรือสถานที่นั้นแรง ปรอทเขาเลยสั่นเพื่อป้องกันตัวเราหรือ บอกเหตุน่ะครับ ปรอทเมื่อปลุกเสกด้วยพลังจิต ก็จะไวในการสัมผัส เมื่อไปกระทบกับพลังจิตอีกรูปแบบอื่น เขาจะสั่นและเต้นเมื่อกระทบกับพลังจิตรูปแบบอื่น และด้วยอาคมและแรงครูที่หลวงพ่อท่านได้เชิญมากำกับไว้ ทำให้ปรอทนั้นพลังด้านคุ้มครอง ปกป้องพลังจิตอื่นนั้นๆ ถ้ามาร้ายเช่นพวกคุณ ไสย ภูติผีปีศาจ สัมภเวสี หรือของเมื่อกระทบพลังจากของขลังสำนักอื่น
เคยมีน้องในบอร์ดเก่า เอาเบี้ยหลวงพ่อที่ผมให้ไปฟรีๆเพราะโดนไถแบบกันเอง ไปให้ เหล่าพระอาจารย์ที่นับถือและอาจารย์ฆราวาสทางเหนือตรวจสอบดู ปรากฎว่าผลตรงกันที่ เบี้ยหลวงพ่อนี้ มีพลังสูง ไม่แต่ปกป้องคุ้มครอง ทางด้าน กัน และ แก้ แต่สามารถ รุกหรือกระทำได้ด้วย เรียกว่ามีสรรพคุณพันช่อง ทั้งรุก และรับ กัน และแก้ แล้วแต่อธิษฐาน ขนาดว่าอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง ที่ทางเหนือจะเรียกหมออาคมว่าหนาน ดูเสร็จ ออกปากขอลูกศิษย์เลย เมื่อไม่ได้ ก็ขอแลกกับของเก่าที่มี แต่น้องคนนั้นไม่ให้ด้วยเสียดาย เพราะผมบอกไปแล้วว่า มีแค่นี้อย่ามาขออีก ผมไม่มีให้อีก เพราะผมก็มีแค่ของส่วนตัว สรรพคุณของเบี้ยนี้ ฟังมาอีกหลายคน เจอมากะตัวเองก็อีกหลายอย่าง แต่ก่อนผมเคยพกของหลวงพ่อพัก ตัวละหลายสตางค์ เลยเอาเก็บ ไม่ใช่ไม่ดีน่ะครับ แต่แพงและหายากกลัวหายหรือ ชำรุด เอาของหลวงพ่อทรงพกติดตัวแทน เหมือนของเก่านั่นเลยครับ มั่นใจว่า แท้ด้วยเพราะรับกับมือ เอาไปเสกเพิ่มด้วยมืออีกหลายครั้ง
ตามรูปข้างบนน่ะครับ เป็นเบี้ยในชุดแรกๆ มีทั้งเบี้ยเปลือยเบี้ยถักลงรักสอดตะกรุดทองแดงเลียนแบบหลวงพ่อพัก แบบสอดตะกรุดเงินไม่ลงรักและแบบสอดตะกรุดทองแดง ตะกรุดนี้ท่านลงเองทุกดอกมีทั้งพระสวัสดิ์พระวิโรจน์กรอกและอุด ส่วนการถักเป็นายหมี
เบี้ยนี้ก็มีปริมาณมากพอสมควร ไปหาตามลูกศิษย์น่าจะได้แบ่งมาบ้างแต่บอกตามตรงคงดูยากน่ะครับแต่ก็พอมีเคล็ดอยู่บ้าง แต่ไม่บอกที่นี่ครับ เพราะมีคนทำเบี้ยปลอมออกจำหน่ายแล้ว โดนกันมาหลายราย น่าดีดลูกแปคนล่ะป้าบนัก กับคนผีเปรตเหล่านี้ที่หากิน บนศรัทธาของคน ในตัวหลวงพ่อทรงอย่างมากครับ -
เบี้ยแก้ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน (มอญ)
เบี้ยตัวครู ที่หลวงพ่อวัดมอญ ลงให้ -
เจาะลึกเบี้ยหลวงพ่อทรง
ถ้าถามผมแบบจริงๆ น่ะ ผมว่าเรื่องเบี้ยหลวงพ่อทรงนี่ จบยาก จะมีภาคอื่นๆต่อไปอย่างแน่นอน เพราะสรรพคุณและอานุภาพของเบี้ยแบบไม่ต้องเชียร์เพราะของหมดแล้วไม่รู้จะเชียร์ไปทำไม มีแต่คนต้องการ แต่ไม่มีคนขาย เรื่องให้ฟรีๆตอนนี้ เหมือนเมื่อก่อนน่ะ ลืมไปได้เลยครับ
เมื่อมีความต้องการ แต่ไม่มีของ ก็เป็นไปตามกฏของแห่งกรรม(ใหม่ ) ก็มีการทำเสริมเบี้ยออกสู่ตลาด ออกมาสู่ความต้องการ ทำให้คนที่มีศรัทธา ดูไม่เป็น ไม่เคยเห็นของจริงจ่ะๆ แต่อยากได้ ซื้อไว้ แม้ราคาจะไม่มาก แต่เงินนั้น ไม่ได้ไปสร้างสาธารณะประโยชน์ แก่ส่วนรวม ไม่ได้ไปทำนุบำรุงพระศาสนาแน่นอน ไปไหนท่านคงเดาออก
เบี้ยหลวงพ่อทรง ทำมาเรื่อยๆตอนท่านยังมีสังขารอยู่ ตอนปลายๆชีวิตท่าน สายหนึ่งที่ทำเบี้ยมากที่สุดคือสายพระวิโรจน์ เพราะมีวัตถุดิบพร้อม ใกล้ชิดหลวงพ่อ เบี้ยที่เล่นหากันมากที่สุด ก็ผ่านมือพระวิโรจน์องค์นี้แหละครับ และโดยส่วนตัวผมมั่นใจ ๑๐๐ % ว่า พระวิโรจน์ไม่ทำเสริมในรูปลักษณ์ของหลวงพ่อทรงออกมาอีก ท่านอาจจะไปช่วยทำให้ วัดอื่น แต่คงในรูปลักษณ์อื่น มีโค้ดอื่น ออกมาแทน สรุปว่าสายนี้ ไม่มีเสริม เป็นสายวัดแท้ๆ ทำในวัดนั่นเอง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับท่านที่ต้องการเบี้ยหลวงพ่อทรง
อย่างไรก็ตามผมอยากจะบอกว่า เบี้ยสายอ่างทองนี้ ดูยาก ให้เบี้ยเก่าก็เถอะ จะปนๆกันอยู่หลายหลวงพ่อ เช่นหลวงพ่อซำ หลวงพ่อ นุ่ม หลวงพ่อคำ และคงมีหลวงพ่อที่ไม่ดัง ทำเบี้ยออกมาไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเบี้ยเปลือย แค่มี เบี้ยแล้ว ชันนะโรงปิดแค่นั้น สามารถย้ายสำนักได้ สบายๆจาก หลวงพ่อซำ ไม่มีฟรอยด์ ก็อาจจะไปเป็นหลวงพ่อ นุ่ม หรือ หลวงพ่อคำ ได้
หรือ หลวงพ่อคำ ไม่มีทองแดงแปะ หรือ หลุดไป เขย่าก็เบาๆ ปรอทไม่เต็มตามสูตร แซ็กๆ ก็อาจจะย้ายสำนักไปได้ โดยเฉพาะพวกตัวเล็ก หรือของหลวงพ่อนุ่มตัวบึ้กๆหน่อยเลี่ยมเงินปิดท้องเต็มมาเก่า ( มาจากร้านเดียวกันในวิเศษฯ ) ก็อาจจะย้ายไปเป็นหลวงพ่อคำได้ เพราะได้ราคากว่า นิยมกว่า ปล่อยได้ง่ายกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเบี้ยเก่า คณาจารย์รุ่นเก่า เชื่อขนมกินได้ จะหลวงพ่อไหนรุ่นเก่าๆ ถึงผิดสำนักก็ ใช้ได้เหมือนๆกัน เพราะถ้าไม่แน่จริง ไม่ทำเบี้ยออกมา
เพราะเบี้ยคือ โลโก้ ของคนวิเศษฯ คนอ่างทอง คนเก่าแก่ของ วิเศษฯ ต้องมีเบี้ยติดบ้านติดตัว และคนที่ทำถ้าไม่เก่งจริงจะโดนลอง จากพวกหมอไสยศาสตร์ ซึ่งตอนนั้นมีมากในละแวกนั้น จนไปถึง อยุธยา พวกหมอไสยศาตร์ พวกด้านดำจะไม่ชอบเบี้ย เพราะเบี้ย เป็นปฏิปักษ์ ต่ออาคมและ ว่านยาของเขา เรียกว่าแก้กัน เรียกว่าขัดแย้งด้านธุรกิจระหว่างดำกับขาว...แหะๆ เมื่อแน่ทำออกมาต้องลองกันหน่อย ทีนี้ที่ลองกัน บางทีถ้าพลาดมันถึงเดี้ยงถึงตาย ..แหะๆ งั้นถ้าไม่แน่ ทำตัวเงียบๆดีกว่า
อันนั้นเบี้ยของเก่า ดูความเก่าออก ดูชันนะโรงออก ก็สบาย ยิ่งดูลักษณะเฉพาะหลวงพ่อออกก็ยิ่งสบาย เพราะเมื่อพลาดยังไม่เป็นไร ยังมีของดีอยู่ แค่ผิดหลวงพ่อเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นเบี้ยใหม่ ทีนี้ล่ะเล่นยาก เพราะดูยังไงก็ใหม่ ผิดหลวงพ่อได้ง่ายๆ ยกเว้นมีแปะมีโค็ด อันนี้พอจะไหว ถ้าไม่มีเสริมออกมา
ทีนี้เบี้ยใหม่ๆ พระรุ่นใหม่ไม่เหมือนรุ่นเก่าน่ะครับ...ระวังหน่อย อย่าเอาศรัทธานำหน้ามาก่อนว่าแต่งเหลือง แต่เอาสตินำหน้าดูให้ดีๆ อย่างน้อยต้องเป็นปี สองปี ก่อนจะสรุป เพราะหาเก่งๆแบบพระรุ่นเก่ายาก นานๆจะเจอสักองค์ ภาพที่ท่านจะเจอส่วนใหญ่ ออกมาจะโฆษณาดีเพื่อการตลาด แก่ เก่ง เคร่ง วิชาดี อภินิหารเยอะ แต่เบื้องหลังท่านอาจจะเจอ พระมีเมีย พระกินเหล้า พระกินข้าวเย็น พระเอาของวัดไปขาย พระตุ้ด พระตั้งบ่อน พระเพลบอย พระพกอาวุธ พระเลี้ยงนักเลง มือปืน
อันนี้คือชีวิตจริงน่ะครับ อย่าไปทำปฏิเสธ ชาวบ้านข้างวัดน่ะ ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน เขารู้ดี เบื่อหน่าย แล้วเอามาเล่า ถ้าเป็นพวกเดียวกันก็เงียบซ่ะ เพราะร่วมบริษัทเดียวกันอยู่
กลับมาที่ เบี้ยน่ะครับ ผมเอาเบี้ยมา สอง สามตัว ตัวแรกเปลือยๆ ตัวที่สอง และสามถักด้วยด้ายดิบ ผมจะเจาะลึกเท่าที่มีภูมิ อย่างน้อยให้พวกท่านที่เคารพหลวงพ่ออ่าน อ่านแล้วพอมีหลักบ้าง ไม่ไปให้เขาเชือดแบบ ตายน้ำตื้นน่ะครับ...อิอิ
พี เสาวภา, 12 มีนาคม 2009
เขียนไว้นานแล้ว แปดปี จะเข้า ๙ ปี -
เจาะลึกเบี้ยหลวงพ่อทรง ( ต่อ )
เมื่อหาพระดีๆยาก เมื่อเจอสักองค์ก็ต้อง ตักตวงกันหน่อยล่ะ เจอของดีก็ต้องเก็บกัน เช่นเบี้ยหลวงพ่อทรงเป็นต้น รับรองเก็บไว้ไม่หนักบ้าน สรรพคุณก็ดี คุณค่าก็จะมีค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะดีกว่าเอาตังค์ฝากแบงค์ในยุคดอกเบี้ยถูกแบบนี้
เรามาเริ่มกันที่เบี้ยเปลือยก่อน เปลือยๆแบบนี้ผมเหลือแค่ตัวเดียว หายไปตัว นอกจากนั้น แจกเขาหมด หมดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่เหลือนี่ไปซื้อเขากลับมาน่ะครับ ตัวล่ะห้าร้อย ...แหะๆ ไม่มีฟรี แล้วเบี้ยนี่อย่าโทรมาขอเลยครับ ช้าไปปีกว่าแล้ว มีหลายท่านแหละที่ได้ของผมไป น่าจะหลายสิบ จำชื่อไม่ได้ทุกคน ใครเอาไปเก็บลืม ก็แล้วแต่กรรมของท่าน ใครเอาไปใช้ดี มีประสบการณ์ ก็แล้วแต่กรรมของท่านอีกเหมือนกัน
เบี้ยเปลือยจะมีทั้ง เบี้ยแก้ และเบี้ยจั่น ยุคแรกๆ เบี้ยจะตัวโต พอเบี้ยหายากขึ้น ก็ตัวเล็กลง แล้วเอาเบี้ยจั่นมาเสริม เรียกว่าเอามาช่วยเบี้ยแก้ แต่เหตุการณ์กลับกลาย เบี้ยจั่นกลับเป็นที่นิยม หายากกว่า สรรพคุณ เด่นชัดเรื่อง โภคทรัพย์ หลวงพ่อก็แนะนำ คนก็หากัน แต่หายากกว่าเบี้ยแก้เยอะเลย
เบี้ยเปลือยจะใส่ปรอท และมีตะกั่วตัดใส่ ปรอทจะไม่เต็มน่ะครับ จะเบา ไม่ถ่วงมือ เขย่าจะไม่บึ้กๆแบบเบี้ยสายนครปฐม แต่จะดังแซ็กๆเหมือนมีทรายอยู่ ( อย่าเขย่าแรง เบาๆก็พอ ) ถ้ามาจากสายวัดจะเป็นแบบนี้หมดครับ เพราะมีหลายเหตุผล อย่างที่ผมได้บรรยายไปแล้วในหน้าต้นของกระทู้นี้ พอใส่ตะกั่ว ( ตะกั่วหลวงพ่อเสกมาให้เป็นแผ่นๆแล้วเอามาตัดใส่ ) ก็กรอกใส่ปรอท ท่านจะว่าคาถาน่ะครับ เบี้ยตัวเล็กจะกรอกยากหน่อย แล้วพระท่านก็เอา ชันนะโรงมาอุด ตอนอุดก็มีคาถาน่ะครับ พออุดชันนะโรงเสร็จ ท่านจะเอาแผ่นโลหะตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาปิด ในยุคแรกตอกโค้ดด้วยตัว ท ไม่มีหัว ดูง่ายหน่อย แต่ต่อมา คงจะวิธีการมากขึ้น เลยไม่ตอก แต่จารเอา ลายจารเราจะไปเจาะกัน และรูปพรรณสันฐานของชันนะโรงเราจะไปเจาะกันในตอนต่อไป
เบี้ยเปลือยที่เห็นจะตัว กลางๆ และเล็กเป็นส่วนใหญ่ ถ้าท่านไปเจอตัวใหญ่จะ แจ็คพอร์ต ยิ่งกว่าถูกหวยสามตัวอีก เพราะหายาก ผมยังไม่เคยเห็นใครที่ได้ไปเอามาโชว์หรือเอามาขาย คงจะหายไปกับกาลเวลาแน่อนไปเป็นของดีประจำบ้านเขาน่ะครับ
พี เสาวภา, 12 มีนาคม 2009ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รอยจารหลวงพี่วิโรจน์
หลวงพี่วิโรจน์นี่เป็นคนใจเย็น หลวงพ่อไว้วางใจ เป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่ง เป็นมือจารตะกรุด ทำเบี้ย องค์หนึ่ง ของที่เอามาจากวัด ทำที่วัด จะเป็นฝีมือหลวงพี่วิโรจน์ซ่ะเยอะ หลวงพ่อซื้อตำราอักขระเลขยันต์ให้เรียน อยู่ใกล้หลวงพ่อไป หลวงพี่วิโรจน์ก็ได้รับอิทธิพล การเขียนอักขระมาจากหลวงพ่อ จะเขียนตัวเล็ก ตัวกลมๆ คล้ายหลวงพ่อเหมือนกัน เรียกว่าตามรอยเท้าอาจารย์
จากรูปจะเป็นรอยจาร มะ อะ อุ เรียงลงมา บนแผ่นทองแดง แผ่นตะกั่วก็มีน่ะครับ เคยเห็นเหมือนกัน ส่วนโลหะอย่างอื่น อาจจะมีเงินหรือ อะลูมินั่มมั่งก็ได้
รอยจารตัว มะ
รอยจารตัว อะ
และรอยจารตัว อุ ตัวอุหางจะยาวครับ ตัวกลมๆ ตั้งบนหางคล้ายๆหลวงพ่อทรงเหมือนกัน แต่ลายมือหลวงพ่อทรง ถ้าเขียนบรรจงแล้ว จะลายมือสวยกว่าหลวงพี่วิโรจน์ครับ
ลายมือนี้ ไม่มีเคล็ดมาก จำอย่างเดียวให้ติดตา หรือมีของจริงไว้เทียบ คนเดียวกันเขียนก็จะคล้ายๆกันครับ เหล็กจารก็จะแหลมคมคล้ายๆหลวงพ่อ ไม่เหมือนพระสวัดดิ์น่ะครับ พระสวัดดิ์จะจารตัวโตกว่า เหล็กจารจะโตและทื่อกว่า คนชอบเขียนลายมือไม่เหมือนกันครับ
อันนี้ขอต่อ ไม่มีเจตนาจะกั้กไว้ เอาแบบหมดเปลือกกันไปเลย พอดีมีน้องให้รูปและข้อมูลเพิ่มเติมมา ผมเขียนเท่าที่ผมมี ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม น่าเชื่อถือก็ส่งมาได้น่ะครับ จะได้แบ่งความรู้กัน
รอยจารที่ผมโชว์เป็นยุคแรกของหลวงพี่วิโรจน์ เนื่องจากท่านไม่เคยเขียนขอมมาก่อน แต่มาเขียนเพราะหลวงพ่อใช้ให้เขียน พวกตะกรุด
แต่พอท่านเขียนไปมากๆชักชำนาญเข้า ก็เขียนง่ายขึ้น และการเขียนปิดแผ่นโลหะก็อาจจะคว่ำอักขระเข้าข้างในได้ครับ ตามรูป
ที่เอายันต์ออกนอกก็มีน่ะครับ แต่ลายมือก็ลีลาเดียวกัน เบี้ยสองตัวสุดท้ายนี้ น่าจะเป็นชันในชุดที่สอง และขุ่นๆด้วยแป้งหอมที่โรยกันติดมือน่ะครับ ลองสังเกตดูให้ดีๆน่ะจ้ะ
การปิดชันนะโรงเขาก็ปิดเฉพาะรอยฟันของเบี้ยแล้วแผ่ไป ไม่ได้ ตั้งใจกดจนเต็มพื้นที่ของเบี้ยด้านล่าง ไม่มีของแปลกๆพวกปลาสติก ไปอุดเพิ่ม ของแบบนี้เขามีครูน่ะครับ ทำมั่วๆมาน่ะ พวกไม่มีครู ทำมากๆ วันหนึ่งจะเข้าตัว
และแผ่นโลหะ ก็ไม่ได้ ตัดจนเต็มพื้นที่เหมือนกัน ยกเว้นมีอยู่ชุดที่หลวงพี่วิโรจน์เอาตะกั่วแผ่จนเต็ม หรือ เอาตะกั่วหุ้ม แต่เบี้ยพวกนั้นจะถักมากกว่า ซึ่งจะไปว่าตอนต่อไป
หมายเหตุ : ต่ออีกหน่อย สำหรับเบี้ยสองตัวสุดท้าย ลายจารไม่ใช่ เหล็กจารน่ะครับ แต่เป็นปากกาลูกลื่นน่ะครับ สาเหตุ เพราะหลวงพี่วิโรจน์บอกว่า เขียนง่ายกว่า และโลหะก็บางเขียนง่าย เมื่อต้องการมีปริมาณมากๆ จะง่ายกว่าเหล็กจารน่ะครับ
ลายมือนี้น่าไว้ใจที่สุดครับ ตอนนี้ท่านมาบวชใหม่ล่ะครับ เป็นพระวิโรจน์เหมือน หลังหลวงพ่อทรงล่ะสังขาร ท่านก็จารตะกรุดช่วยวัดต่างๆ ตะกรุดท่านก็มีจารใหม่ หลักๆก็ ตะกรุด มหาจักรฯ ช่วยวัดต่างๆ ท่านปลุก ด้วย นะโม ๓ จบ ที่เหลือ หลวงปู่ หลวงพ่อไปเสกเอาเองกันครับ
ภาพผมขยายไม่ได้ล่ะ ภาพแตก ยุคนั้นโหลดภายใหญ่ทำยากมาก
พี เสาวภา, 12 มีนาคม 2009
เขียนไว้เมื่อ ๒๕๕๑ ยังไม่ล้าสมัย -
เบี้ยลายมือ พระวิโรจน์ แบบไม่ได้ตอกโค็ดวัด ที่ทันหลวงพ่อ สังเกตุลายมือเอาน่ะครับ หลวงพี่วิโรจน์ มาหัดเขียนขอมกับหลวงพ่อนี่แหละ หลวงพ่อซื้อตำรา เลขยันต์ให้ แบบว่าขึ้นครูกับหลวงพ่อ ลายมือ เลยจะคล้ายไปทางครู คือ หลวงพ่อทรง แต่ไม่เหมือนน่ะครับ -
รอยจารพระวิโรจน์นี่ให้ดูประกอบ ชันนะโรงไปด้วยน่ะครับ ถ้าถักไนล่อนมาแล้วดูพอมีอายุ ( อันนี้ทักษะ ต้องประเมินเอาเอง ไม่ใช่ใหม่เอี่ยม กลิ่นยังหึ่ง ) ตัดดู ชันเก่า ( ชัน จะมีใน คห ต่อไป )หอยเริ่มมีอายุ ....น่าจะมีเฮน่ะครับ
-
ชันนะโรงบนตัวเบี้ย
อย่างที่เล่ามาตอนต้นๆ ผมเรียนถามคุณชูชีพเรื่องชันนะโรง ท่านว่า เอามาถวายหลวงพ่อทรงตอนแรกน่ะ ประมาณสองกิโล และผ่านไปน่าจะร่วมๆปี เอามาถวายอีกประมาณ ห้า กิโล
รวมแล้วเจ็ดกิโล เยอะมากน่ะครับ มีเหลือเฟือ เพราะชันโรงน่ะเบา ใช้นิดเดียว ชันนะโรงหรือชันนะสูตรนี้ เป็นชันใต้ดินจริงๆ คุณชูชีพ บอกให้ลูกน้องหา เมื่อไปเจอรัง ( ที่ร้าง ) ก็ขุดมาจนเกลี้ยง คัดเอาที่เนื้อๆ สะอาดๆ เอามาทุบให้นิ่มแล้วเอามาถวายหลวงพ่อ
ชุดแรก สองกิโล น่ะใช้หมด แต่ชุดสองน่ะ เหลือครับ อยู่บ้านใครไม่บอก
แต่กิโลหนึ่งน่ะ ใส่เบี้ยได้เยอะน่ะครับ น่าจะเป็นพันๆตัวขึ้นไป ขึ้นกับขนาดของเบี้ย ชันนะโรงนี่แหละ พอจะมีเคล็ดดูกันได้ เพราะมาจากแหล่งเดียวกัน ภูมิประเทศ แหล่งอาหาร แหล่งน้ำหวานเป็นแหล่งเดียวกัน บนพื้นที่แถว นครสววรค์( ถ้าผมจำไม่ผิดน่ะครับ ) ที่คุณชูชีพทำงานอยู่
จากรูปจะมองเห็นว่า ชันยังใหม่อยู่ มัน ดำ วาว ใส
แต่ถ้าชันที่มองบางๆ แล้วส่องกับแสงแดดจังๆ ชันนี้จะออกแดงครับ ของผมที่มีได้มาจากหลวงพ่อ ชุดแรกๆ ก่อนเอาไปถัก ดูเผินๆ ว่าดำ แต่ออกแดงใสๆทุกตัวครับ อันนี้ว่าตามหลักฐานที่ปรากฏ ที่ผมมีน่ะครับ
หัวเบี้ย
ท้ายเบี้ย
การปิดชัน ก็จะลามมาถึงหัวเบี้ยและท้ายเบี้ย เพราะชันมีเยอะไม่ต้องเขียมและตอนกรอกปรอทเพื่อกัน ปรอทไหลออก พระท่านจะเอาชันตั้งขวางไว้ พอใส่ปรอทเสร็จก็เอาชันปิด ชันที่ปลายเลยมีมากหน่อย เมื่อกดไปแล้วเลยทะลักออกมาหัวและท้าย
จุดต่อไปเรื่องชันนะโรงน่ะครับ ชันนี้จะเหนียว จะติดมือ ติดภาชนะอันอื่นที่ไปสัมผัส พระท่านเลยเอาแป้งโรยครับ เป็นแป้งหอม ซื้อได้ตามตลาดนี่แหละ ยี่ห้ออะไรมั่ง ผมลืม แต่เป็นแป้งหอมราคาถูกตามร้านชาวบ้านหรือ ร้านของชำนี่แหละ พระท่านจะโรยไว้ไม่ให้ติดมือ จะมีมากมีน้อยแลวแต่จังหวะ แล้วแต่อารมณ์ ถ้าสังเกตดู เบี้ยสองตัวสุดท้าย เนื้อชันนะโรงจะขุ่นๆน่ะครับ สาเหต เพราะแป้งนี่แหละ ถ้าไปเจอชันขุ่นๆ มีคราบแป้งเก่าๆ ก็เข้าสูตรน่ะครับ
นอกจากนั้น เนื่องจากชันนะโรง เขาเหนียว เมื่อทำหลายๆตัวแล้ววางรวมกันในถาดหรือ ใส่ถุงไว้ ชันนะโรงจะเปลอะถุงหรือ ตัวหอย ถ้าสังเกตดีๆ ตัวหอยในเบี้ยชุดเก่าๆ จะเขลอะด้วยชันนะโรงบนผิวเบี้ยข้างนอก ดูเขลอะๆไม่สะอาดผิว ผมเคยเจอเบี้ยจั่นตัวหนึ่ง สมาชิกในเว็บนี่แหละซื้อมาจากงานประกวดพระ หรือ สนามพระ จากแผงจร คนขายเขาบอกว่าของหลวงพ่อทรง คนซื้อไม่แน่ใจ เขาส่งรูปมา ผมเห็นรูปล่ะใช่เลย เพราะตัวผนังเบี้ยเขลอะด้วยชันนะโรงตามสูตร ดูง่ายๆ สบายตาแบบไม่ต้องส่อง ผมลืมชื่อท่านนี้ ถ้าอ่านอยู่กรุณาเอารูปมาลงก็ดีน่ะครับ
พี เสาวภา, 12 มีนาคม 2009 -
ลายมือพระสวัดดิ์
สึกหาลาเพสไปแล้วน่ะครับ
อันนี้พระสวัดดิ์ทำ ให้ดู ทั้ง ลายมือ โค็ด ท ไม่มีหัว และ ชัดน่ะครับ สังเกตุชันให้ดีน่ะครับ ไม่มีของจริงดู มีรูปก็ยังดี เมื่อเกือบสิบปีก่อน ชันเขาเปียกๆแบบนี้
ชันพอมันเปียก ไปวางมันก็ติดขน ติดอะไรมา เขาเลยเอาแป้งหอมโรย ไอ้ที่ ติดๆมา ก็ช่วยพิจารณา ความเก่าได้ แป้งหอมก็พิจารณาได้ ดีกว่าไม่มีหลักอะไรน่ะครับ พอได้เห็นของจริงๆ ....จบข่าว -
ชันนะโรงนี่ หลักๆมาจาก คนๆเดียวน่ะครับ คือคุณ ชูชีพ ท่านผู้นี้เคารพหลวงพ่อมาก เป็นคนเดียวกับที่ทำมีดด้ามงา ฝีมือช่างนวยมาถวาย
ถวายครั้งแรก ประมาณ ๒ กิโล
ครั้งที่ ๒ ประมาณ ๕ กิโล แบบขุดมาทั้งรังที่ร้าง
เป็นชันนะโรงใต้ดินของแท้ และ สังเกตุน่ะครับว่า ชัดหลักๆ ที่ทำเบี้ยมาจาก ๒ ครั้งนี้เท่านั้น สูตรชัน สูตรน้ำหวาน ดินเดียวกัน ในแต่ล่ะครับ อาจจะรังเดียวกันใก,้ๆกันด้วย เพราะเขาย้ายไปเรื่อยๆเหมือนกัน
นอกนั้น จะมีคนทำมา ชันนะโรง จะมาจากลาว เพราะที่ไทยหายาก
และ ชันนะโรงเลี้ยง จาก ชาวไร่ จันทบุรี เขาเลี้ยงชันนะโรงไว้ ต่อเกสร ผลไม้ รังร้างก็ขายได้ครับ
ชันแบบนี้มาคนล่ะ ที่ จะแตกต่างกันน่ะครับ ไม่เหมือนกัน
นอกจากนั้น ชันบางที่เหลวมาก เปียกมาก เขามาผสม ผง แป้ง ปูน ให้แข็งตัว ก็มีครับ
บางอาจารย์ ของวิเศษ ชันบางทีหายาก เขาใช้ ชันเรือผสมผงมาอุด หรือ บางทีเอาเทียนไข ( ปากผี ) หรือ ดิน มาอุดก็มีครับ แล้วแต่คณณาจารย์
ของหลวงพ่อทรง ต้อง ชันนะโรงเท่านั้น -
วันนี้กลับดึกหน่อย เดี๋ยวมาต่อน่ะครับ
-
ชันนะโรง( ต่อ )
ที่ผมเขียนมานี่ เป็นไปได้สูงว่าพวกปลอมเบี้ยอาจจะเข้ามาอ่านด้วย โลกเดี๋ยวนี้มันแคบน่ะครับ ส่วนใหนของโลกก็เข้า internet ได้
ถ้าพวกปลอมเขาเข้ามาอ่าน คงหาทางปลอมออกมาให้เหมือน ก็ช่างมันเถอะ อย่างไรตอนนี้ พวกที่ดูไม่เป็น แต่อยากได้ ก็โดนกระสุนอยู่ดี ไหนๆแล้วก็ช่างมัน
ส่วนคนนอกที่นับถือหลวงพ่อ ตอนนี้เข้ามาอ่านกระทู้นี้มาก ถ้าท่านใดที่อ่านแล้วไม่ใช่สมาชิก ถ้าสงสัย ก็เมล์มาได้น่ะครับ nemoh75@hotmail.com หรือ โทร 086 ปปปปปปป ( แก้ไข อันนี้เบอร์เก่าแล้ว ) ผมยินดี แก้สงสัยของท่าน ในเรื่องของหลวงพ่อทรงครับ แต่ย้ำผมไม่มีของขายน่ะครับ ผมช่วยได้แค่วิชาการ และแนะนำ ลักษณะ ตอบถึงอุปนิสัยของหลวงพ่อได้ แต่จัดหาของให้ท่านไม่ได้น่ะครับ ท่านอยากได้จริงๆ ต้องไปหาเองครับ
แต่อยากจะทำนายว่า วันหนึ่งเมื่อพระเนื้อผง หมดการหมุนเวียนไปจากตลาด และถ้ายังมีความต้องการอยู่ พวกปลอมคง จะพยายามทำพระผงปลอมออกมา ถึงตอนนั้นค่อยมาชี้จุดพระเนื้อผง ก็แล้วกันน่ะครับ
มาต่อที่ชันนะโรง เนื่องจากเบี้ยที่ผมได้มา เป็นชุดแรกๆ ซึ่งคงอยู่ในกลุ่ม หลายพันตัว ที่ใช้ชันนะโรง จากก้อนแรก ชันนะโรงก้อนนี้ สังเกตออกพอได้ เพราะก้อนเดียวกัน รังเดียวกัน แหล่งอาหาร น้ำหวานเดียวกัน ลักษณะคล้ายๆกัน น่าจะเป็นจุดร่วมสังเกตได้อีกอย่างหนึ่ง
เบี้ยที่ผมมี ผมได้ให้นายหมีถักให้หมดแล้ว จึงมองไม่เห็นชันนะโรง จะเหลือเบี้ยเปลือย ก็เลี่ยม ปลาสติก กันน้ำไปแล้ว เบี้ยสองตัวในรูปก็โชว์ไปแล้ว แต่ต้องเอามาโชว์อีก เพราะสามารถถ่ายรูปได้ เบี้ยนี้ ใช้ชันนะโรง ดำออกแดง ใสๆ มีจุดสังเกตได้ นอกจากนั้น ยังมีรอยเขลอะๆ ตามธรรมชาติให้ดูอีก จึงต้องนำมาฉายซ้ำ เบี้ยนี้เป็นเบี้ยจั่นน่ะครับ ผมแจกเขาไปเยอะ เหลือแค่นี้แหละครับ และตัวเล็กใช้ติดตัวอยู่
เบี้ยจั่น ขนาดสองตัวนี่ เขื่องหน่อย มีเอกลักษณ์
ลักษณะของชันก็คล้ายกัน ดูดำๆ ใสๆ แต่พอมองกับแสงแล้ว ก็ออกสีแดงๆใสๆน่ะครับ
โปรดสังเกตบนหลังเบี้ยจะมีรอยเขลอะๆ เปื้อนๆ ของ ชันนะโรงน่ะครับ รอยนี้เป็นรอยธรรมชาติ สังเกตได้ง่ายบนเบี้ยจั่น เพราะมีสีขาว แต่บนเบี้ยแก้ที่ผมมีก็มีครับ ทำให้เห็นลักษณะของชันง่ายขึ้น
ถ้าท่านไปเจอเบี้ยลักษณะนี้ มีรอยเขลอะๆ แบบนี้ และชันนะโรงลักษณะ ดำๆ แดงๆใสๆ แบบนี้ คว้าไว้เลยน่ะครับ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป และมีความเก่าลงบ้างตามกาลเวลา
ใช้การสังเกตเป็นหลักน่ะครับ ดูภาพรวมๆ ของลักษณะ ปรอท ว่าดังอย่างไร ที่บอกแบบนี้ อยากให้เล่นชุดของวัดมากกว่า เพราะอย่างน้อย มีเอกลักษณ์ ของปรอทอยู่ ดูชัน ดูภาพรวมของการเปลอะของชัน แผ่นโลหะ การจาร ลายมือ หรือ โค้ด ตัว ท ไม่มีหัว ผมจะสรุปอีกทีตอนจบ
ที่สำคัญ อย่าโลภว่าถูก และอย่าเชื่อนิยายทุกชนิดครับ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองเมื่อต้องการเงินของคนอื่น เชื่อตาท่าน ตามเหตุผลประกอบอย่างเดียว
ผมจะบรรเลง รอยถัก และ ลายมือหลวงพี่วิโรจน์แบบเจาะลึกน่ะครับ แต่ขอเวลา เพราะต้องมีสมาธิ
แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2009
เขียนไว้เมื่อ มีนาคม ๒๕๕๑ ครับ -
การถักบนตัวเบี้ย
เบี้ยยุคแรกชุดทำที่วัดน่ะครับ มีเบี้ยตัวใหญ่ๆหน่อย ชุดนั้นก็เป็นเบี้ยเปลือยซ่ะเยอะ พอหลังๆมา ตัวเล็กลง หลวงพี่วิโรจน์ก็แก้ด้วยการถัก ให้ดูตัวใหญ่หน่อย เบี้ยชุดนี้ทำมาเป็นปี ตั้งแต่ ปี ๔๘ มาจนถึงหลวงพ่อป่วยและมรณะภาพ ถักเดี่ยวๆก็มี ถักเป็นสายคาดเอวกับตะกรุดก็มี
ตามรูปบนเป็นเบี้ยเปลือยและ เบี้ยถัก เบี้ยที่ถักนี้มี ฟัน สามสิบสองซี่ ทุกตัวครับ
ผมไม่ได้เก็บเบี้ยที่หลวงพี่วิโรจน์ถักไว้เลย เพราะตอนนั้นผมได้เบี้ยจากมือหลวงพ่อไว้แล้วหลายตัว เลยไม่ได้นึกจะเก็บเพิ่ม แต่ทยอยซื้อหอยและปรอทไปถวายหลวงพ่อ
พระวิโรจน์สอนนายหมี ในการถักเบี้ยถักตะกรุดไว้ สองคนนี่จะถักเหมือนกัน มีความแตกต่างอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ จำลายนี้ก็ใช้ได้ ผมนำมาโชว์ไว้เผื่อเป็นทางเลือกให้พวกท่านอีกทาง เผื่อไปได้เบี้ยจากคนที่เขาว่าได้มาจากวัด และมีลายถักแบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูง แต่จะมีเคล็ดอยู่บ้าง
ลายแบบนี้เรียกว่าอะไร บอกตามตรงผมไม่ทราบเหมือนกัน ถามคนถักมันก็ยังไม่ทราบว่าเรียกอะไร...แหะๆ ผมว่าไปตามที่เห็นก็แล้วกัน
แต่ให้สังเกตการเกาะกันของด้ายดิบน่ะครับ จะเป็นตาๆ และค่อนข้างมีระเบียบ จะไม่ถี่แน่นเอี้ยดเหมือนสายนครปฐม เหมือนมีลายวนรอบตัวเบี้ย และตรงที่หัวเบี้ยเปิดอยู่จะยกขอบวนรอบตัว ดูสวยและแน่นหนา
นอกจากนั้นยังมีแบบที่หลวงพี่วิโรจน์ ถักกับตะกรุดไว้ด้วย แต่ที่ผมเห็นเป็นตะกรุดตะกั่ว
ของหลวงพี่วิโรจน์จะไม่ใช้ด้ายดิบน่ะครับ แต่ใช้ เชือกไนล่อน ส่วนใหญ่จะสีเขียว และผมจำได้แว็บๆว่ามีสีขาวด้วยครับ
แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2009
เขียนเมื่อ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๒
-
benay_watmon@hotmail.com (เบ็น 083 -6139417)
ครับผมขออนุญาติพี่พี แสดงความเห็นในมุมของผมครับ แต่แนวทางเดียวกัน ถือว่าช่วยพี่อีกแรง ความจริงไม่อยากบอกมากแบบที่พี่พีบอกมันเป็นดาบสองคม แต่ยังไงเพื่อช่วยกันลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกันครับ กันโดนได้ ระดับหนึ่งนะครับ แต่ไม่ทั้งหมด
ครับอย่างที่พี่พีพูดมาน่ะถูกครับ ตามที่ผมได้รับรู้มา ส่วนลายที่ถักนี้มีเคล็ดอยู่อีกอย่าง เขาเรียกลาย รวงผึ้ง ครับการถักนี่ถักร้อยสอดทีละเส้นนะครับใช้เวลามากยุ่งยากไม่เหมือนใช้การสอยการสอยหากหลุดเส้นเดียวหลุดหมดครับ แต่ถักแบบสอดทีละเส้นนี่หลุดเส้นใครเส้นมันสามารถผูกได้และไม่หลุดรุ่ย อันนี้เป็นข้อสังเกต
การถักนี้มีถักกันหลายคนครับที่วัดแต่ครูเดียวกันครับแนวเดียวกันพิจารณาไม่ยาก พี่พีไม่มีตัวอย่างหลวงพี่โรจน์ถักพอดีผมมีขอ อณุญาติพี่พีโชว์แบบให้ดูเป็นวัคซีนครับ ความจริงไม่อยากออกตัวเท่าไรครับแต่เห็นแล้วต้องช่วยกัน ข้อความนี้ไม่ได้หมายความว่า ของแบบอื่นเก๊เพราะทำมาหลายสาย แต่ถ้าเล่นไม่มีหลักก็ล้มครับ เลยมีแนวให้อันนี้ไม่ได้เก่งขอออกตัวไว้ก่อน แฮ่ๆ
เบี้ยหลวงพี่โรจน์ถัก บางทีพระที่วัดก็ถักนะครับอันนี้แนวเดียวกันแต่ไม่เหมือนกันทุกตัว ที่ไม่เหมือนเปะก็เพราะแฮนเมดนะครับแฮ่ๆ ไม่ได้ใช้เครื่อง ต้องดูองค์รวม
เบี้ยถักสีขาว
เบี้ยถักสีเขียว
แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2009
ของคุณ เบ็น วิเศษฯ มาร่วมแจมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๑ น่ะครับ ตอนนั้นเป็น เซียนพระ แต่ตอนนี้เป็นเซียนใหญ่ไปแล้ว เล่นพระหลักแสน คงเป็น อภิมหาเซียน เล่นหลักล้านอีกไม่นาน ไม่เกิน สิบปี
ห่วงแบบห้อยพระ สแตนเลส ผมเคยซื้อไปถวายอยู่ ระยะหนึ่ง เป็นถุงๆ หลังๆ ท่านหาได้เองเลยไม่ได้มาบอกผม
-
เดี๋ยวว่างๆมาต่อ น่ะครับ มีคำถามมาสองสามอย่าง
-
ขอบคุณครับ คุณเบ็นที่มีรูปเบี้ยลายถักหลวงพี่วิโรจน์ มาโชว์ลายถัก
ความแตกต่างก็คือ เชือกไนล่อนเส้นจะใหญ่กว่าด้ายดิบ ทำให้ลายถัถดูหยาบกว่า ซึ่งผมดูแล้วไม่ชอบ เลยวานให้นายหมีถักให้ด้วยด้ายดิบ จะเล็ก ละเอียดกว่า ผมเคยเห็นหลวงพ่อเจือ สอยเบี้ยด้วยด้ายตาสมอน่ะครับ ลายถักของท่านละเอียดยิบ แน่น สวยงามมาก
การเอามาบอก อย่างที่ว่าก็เป็นดาบสองคมเหมือนการชี้จุดพระเครื่องเหมือนกัน บอกไป พวกทำปลอมก็พยายามทำให้คล้ายออกมาอีก แต่ถ้าไม่บอกก็โดนกันอยู่แล้ว ทั้งในบอร์ด ที่ขายกันหลายเจ้า ในเน็ต และนอกเว็บ เป็นเบี้ยเปลือยที่ฝีมือหยาบๆ ถึงหยาบมาก มีการเอาตะกรุดมาฝัง เอาแผ่นทองเหลืองมาปิด ตอกโค้ดบ้าง หรือปิดทอง อำพราง ชันนะโรง แต่ถ้ามาจากวัดเลยจริงๆไม่มีน่ะครับ ถ้ามีก็เอาทอง เอาตะกรุดมาฝังกันเอง หรือ ทำเฉพาะตัว จะแยกลำบาก ต้องดูหน้าผู้ขายอย่างเดียว ผมไม่ได้บอกว่าไม่มี แต่เขาคงทำมาเฉพาะแล้วไปให้หลวงพ่อเสกให้เอง
แต่ถ้าไม่พูด คนที่ไม่ทราบก็จะโดนพวกนี้หลอกเอาเงินอยู่แล้วครับ โดยของปลอมง่ายๆ โดยล่อใจว่าราคาถูก คนซื้อเลยกล้าซื้อวัดดวง แล้วก็โดนทุกรายครับ
มาเล่นที่พอมีหลัก มีเกณฑ์ ดีกว่าอย่างน้อย น่าจะมีหลายพันตัว ดีกว่าวิ่งเข้าชนแล้วไม่มีหลักอะไร
อย่างน้อย ก็ให้คนปลอมมันถักรังผึ้งออกมา ให้มันพยายามหน่อย ถ้าถึงจุดนั้น แล้ว แยกกันไม่ออก ก็เลิกเล่นกันไปเลย...แหะๆ
พี เสาวภา, 15 มีนาคม 2009 -
วันที่ได้เบี้ยตัวนี้เป็นโอกาสแบบไม่ได้คาดหมายคืออ่านกระทู้นี้ของพี่พีจบและกำลังจะออกจากเวปแล้วนึกอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนมีอะไรดลใจเลยย้อนกลับไปที่กระทู้ของคุณเบน เจอเบี้ยพอดีเลยรีบลงจองเอาไว้ ยังกลัวว่าจะมีคนอื่นจองทาง PM ตัดหน้าก่อนแต่ในที่สุดก็ได้มาสมกับที่ขอท่านเอาไว้
และเมื่อวานนี้ก็ได้พระผงรูปเหมือนของหลวงพ่อมาโดยไม่คาดหมาย เจ้าของแผงพระถามว่าเคยเห็นพระหนาแบบนี้หรือไม่ พอได้ยินคำว่า พระหนา ผมรู้ทันทีเลยว่าต้องใช่พระของหลวงพ่อทรงแน่ๆ พอเขาหยิบออกมาให้ดู เหมือนฝัน ใช่จริงๆด้วยหลวงพ่อมาโปรด ผมเลยเก็บตามระเบียบราคาหลักร้อย เป็นวาสนาจริงๆ
ภาพสแกนด์อาจไม่ชัดเท่าที่ควร
ข้อความจากสมาชิกที่เกี่ยวข้อง
ศนิวาร, 16 มีนาคม 2009
หน้า 3195 ของ 3280