เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    มีดโบวี่นี่ ท่าน ผบ ทหารพรานยุคนั้นทำแจก
    น่าจะเหล่าๆขุนพล มี เบอร์วิ่ง หรือ running number ของผมเบอร์ 100 อราบิค และเข้าพิธี ไม่น่าจะพิธีเดียว น่าจะมีพิธีแบบพราหมณ์มาก่อน ผมได้มา เลยไปขอท่านพระครูจารและ ลงให้ เอาเข้าพิธีไหว้ครูจึงรับกลับ และ แปลกมาก พอได้มา เรียก ฝันก็แล้วกัน แต่ติดตามาก ได้มีวาสนาเห็น ท่านขุนพันธ์ แต่งชุดขาว นุ่งโจงกระเบน ไว้หนวดโง้ง มีอายุแล้ว ผอม ดำ เกร็ง ผมขาวดอกเลา ทำถือมีดนี่ในมือขวาแล้ว รำมีดให้เดิน ท่าเยี้อง ท่าย่าง ไปทางขวามือท่าน ควงมีดในมือ ท่าทางคล่องแคล่วมาก แล้วหักหันกลับมา เดินกลับมาที่เก่า จบด้วยท่าสุดท้าย จำไม่มีพลาด คือ ท่านารายณ์ ขว้างจักร ยืนขาซ้ายขาเดียว ขาขวายกขึ้น มือขวา กำด้ามมีด ในท่าขว้าง เหมือนรำให้ดู ผม ดีใจขนลุกซู่ รีบกราบท่าน ท่านมาหน้าเฉย ไม่ยิ้มม ไม่ถมึงทึง เหมือน มาสั่งสอน แล้วภาพเลือนหายในท่านั้น
    ผมไม่เคยได้มีวาสนารู้จักท่านปู่ขุนพัน์ แต่รู้จักท่านจากหนังสือและงานเขียนของท่านและทราบดีว่าท่านเป็นตำรวจน้ำดี มีสัจจะ มีครู มีคาถาอาคมขลัง น่าจะหลายสิบปี เกินสามสิบกว่า มาแล้วท่านแต่ชุดแบบนี้แหละ ไปงานพิธีหนึ่ง ห้อยพระ หรือเหรียญอันเบ้อเริ่มที่คอท่าน นอกเสื้อ
    คนที่ไปงานพิธี ก็เยอะ อยู่ มีพี่คนหนึ่งเอาปลัดให้ท่านลง เขาถ่ายรูปไว้ ท่านปู่ขุนพันธ์ เอาเหล็กจาร หรือปากกา ดูไม่ชัดลงให้เดี๋ยวนั้นเลย ผมนี่อื้อฮือ เรามีวาสนาไปมั่งจะขอให้ท่านเมตตา ลงปลัดงาไว้ใช้ติดตัว ของคนดีแบบท่าน เป็นของวิเศษของเทพยดา เอาไว้ปกป้องคุ้มครอง ตัวได้ ท่านก็แต่งชุดคล้ายๆแบบที่ผมเห็นนี่แหละ แต่ไม่คล้องพระ
    กราบท่านปู่พลตรี ขุนพันธ์ฯ ยอดตำรวจไทยครับ

     
  2. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    มีดโบวี่ กูผู้ชนะ
    ท่าน ผบ ทหารเมตตา ทำแจกทหารพราน น่าจะปีเดียวกับเหรียญที่แจก พวกทหารพราน ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะไปรับมีดหลังจากท่านพระครูมานิตย์ลงให้ กลับมา ฝัน ชัดเป๊ะ ว่าท่านขุนพันธ์มารำมีดนี่ให้ดู ผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่านปู่ขุนพันธ์เลย เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงของความดี ความขลังของท่าน ลองหาเรื่องเก่าๆก่อนน่ะครับ
    มีดโบวี่นี่ ท่าน ผบ ทหารพรานยุคนั้นทำแจก
    น่าจะเหล่าๆขุนพล มี เบอร์วิ่ง หรือ running number ของผมเบอร์ 100 อราบิค และเข้าพิธี ไม่น่าจะพิธีเดียว น่าจะมีพิธีแบบพราหมณ์มาก่อน ผมได้มา เลยไปขอท่านพระครูจารและ ลงให้ เอาเข้าพิธีไหว้ครูจึงรับกลับ และ แปลกมาก พอได้มา เรียก ฝันก็แล้วกัน แต่ติดตามาก ได้มีวาสนาเห็น ท่านขุนพันธ์ แต่งชุดขาว นุ่งโจงกระเบน ไว้หนวดโง้ง มีอายุแล้ว ผอม ดำ เกร็ง ผมขาวดอกเลา ทำถือมีดนี่ในมือขวาแล้ว รำมีดให้เดิน ท่าเยี้อง ท่าย่าง ไปทางขวามือท่าน ควงมีดในมือ ท่าทางคล่องแคล่วมาก แล้วหักหันกลับมา เดินกลับมาที่เก่า จบด้วยท่าสุดท้าย จำไม่มีพลาด คือ ท่านารายณ์ ขว้างจักร ยืนขาซ้ายขาเดียว ขาขวายกขึ้น มือขวา กำด้ามมีด ในท่าขว้าง เหมือนรำให้ดู ผม ดีใจขนลุกซู่ รีบกราบท่าน ท่านมาหน้าเฉย ไม่ยิ้ม ไม่ถมึงทึง เหมือน มาสั่งสอน แล้วภาพเลือนหายในท่านั้น
    ผมไม่เคยได้มีวาสนารู้จักท่านปู่ขุนพัน์ แต่รู้จักท่านจากหนังสือและงานเขียนของท่านและทราบดีว่าท่านเป็นตำรวจน้ำดี มีสัจจะ มีครู มีคาถาอาคมขลัง น่าจะหลายสิบปี เกินสามสิบกว่า มาแล้วท่านแต่ชุดแบบนี้แหละ ไปงานพิธีหนึ่ง ห้อยพระ หรือเหรียญอันเบ้อเริ่มที่คอท่าน นอกเสื้อ
    คนที่ไปงานพิธี ก็เยอะ อยู่ มีพี่คนหนึ่งเอาปลัดให้ท่านลง เขาถ่ายรูปไว้ ท่านปู่ขุนพันธ์ เอาเหล็กจาร หรือปากกา ดูไม่ชัด ท่านเมตตาลงให้เดี๋ยวนั้นเลย ผมนี่อื้อฮือ เรามีวาสนาไปมั่งจะขอให้ท่านเมตตา ลงปลัดงาไว้ใช้ติดตัว ของคนดีแบบท่าน เป็นของวิเศษของเทพยดา เอาไว้ปกป้องคุ้มครอง ตัวได้ ท่านก็แต่งชุดคล้ายๆแบบที่ผมเห็นนี่แหละ แต่ไม่คล้องพระ
    กราบท่านปู่พลตรี ขุนพันธ์ฯ ยอดตำรวจไทยครับ








     
  3. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    มีแสตมป์ รูปทหารพรานแบบหลังเหรียญ มีชื่อ ท่าน ผบ ผู้สร้างและ ลายเซ็นต์เลยน่ะครับทำได้ปราณีตมาก เหล็ก คงเป็นเหล็กแหนบ แข็งแรงมากครับ

     
  4. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    เหรียญสร้างชาติ พ.ศ. ๒๔๘๒
    เหรียญนี้สร้างขึ้นมาตามดำริห์ ของท่านผู้นำ จอมพล ป.พิบูลสงคราม สมัยนั้น เพื่อเฉลิมฉลองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ( ที่ไม่เคยมีอยู่จริง อนุสาวรีย์ เขาจะสร้างให้สิ่งที่ตายไปแล้วทั้งนั้น เป็นธรรมเนียมทั่วโลก ตายไปแล้วเขาถึงสร้างให้ เป็นๆ เขาไม่สร้าง แนวคิดนี้จัดว่าเป็นลาง ...... )
    การปลุกเสก ได้จัดพิธีชัยมังคลาภิเษกปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์วราราม
    โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงเป็นองค์ประธานในพิธี
    เจ้าคุณศรีฯ (สนธ์) เป็นเจ้าพิธี
    ปลุกเสกกับอดีตเกจิดัง ๆ อาทิ
    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม
    หลวงพ่อพุก วัดพระยาทำ
    หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    หลวงพ่ออี๋ วัดสัดหีบ
    หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว
    หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง
    หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใด้ ฯลฯ
    และน่าจะมีพระสายกรรมฐานหลายท่าน แต่ไม่มีชื่อปรากฎ แต่ไม่มีหลวงปู่มั่นแน่ๆ ท่านคงไม่มา
    ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี
    อานุภาพของเหรียญเชื่อกันว่าครบสูตร แก้คุณไสย เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย พกพาได้ทุกที่ไม่มีเสื่อม ว่ากันว่าแจกทหารไทยแขวนไปรบในสงครามอินโดจีน มีประสบการณ์
    แต่ มาจนบัดนี้ราคาไม่เท่าไหร่ หลักร้อยแก่ ยังไม่ค่อยเดิน ขนาดเหรียญเก่าแก่ พิธีดีขนาดนี้
    แต่ถ้าเหรียญนี้สร้างเป็นรูปล้นเกล้า ในหลวง ร ๗ ป่านนี้ราคาไปเป็นหมื่น ๆ เพราะอายุ จะร้อยปีแล้ว ทองแดงเก่าๆ คนออกแบบเป็นถึงศาสตราจารย์ทางศิลป เป็นปูชนียบุคคล
    พระที่มาปลุกเสก ก็ ระดมมาแบบชั้นยอด เพราะเขามีอำนาจ มีปืน พระท่านก็เกรงใจด้วยเห็นว่าเป็นฝ่ายบ้านเมือง
    แต่ที่ผมทราบจากบรรพบุรุษ ไม่เกรงใจก็มีน่ะครับ ด่าซะด้วยและไม่มาร่วมงาน ทหารหรือข้าราชการเจ้าหน้าที่ไปหาก็ไม่เจอ ท่านก็หลบเข้าป่าไป ไม่เอาด้วย
    และความจริงคือ เรื่องนี้เล่าไปแล้วในพลังจิต ไม่เป็นที่นิยมในยุคนั้น เพราะชาวบ้านไม่ค่อยรู้จักคณะราษร์ ใคร ที่ไหน ชาวบ้านไม่รู้จักประชาธิปไตย เดี่ยวนี้ก็ยังไม่รู้จัก คิดว่าเป็นแค่เสียงส่วนมากฝ่ายเดียวแต่ชาวบ้านรู้จักแต่ในหลวง และ คณะราษฎร์ไปปล้น ในหลวงท่านมา นี่เป็นสิ่งเท่าชาวบ้านชาวไทยทราบ โดยเฉพาะ ชาวไทยต่างจังหวัด ...
    ตาผมท่านก็ได้แจกมาเหมือนท่าน ท่านเป็นข้าราชการ เป็นผู้พิพากษา ได้มาถึงบ้านท่านเขวี้ยง ลงคูเมืองหลังบ้าน ( อยุธยา ) มีด่าด้วยประมาณว่าออกไปจากบ้านกู จัญไร ประมาณ นั้น คนเขวี้ยง คนเล่าตายไปแล้ว เลยยืนยันคำด่าชัดๆไม่ได้ แต่ไม่สุภาพ เพราะรังเกียจคณะราษฎร์
    แต่ยายผมแบบผู้หญิงๆ ท่านไปแอบไปงมไม่ให้ตารู้เก็บมาแอบไว้ จนมาถึงรุ่นผมได้เห็นและผมเอาไปหล่อพระไปแล้ว อุทิศให้ ตา ยาย แม่ พ่อ ญาติพี่น้อง
    ว่ากันว่าแจกทหารติดตัวไปรบก็มี ทั้งสงครามอินโดจีนและ เกาหลี มีประสบการณ์เพราะดูหลวงพ่อที่มาปลุกเสกก็แล้วกัน เหรียญพวกท่าน รุ่นแรก ระดับแสน ระดับล้านทั้งนั้น
    เหรียญนี้ของลุง ท่านหนึ่ง ห่างๆกัน ท่านก็เก่าเก็บ เหมือนมีรอยจาร สองแถว หรือ ท่านเขียนชื่อท่านไว้ผมอ่านไม่ออก
    .......................................................................


     
  5. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    พระพุทธโสธรเนื้อเงินผสมทองคำ

    เนื้อเงินผสมทองคำ เทในฤกษ์ ตอกสามโค็ด

    เททองโดยหลวงพ่อใจและ พระครูมานิตย์ หลวงพ่อใจ ปลุกเสกตลอดไตรมาส แบบเนื้อทองแดงท่านเอาแจกงาน กฐิน

    หล่อและเสกในพิธีเดียวกันกับเหรียญใบสาเกสดุ้งกลับ

    เหรียญหล่อโบราณ หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ รุ่นบูรณะหอระฆัง

    เป็นเหรียญหล่อ ปางสดุ้งกลับ ใบสาเก หล่อได้สวยงามมาก ที่วัดเอามาออก พรึ้บเดียวไม่นาน เกลี้ยงได้เงินล้านกว่าบาท ตามที่ทราบท่านลง วิชามหาปราบ กระดอนสะท้อนสายแม่กลอง ปลุกเสกยาว ๑ พรรษา เอาไปเก็บยาวมีค่าหรือ เอาไปให้คนบู๊ๆ ลุยๆห้อยคอน่ะครับ เหรียญหล่อได้สวยงามมากครับ

    ประวัติ

    ทั้งนี้จึงได้รวบรวมมวลสาร โดยหล่อเหรียญให้ออกมาเป็นเนื้อนวะโลหะ และ ได้หล่อเหรียญเทหล่อ ( ในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ )

    วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๐๙ นาฬิกา ได้พุทธาภิเษก ๓ วาระ

    วาระที่ ๑ ตลอดไตรมาส หรือ พรรษา ๒๕๕๘

    วาระที่ ๒ พิธีจันทร์เพ็ญ หรือ วันลอยกระทง

    วาระที่ ๓ วันปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ได้จัดสร้างเป็นเหรียญชนวนนวะโลหะ จำนวน ๒๕๕๙ เหรียญ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อ บูรณะหอระฆัง วัดพระยาญาติ

    จะเห็นว่าเหรียญนี้ คนออกแบบ และ ช่างทำได้สวยงามจับใจ หล่อแบบเทซ่ะด้วย เนื้อหา มวลสาร พิถีพิถัน การปลุกเสก ยาวนาน สุดยอดครับ

    เหรียญรูปใบสาเก สดุ้งกลับ เนื้อสัมฤทธิ์เดช ( นวโลหะ ทางวัดเรียก ) ๒๕๐๐ เหรียญ ถวายหลวงพ่อไป ๒๐๐๐ เหรียญ เนื้อนี้ทางวัดเขาจึงแจ้งยอดมาว่า สร้าง ๒๐๐๐ นะครับ จริงๆหล่อ ๒๕๐๐ เหรียญ แบ่งกันไปหมู่ผู้สร้างมีหลายคน

    ของวัดหมดนานแล้วครับ เหรียญนี้หลวงพ่อใจยังชม ว่ามีมงคลมาก ตอนเททอง มีคนเห็นพระใหญ่ อยู่เหนือ พิธีน่ะครับ เหรียญจำหน่ายได้เงินล้านกว่าบาท เอาไปสร้างหอระฆังทุกบาทครับ

    เหรียญนี้ ทำได้ ปราณีต พิถีพิถันจริงๆ ทั้งานช่าง งานไสยเวทย์ การลงอักขระเลขยันต์ ตลอดการเท ที่เทโดยผู้มีบุญมีศีลบริสุทธิ์ พิธีทั้งหมด เข้าขั้นเทพระกริ่งแบบโบราณเลยครับ เสียดายน่าจะเท พระกริ่ง พระชัยฯ ไว้สักอย่างล่ะช่อ

    การปลุกเสกก็ปลุกเสกเดี่ยว กับมีพิธี สามวาระ ยาวนานมากครับ

    ได้พุทธาภิเษก ๓ วาระ

    วาระที่ ๑ ตลอดไตรมาส หรือ พรรษา ๒๕๕๘ เสกเดี่ยวในกุฏิหลวงพ่อใจ

    วาระที่ ๒ พิธีจันทร์เพ็ญ หรือ วันลอยกระทง

    วาระที่ ๓ วันปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙

    ประวัติคร่าวๆ ผม เห็นพระเหรียญในวงการนี้มา ๔๐ กว่าจะ ๕๐ ปีแล้ว บางรุ่นรู้เลยว่าจะดัง แต่ตอนนั้นยังเด็ก ยังหนุ่ม ไม่ค่อยมีตังค์เก็บไว้ เช่นปิดตาปลดหนี้ ออกจากวัด วางเป็นถาดมีเต็มไปหมด องค์ล่ะ ๑๐๐ บาทกล่องยังไม่มีเลย มาตอนนี้ราคาทะลุไปร้อยเท่าครับ

    เหรียญหล่อใบสาเก สดุ้งกลับนี้ ฟันธงเลย อีกหายากแน่นอน เพราะประวัติดี การสร้างดี หลวงพ่อใจเททอง เอง ผสมโลหะ ช่างมาเทต่อจนจบ เสกก็ยาวนาน
    เหรียญหล่อ นี่มีประสพการณ์ ทางคงกระพัน แล้ว วัยรุ่น มีเรื่องกัน ฟันไม่เข้า มา น่าจะมีประสบการณ์ตามมาอีกเรื่อยๆครับ

    ในพิธีนี้ท่านผู้มีตาในเงยหน้าเห็นพระองค์ใหญ่มากลอยคลุมพิธี ( สมเด็จองค์ปฐม ) ตอนหลวงพ่อใจท่านเททอง

    .....................................

    พระชุดหลวงพ่อโสธรเนื้อเงินเททองหล่อในพิธีเดียวพร้อมกับเหรียญใบสาเกเนื้อเงิน ตอนนี้เหรียญใบสาเกเนื้อเงิน มีคนหา ในราคา ๒๐๐๐๐ บาท ผมยังเก็บไว้อยู่ครับ


    เนื้อทองแดงเอาชนวนมาผสมทองแดงหล่อเพิ่มอีก ๒๐๐๐ องค์ ถวายหลวงพ่อใจ พระครูมานิตย์ ไปประมาณ ครึ่งหนึ่ง ปลุกเสกพร้อมกัน
    ภาพในพิธี

    เนื้อเงินออก ๑ หมื่นบาท

    รูปหล่อ ๓ นิ้ว ทำแค่ ๑๐ องค์ ออก ๑ หมื่นบาท ท่านใด สนใจทัก ผมจะถ่ารูปให้ดูฟรี ดูแล้วไม่เอาไม่มีปัญหาครับ

     
  6. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    ภาพในพิธีแบบย่อ หลวงพ่อใจเททอง และพระครูมานิตย์

     
  7. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    ตะกรุดมหาบุรุษ ๘ จำพวก จันทร์เพ็ญ ไตรมาส ๖๖
    ลงตามวิชาและเคล็ด หลวงพ่อทรงวัดมอญ และ เคล็ด หลวงปู่จาก ประเทสลาว
    ตะกรุด มหาบุรุษ 8 จำพวก
    อุปเท่ห์การบูชา ตั้งนะโม 3 จบ
    สำนึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณครูอาจารย์ 30 ทัศน์ ตั้งจิตให้สงบนมัสการว่า
    เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา
    จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ
    เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา
    เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ
    อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
    เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุฯ
    แล้วภาวนาหัวใจคาถา 3 ครั้ง
    ทุสะมะนิ
    นิมะทุสะ
    ทุสะมะนิฯ
    ได้จัดสร้างปี ๒๕๖๖
    เนื้อเงิน ๕๖ ดอก
    เนื้ออัลปาก้า จำนวน ๑๐๘ ดอก เป็นยันต์โบราณสารพัดบูชาอธิษฐานแลฯ
    มีเลขกำกับทุกดอก ตามรูปเงิน เลขที่ ๒๐ และ อัลปาก้า เลขที่ ๕๕









     
  8. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    รอยจารลายมือ หลวงปู่ฝั้น
    ตามประวัติ ยุคท่านมาอยู่ถ้ำขามแล้ว ประมาณ พ.ศ. ๒๕๑X รอยจารยังกดหนักมีพลัง
    ท่านจารแบบเดียวกันหมด โยมสกลนครเอาไปติดเสาบ้านครับ
    แผ่นเงินสองแผ่น ทองเหลือง ๑ แผ่น ที่มีรอย เอาไปม้วนเป็นตะกรุดครับ







    โชว์เป็นวิทยาทาน
     
  9. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    มา ตจว อีก สองสามวันกลับครับ ใครมีคำถามเกี่ยวกับพระ หลวงพ่อทรง ถามได้ ผมจะตอบเท่าที่รู้ครับ
     
  10. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    แม่พิมพา วัดท้องไทร ( ต่อ ) แม่พิมสวน

    ตกลงผมเล่าปูพื้นเรื่องไม้ตะเคียนทองไปแล้วน่ะครับ ท่อนใหญ่แกะ แม่พิมประจำวัด ท่อนเล็ก แกะ ตนเล็ก ถวายหลวงพ่อ แจกจ่ายกัน ผมไม่เคยเอาไปขายใคร แต่มีคนถามซื้อ จะมีใครนำไปขายต่อ หรือ แจมมา ตอนทำมีแน่ๆแต่จำนวนไม่น่ามากเพราะเศษไม้ ที่ถากออกท่อนไม่ใหญ่มากมาย ตอไม้ตะเคียนตอนี้ เป็นตอเล็กๆแค่พอเเกะเเม่พิม พอดี เหมือนกับสั่งตัดไว้
    แล้วเศษๆที่แกะไม่ได้ล่ะ มีเยอะ ครับ ขนาดถุงปุ๋ย น่าจะสักสองถุงเต็ม ประมาณๆ ผมสั่งเก็บหมด และ ให้ช่างเอาไปบดด้วยเครื่องบดยา









     
  11. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    แม่พิมสวน หรือ แม่พิมศวร
    ที่จริงเรื่องนี้เขียนไปแล้ว แต่มาคุยกับพี่น้องคนหนึ่ง ถึงแม่พิมสวน เลยอยากบันทึกไว้ ให้หมดเท่าที่ทราบ จะโดนใจใคร ตรงใจหรือไม่ ตัวใครตัวมันครับ ท่านก็ไม่มีสังขารอยู่แล้ว เหลือแต่ดวงจิตอันวิสุทธิ์ของท่าน
    หลวงพ่ออั้บท่านเป็นปรมาจารย์ด้านเครื่องรางของขลังสักเสกเลขยันต์ ท่านเรียนมาร้อยกว่าวิชา แต่ที่ทำขึ้นที่สุดคือวิชาแม่พิม ท่านบอกผมเองไม่ต่ำกว่าสามครั้ง ต่างวาระ ว่า กูเรียนมาร้อยกว่าวิชาสู้แม่พิมไม่ได้สักวิชา ประโยคนี้ ตรงตามคำพูดท่านทุกอย่าง คำว่าสู้ไม่ได้ คือ แม่พิม ขลังที่สุด ทำขึ้นที่สุด ตามวาสนาบารมีท่าน
    หลวงพ่ออั้บท่านเป็นพระหวงวิชา เพราะแต่ล่ะวิชากว่าท่านจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นวิชากันงู ใครใช้กันงู ท่านลงไว้ใน เครื่องราง ตะกรุด เบี้ย แหวน พระเครื่องบางรุ่น เป็นกันงู และดูดพิษ แต่ที่ตรงจังๆที่สุดต้องเป็นตะกรุดกันงู ที่มีตัวตะกรุดและ ข้อ จรเข้ขบฟัน สองข้างคือ ๗ และ ๙ รวมกัน ๑๖ ข้อ กำกับ
    จะกันงูครบเครื่องต้องตะกรุด และมีข้อปม จรเข้ขบฟัน ๑๖ ข้อหรือปม ตามตัวเลขโสฬส
    เหมือนตะกรุด ชุด ๑๖ ดอกของอาจารย์ท่านหรือ หลวงพ่อจง ซึ่งเป็นยอดตะกรุดของท่าน ที่สุดของที่สุดแล้ว ลงวิชาตามจำนวนโสฬส คุ้มครอง ๑๖ ได้อย่าง คือ
    ๑. เกราะเพ็ชร
    ๒. พรหมสี่หน้า
    ๓. มหานิยม
    ๔. คงกระพันชาตรี
    ๕. กันเขี้ยวงา
    ๖. เมตตา
    ๗. แคล้วคลาด
    ๘. กันกระทำ กันคุณคน คุณผี
    ๙. กันไฟ
    ๑๐. มหาอุด
    ๑๑. กันภัยทางอากาศ
    ๑๒. เดินทางไกลไม่เหนื่อยเมื่อยล้า
    ๑๓. กระทู้ 7แบก คุ้มทิศบูรพา เสกเป่าไล่พิษสัตว์กัดต่อย
    ๑๔. กันฟ้าผ่า
    ๑๕. เป็นนะจังงัง
    ๑๖. มหารูด แล้วแต่จะรูดไว้หน้าหรือหลัง
    ตกลงครบ ๑๖ อย่าง กันแปดทิศ คุ้มครองครอบจักรวาล บน ล่าง แต่ที่ท่านเน้นกันงู เพราะยุคนั้น ก็น่าจะยุคนี้ด้วย ชาวไร่ ชาวนา เจองูพิษเยอะ แล้วกว่าไปหาหมอมันยาก เอากันงู ดูดพิษ กันอสรพิษ ไว้ก่อน กันตาย
    ผมเคยเอาตะกรุดเอว ๑๖ ดอกของหลวงพ่อแม้นลงตามตำราหลวงพ่อจง ไปให้ท่านชมดู ท่านบอกเอวนี้กันงูได้ สายวิชาท่านน่าจะมาจากหลวงพ่อจงด้วย
    หลวงพ่ออั้บชอบคุยเรื่องเครื่องรางของขลัง
    ถ้ามองว่าท่านเป็นศิลปินทาง เวทย์มนต์คาถา ท่านคือยอดศิลปินระดับครูที่สำเร็จหลายร้อยวิชา สามารถเลือกเอาวิชาต่างต่างๆเหล่านั้นมา เอาจุดเด่นมาผสมลงตัวกลมกลืนกัน และ อาคมไม่ขัดกัน ลงในวัตถุมงคลชิ้นเดียวได้ แบบตะกรุดกันงู
    ใครมีตะกรุดกันงูยุคเก่า ต้องมีครบ ๑๖ ปม และห้ามคลี่เด็ดขาด เป็นเคล็ดทางวิชาตอนท่านลง ท่านจะกลั้นหายใจเอาลิ้นดุนเพดานปากแบบ พระคณาจารย์รุ่นเก่าๆ ไม่พูดจาเด็ดขาด ภาวนามัดข้อต่อแต่ล่ะข้อ เพื่อลงอาคมทางกันเขี้ยวงา สัตว์ร้าย ให้มัดปาก อ้าปากไม่ขึ้น
    อันนี้ไม่ใช้แต่งู รวมพวกอสรพิษ ต่างๆแต่สัตว์หน้าขน หน้าเกลี้ยงทุกชนิด ให้อ้าปากกัดเราไม่ได้
    ส่วนคนทดลองแล้ว ไม่สามารถรวมมัดคนปากหมาได้ ขนาดสมเด็จบรมครูองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเองท่านยังเจอคนนินทาได้
    นอกเรื่องไปวันนี้จะพูดเรื่องแม่พิมสวน หรือพิมศวร หลวงพ่ออั้บอย่างที่กล่าว เนื่องท่านเป็นพระหวงวิชา วิชาเดียวท่านบอกคนสองคนไม่เหมือนกัน หรือ ได้ยินมาคนละอย่าง หรือ บอกวิชา คาถา และ เอามาตีความคนล่ะอย่าง
    เช่นท่านบอกคาถานี้ ใช้คุ้มตน เหมาะสำหรับคนๆนั้น แล้วมอบวัตถุมงคลให้ เช่นประสิทธิ์ตะกรุดโพธิ์กลับ ท่านที่ได้ ก็เข้าใจว่าเป็นคาถากำกับ ใช้ไปตามนั้นขลัง
    แต่บอกอีกคน แค่ว่าใช้อธิษฐานเอา ขลังเหมือนกัน
    อันนี้ตามมาตรฐานของคน คนนั้นจะมีวาสนา
    และการลงอักขร ท่านลง จะไขว้กัน ลดอักขร โยงมาข้างหน้าหลัง ข้างหลังก่อนสลับกันไปมา ผมเคยเรียนถามท่าน คาถาใช่แบบนี้หรือท่าน ท่านบอกสั้นๆแต่เข้าใจทันทีว่า
    แล้วมึงจะไปบอกเขาทำไม
    ท่านหวงน่ะแหละครับ ผมได้มาก็ไม่บอกใครเหมือนกัน หวงตามครูครับ
    วิชาสุดยอดของท่านวิชาสำคัญ คือ แม่พิมสวน หรือ พิมศวร ผมพูดคุย สืบทราบมาเท่าที่ทำได้ คนได้ของวิชาหรือวัตถุมงคล หรือ สัก แม่พิมสวน นี่นับคนได้ ท่านให้ยากมาก สำหรับผมไปกราบท่านมา ๕ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ที่หลวงพ่อทรงล่ะสังขาร ...... จนหลวงพ่ออั้บละ่สังขาร ในปี ๒๕๕๕ ยังมีแค่ คู่เดียว ที่ลงให้ชม
    วิชานี้หลักๆ ก็แม่พิมน่ะแหละเป็นพื้น เพราะเป็นวิชาพื้นฐานมั่นคงของท่านที่ เข้มขลังที่สุด สามารถเป็นพื่นฐานอันแข็งแกร่ง ลงเพิ่มให้อีกหลายวิชา ไม่ขัดอาคมกัน ไม่ขัดแม่ธาตุ แบบน้ำกับไฟ แต่ท่านแถมวิชาสวนกลับ กระดอนสะท้อนเข้าไป ปรุงธาตุจนเข้ากัน ตามวาสนาบารมีของท่าน เป็นแม่พิมสวน แรงมาก จนท่านให้ เฉพาะคนจริงๆมีน้อยมาก
    สาเหตุน่าจะมาจาก
    ๑ ทำยาก ต้องปรุงจิตที่มีญานสมาบัติของท่าน จนเข้าที่ ที่สุดแล้ว แล้วลงหลายอาคม จนต้องนิ่งและละเอียดมากพอ เหนื่อยน่ะครับ
    ๒ แรงมากจนคนได้ไป ถ้าทำตัวไม่ดี ทางเสน่ห์ อาจจะไป ละเมิดเขา หรือ เด่นทางคุ้มครองไปเป็น เสือไปเป็นโจร หรือ ชอบมีเรื่องมีราว ตีรันฟันแทง เพราะมีของดี แนวๆนั้น
    แม่พิมตนเดียวก็แรงแล้ว นี่มาสองตนสวนกัน คุ้มครองดูแลเราได้ทั้งหน้าและหลัง จะเด็ดไหมล่ะครับ
    เลยมีกันนับคนได้ และที่ได้ ก็คนล่ะชิ้น อย่าไปถามหาอีก ท่านจะเงียบเป็นอันว่าอด ผมไม่เคยได้แม่พิมสวนมาจากแหล่งที่มั่นใจได้เลย เขามีเขาคงหวงกัน อย่างอื่นเอาขายเอาแบ่งกันได้ แต่แม่พิมสวน ยาก
    แม่พิมสวนชิ้นนี้เป็น ไม้ตะเคียนทองจากต้นที่วัด ติดสวนทางกับแม่พิม เนื้อไม้กาหลงตายพราย ทำน้อยมาก เพราะมวลสารน้อย จะเล่าตรงๆ ว่าผมพอได้มาเอามา อธิษฐานบอกแม่พิม พอไปกราบเยี่ยมหลวงพ่อตามปกติ ที่ ร.พ. บางกอกคริสเตียนนครปฐม ที่สุดท้ายของท่าน ตอนนั้นผมมีหน้างานที่ราชบุรี ขากลับผมจะไปเยี่ยม ให้กำลังใจ ปรนนิบัติ ออกเงิน ตามกำลังเหมือนท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ทุกครั้ง ไม่ทิ้งท่าน
    ก็ไปพูดคุยกับท่าน ตอนนั้นท่านเจาะคอแล้ว พูดไม่ถนัดได้แต่ พยักหน้าและ ยิ้ม ผมเลยให้ท่านดูว่าเขาทำแม่พิมรุ่นนี้มาช้า มาไม่ทันหลวงพ่อตอนแข็งแรง ท่านหยิบไปดู ผมเลยรีบบอกว่า ผมติดมาเป็นแม่พิมสวน ระหว่างไม้ตะเคียนและไม้กาหลง ขอแม่พิมสวนผมไปใช้สักคู่ น่ะครับ ท่านหยิบดู แล้วกำในมือขวาเสกให้ จนท่านมั่นแล้วมอบให้ จัดว่าเป็นชิ้นสุดท้าย ที่ท่านทำให้ ชิ้นทิ้งทวน ลงให้สุดท้าย เพราะไม่กี่วันหลังจากนั่นท่านก็ทิ้งสังขารอันน่าเบื่อหน่ายสู่แดนเกษม ตามวาสนาบารมีของท่านที่บำเพ็ญไว้เยอะมากมายหลายสิบปี อาจจะหลายร้อยชาติด้วย
    หลวงพ่อท่านชอบคุยเรื่องวิชาต่างๆ เครื่องรางของขลังน่ะ เพราะจริตท่านชอบทางนี้ พอพูดคุยเรื่องนี้ตาท่านจะเป็นประกาย เรียกว่า ถูกเรื่อง การพูดคุยก็เพื่อให้ท่านผ่อนคลายจากการนอนติดเตียงทั้งวัน เราก็คุยไป ท่านก็พยักหน้าไป ประมาณนั้น ถ้าก่อนเจาะคอก็พูดโต้ตอบได้
    ป.ล. น้องสาวของท่านและหมู่ญาติ ดูแลท่านดีมาก ไม่ทิ้งท่านเลย อยู่กับท่านทุกวัน เรียกหาได้ ... จัดว่าท่านล่ะสังขารไปในหมู่ญาติที่คุ้นเคย ลูกหลานท่านน่ะครับ ไม่โดดเดี่ยว เดียวดายแต่อย่างใด
    เรื่องที่เขียนไว้ก่อน
    แม่พิมพา วัดท้องไทร ( ต่อ )
    ตกลงผมเล่าปูพื้นเรื่องไม้ตะเคียนทองไปแล้วน่ะครับ ท่อนใหญ่แกะ แม่พิมประจำวัด ท่อนเล็ก แกะ ตนเล็ก ถวายหลวงพ่อ แจกจ่ายกัน ผมไม่เคยเอาไปขายใคร แต่มีคนถามซื้อ จะมีใครนำไปขายต่อ หรือ แจมมา ตอนทำมีแน่ๆ แต่จำนวนไม่น่ามากเพราะเศษไม้ ที่ถากออกท่อนไม่ใหญ่มากมาย ตอไม้ตะเคียนตอนี้ เป็นตอเล็กๆแค่พอเเกะเเม่พิม พอดี เหมือนกับสั่งตัดไว้
    แล้วเศษๆที่แกะไม่ได้ล่ะ มีเยอะ ครับ ขนาดถุงปุ๋ย น่าจะสักประมาณสองถุงเต็ม ประมาณๆ ผมสั่งเก็บหมด และ ให้ช่างเอาไปบดด้วยเครื่องบดยา จ้างเขาบด ป่นเป็นแป้ง บอกว่าให้สร้างเป็นตนเล็กที่ช่างคุยมามีสูตรทำได้ สั่งมาเป็นปี
    ช่างเอาไปบดครับ และ โอ้เอ้ วิหารราย ( ผมจ่ายเงินน่ะครับ ไม่มีทำก่อน จ่ายทีหลัง ) ผมเตือนจนผมเองก็ลืม ไม่ได้ทำแม่พิม นานเป็นปี ( ตอนนี้แหละ น่าจะมีรั่วไหล ) จนหลวงพ่อท่านป่วยหนักล่ะครับ จนเข้าโรงพยาบาล ช่างมันคงช็อตเงินเลยทำขึ้นมา เอาพิมมาให้ผมดู ผมเห็นพิมพ์แล้วสวยงามเสียดายไม้ เลยสั่งทำจนหมดไม้ ตกลงแม่พิมนี่ทำทันตอนหลวงพ่อมีสังขารน่ะครับ แต่หลวงพ่อไม่ได้เสก หลังจากเสร็จแล้วครับ ผมไม่กล้ายกไปให้ท่านเสกในโรงพยาบาลหรอกครับ ยกไปก็บ้าแล้ว เอาแต่ตัวอย่างไปให้ท่านดู สองตน ตามรูป
    แต่ไม้เสกมาแล้ว และหลวงพ่อ ตามกำกับตลอด การแกะ จัดว่าเป็นของดี ผมเสียดายไม้ สั่งทำจนหมด ไม้จะได้ไม่อยู่ที่ช่างอีกต่อไป นึกโมโหช่างมันเหมือนกัน ถ้าขยันทำก่อนหน้าสักปี เอาไปเสก และ ถวายหลวงพ่อไปสักครึ่งที่เหลือ ผมเอามาแจกก็จะดีมาก แต่สายไปซ่ะแล้ว เป็นอุทาหรณ์ ท่านคิดจะทำอะไรรีบๆน่ะครับ มัจจุราชท่านมาแน่และเร็วครับ ไม่มีกาล ไม่บอกล่วงหน้า ไม่มีการต่อรองใดๆ
    และในขณะที่ช่างทำ มีการแจมน่ะครับ และ พอผมไปงานวัดท้องไทร หลวงพ่อยังไม่ล่ะสังขาร เขาเอา หลวงพ่อนั่งรถ พยาบาลมา เป็นงานวันเกิดหลวงพ่อ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๕๕ มีคนเอามาวางขายที่แผงหน้าวัด ทั้งพิมเล็ก พิมใหญ่ ราคาหลักพันขึ้นไป มาจากช่างเดียวกันนี่แหละครับ
    ในตู้ที่วัดก็มี ผมได้แต่ดู แต่ไม่ได้ซื้อไว้ ยืนยันว่ามีรั่วครับ แต่ไม่มีจารหลังคำว่ารวย
    จากรูป ผมเอาตัวอย่างไปให้ท่านดู มีเนื้อดำๆแดงๆ ทำจากไม้ตะเคียนล้วนๆ และ จากไม้กาหลงตายพราย ( มีอยู่หน่อย ) เอามาลองทำให้ท่านดู หลวงพ่อท่านหยิบดูแล้วเสกให้ผม ท่านยิ้มๆ น่าจะพอใจที่ทำให้ก่อนท่านล่ะแต่ตอนนั้นการสื่อสารยากแล้วครับ ได้แต่มองหน้ากัน เพราะเขาเจาะคอท่าน หลังงานวันเกิดท่านไม่นาน หลวงพ่อก็ล่ะสังขาร ในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๕๕
    ตกลงที่หลวงพ่อจับเสก มีที่ผมแค่สองตนน่ะครับ...แหะๆ สองตนนี้เอามารวมกัน ใส่กระเป๋าพกมือถือประจำอยู่ ใช้ดีครับ ตามสูตรแม่พิม ตำหรับวัดท้องไทร
    แม่พิม รุ่น รวย เนื้อไม้ตะเคียนทอง
    พิมพ์ ใหญ่ กลาง เล็ก ข้างหลังจารคำว่ารวย โดยพระครูมานิตย์ )









     
  12. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    พระขุนแผนจักรพรรดิ์ แช่น้ำมนต์
    พระชุดนี้สร้างแบบวิธีโบราณแท้ๆ หาคนทำแบบนี้ได้ยากแล้วน่ะครับ ขั้นตอนแทบจะทำด้วยมือล้วนๆ ทำแบบพิถีพิถันด้วยใจ เช่นการลบผงกว่าจะได้แต่ล่ะกระดาน ร่วม ๒ ชั่วโมง ลบกว่าจะได้ ๙๐ กระดาน ในพรรษา
    ปลุกเสกมาตลอด ๑ พรรษาแบบโบราณแท้ๆ ผสมด้วยผงวิเศษ ผงพุทธคุณอีกมากมายหลายสิบชนิด เช่น ผงชันเพชรผสมว่าน ๑๐๘ ของหลวงปู่พรหมา ตามรายการข้างล่าง และใช้ส่วนผสมโบราณพิธี ปูนเพชรบดละเอียด และกระดาษสาลงอาคม เป็นตัวตำผสมผสาน ทำให้เนื้อแกร่ง แช่น้ำมนต์ สองอาทิตย์เนื้อแกร่งไม่เปื่อยยุ่ย สบายมาก
    มวลสารหลักๆ
    ท่านพระครูมานิตย์ ลบผงมหาราชบนกระดาน ในพรรษา ๖๖ ประมาณ ๙๐ กระดาน ผง ๑ กระดานได้ประมาณ ครึ่งช้อนชา รวมกับผงที่ลบไว้ก่อน แล้วผสมมวลสารเป็นมวลสารที่เป็นมงคลล้วนๆ ไม่มีมวลสารโรงงานแบบปูนขาว มาปนน่ะครับ
    กระดาษสาลง ยันต์มหาราชประทับหลังยันต์ ปิโยใหญ่ เอาละลายน้ำ ผสมตำกับผง เป็นตัวประสานให้เนื้อพระเหนียวแน่นๆ
    ผงนะหน้าทองหลวงปู่บุญศรี ยันต์ครูของท่าน
    น้ำมันมหาราช
    มันว่าน108 ผสมผงลบมหาราช ( ตามรูป )
    กากยาว่าน 108
    ผงลบพระเจ้าเปล่งรัศมี
    ผงลบองค์พระ แก้วสารพัดนึก
    ผงโพธิ์นิพพาน
    ผงจินดามณีหลวงปู่อั๊บ
    ผงชันเพชรของอาจารย์อนันต์
    ผงจันทร์ที่ห้า
    ผงดอกไม้เสาร์ห้า
    ผงปิดตาปีสิบ
    ผงกรุพระวัดทอง บางระมาด
    ผงตะไบอาจารย์อนันต์
    ผงตะไบพระกริ่งพุทธนิมิต
    ผงร่วมสร้างพระวัดเงิน
    ผงตะไบชันโรงหลวงปู่ทรง
    ผงยอดรัก ยอดกาหลง ยอดสวาท เป็นต้น
    จำนวนการสร้าง
    ปั๊มยันต์มหาราชด้านหลัง แช่น้ำมันหอม 108 องค์
    ฝังตะกรุดสูนนิพพานแช่น้ำมันหอม 108 องค์
    ทาสีบอร์น108 องค์
    แช่น้ำมนต์ องคะปทุมบัวบาน และ น้ำมนต์เจ็ดขัน
    จำนวน ประมาณ 2000 องค์ ( สองบาตรพระ )
    บรวงสรวงพิมพ์พระ เริ่มกดวันที่ ๓ ตุลาคม ๖๖
    เสกในพรรษา ๖๖
    ผ่านพิธีเชิญครู ออกพรรษา และ ไหว้ครู จันทร์เพ็ญ ๒๕๖๖
    ส่วนผสม ใช้ ตัวสมานเป็นปูนเพชร บดละเอียด
    จุดประสงค์ให้เอาไว้แช่ทำน้ำมนต์ ลองแช่พระทั้งมดไว้ในตุ่ม ๒ สัปดาห์ ( ตามรูป )
    เนื้อทางทองบรอนซ์ และ ปิดทองไม่ได้แช่น้ำมนต์
    และมีต่างพิมพ์ขอบันทึกไว้ที่เดียวกัน
    พระจันทร์ลอย ๖๖
    คนล่ะพิมพ์ แต่เนื้อหาเดียวกัน พิธีเดียวกัน
    พิมพ์หน้าเป็นองค์ปทุมมาแกะด้วยมือ ด้านหลังเป็นยันต์ประจำตัวท่านพระครู คือยันต์มหาราช

     
  13. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    ส่งเลี่ยมเงิน ๑ องค์ ต้องจ่ายค่าพระก่อน เข้าบัญชีของพระ ผมจัดการเอาไปเลี่ยมให้ เสร็จแล้ว ถึงรู้ราคา ความเสี่ยงพระหายพระชำรุดอยู่ที่ผมเองน่ะครับ สำหรับ FC ผมบริการให้

     
  14. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    พระกริ่งวิสาขาห์ ๔๙ ก้นเงิน หลวงพ่อทรง วัดมอญ
    ประวัติถ้าท่านที่มาใหม่ สนใจอยากทราบเรื่อง จะดึงลิ้งมาให้น่ะครับ
    แต่องค์นี้เก็บไว้จนลืม ใส่ถุงแก้วไว้ คัดสวยมา พอมาเจออีกที ผิวมะระกลับไปทั้งองค์ ผิวสวยมาก แบบไม่ได้ทำอะไรเลย ปล่อยไปเรื่อยๆ นี่เกือบ ๒๐ ปีแล้ว ถ้าปล่อยอีกสัก ยี่สิบปี น่าจะกลับดำ เป็นหมึก ไม่ต้องเร่งปฏิกิริยาด้วยเหงื่อ หรือ ปล่อยผิวหิ้งน่ะครับ ปล่อยให้ดำในถุง ผิวสะอาดดี






     
  15. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    ท่านที่เข้ามาแล้วมีคำถาม เพราะเรื่องของหลวงพ่อทรง และลป บุญศรีเขียนไว้หลายปีแล้วในพลังจิต รุปภาพที่ถ่ายอาจจะถูกลบไป มีช่องทางติดตามได้อีกคือใน FB

    https://www.facebook.com/profile.php?id=61550016775143

    มีปัญหาเกี่ยวกับพระเครื่องเครื่องรางของ หลวงปู่พระครูบุญศรีก็สามารถถามได้ ผมจะตอบเท่าที่มีความรู้น่ะครับ

     
  16. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    รูปร่างหน้าตา พระรอดนี้แหละครับแต่ทรงพระคง ขนาด โตกว่าพระรอด เล็กกว่าพระคง หุ่นแบบพระคง ล่ำ แขนหักศอก แต่มีเศียรคล้ายๆพระรอด .... แบบเรียกว่าพิมพ์กลางระหว่าง พระรอดและพระคง
    เนื้อดินเผาละเอียด อายุการสร้าง ยุคเดียวกับพระรอด,พระคง,พระเปิม
    พระรอดหลวง วัดมหาวัน ลำพูน เป็นพระกรุเดียวกับพระรอดลำพูน กรุวัดมหาวัน จะมีขนาดเล็กกว่าพระคง และใหญ่กว่าพระรอดเล็กน้อย
    พุทธลักษณะพิมพ์ทรงคล้ายไปทางพระคง การหักศอก และลักษณะใบโพธิ์แบบมีก้านก็เหมือนพระคง แต่ไม่ปรากฏชัด จะมีก็เพียงส่วนพระเกศเท่านั้นที่มีลักษณะเช่นเดียวกับพระรอด
    ผมโตมากับพระกรุ แต่ไม่เล่นพระกรุด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่เมื่อเด็กๆ เจอพระกรุเยอะ โดยเฉพาะพระอยุธยา
    แต่ ตลอดทางมา มันก็ต้องมีเก็บไว้บ้าง เป็นของบรรพบุรุษ ถ้าชอบ






     
  17. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    ถ้ามีพระอื่นนอกจาก พระของ ลพ ทรง ลพ อั้บ หลวงปู่พระครูบุญศรี ก็เป็นนานาสาระน่ะครับ ดูฟรี โชว์ฟรีครับ
     
  18. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    เหรียญพระเจ้ากรุงธนบุรี ( ตากสินมหาราช )
    วัดเลียบราษฎรบำรุง ๒๕๒๒ เนื้อเงิน
    หลวงพ่อสร้อย และ หลวงปู่สรวงปลุกเสก ( อาจารย์ของท่าน มาเองที่วัดหลายครั้งใกล้ๆบ้านผมเอง ท่านรู้ของท่าน สั่งคนขับรถมาถูก ) ผ่านการอธิษฐานจิตหลายวาระ โดยองค์หลวงปู่สรวงซึ่งบางท่านเรียกว่า เทวดาเล่นดินหรือผู้วิเศษแห่งภูตะแบง และหลวงพ่อสร้อย พระผู้ทรงอภิญญา วัดเลียบราษฎร์บำรุง ปัจจุบันมรณภาพแล้ว สังขารไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้ว ปิดทองทั้งองค์
    ท่านเป็นศิษย์และเป็นหลานหลวงปู่สรวงงผมพยามล้างเหรียญนี้ให้ใสๆมาเดือนนึงแล้ว แบบไม่ขัดด้วยแปรงสีฟันและ หรือเครื่อง ไม่สำเร็จ
    เจตนาจะอาไว้บูชาเอาไปเลี่ยมทอง
    พยายามล้างคราบสีน้ำตาลที่ติดแน่น ๆมาหลายวิธีที่ทราบ ขนาดใช้น้ำยาล้างเงินด้วย ปกติไม่ใช้ ก็ไม่สำเร็จ คราบน้ำตาลน่าจะเป็น พวกสารยาขัดหลงเหลือ ตอนเขาทำเหรียญมา ทิ้งไว้ สี่สิบกว่าปี ติดแน่นมาก ตอนนี้ สั่งน้ำยาล้างรถเลย ล้างคราบ และสนิมโครเมี่ยม ลองดู
    ท่านใดมีวิธี ถ้าไม่ทำให้ผิวเสีย ยินดี น้อมรับฟังครับ








     
  19. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    https://www.facebook.com/groups/264260241141104

    ชมเรื่องราว หลวงพ่อทรง วัดมอญ ๆด้ใน FB น่ะครับ เพราะบางชนิดถ่ายรูปใหม่ชัดๆขึ้น
     
  20. พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,267
    อยู่ที่จิตตัวเดียว
    หน้า ๓๐ เว็บเหรียญบินฯ พลังจิต

    ถามจากทางบ้าน
    อยากไปดูตอนหลวงพ่อทรงเสกน่ะครับ เห็นอะไรเกิดขึ้นบ้าง
    อยากรู้มากๆ ถ้าออกอากาศไม่ได้ขอหลังไมค์นะครับ

    ตอบ
    จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ ข้อความนี้อ่านมาเมื่อวานแล้วน่ะครับ แต่ไม่ได้ตอบ ลองคิดๆดูก่อนว่าผมจะออกแนวไหนดีครับ ถึงจะไม่เว่อร์เกินไป แต่ผมต้องปูเรื่องนิด ให้พวกท่านได้ทราบอรรถรสอันเป็นพื้นฐานของผู้ถูกเล่านิดหน่อย และนี่เป็นการเล่าของผมแต่เพียงผู้เดียว เป็นการเห็นส่วนตัวที่คลุกคลีมา ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัว พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูบุญศรี และ หลวงพ่อทรง หรือ เฮีย ก หรือ ป๋าแต่อย่างใด ผมรับผิดชอบในการเล่านี้แต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้รู้ท่านใด ฟังแล้ว ไม่เข้าท่า ให้ปรามาสผมที่นำมาเล่า กรรมตกแก่ผมผู้เดียว และคนปรามาส หรือ ผมมาโม้แต่เพียงผู้เดียวน่ะครับ คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง จัดว่าผมนี่ติดสมมุติแบบขี้โม้มากๆ

    เฮีย ก ที่ผมเรียก หรืออีกฉายาคือ ป๋า อันนี้เป็นฉายาที่หมู่ลูกศิษย์ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูบุญศรี ทราบดีว่าหมายถึงใครเพราะมีท่านเดียว ป๋าเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนมีน้ำใจ ต่อเหล่าน้อง ๆ ไหว้วานได้ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ถ้าป๋ารู้หรือใครไปบอก ป๋าจะมาทันที ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ และช่วยเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับพวก กำลังภายใน เพราะป๋าฝึกเข้มมาแบบนี้แนวมโนมยิทธิระดับเป็นอาจารย์สอน เป็นแบบที่ป๋าถนัดมาก

    สมัยที่หลวงปู่พระครูบุญศรียังมีสังขารอยู่ พวกเราไปหาท่านบ่อยทุกอาทิตย์และมีของไปให้ท่านเสกประจำทุกครั้ง หลังจากว่างๆจากการสร้างแพโบถส์น้ำหรือการงาน พวกเราก็จะนั่งสนทนากันตรงหน้าหลวงปู่ บางทีถ้ากลุ่มไม่ใหญ่และพวกๆกัน ไม่มีคนแปลกหน้ามาแจม การคุยก็จะกันเองมากขึ้น การสนทนาก็จะลึกหน่อย ในแนวปฏิบัติทางจิต แต่จะออกแนว อิทธิฤทธิ์ๆ ตามรสนิยมของกลุ่ม หลวงปู่ท่านก็จะนั่งเป็นประธาน ท่านจะฟังซ่ะมากและชอบฟังมากกว่าพูด ท่านจะพูดน้อย และนิ่ง ตามแบบฉบับของท่าน ฟังแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มั่ง นั่งเฉยๆซ่ะมาก แล้วบางทีเราก็ถามปัญหาท่าน ท่านก็จะตอบมั่ง แบบร่วมด้วยแต่สงวนท่าที ตามนิสัยของท่าน
    แต่ท่านก็นั่งเป็นประธานในกลุ่ม ไม่มีท่าทีเบื่อๆพวกเราแต่อย่างใด เพราะเราทราบดีว่า ท่านเอ็นดูพวกเราเหมือนเป็นลูกเป็นหลานของท่าน และเพราะความเมตตาของท่าน มีมาก เกินพิกัดเหมือนกับหลวงพ่อทรง

    วันนั้นเราคุยกันกลุ่มไม่ใหญ่ประมาณ สามสี่คน หน้าเก่าๆ คุยกันไป ชักจะลึก ถามไปหลวงปู่ท่านก็ตอบ ก็คุยๆกันไป จู่ๆ ป๋าก็วกไปถามหลวงปู่ว่า หลวงตาผมอยากเหาะได้ ( หลวงตาเป็นคำเรียกของลูกศิษย์ ถ้าเรียกก็จะทราบว่าใคร แต่ผมไม่เคยเรียกหลวงตา ใช้หลวงปู่มาตลอด ส่วนเรื่องการเหาะ อาจจะมีอิทธิพลแนวคิดมาจาก คุณยาย แม่ชีประทุม ซึ่งได้อภิญญาสมาบัติ และมีอีกฉายาว่า แม่ชีเหาะได้ ) เพราะมีคำร่ำลือกันว่า มีคนเห็นทางเหาะไปในอากาศอันนี้เห็นกันบ่อยแถวหนองสาหร่าย และคุณยายแม่ชีประทุมท่านนี้เก่งมากด้านอภิญญา พวกเพื่อนของผมที่ทันท่านเจอมาหลายแบบ และท่านก็เป็นลูกศิษย์คนสำคัญของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง และหลวงปู่พระครูบุญศรี ) มาเรียนกับหลวงตาได้ไหม ท่านตอบว่า มาสิ สั้นๆ

    ผมฟังแล้วไม่เชื่อหู นึกว่าท่านพูดเล่น หันไปมองท่านทันที ท่านนั่งนิ่งอยู่ และไม่มีท่าทีพูดเล่นแต่อย่างใด และโปรดทราบว่า หลวงปู่บุญศรีเป็นคนสติดีมาก ไม่ใช่คนพูดเล่นๆ แต่เป็นคนพูดน้อย ไม่พูดไปเรื่อย และไม่ชอบเทศ

    แต่ตกลงป๋าไม่ได้ไปเรียน ด้วยสาเหตุส่วนตัว และเพราะลูกยังเล็ก ( ภรรยาท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว ) และบทสรุปของการสนทนาวันนั้น หลวงปู่ท่านบอกว่า อยู่ที่จิตตัวเดียว

    เรื่องแบบนี้ ทำนองนี้มีหลายครั้งในระยะเวลาหลายปีที่ผมไปกราบท่าน แต่ผมไม่เคยเห็นหลวงปู่ท่านเหาะ หรือหายตัวให้ดู แต่ถ้าถามแบบทำนองนี้มีอยู่ครั้ง และถ้าแบบแปลกๆน่ะมีหลายครั้ง และถ้าถามผม ผมตอบแบบมั่นใจเลยว่า ท่านทำได้แบบสบายๆ หวานหมู ( อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมน่ะครับ ) เล่าแล้วจะยาวออกไปอีก หลวงปู่ท่านจะเป็นพระแนว ฉฬภิญโญ หรือ ปฏิสัมภิทัปปัตโต และ เป็นแบบพิเศษ ด้วยที่มีอภิญญาแก่กล้า การปลุกเสกของๆท่านบางที แค่เอามือตบๆเบาบนกองวัตถุมงคล หรือ กำจับมาส่ง แล้วส่งเสียงแค่ " อึ " แบบอัดพลังเท่านั้น แต่คนที่ได้ไปเจอแบบจังๆก็มี เมื่อถึงเวลามาผมจะมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ

    แต่ก็พอจะทราบแนว การคิด การปฏิบัติของ เฮีย ก หรือ ป๋าได้ ว่าชอบแบบไหน มีรสนิยมแนวไหน เพราะถ้าเป็นธรรมะล้วนๆ ก็จะไม่ใช่แนวลูกศิษย์วัดใหม่ฯ ไม่ใช่ไม่ชอบหรือไม่ทำ แต่ชอบแนวมีฤทธิ์ครับ หลวงปู่เองท่านก็เป็นพระไม่ค่อยเทศ ไม่ค่อยพูด แต่จะปฏิบัติเลยตามกิจวัตรของท่านด้านอสุภกรรมฐาน ท่านชอบมาก สมัยใหม่หาศพยาก ท่านจะดูหนังสือเอา พวก ๑๙๑ หรือ อาชญากรรม ผมชอบซื้อไปถวายท่าน ผมเคยแอบดู เพราะสงสัยท่านดูอะไร
    ท่านจะมองรูปภาพ ศพเน่าๆอืดเฟะ หรือ เลือดอาบเต็มตัว เหอวะหวะได้เป็นนานๆ แบบชอบพินิจพิจารณา เพลิดเพลิน เหมือนเราดูรูปหนังสือประโลมโลก คุณแม่ผมท่านเคยไปกราบเรียนถามท่านว่า หลวงปู่ สอนกรรมฐานไหมค่ะ ( แม่ผมทำมานาน ตั้งแต่ยุคท่านพ่อลีก่อนผมเกิด ผมเกิดมาได้ ๕ - ๖ ปีท่านพ่อจึงล่ะสังขาร )
    หลวงปู่ท่านโบกมือไล่ไปเลย บอกให้ไปเรียนที่วัดท่าซุง ( แบบพื้นฐาน แน่นแล้วมาต่อภาค advance กับท่าน จะมีพระ และฆราวาสแบบแปลกๆ บางทีหิ้วกลด มาหาหลวงปู่บ่อยๆ คงมาเรียนภาค advance ฆราวาสมาเรียนวิธีเสกพระเครื่องก็มี ) ส่วนพระสงฆ์จะเรียนไปทำอะไร หลวงปู่ไม่เคยเล่า และอันนี้ผมเล่าเอง เพราะใกล้ชิด เคยเห็นหลายท่าน

    ตัดตอนมาที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง ตอนผมไปบอกป๋าว่า ผมไปเจอพระองค์ คล้ายๆ หลวงตาของเรา แต่อยู่วัดบ้านคนเยอะหน่อย ป๋าไปกับผมหน่อยซิ ไปQC ให้ผมหน่อย ..... ป๋าก็มากับผมทันที

    ก่อนมาพบหลวงพ่อตอนนั่งมาในรถ ผมเอาตะกรุดดวง ดอกบัวบาน ที่หลวงพ่อลง ควักให้ป๋าดูก่อน ป๋ากำหนดจิตดูแล้วบอกว่า ตะกรุดนี้มีรังสีครบเจ็ดสี มีเทพยดาคุ้มอยู่ หายากมากที่จะพบครบเจ็ดดี ส่วนใหญ่จะมีไม่ครบหรือแค่มีสีออกมาบางสี ที่ครบป๋าจะเจอ มีไม่กี่องค์ เช่นของพระเดชพระคุณท่านผู้มีบุญ วัดท่าซุง อันนี้สุดๆ และของหลวงปู่พระครูบุญศรี และท่านอื่นๆ เท่าที่ผมพอจำได้บ้าง เป็นพระเก่าในกรุบ้าง หรือเป็นพระใหม่ๆที่ จอมคน ของเราไปเป็นประธานหรือมีผงของท่านอยู่บ้าง แต่ผมมีบุญได้ไปพบและได้สัมผัสบ้างแค่สองท่านคือ หลวงพ่อวัดท่าซุง และหลวงปู่วัดใหม่ฯ ส่วนเรื่องแสง เจ็ดสีนี่ผมก็ได้ยินจากท่านอื่น ไม่เจอด้วยตัวเอง จึงไม่ขอเล่า

    ตอน ป๋าและผม มาพบหลวงพ่อทรง หลังจากปฏิสันถารกันพอสมควร ประเภทอยู่ไหน ทำอะไรแล้ว เราก็นั่งสนทนากัน แต่ป๋าวันนั้นหลังจากดูตะกรุดแล้ว จะออกแนวคุยแปลกๆ เพราะจะชวนคุยเรื่องลึกๆไปเลย แนวมีฤทธิ์สักหน่อย เช่นการเห็นนั่นเห็นนี่ พระพรหมหน้าวัด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ เทวดาประจำวัด และถามหลวงพ่อหลายอย่าง ท่าทางหลวงพ่อค่อนข้างสงวนท่าที เพราะยังไม่รู้จัก เฮีย ก ดี และผมตอนนั้นก็ยังพึ่งไปใหม่ๆ ท่านก็ตอบบ้าง เฉยซ่ะบ้าง เรานั่งคุยกันนานพอสมควร วันนั้น หลวงพ่อทรง ท่านสรุปว่า ของอะไรก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่จิตตัวเดียว

    ก่อนกลับ ผมเอาของในกระเป๋าใบเก่ง มาขอให้หลวงพ่อทรงเมตตาเสกให้ ( ด้วยเจตนา ) และพอเสร็จก่อนกลับ ป๋าถามหลวงพ่อทรงว่า หลวงพ่อรับลูกศิษย์หรือปล่าว ผมจำได้ว่า หลวงพ่อนั่งเฉยๆและยิ้มๆ สไตล์ ลูกทุ่ง วิเศษชัยชาญ มีของดี แต่ไม่คุยโม้ มีผลงานมาตั้งแต่ก่อน กรุงแตก

    ตอนกลับขณะนั่งในรถ ผมถามป๋าว่าป๋า เห็นอะไรบ้างตอนท่านเสกของ ป๋าบอกว่าจิตหลวงพ่อท่านนิ่งมากเลยแบบนิ่งเป๊ะ หายากมาก จะมีรังสี สีขาวสว่างมากพุ่งไปคลุมของที่ท่านเพ่ง อันนี้จากตาในของป๋า ที่พบมาถ้าเป็นสีขาวนี้ จะเป็นแนวอิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อจะเป็นพระแนวอิทธิฤทธิ์อภิญญานี้แน่นอน และนอกนั้น ยังมี สีรุ้งเป็นประกายออกมาเจ็ดสี รังสี สีรุ้งนี้ท่านอธิษฐานแถมมา จะเป็นรังสี เพื่อเอื้อเฟื้อให้แก่ ผู้ที่มาขอท่านปลุกเสก อธิษฐานเอา ว่าต้องการอะไร จะสำเร็จไปตามนั้น (ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับกรรมที่เป็นฐานของตัวท่านด้วย ) ลักษณะนี้เป็นการอธิษฐานจิตของพระผู้พ้นโลก

    พอผมทราบตามนั้น หูผึ่ง เพระาเอียโก นี่ระดับ ๕ ดาว .. ผมก็มาหาหลวงพ่อบ่อยยิ่งขึ้น และทุกครั้งที่ท่านเมตตาเสกของให้ ผมจะกำหนดจิตอธิษฐานขอตาม( กิเลสของผม ) โดยขอ " เกาะโหน " จิตหลวงพ่อเป็นสื่อ เท่าที่ผมมีกำลังทำได้เพราะเครื่องรับและส่งเรามันแย่ ซึ่งคงเป็นหลายร้อยครั้งที่ผมไปหาท่าน ผมไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ แม้กระทั่งนายหมีที่ไปด้วยกัน หรือ ลูกเมีย เพราะเป็นปัจจัตตัง จนกระทั่งวันนี้ และเพราะหลวงพ่อไม่มีสังขารอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถไปรบกวนท่านให้เหนื่อยได้อีกแล้ว

    เพราะหลังท่านเสีย ผมไปถามป๋า ว่าหลวงพ่อท่านไปไหนน่ะป๋า ( คนที่เสียที่ผมรู้จักถ้าสงสัย ผมจะไปถามป๋าทุกคน ) ป๋าดูแล้วตอบว่า ท่านอยากจะไปที่ไหน ท่านก็ไปถึงที่สุด ที่นั่นหละ ( เพราะจิตท่านดี สติท่านดี และบริสุทธิ์ ) จะเป็นที่ไหน พวกท่านไปเดากันเอาน่ะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่อง "ถ้า" อีกเรื่องหนึ่งของผม ผมแค่มาสมมุติ เล่าเรื่อง "ถ้า" ให้ท่านฟัง และถ้าท่านฟังแล้วกรุณาอย่าคิดไปไกลน่ะครับ เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตัวใครตัวมันครับ

    ตอนนี้หลวงพ่อไม่มีสังขารแล้ว ถ้าใครอยากจะอธิษฐานบ้าง ก็คงต้องไปวัดมอญ หน้าศพท่าน หรือ อธิษฐานเอากับ วัตถุมงคลของท่าน และต้องเป็นชิ้นที่ผ่านมือหลวงพ่อมาน่ะครับ พวกของเสริม ของแถม ของไม่ผ่านมือหลวงพ่อน่ะ อันนี้ไม่แน่ใจน่ะครับ น่าจะขึ้นอยู่กับกรรมของผู้ที่ไปซื้อมาใช้ ก็ถือว่าใช้กรรมเขาน่ะครับ คืนเงินเขาไป

    ขอกลับมาที่ วลีที่ว่า อยู่ที่จิตตัวเดียว ที่ท่านพูดเหมือนกันทั้งสองท่าน

    วลีอันนี้จริงแท้แน่นอน ถ้าจิตดี ทำอะไรก็สำเร็จ จะไปไหนมาไหนก็ได้เมื่อถึงเวลาจำเป็น คนจิตดี สติดี ส่วนใหญ่จะมีบุญเก่าดี มีบารมีสะสมมาเยอะ แต่แม้ถ้าบุญเก่ามีไม่มาก แต่ถ้าฝึกมามากจนจิตดี สติดี ก็จะไปไหนก็ได้น่ะครับ เพราะจิตมีกำลัง จิตคือตัวกำหนดครับ

    คนจะจิตดี จิตบริสุทธิ์ได้ ต้องพื้นฐานดี ศีลดี วินัยดี มีสัจจะ เคร่งครัดปฏิบัติดี พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่พูดมั่วไป มั่วมา ส่วนมากจะพูดน้อย ยกเว้นเวลาเทศธรรมะ ภาษาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นเวลานี้ล่ะก็ จะพูดเป็นต่อยหอยเชียว พูดมาเป็นชุด มาเป็นชั่วโมงๆ บางทีเราแอบหลับไปแล้ว ตื่นมา ท่านยังเทศอยู่เลย .....แหะๆ อายจัง

    ท่านที่ปลุกเสกพระได้ขลังด้วยการเชิญ พระพุทธเจ้าในอดีต ครูบาอาจารย์มา พรหม เทพเทวา มาทุกชั้นฟ้ามาร่วมอธิษฐานจิต ถ้าจิตดี พวกท่านมาครับ เพราะจิตที่เป็นสื่อดี แต่ถ้าจิตไม่ดีบ้าง อาจจะมาบ้าง หรือไม่มาบ้าง ถ้าจิตไม่ดีไปเลย ( พวกเจตนาอาจจะไม่ดี หาเงินเข้ากระเป๋า ) พวกท่านก็อาจจะไม่มาเลยครับ ให้เชิญแทบตาย อ่านกี่โองการ บวงสรวงด้วยของอันประณีตก็ตาม แต่พวก เทพ เทวดา ท่านเหม็นครับ พวกท่านไม่มาหรอก ที่มาอาจจะเป็นพวก ยักษ์ ภูติผี ปีศาจ สัมภเวสีมาแทน เพราะอยากได้ อามิส อยากกินเครื่องเซ่น พวกนี้ บางประเภท จะมีอิทธิฤทธิ์ แสดงอภินิหารออกได้พอตัวเหมือนกัน

    อันนี้ถึงเป็นสาเหตุว่า การปลุกเสกต่างๆแม้จะอัญเชิญเหมือนกัน เจ้าพิธีเดียวกัน แต่ทำไมขลังไม่เหมือนกัน เพราะมันอยู่ที่จิตคนเสกครับ ไม่ได้อยู่ที่พิธีการครับ ผมถึงไม่อยากเก็บพระหรือเครื่องลางแบบมั่วๆ แต่เลือกเอาที่มีประสบการณ์ชัดเจน ต่อให้พิธีใหญ่แค่ไหน ถ้าจิตไม่ถึงเพราะวุ่นวาย จิตโลภโมโทสันอันไม่บริสุทธิ์ ของก็ออกมาดียากครับ สู้พระที่นำไปให้พระที่ทรงคุณ เป่าให้ปู็ดเดียวก็ไม่ได้ เพราะจิตท่านดี อยู่ที่จิตตัวเดียว ไม่ได้อยู่ที่มวลสาร ของอาถรรพ์ที่ผสมใดๆ หรือฤกษ์ยามใดๆ แต่อยู่ที่จิตตัวเดียวอันวิสุทธิ์เป็นตัวกำหนดครับ


    สังเกตุว่าของๆพระเดชพระคุณ ท่านผู้มีบุญ วัดท่าซุง ของๆท่านจะเป็นของโหล สั่งทำจากร้านแถวเสาชิงช้าก็มีทำมาเป็น แสนๆ หมื่นๆองค์ วัดส่งผงมาให้กระป๋องเดียว ( อันนี้ศิษย์รุ่นเก่าจริงๆบอก ยังมีตัวตนอยู่ หนังสือน่ะมาเขียนทีหลังครับ ) นอกนั้นเป็น ผงของโรงงานทั้งนั้น อะไรบ้างก็ไม่รู้แต่คงเป็นปูนราคาถูกซ่ะส่วนใหญ่ พวกแป้งมันสำปะหลัง กาวน้ำ เพราะทำเยอะ และเพราะไม่ได้เน้นมวลสาร แต่อยู่ที่จิตท่านถึง ของจึงขลังสุดๆ หลังๆใครทำมาอีกด้วยวิธีเดียวกัน รับประกันได้ว่า ไม่มีทางเหมือนของหลวงพ่อวัดท่าซุง ห่างกันไกล เพราะจิตไม่มีทางวิสุทธิ์ เท่าหลวงพ่อวัดท่าซุงได้ครับ เพราะฉนั้นมันไม่ได้อยู่ที่พิธี สถานที่ มวลสาร ฤกษ์ยาม พิธีรี ตรอง บทสวด คาถา พวกนี้แค่ส่วนประกอบครับ ที่จริงๆ แน่นอน มันต้องอยู่ที่จิตคนเสกครับ

    วกกลับมาที่ของหลวงพ่อทรงนิดเดียวก่อนจบ หลวงพ่อทรงท่านปลุกเสกของก็ใช้จิตครับ ไม่ได้เน้นใช้เวทมนต์คาถา ฉนั้นท่านถึงไม่มีต้องพิธีรีตรองมาก เพราะจิตท่านถึงครับ ท่านไปไกลมากๆแล้วครับ ของที่ท่านทำให้ ก็แค่ของเล่น หรือ ของฝากแทนตัวท่านเป็นที่ระลึกแก่ลูกหลานครับ
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2008




     

แชร์หน้านี้